นายอำนาจ อะวิสุ

ข้อมูลเบื้องต้น

กรณีของ นายอำนาจ อะวิสุ

ปัจจุบันชาติ

ชื่อ-นามสกุล : นายอำนาจ อะวิสุ

วันเดือนปีเกิด : ๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๒๕

อาการผิดปกติตั้งแต่แรกเกิด : -

ที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน : ๑๑๖/๓ หมู่ ๘ ตำบลตะคร้อ อำเภอไพศาลี จังหวัดนครสวรรค์

พี่น้องร่วมบิดามารดา : ๒ คน คือ

๑.นางสาวพิมพ์วิกา อะวิสุ

๒.นายอำนาจ อะวิสุ

อดีตชาติ

ชื่อ-นามสกุล : นายเทพ (ไม่ทราบนามสกุล)

วันเดือนปีเกิด : -

วันเดือนปีที่เสียชีวิต : พ.ศ.๒๕๒๒ ขณะอายุได้ : -

ที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน : -

สาเหตุที่เสียชีวิต : ถูกฆาตกรรม

สถานที่เสียชีวิต : พบศพถูกฆ่ายัดกระสอบทิ้งในลำห้วยนอกหมู่บ้านตะคร้อ

พี่น้องร่วมบิดามารดา : -

นายอำนาจ อะวิสุ จำอดีตชาติได้

ผู้ที่จำอดีตชาติได้ในหมู่บ้านของผู้ขียนรายนี้มีชื่อว่า นายอำนาจ อะวิสุ เป็นบุตรคนที่สองของ นายหวัง และ นางสมบัติ อะวิสุ อยู่บ้านเลขที่ ๑๘๕/๓ หมู่ ๓ ตำบลตะคร้อ อำเภอไพศาลี จังหวัดนครสวรรค์ เขาเกิดเมื่อวันที่ ๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๒๕ มีพี่สาวหนึ่งคนชื่อ นางสาวพิมพ์วิกา อะวิสุ ขณะที่ผู้เขียนไปสัมภาษณ์ครั้งแรก นายอำนาจอายุได้ ๑๘ ปี กำลังศึกษาอยู่ที่โรงเรียนเทคนิคลพบุรีชั้น ป.ว.ช.๓ แผนกช่างไฟฟ้ากำลัง

สำหรับข้อมูลการจำอดีตชาติได้ของนายอำนาจนี้ มีข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการฆาตกรรม ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้ที่เกี่ยวข้องได้ ดังนั้นผู้เขียนจึงขอสงวนนามของผู้เกี่ยวข้อง และข้อมูลบางส่วนเพื่อมิให้เกิดความเสียหายต่อผู้ใด

เมื่อประมาณ ๓๐ ปีที่แล้ว(พ.ศ.๒๕๒๒) ชาวบ้านตะคร้อ พบศพชายนิรนามผู้หนึ่งรูปร่างสูงท้วมผิวขาว ท่าทางเป็นคนมีฐานะ ถูกคนร้ายฆ่ายัดกระสอบแล้วนำศพมาทิ้งในลำห้วยไม่ห่างจากหมู่บ้านนัก จึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบ เมื่อได้รับแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มายังที่เกิดเหตุและทำการชันสูตรพลิกศพพบว่า ชายคนดังกล่าวมีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนบริเวณศีรษะ เสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า ๒ วัน สภาพศพมีรอยถลอกตามลำตัวหลายแห่งเสื้อผ้าขาดวิ่น ไม่มีเอกสารใดๆที่จะสามารถระบุได้ว่าผู้ตายเป็นใคร เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบถามข้อมูลจากชาวบ้านในบริเวณนั้นก็ไม่มีใครรู้จักกับผู้ตาย และเนื่องสภาพศพในตอนนั้นเริ่มเน่าเปื่อยและส่งกลิ่นเหม็นอย่างรุนแรง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเก็บหลักฐานต่างๆไว้แล้วให้ชาวบ้านช่วยกันเผาศพของชายต่างถิ่นนิรนาม ณ.ริมตลิ่งลำห้วยที่พบศพนั่นเอง หลังจากนั้นไม่นาน นายมูล สวนดี คนในหมู่บ้านซึ่งทราบข่าวในภายหลังก็ได้ออกมาบอกกับชาวบ้านว่า ชายต่างถิ่นคนนั้นไม่ใช่ใครที่ไหนเขาชื่อ นายเทพ เป็นญาติของตนเอง เขาไม่ได้อยู่แถวนี้ เขามีบุตรและภรรยาอยู่ที่กรุงเทพ แต่พ่อกับแม่ของเขาเป็นคนในหมู่บ้านใกล้เคียงนี่เอง ในครั้งนั้นถึงแม้ว่านายมูลจะทราบว่าชายต่างถิ่นคนนั้นเป็นใคร แต่ก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้เพราะไม่มีเป็นพยานรู้เห็นและศพก็ถูกเผาไปแล้ว เรื่องราวจึงเงียบหายไป

