บันทึกท้ายเล่ม

บันทึกท้ายเล่ม

สำหรับการติดตามศึกษาผู้ที่จำอดีตชาติได้ตายแล้วเกิดนั้น นอกจากกรณีของคนจำอดีตชาติได้ในหมู่บ้านตะคร้อแล้ว ผู้เขียนมีโครงการที่จะออกสำรวจค้นหาผู้ที่จำอดีตชาติได้ในจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ รวมทั้งในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าในประเทศไทยเราและในต่างประเทศทั่วโลกยังมีผู้ที่จำอดีตชาติได้อยู่อีกมาก เพียงแต่ผู้คนส่วนใหญ่อาจจะยังมีกำแพงความเห็นทางวิทยาศาสตร์และความเชื่อทางศาสนากีดกั้นอยู่ หรือพวกเขาอาจจะยังไม่มีองค์ความรู้ ไม่รู้จักวิธีสังเกต จึงไม่มีความพยายามที่จะพิสูจน์ความจริงในเรื่องนี้อย่างจริงจัง

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีความเป็นไปได้ว่าน่าจะมีคนที่จำอดีตชาติได้อยู่อีกมากในทุกประเทศทั่วโลก แต่ผู้เขียนก็ตระหนักดีว่า ถึงแม้ว่าผู้เขียนจะทำการค้นหา สอบสวน หรือนำเสนอเรื่องราวของคนที่จำอดีตชาติได้อีกมากมายสักกี่พันรายก็ตาม ก็คงจะไม่สามารถทำให้คนที่ไม่เชื่อในเรื่องนี้กลับมาเชื่อได้ หรือคงจะไม่สามารถทำให้คนที่เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งปลงใจเชื่อเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ได้ ตราบใดที่พวกเขายังไม่ได้พิสูจน์เรื่องนี้ด้วยตัวของพวกเขาเอง

เพราะฉะนั้น สิ่งที่ผู้เขียนทำได้ในขณะนี้ก็คือ การเผยแพร่ลักษณะที่สำคัญและวิธีการสังเกตเด็กที่จำอดีตชาติได้ให้กับสาธารณะชนได้รับรู้ เพื่อผู้ที่สนใจจะได้นำไปใช้เป็นข้อมูลเพื่อสังเกตเด็กที่จำอดีตชาติได้ได้ด้วยตัวเอง ซึ่งองค์ความรู้และวิธีการติดตามสังเกตเด็กที่จำอดีตชาติได้ของคนไทยในสมัยโบราณ ที่ชาวบ้านตะคร้อได้รับมรดกตกทอดมานั้น น่าจะสามารถใช้เป็นแนวทางในการติดตามสังเกตเด็กที่จำอดีตชาติได้ ได้เป็นอย่างดี

ทำไมหมู่บ้านตะคร้อ จึงมีคนจำอดีตชาติได้จำนวนมากขนาดนี้ ?

มีคำถามหนึ่งที่ผู้เขียนถูกถามมากที่สุดหลังจากเรื่องราวของคนที่จำอดีตชาติได้ในหมู่บ้านตะคร้อ ตำบลตะคร้อ อำเภอไพศาลี จังหวัดนครสวรรค์ ได้ถูกเผยแพร่ออกไปทั้งทางเว็บไซต์ นิตยสาร หนังสือพ็อคเก็ตบุ๊ค หนังสือพิมพ์ และรายการทีวีว่า ทำไมหมู่บ้านตะคร้อ จึงมีคนจำอดีตชาติได้จำนวนมากขนาดนี้ มีความพิเศษอะไรหรือเปล่า แล้วหมู่บ้านอื่นหรือที่อื่น ๆ ทำไมไม่มีแบบนี้ ?

