อังคณา นึกชัยภูมิ

ด.ญ.อังคณา ฤทธิกำลัง ระลึกชาติได้

เรื่องโดย : พระมหา ดร. สุเทพ อกิญฺจโน

(วัดสมานราษร์ อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี)

ได้รับฟังเรื่องว่ามีคนระลึกชาติได้ที่ อำเภอภูเขียวจังหวัดชัยภูมิ จาก คุณสุธีระ สุพีรพงศ์ เป็นเรื่องของพลทหารที่ถูกทำร้ายร่างกายเสียชีวิต หลังจากเสียชีวิตแล้ว ๑ เดือน “กลับมาเกิด” เป็นลูกของพี่สาว จึงได้เดินทางร่วมกันไปสัมภาษณ์ ถ่ายรูป และฟังเรื่องราวต่างๆ จากครอบครัวของ ด.ญ.อังคณา และจากครอบครัวในอดีตชาติ

โดยเริ่มจากการสัมภาษณ์ นางเขียว นึกชัยภูมิ ผู้เป็นแม่ในอดีตชาติก่อน ซึ่งนางเขียวได้เริ่มเล่าเรื่องให้ฟังถึงลูกชายที่ชื่อ “เหรียญชัย” กลับชาติมาเกิด ดังนี้ นายถัด นางเขียว นามสกุล นึกชัยภูมิ ได้แต่งงานอยู่กินครองเรือนสร้างฐานะ เรียกว่า เป็นผู้มีฐานะมั่นคงครอบครัวหนึ่ง ที่บ้านดอนจำปา จังหวัดชัยภูมิ อาชีพหลักคือ ทำนาและค้าขายบ้าง ครอบครัวนี้มีผู้สืบทายาททั้งหมด ๖ คน ในจำนวน ๖ คนนั้น ลูกคนที่ ๔ เป็นชายชื่อ “ เหรียญชัย นึกชัยภูมิ ” เขามีพี่ ๓ คน มีน้อง ๒ คน เด็กชายเหรียญชัย นึกชัยภูมิ เป็นเด็กฉลาด และรูปร่างหน้าตาดี เป็นที่รักของพ่อแม่และพี่น้องมาก เมื่อ “ เหรียญชัย” โตเจริญวัยเป็นหนุ่มรุ่นก็ช่วยพ่อแม่ทำงาน ขยันหมั่นเพียร ช่วยทำนา ค้าขายประกอบอาชีพโดยสุจริต ช่วยทำงานตลอดจนอายุครบ ๒๑ ปี ก็ถูกเลือกไปเป็นทหารเกณฑ์ โดยไปอยู่ที่จังหวัดนครราชสีมา พลทหารเหรียญชัย เป็นทหารรูปหล่อ เป็นที่ต้องตาต้องใจของผู้พบเห็นอย่างมาก โดยเฉพาะบรรดาสาวสาว สาวรุ่น สาวแก่ แม่ม่าย ก็แอบชอบแอบรักกันหลายคน พลทหารเหรียญชัย มีแฟนสาวหลายคน และมีอยู่คนหนึ่งที่พลทหารเหรียญชัย ถูกอกถูกใจ จนหลงรักหล่อน มีคำมั่นสัญญาว่า เมื่อออกจากรับราชการทหารแล้ว จะแต่งงานอยู่กินด้วยกันอย่างสามีภรรยา จะกลับไปประกอบอาชีพที่บ้านเกิด ทำนาเพื่อช่วยพ่อแม่ต่อไป