เหตุการณ์ในวันที่ชายต่างถิ่นนิรนามเสียชีวิต

เพื่อความกระจ่างในเรื่องนี้ผู้เขียนได้สอบถามคนในหมู่บ้านหลายคนที่ทราบเหตุการณ์ในครั้งนั้นซึ่งพอสรุปความได้ว่า ในวันนั้นมีชาวบ้านหลายคนเห็นชายคนนั้นขับรถกระบะเข้ามาในหมู่บ้านพร้อมกับชายคนหนึ่งซึ่งเป็นคนในหมู่บ้านในตอนบ่าย และในตอนเย็นใกล้ค่ำวันนั้นก่อนที่ชายต่างถิ่นนิรนามจะถูกฆ่าตาย มีชาวบ้านพบเห็นชายคนนั้นซื้อขนมกล้วยแขกไปกิน หลังจากนั้นก็ไม่มีใครพบเห็นอีกเลย จนกระทั่งมีผู้ไปพบศพถูกฆ่ายัดกระสอบลอยอืดในลำห้วยดังกล่าว

ชาวบ้านที่ทราบเหตุการณ์เล่าให้ฟังว่า วันนั้นกลุ่มคนร้ายได้วางแผนล่อลวงชายต่างถิ่นคนนั้นมาเพื่อชิงทรัพย์ โดยลวงไปที่บริเวณทุ่งนาใกล้กันกับลำห้วยที่พบศพ กลุ่มคนร้ายซึ่งมีอยู่ประมาณ ๔ - ๕ คนได้จับตัวของชายคนนั้นไว้ แล้วเปิดไฟหน้ารถกระบะส่องหน้าเพื่อไม่ให้มองเห็นว่ากลุ่มคนร้ายกำลังจะทำอะไร จากนั้นกลุ่มคนร้าย ได้ใช้ไม้คันหลาวซึ่งเป็นไม้ไผ่ปลายแหลมที่ชาวนาใช้หาบฟ่อนข้าว ทั้งแทงทั้งตีไปที่ลำตัวของชายคนนั้นหลายครั้ง หมายเอาชีวิต ชายคนนั้นพยายามดิ้นรนต่อสู้อย่างสุดชีวิตแต่ก็ไม่สามารถสู้แรงของกลุ่มคนร้ายที่มีจำนวนมากกว่าได้ถึงแม้ว่าไม้คันหลาวไม่ได้ระคายผิวของชายคนนั้นแต่มันได้สร้างความเจ็บปวดให้ผู้ถูกแทงอย่างแสนสาหัสจนกระทั่งเขาแน่นิ่งไป ตอนนั้นกลุ่มคนร้ายไม่ทราบว่าชายคนนั้นเสียชีวิตหรือยัง ดังนั้นเพื่อความแน่ใจคนร้ายคนหนึ่งได้ใช้อาวุธปืนจ่อยิงชายคนนั้นในระยะเผาขน แต่กระสุนด้าน คนร้ายทดลองยิงขึ้นฟ้าปรากฏว่ายิงออก จึงเกิดความสงสัยว่าชายคนนั้นจะมีของดีคุ้มครอง จึงช่วยกันปลดพระเครื่องที่ห้อยคอชายคนนั้นออกแล้วจ่อยิงอีกครั้งอย่างเลือดเย็น คราวนี้กระสุนไม่ด้านชายคนนั้นถูกยิงบริเวณศีรษะนอนจมกองเลือดอยู่ ณ.ที่แห่งนั้น หลังจากนั้นกลุ่มคนร้ายก็พากันกลับเข้ามาหมู่บ้านเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เมื่อเข้ามาในหมู่บ้านกลุ่มคนร้ายระแคะระคายว่าชาวบ้านจะทราบการกระทำของพวกตน กลางดึกคืนนั้นกลุ่มคนร้ายจึงได้ย้อนกลับไปจัดการนำศพของชายคนนั้นยัดใส่กระสอบ แล้วนำไปทิ้งในลำห้วย จากนั้นอีก ๒ วันจึงมีผู้ไปพบศพดังกล่าว