ผู้เขียนมีข้อสังเกตถึงสาเหตุที่ทำให้พบคนที่จำอดีตชาติได้จำนวนมากกว่า ๖๐ ราย และยังพบเด็กที่จำอดีตชาติได้รายใหม่เพิ่มขึ้นอีกเรื่อย ๆ ในหมู่บ้านตะคร้อแห่งนี้อาจมีสาเหตุเนื่องมาจาก

๑. เพราะผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ได้เกิดในหมู่บ้านเดิม จึงมีโอกาสที่จะพบกับบุคคล สัตว์ สิ่งของ หรือสถานที่ ซึ่งเป็น “สารชาติ” ที่คุ้นเคยในอดีตชาติได้ง่าย เมื่อมีสิ่งที่คุ้นเคยมาเชื่อมโยงจึงทำให้สามารถฟื้นความทรงจำในอดีตชาติได้ง่ายกว่าการที่ไปเกิดในหมู่บ้านอื่น หรือไปเกิดในสถานที่ห่างไกล

๒. เพราะชาวบ้านตะคร้อมีประเพณีการป้ายศพ (Experimental Marking) คือ การทำตำหนิเครื่องหมายหรือการป้ายศพคนตายเพื่อจะได้ใช้เป็นที่สังเกตเมื่อมาเกิดใหม่ ทำให้สามารถติดตามสังเกตหาญาติที่ตายไปแล้วสืบชาติมาเกิดใหม่ได้ง่ายขึ้น ซึ่งจากการศึกษาวิจัยพบคนที่มีรอยปานหรือรอยตำหนิบนผิวหนังที่มีลักษณะและตำแหน่งตรงกันกับรอยป้ายศพจำนวนมาก

๓. เพราะชาวบ้านตะคร้อให้ความสำคัญเกี่ยวกับการสังเกตความฝันบอกเหตุ (Announcing Dreams) เช่น ฝันว่าจะตั้งท้อง หรือฝันว่ามีใครมาขอเกิด ซึ่งชาวบ้านตะคร้อจะให้ความสำคัญกับความฝันลักษณะนี้มากเป็นพิเศษ ทำให้ครอบครัวของผู้เสียชีวิต หรือแม่ของเด็กสามารถติดตามสังเกต รอยตำหนิแผลเป็นหรือความผิดปกติต่าง ๆ ของเด็กได้ตั้งแต่แรกเกิด

๔. เพราะชาวบ้านตะคร้อให้ความสำคัญเกี่ยวกับการสังเกตรอยตำหนิบนผิวหนังและความบกพร่องทางร่างกายที่มีมาตั้งแต่แรกเกิดของเด็ก (Birthmarks , Birth Defects) ทำให้พบเด็กที่มีรอยตำหนิหรือความผิดปกติ ตรงกันกับรอยป้ายศพ หรือตรงกันกับร่องรอยความผิดปกติบกพร่องทางร่างกายอื่น ๆ ของผู้ที่เสียชีวิตไปแล้วจำนวนมาก และที่สำคัญคือเด็กที่มีรอยคล้ายรอยแผลเป็นติดตัวมาตั้งแต่แรกเกิด ส่วนใหญ่จะจำอดีตชาติได้ด้วย

๕. เพราะชาวบ้านตะคร้อให้ความสำคัญเกี่ยวกับคำพูดและการแสดงออก (Stetement , Behavior) คือ การสังเกตคำพูด อาการ และการแสดงออกของเด็กตั้งแต่แรกคลอด ตอนที่เด็กเริ่มหัดพูด จนกระทั่งถึงตอนที่เด็กพูดได้แล้ว ว่าเด็กพูดหรือแสดงออกผิดปกติบ้างหรือไม่ หรือมีแนวโน้มที่จะจำอดีตชาติได้หรือไม่

๖. เพราะชาวบ้านตะคร้อให้ความสำคัญกับการร่วมพิธีเผาศพของคนในหมู่บ้าน ทำให้คนในหมู่บ้านทราบว่า มีใครเสียชีวิต และเสียชีวิตด้วยสาเหตุใด ซึ่งอาจเป็นข้อมูลที่ใช้ประกอบในการสังเกต ความฝันบอกเหตุ รอยปาน รอยคล้ายรอยแผลเป็น อาการ หรือความผิดปกติบกพร่องต่าง ๆ ของเด็กตั้งแต่แรกเกิด หรือใช้ประกอบการสังเกตคำพูดและการแสดงออกของเด็กในภายหลังได้