“ อนิจจา ” ความไม่เที่ยงแท้แน่นอนในโลกนี้ ย่อมเกิดขึ้นอยู่ทุกเวลา ย่อมครอบงำสัตว์โลก ผู้ท่องเที่ยวอยู่ในสังสารวัฎ ย่อมเกิดขึ้นได้ทุกเวลา นั้นคือ วันที่ ๒๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๑๖ เวลาเช้ามีคนพบศพ พลทหารเหรียญัย นอนเสียชีวิต อยู่ที่ทางรถไฟสายโคราช - ชัยภูมิ โดยถูกฆ่าเสียชีวิตมาจากที่อื่นแล้วนำศพมาทั้งไว้ เป็นการอำพรางคดี เสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า ๕ ชั่วโมง นายถัด นายเขียว นึกชัยภูมิ และญาติพี่น้องได้รับข่าวจากการเสียชีวิตของ พลทหารเหรียญชัย ทุกคนเสียใจเศร้าโศกกับการจากไป สำหรับการเสียชีวิตของพลทหารเหรียญชัย เจ้าหน้าที่ลงความเห็นว่า ถูกทำร้ายด้วยของแข็งทางด้านศีรษะ และถูกแทงซ้ำที่ต้นคอด้านหลัง จนเสียชีวิต และนำศพมาทิ้งเพื่อจะให้รถไฟทับเป็นการอำพรางคดี แต่มีคนไปพบศพเสียก่อนที่รถไฟจะมาถึง หลังจากการตายของพลทหารเหรียญชัย พ่อแม่และญาติพี่น้อง ได้ทำบุญอุทิศกุศลครบ ๗ วันไปให้ ตามประเพณีของชาวพุทธไทยหลังจากนั้น ๑ คืน นางเขียวผู้เป็นแม่ของพลทหารเหรียญชัยได้นอนหลับฝันว่า ลูกชายได้มาหา และขอกลับมาเกิดเป็นลูกแม่อีกครั้ง ในความฝันนางเขียวเล่าว่าเห็นลูกชายแล้วสาสารมาก เพราะไม่มีเสื้อผ้าใส่ ตัวล่อนจ้อน ยืนร้องไห้น้ำตานองหน้า เนื้อตัวมอมแมม มีแผลอยู่เต็มตัว เลือดไหลออกจากแผลที่คอตลอดเวลา

นางเขียว จึงอุ้มลูกมาที่บ้านดอนจำปา เมื่อมาถึงบ้านได้ พบกับนางหนูมัด ซึ่งเป็นลูกสาวของนางเอง นางบอกว่าจะให้น้องมาเกิดด้วย แล้วก็ส่งลูกให้นางหนูมัดไป

ในคืนเดียวกัน นางหนูมัด นอนหลับก็ฝันว่า แม่เขียวได้อุ้มเด็กผู้ชายมาที่บ้าน จะให้มาเกิดกับนาง นางหนูมัดบอกว่าไม่อยากได้ เพราะเด็กมีแผลที่อวัยวะเพศ และเมื่อตื่นนอนเวลาเช้านางหนูมัด ก็เล่าความฝันคืนที่ผ่านมาให้แม่เขียวฟัง เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจ ว่าทั้งแม่เขียว และนางหนูมัด ฝันตรงกันเรื่องเดียวกัน ความฝันติดตาคล้ายกับเรื่องจริง ทั้งสองจึงคิดว่า อาจจะเป็นเพราะมีความผูกพัน คิดถึงผู้ตายจากไปก็เป็นไปได้ จึงเก็บมาฝันตรงกัน

แต่แล้วนางหนูมัด ก็ต้องคิดทบทวนความฝันของตนอีกครั้ง เมื่อเธอรู้สึกว่าได้ตั้งท้องในเดือนต่อมา ขณะที่เธอตั้งท้องทุกคืนเมื่อนอนหลับจะฝันถึงน้องชาย คือ “ เหรียญชัย ” เกือบแทบทุกคืน เมื่อครบ ๑๐ เดือนคือ เดือนเมษายน พ.ศ. ๒๕๑๗ นางหนูมัด ก็ครบกำหนดคลอดลูก เป็นคนที่ ๔ ของครอบครัวเป็นเด็กผู้หญิงหน้าตามีส่วนคล้าย “ เหรียญชัย ” นายถนอม ฤทิธิ์กำลัง ผู้เป็นพ่อ ก็ตั้งชื่อให้ลูกหญิงของตนว่า “ เด็กหญิง อังคณา ( ตุ่ม) ” เพราะรูปร่างหน้าตา อ้วนท้วนสมบูรณ์น่ารักมาก