สำหรับเรื่องราวเหตุการณ์ในครั้งนั้น ปรากฏว่ามีชาวบ้านบางคนได้ยินได้ฟังเรื่องราวมาจากคนร้ายบางคนเองที่พูดให้ฟังในวงสุรา ด้วยความเมาและความคะนองปาก เหตุการณ์ในครั้งนั้นสร้างความสลดหดหู่ใจให้กับชาวบ้านที่ทราบเหตุการณ์เป็นอย่างยิ่ง แต่ไม่มีใครช่วยอะไรได้เพราะเกรงว่าความเดือดร้อนและอันตรายจะมาถึงตนและครอบครัว เนื่องจากกลุ่มคนร้ายอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน จึงจำต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่จะสืบหาคนร้ายมาลงโทษต่อไป

ผีนายเทพเข้าสิงชาวบ้าน

หลังจากที่ชายต่างถิ่นหรือนายเทพเสียชีวิตได้ไม่นาน วันหนึ่งผีนายเทพได้มาเข้าสิง นางจวน สุขกลิ่น คนในหมู่บ้าน ญาติๆของนางจวนสอบถามได้ความว่าเป็นผีนายเทพ ญาติๆของนางจวนถามว่า “มาเข้าสิงนางจวนทำไม” ผีนายเทพในร่างของนางจวนตอบว่า “กูหิวไม่มีอะไรกิน” เมื่อทราบดังนั้นญาติๆ ของนางจวนจึงได้จัดอาหารมีข้าวสุกหมากพลูใส่ในทับพีแล้วให้คนสูงอายุทำพิธีบอกผีตามแบบที่บรรพบุรุษเคยทำมา แต่ผีนายเทพไม่ยอมออก ญาติของนางจวนถามว่า “จะให้ทำยังไงถึงจะออก” ผีนายเทพบอกว่าให้ทำแผงบอกผีซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าให้แล้วจึงจะออก นางวัน(ยายของนายอำนาจ)ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วยก็พูดขึ้นมาว่า “ทำให้อย่างนั้นก็ไม่เอา อย่างนี้ก็ไม่เอา งั้นก็เอาส้น...ก็แล้วกัน” ผีนายเทพโกรธมากไม่ยอมออก จนกระทั่งญาติของนางจวนต้องทำแผงบอกผีให้ตามที่ต้องการ ผีนายเทพจึงยอมออกจากร่างของนางจวน และในคืนนั้นเองผีนายเทพได้ไปปรากฏร่างขวางประตูทางเข้าครัวบ้านของนางวันแต่นางวันไม่กลัว ร่างนั้นปรากฏอยู่เพียงไม่กี่วินาทีก็หายไป

ต่อจากนั้นไม่นานผีนายเทพได้เข้าสิง นางดิบ มั่นสติ บอกว่าหิวและอดอยากเหมือนเดิม ญาติๆของนางดิบจัดทำแผงบอกผีให้ แต่ก่อนที่ผีนายเทพจะออกจากร่างของนางดิบได้พูดว่า “คราวก่อนอีแก่ผมงอกมันจะเอาส้น...ให้กูกิน” พูดจบผีนายเทพก็ออกจากร่างของนางดิบไป

ครั้งสุดท้ายได้เข้าสิง นายพอง สุขกลิ่น สามีของ นางจวน สุขกลิ่น ที่ไร่ของนายพองคราวนี้บอกว่าอยากกินเหล้า ขณะที่ผีนายเทพเข้าสิงนายพองนั้น มีเพื่อนบ้านซึ่งทำไร่อยู่ใกล้ๆ กับไร่ของนายพองได้ใช้ไฟฉายส่องหน้าของนายพอง ผีนายเทพมีท่าทางหวาดกลัวไม่ยอมให้ใช้ไฟสองหน้า เมื่อเพื่อนบ้านถามว่า เป็นใคร ชื่ออะไร ผีนายเทพในร่างของนายพองบอกให้ตักน้ำมาจะเขียนบอก เมื่อนางจวนตักน้ำมาให้ นายพองก็ใช้นิ้วมือจุ่มน้ำเขียนลงบนแผ่นกระดานให้ทุกคนดูว่า ชื่อเทพ ซึ่งปกตินายพองอ่านหนังสือไม่ออกและเขียนหนังสือไม่เป็น หลังจากเข้าสิงนายพองแล้วผีนายเทพก็เงียบหายไปไม่มาเข้าสิงใครอีกเลย ซึ่งช่วงนั้นเป็นช่วงที่ นางสมบัติ อะวิสุ เริ่มตั้งท้อง เด็กชายอำนาจ อะวิสุ พอดี