๗. เพราะหมู่บ้านตะคร้อยังเป็นชุมชนชนบทแบบดั้งเดิม คือ เป็นหมู่บ้านที่ผู้คนยังไปมาหาสู่เอื้อเฟื้อช่วยเหลือกันและรู้จักกันเกือบทั้งหมู่บ้าน ทำให้เมื่อมีใครฝันบอกเหตุว่าคนในหมู่บ้านที่เสียชีวิตไปแล้วมาขอเกิดด้วย หรือเด็กมีรอยตำหนิ หรือเด็กพูดอะไรแปลก ๆ ก็จะบอกต่อๆกันไป บางครั้งครอบครัวของผู้เสียชีวิตทราบข่าวก็ถึงกับมาคอยเฝ้าติดตามดู รอยตำหนิและความผิดปกติอื่น ๆ ของเด็กตั้งแต่แรกเกิด ว่ามีรอยตำหนิตรงกับร่องรอยต่าง ๆ ของผู้เสียชีวิตหรือไม่ และเฝ้าติดตามสังเกตต่อไปจนกระทั่งเด็กเริ่มพูดได้ ว่าเด็กจะจำอดีตชาติได้หรือไม่ ซึ่งสภาพสังคมแบบดั้งเดิมแบบนี้เอื้อต่อการค้นหาหรือการพบคนที่จำอดีตชาติได้ตายแล้วเกิดใหม่มากกว่าสังคมเมือง

๘. เพราะหมู่บ้านตะคร้อมีจำนวนประชากรมาก (ประมาณ ๑๑,๐๐๐ คน) อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คนที่ตายไปแล้วหาที่เกิดในหมู่บ้านเดิมได้ง่าย

นี่เป็นข้อสังเกตที่อาจเป็นเหตุปัจจัยส่วนหนึ่งที่ทำให้พบคนที่จำอดีตชาติได้ตายแล้วเกิดใหม่เป็นจำนวนมากและยังมีกรณีใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นอยู่เรื่อย ๆ ในหมู่บ้านตะคร้อแห่งนี้

วิธีการหรือขั้นตอนในการติดตามสังเกตคนจำอดีตชาติได้ตายแล้วเกิดใหม่

สำหรับวิธีการหรือขั้นตอนในการติดตามสังเกตเด็กที่จำอดีตชาติได้ตายแล้วเกิดของชาวบ้านตะคร้อนั้น จากการศึกษาพบว่าไม่ใช่เรื่องพิเศษที่มีอยู่เฉพาะในหมู่บ้านตะคร้อหมู่บ้านเดียวเท่านั้น แต่เป็นวิธีการหรือขั้นตอนที่คนไทยในสมัยโบราณเขาทำกันมาช้านานแล้ว เช่นเดียวกันกับในประเทศเพื่อนบ้านอย่าง ลาว พม่า เขมร และเวียดนาม ก็มีวิธีการหรือขั้นตอนในการติดตามสังเกตเด็กที่จำอดีตชาติได้แบบเดียวกัน รวมถึงประเพณีการป้ายศพด้วย เพียงแต่หมู่บ้านตะคร้อยังเป็นชมชุนแบบดั้งเดิมของคนไทยและยังคงสืบสานรักษาวิธีการหรือขั้นตอนดังกล่าวไว้ได้อยู่ ซึ่งบางหมู่บ้านที่ยังเป็นชุมชนแบบดั้งเดิมของไทยในจังหวัดอื่น ๆ ก็ยังคงมีวิธีการหรือขั้นตอนการติดตามสังเกตลักษณะนี้อยู่เช่นกัน เพียงแต่ยังไม่มีใครรวบรวมข้อมูลไว้อย่างจริงจังเท่านั้นเอง

วิธีการหรือขั้นตอนในการติดตามสังเกตเด็กที่จำอดีตชาติได้ตายแล้วเกิดของชาวบ้านตะคร้อก็ไม่ได้มีข้อกำหนดหรือมีพิธีกรรมที่พิเศษอะไร เพียงแต่เมื่อมีคนเสียชีวิต ญาติๆหรือคนในครอบครัวของผู้เสียชีวิต จะมีการสังเกตร่องรอยบาดแผลของผู้เสียชีวิต หรือมีการทำเครื่องหมายไว้บนศพของผู้เสียชีวิต(ป้ายศพ) ซึ่งมักจะทำกันหลังจากเสียชีวิตได้ไม่นาน โดยมุ่งหวังให้จิตหรือวิญญาณของผู้เสียชีวิตได้รับรู้การป้ายศพนั้นด้วย