เมื่อน้องชายของนายถนอม ผู้เป็นอาของเด็กหญิงอังคณา มาเยี่ยมที่บ้าน ก็พูดอุทานว่า

“ เหรียญชัย ” กลับมาเกิดใหม่แล้ว

เมื่อเด็กหญิงอังคณา ( ตุ่ม ) มีอายุได้ ๒ ขวบ ก็แสดงอาการต่าง ๆ ที่ทำให้คิดว่าไม่ใช่เด็กธรรมดาทั่วไป เพราะน้องตุ่ม แสดงอาการแปลกมาก นั้นคือ จะร้องไห้งอแงตลอดเวลา เมื่ออยู่กับนายถนอม นางหนูมัด ผู้เป็นพ่อแม่ปัจจุบัน จึงพาไปที่บ้านนายถัด นางเขียว ผู้เป็นตายาย เด็กก็เงียบไม่ร้องไห้แต่อย่างใด เล่นสนุกสนาน หัวเราะร่าเริง พอเริ่มพูดได้เรียกนายถัด ผู้เป็นตาว่า “ พ่อ ” นางเขียว ผู้เป็นยายว่า “ แม่ ” แต่นายถนอม นางหนูมัด ไม่ยอมเรียกพ่อ – แม่ แต่กลับเรียกว่า “ พี่ ” และเรียกนางสาวหนูผูก นางสมบัติ ผู้เป็นน้าว่า “ น้อง” เมื่อเด็กพูดได้ชัดเจน ได้บอกว่าเขาชื่อ เหรียญชัย แล้วชี้ไปที่รูปของเหรียญชัย ว่าคือตัวเขาเอง ชี้ไปที่รูปคนรักของเหรียญชัยว่าคือ แฟนเขาเอง

อยู่มาวันหนึ่ง นางสาวหนูผูก ( น้อย ) ผู้เป็นน้าได้อุ้มหลานไปเที่ยวที่ท้องนาด้านหลังบ้าน นางสาวหนูผูกต้องสะดุ้งตกใจในคำพูดของหลานพูดเหมือนตนเองเป็นผู้ใหญ่ พูดติ พี่เขยว่าขี้เกียจ ไม่ยอมถางหัวคันนาให้สะอาด ปล่อยให้หญ้ารกอยู่ได้ และนางสาวหนูผูก ก็ได้ยินคำถามว่า ( น้อยมึงว่ากูเป็นอะไรตาย) น้อยก็ถามซ้ำว่าอะไรนะ แต่เด็กก็เลยพูดไปเรื่องอื่น เปลี่ยนคำพูดเป็นอย่างอื่นไป

เรื่องที่เป็นหลักฐานยืนยันการกลับชาติมาเกิดใหม่ ของ พลทหารเหรียญชัย นึกชัยภูมิ มาเกิดเป็นเด็กหญิงอังคณา( ตุ่ม ) ฤทธิ์กำลัง มีดังนี้

๑. ไม่ยอมเรียกนายถัด - นางเขียวว่า ตา - ยาย กลับเรียกว่า พ่อ – แม่ ตลอดเวลา

๒. ไม่ยอมเรียกนายถนอม - นางหนูมัด ว่า พ่อ – แม่ กลับเรียกว่า พี่ ตลอดเวลา

๓. ไม่ยอมเรียก นางสาวหนูผูก นางสมบัติ ว่า น้ากลับเรียกว่า น้อง

๔. เมื่อได้ดูรูปแฟนเก่าของเหรียญชัยแล้วบอกว่าคือรูปแฟนของเขาเอง

๕. มีนิสัยคล้ายผู้ชายไม่เคยนุ่งผ้าซิ่นเลยนุ่งแต่กางแกงเท่านั้น

๖. เวลาอาบน้ำจะนุ่งผ้าขาวม้าเหมือนผู้ชาย

๗. เวลาปัสสาวะจะทำเหมือนผู้ชาย

๘. ความฝันของแม่เก่าและแม่ใหม่ตรงกัน

๙. เมื่อเด็กหญิงอังคณา ( ตุ่ม ) มีอายุได้ ๓ ขวบ ได้ไปชี้ที่รูปของพลทหารเหรียญชัย ว่าคือ ตัวของเขาเอง

๑๐. ได้ไปที่ตู้เสื้อและหมวกของเหรียญชัย บอกว่าเป็นของเขาเอง

จากหลักฐานที่ได้กล่าวมานี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการจำเรื่องต่าง ๆ ในอดีตชาติ ของเด็กหญิงอังคณา ( ตุ่ม ) เป็นคำยืนยันของแม่เขียว แม่ของเหรียญชัย และนางหนูมัดแม่ของอังคณา ( ตุ่ม ) เป็นผู้บอกเล่าให้อาตมา “ พระมหา ดร. สุเทพ อกิญฺจโน ” ได้ฟัง จึงรวบรวมนำมาให้ท่านทั้งหลายได้รู้ ได้ฟัง เพื่อเตือนสติกันให้เป็นผู้ตั้งมั่นอยู่ในศีลธรรมดำรงตนด้วยความไม่ประมาท เรื่องของการตายแล้วยืนยันได้ว่า ไม่ดับสูญแน่นอน ถ้าจิตไม่หลุดพ้น เป็นพระอริยบุคคล ( อรหัตผล ) แล้วภพชาติ สังสารวัฎ การเวียนว่าย ตายเกิด ยังมีอยู่ตราบนั้น