ความฝันของนางสมบัติก่อนตั้งท้อง

นางสมบัติเล่าให้ผู้เขียนฟังว่า ก่อนที่เธอจะตั้งท้องนายอำนาจบุตรชาย คืนหนึ่งเธอฝันว่าขณะที่เธอกำลังเดินกลับจากทุ่งนาผ่านบริเวณที่นายเทพเสียชีวิตในฝันเธอเห็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งใสกางเกงขาสั้นเก่า ๆ ขาดรุ่งริ่งเนื้อตัวมอมแมมไม่ใส่เสื้อเดินตามเธอมา พอใกล้จะถึงหมู่บ้านเธอเห็นต้นมะเขือริมทางมีลูกอยู่หลายลูกเธอจะเข้าไปเก็บ แต่เด็กผู้ชายคนนั้นห้ามไม้ให้เธอเก็บมะเขือ ในฝันเธอก็ไม่เก็บแล้วเดินต่อไป ก่อนถึงหมู่บ้านเด็กผู้ชายคนนั้นได้เดินนำหน้าหายไป และในเดือนนั้นเองเธอก็ตั้งท้องนายอำนาจบุตรชาย

นางสมบัติ และ นายหวัง อะวิสุ

เริ่มพูดถึงความทรงจำในอดีตชาติ

เมื่อนายอำนาจหรือเด็กชายอำนาจในขณะนั้นเกิดมา เขาไม่ได้มีสิ่งผิดปกติอะไรจนผิดสังเกต เขาเติบโตขึ้นมาเหมือนกับเด็กปกติทั่วไป แต่มีอาการอย่างหนึ่งที่น่าสนใจคือเขามักจะ มีอาการเป็นหนองพุพองตามผิวหนังและลำตัว จนกระทั่งเขาอายุได้ประมาณ ๒-๓ ขวบ พูดได้แล้ว วันหนึ่งนางสมบัติทราบข่าวว่านายเทพชาวบ้านหมู่บ้านวังกระโดนน้อย ซึ่งอยู่ใกล้เคียง ถูกวัวขวิดเสียชีวิต ขณะที่นางสมบัติพูดถึงข่าวการเสียชีวิตของนายเทพกับเพื่อนบ้านว่า “ตาเทพเลี้ยงวัวมาจนแก่ ไม่น่าให้วัวขวิดตายได้” นายอำนาจ หรือเด็กชายอำนาจขณะนั้นได้ยินก็พูดขึ้นมาว่า “ไม่ใช่วัวขวิดตาย เขาเอาไม้คันหลาวแทง” เพื่อนบ้านก็บอกว่าก็ “โดนวัวขวิดตายไม่ใช่เอาไม้คันหลาวแทง” เด็กชายอำนาจก็ยืนยันว่า “เขาเอาไม้คันหลาวแทง” นางสมบัติถามว่า “หนูว่าใครโดนแทงตาย” เด็กชายอำนาจก็ตอบว่า “ก็ผมไง” นางสมบัติรู้สึกสงสัยจึงลองถามว่า “หนูชื่ออะไร” เด็กชายอำนาจบอกว่า “ผมชื่อเทพ ที่ตายที่ห้วยไงพวกมันเอาไม้คันหลาวแทงผม” ถึงตอนนี้นางสมบัติเริ่มสงสัยว่าบุตรชายของตนจะจำอดีตชาติได้ จึงถามต่อว่า “ถ้าหนูเป็นไอ้เทพ หนูรู้ไหมว่าใครฆ่าหนู”เด็กชายอำนาจบอกชื่อของคนร้ายทั้งหมดให้นางสมบัติฟัง ซึ่งก็ตรงกันกับที่นางสมบัติและชาวบ้านพอจะทราบเรื่องราวมาก่อนหน้านี้แล้ว