จากนั้นก็มีการติดตามสอบถามหรือคอยฟังเพื่อนบ้านหรือญาติ ๆ ว่ามีใครฝันถึงผู้เสียชีวิตทำนองว่าจะมาเกิดด้วยหรือจะไปเกิดกับใครหรือไม่ มีการติดตามสังเกตรอยตำหนิ รอยแผลเป็น หรือการติดตามสังเกตรอยปานของเด็กทารกที่ติดตัวมาตั้งแต่แรกเกิด ถ้าพบเด็กที่มีรอยปานที่มีลักษณะและตำแหน่งตรงกันกับรอยป้ายศพ มีรอยตำหนิ รอยคล้ายรอยแผลเป็น หรือความผิดปกติบกพร่องทางร่างกายตรงกันกับผู้เสียชีวิต ก็จะเฝ้าคอยติดตามสังเกตคำพูดและการแสดงออกของเด็กต่อไป

เมื่อเด็กเริ่มพูดได้ถ้าเด็กเริ่มพูดถึงเรื่องราวที่น่าจะเป็นความทรงจำในอดีตชาติ ก็จะคอยฟังอย่างตั้งใจหรือหาวิธีพิสูจน์โดยการสอบถามเรื่องราวชีวิตของผู้เสียชีวิต เช่น ทดสอบว่ารู้จักหรือจำคนในครอบครัว คนใกล้ชิด ญาติ ๆ หรือเพื่อนสนิทของผู้เสียชีวิตได้หรือไม่ ทดสอบโดยการให้เลือกสิ่งของของผู้เสียชีวิต สอบถามเรื่องที่เป็นเรื่องเฉพาะบุคคลที่ผู้เสียชีวิตกับบุคคลผู้นั้นเท่านั้นที่รู้ เป็นต้น

ด้วยวิธีการหรือขั้นตอนในการติดตามสังเกตดังกล่าว ทำให้ชาวบ้านตะคร้อสามารถติดตามสังเกตจนพบผู้ที่จำอดีตชาติได้ตายแล้วเกิดจำนวนมาก และน่าจะเป็นวิธีการสังเกตเด็กที่จำอดีตชาติได้ ที่ทุกคนสามารถนำไปใช้ติดตามสังเกตเด็กที่จำอดีตชาติได้ตายแล้วเกิดใหม่ได้ด้วยตัวเอง

ส่วนการศึกษาขั้นต่อไปเกี่ยวกับเรื่องนี้ของผู้เขียน ที่จะมุ่งเน้นและจะทำควบคู่กันไปกับการค้นหาและสอบสวนเด็กที่จำอดีตชาติได้ ก็คือ โครงการติดตามสังเกตและศึกษาเด็กทารกที่มีรอยแผลเป็นติดตัวมาตั้งแต่แรกเกิดไปจนกระทั่งเด็กสามารถพูดได้ เพื่อพิสูจน์สมมุติฐานที่ว่า ถ้าวิญญาณของผู้เสียชีวิตสามารถจดจำหรือนำเอารอยบาดแผลหรือรอยตำหนิต่างๆ เช่น บาดแผลที่ทำให้เสียชีวิต หรือรอยป้ายศพ ติดตัวข้ามภพข้ามชาติมาได้ หรือพลังความทรงจำนั้นสามารถทำให้เกิดเป็นรอยคล้ายรอยแผลเป็นบนร่างกายของเด็กทารกได้ นั่นหมายความว่าความทรงจำนั้นจะต้องมีความชัดเจนและมีกำลัง จึงมีความเป็นไปได้ว่า เด็กที่มีรอยแผลเป็นติดตัวมาตั้งแต่แรกเกิด ก็น่าจะสามารถจำอดีตชาติได้ด้วย ถ้าสมมุติฐานนี้เป็นจริง เราก็จะสามารถทำการพิสูจน์และทดลองเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้อย่างเป็นรูปธรรมจนเป็นที่ยอมรับในทางวิทยาศาสตร์ได้ และเมื่อถึงตอนนั้นข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ก็จะส่งผลต่อความคิด คำพูด และการกระทำของผู้คนทั่วโลกอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะความเห็นทางวิทยาศาสตร์และความเชื่อทางศาสนา ซึ่งผู้เขียนเคยกล่าวไว้เสมอว่า "ความจริงก็คือความจริง ถ้าเราไม่เชื่อและไม่ศรัทธาในความเป็นจริงแล้ว เราจะเชื่อและศรัทธาสิ่งใดได้อีก"