เด็กชายอำนาจ ในขณะนั้นเล่าให้นางสมบัติผู้เป็นแม่ฟังว่า “ตอนแรกพวกมันเอาไม้คันหลาวแทงผม แต่แทงไม่เข้า พวกมันช่วยกันจับผมกดไว้ ถอดพระที่คอผมออก แล้วก็ยิงผม ตอนแรกผมตายข้างบนตอนหลังพวกมันเอาผมใส่กระสอบไปทิ้งลงน้ำ ปลามันตอดขาผมจั๊กกะจี๋ พวกมันเอาเอาพระ เงิน แล้วก็รถผมไป” นางสมบัติถามว่า “ทำไมตอนนั้นจึงมาเข้าสิงชาวบ้านเขาบ่อยๆ” เด็กชายอำนาจ ตอบว่า “หิว...ก่อนตายผมได้กินกล้วยแขกแค่นิดเดียวเอง”นางสมบัติถามว่า “แล้วหนูมาทำอะไรที่หมู่บ้านนี้” เด็กชายอำนาจตอบว่า “ผมมาหาซื้อถ่านกับเสา” นางสมบัติถามว่า “บ้านหนูอยู่ที่ไหน” เด็กชายอำนาจตอบว่า “อยู่กรุงเทพฯ” นางสมบัติถามว่า “พ่อ แม่หนูชื่ออะไร” เด็กชายอำนาจตอบว่า “พ่อผมชื่อเวียง แม่ชื่อทอง”

ตอนเด็กๆ นายอำนาจกลัวไม้คันหลาวมาก เวลาที่นายอำนาจดื้อรั้นพวกพี่ป้าน้าอาก็จะขู่ว่าเดี๋ยวจะเอาไม้คันหลาวแทง เด็กชายอำนาจก็จะมีอาการหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด มีครั้งหนึ่งเด็กชายอำนาจเห็นคนร้ายคนหนึ่งที่เอาพระเครื่องของเขา(นายเทพ)ไปนั่งรถโดยสารผ่านมาก็ตะโกนว่า “เอาพระกูมา...ๆ” พร้อมกับชี้มือไปที่ชายคนนั้น เมื่อเด็กชายอำนาจพูดถึงเรื่องราวในอดีตชาติบ่อยๆเข้า เรื่องนี้ก็รู้ไปถึงกลุ่มคนร้าย นางสมบัติเล่าให้ฟังว่าเคยมีญาติของคนร้ายมาเตือนว่า “ปล่อยให้ลูกชายพูดถึงอดีตชาติไม่กลัวหรือ” นางสมบัติก็บอกไปว่า “นี่มันเป็นคนละคนกัน ตอนนี้เขามาเกิดเป็นลูกฉันแล้ว” นายอำนาจหรือเด็กชายอำนาจในขณะนั้นพูดถึงอดีตชาติของเขาไม่มากนัก เนื่องจาก พ่อแม่และญาติพี่น้องไม่ค่อยอยากให้พูด เนื่องจากเกรงว่ากลุ่มคนร้ายซึ่งเป็นคนในหมู่บ้าน และบางคนก็เป็นญาติๆของพวกเขาเอง จะมาทำร้ายเด็กชายอำนาจ

นายอำนาจกล่าวกับผู้เขียนว่า เมื่อก่อนเขาไม่ทราบว่าเป็นเพราะเหตุใดจึงไม่ชอบญาติคนนั้น ทั้งๆที่ญาติคนนั้นก็ไม่เคยทำอะไรให้ แต่พอเขาได้ทราบเรื่องราวการจำอดีตชาติของเขาในวัยเด็กจากแม่และญาติๆ เขาก็เข้าใจว่าเป็นเพราะเหตุใด นางสมบัติและนายหวังกล่าวว่า พวกตนได้ทราบว่าบุตรชายจำอดีตชาติได้ จากคำพูดและการแสดงออกของเขาเท่านั้น พวกตนไม่เคยพาเด็กชายอำนาจในขณะนั้นไปพบกับครอบครัวของนายเทพหรือครอบครัวในอดีตชาติของเขาเลย เนื่องจากไม่รู้จักและไม่ทราบว่าอยู่ที่ไหน เด็กชายอำนาจเคยบอกเหมือนกันว่าลูกเมียเขาอยู่ที่กรุงเทพฯ เขารู้จักเขาจะพาไปเอง แต่พวกตนไม่เคยไปกรุงเทพฯ จึงไม่ได้พาเขาไป เด็กชายอำนาจในขณะนั้นพูดถึงเรื่องราวในอดีตชาติไม่กี่ครั้ง จากนั้นก็ไม่พูดถึงอีกเลย

ขณะผู้เขียนไปสัมภาษณ์ นายอำนาจลืมเรื่องราวในอดีตชาติของเขาไปหมดแล้ว ปัจจุบันนี้นายอำนาจกำลังจะมีอนาคตที่ดี และเขาได้อโหสิกรรมให้กับกลุ่มคนร้ายเหล่านั้นแล้ว เพื่อจะได้ไม่ผูกพยาบาทจองเวรกันอีกต่อไป