สำหรับผู้เขียนแล้ว เรื่องของคนจำอดีตชาติได้ตายแล้วเกิด เป็นธรรมชาติที่มีอยู่จริง ไม่ใช่เรื่องเหนือธรรมชาติ งมงาย ไร้เหตุผล เพราะนอกจากข้อมูลเรื่องราวของคนที่จำอดีตชาติได้ในหมู่บ้านตะคร้อ และเรื่องราวของคนที่จำอดีตชาติได้อีกจำนวนมากในประเทศไทยแล้ว ยังมีข้อมูลเรื่องราวของคนที่จำอดีตชาติได้ในการศึกษาวิจัยของคณะศึกษาวิจัยจากทั่วโลก ทั้งคณะศึกษาวิจัยจากมหาวิทยาลัยเวอร์จิเนียของ ศ.นพ.เอียน สตีเวนสัน และคณะศึกษาวิจัยคณะอื่นๆในหลายประเทศ ซึ่งพบว่ามีกรณีของคนจำอดีตชาติได้ตายแล้วเกิดใหม่ในหลายประเทศทั่วโลกแล้ว มากกว่า ๕,๐๐๐ ราย ในกว่า ๓๐ ประเทศทั่วโลก เช่นประเทศ ตุรกี , แคนาดา , อิตาลี , โปรตุเกส , อเมริกา , ศรีลังกา , อินเดีย , ไทย , พม่า , ลาว , กัมพูชา , เวียดนาม , เนเธอร์แลนด์ , เลบานอน , กาน่า , ไนจีเรีย , เบลเยี่ยม , อังกฤษ , ฟินแลนด์ , ไอซ์แลนด์ , บราซิล , คิวบา , ฮังการี , เยอรมัน , ออสเตรีย , ญี่ปุ่น , ฝรั่งเศส , จีน , ธิเบต , ออสเตรเลีย เป็นต้น และยังมีอีกหลายประเทศที่ยังไม่ได้มีการสำรวจและศึกษา ซึ่งหากมีการสังเกตสำรวจและศึกษากันอย่างจริงจัง มีความเป็นไปได้ว่าน่าจะมีคนที่จำอดีตชาติได้อยู่ในทุกพื้นที่ของทุกประเทศทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นชนชาติใดหรือนับถือศาสนาใดก็ตาม เพียงแต่ผู้คนในแต่ละท้องถิ่นหรือในแต่ละประเทศนั้น ๆ จะมีองค์ความรู้และมีวิธีการติดตามสังเกต เหมือนอย่างที่ชาวบ้านตะคร้อและคนไทยในสมัยโบราณทำสืบต่อกันมาหรือไม่ เท่านั้นเอง...

............................................................................

กรณีของ น.ส.ส้มลิ้ม คงสะโต ตัวอย่างกรณีที่มีการป้ายศพผู้เสียชีวิต ผู้เสียชีวิตมาเข้าฝันบอกผู้เป็นแม่ว่าจะไปเกิดกับใคร พ่อแม่ของผู้เสียชีวิตไปสอบถามครอบครัวที่ผู้เสียชีวิตมาบอกในฝันว่าตั้งท้องหรือเปล่าตั้งแต่เจ้าตัวยังไม่รู้ว่าตัวเองตั้งท้อง เมื่อเด็กเกิดมาพบว่าเด็กมีปานที่มีลักษณะและตำแหน่งตรงกันกับรอยป้ายศพ ต่อมาเด็กพูดถึงความทรงจำในอดีตชาติจริง ๆ ซึ่งสามารถอธิบายถึงองค์ความรู้ วิธีการหรือขั้นตอนในการติดตามสังเกตเด็กที่จำอดีตชาติได้ตายแล้วเกิดของชาวบ้านตะคร้อได้เป็นอย่างดี

https://sites.google.com/site/thaireincarnation/Home/16-cases-foreword/Somlim-Kongsato

ธวัชชัย ขำชะยันจะ

โทร. 085-8886204

E-Mail : tk2513@gmail.com

x