เด็กชายโสภณ ขำพาลี

ข้อมูลเบื้องต้น

กรณีของ เด็กชายโสภณ ขำพาลี

ปัจจุบันชาติ

ชื่อ-นามสกุล : เด็กชายโสภณ ขำพาลี

วันเดือนปีเกิด : ๒๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๓๖

ความผิดปกติตั้งแต่แรกเกิด : -

ที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน : ๑๘๖ หมู่ ๓ ตำบลตะคร้อ อำเภอไพศาลี จังหวัดนครสวรรค์

พี่น้องร่วมบิดามารดา : เป็นบุตรคนเดียว

อดีตชาติ

ชื่อ-นามสกุล : นายสำคัญ นาคตระกูล ชื่อเล่น : หมาย

วันเดือนปีเกิด : -

วันเดือนปีที่เสียชีวิต : ๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๓๖ ขณะอายุได้ : -

ที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน : -

สาเหตุที่เสียชีวิต : ถูกฆาตกรรม

สถานที่เสียชีวิต : บริเวณป่ายูคาลิปตัส ใกล้ๆกับ ส.ภ.ต.ตะคร้อ

พี่น้องร่วมบิดามารดา : เป็นบุตรคนเดียว

เด็กชายโสภณ ขำพาลี จำอดีตชาติได้

เด็กที่จำอดีตชาติได้ในหมู่บ้านของผู้เขียนรายนี้มีชื่อว่า เด็กชายโสภณ ขำพาลี เป็นบุตรของ นายสมเกียรติ ขำพาลี และ นางสมหมาย โนนน้อย อยู่บ้านเลขที่ ๑๘๖ หมู่ที่ ๓ ตำบลตะคร้อ อำเภอไพศาลี จังหวัดนครสวรรค์ เด็กชายโสภณเกิดเมื่อวันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๓๖ ขณะที่ผู้เขียนไปสัมภาษณ์ครั้งแรกเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๔๒ เขาอายุ ๕ ขวบ ยังจำอดีตชาติของตัวเองได้

เด็กชายโสภณจำอดีตชาติได้ว่า ชาติก่อนเขาเคยเกิดมาเป็น นายสำคัญ นาคตระกูล ซึ่งมีชื่อเล่นว่า “หมาย” หรือ "ไหม" นายสำคัญเป็นบุตรคนเดียวของ นายบุตร และ นางเขียว นาคตระกูล นายบุตรพ่อของนายสำคัญเสียชีวิตตั้งแต่เขาอายุได้ ๑๐ ขวบ เขาจึงอยู่เพียงลำพังกับนางเขียวผู้เป็นแม่มาตั้งแต่เด็กๆ ผู้เขียนจำได้ว่ามีช่วงหนึ่งที่นายสำคัญเคยมาอยู่ช่วยทำงานที่บ้านของผู้เขียนตั้งแต่เมื่อครั้งที่ผู้เขียนยังเป็นเด็ก เนื่องจาก นายบุตร พ่อของนายสำคัญเป็นญาติทางยายทวดของผู้เขียน นายสำคัญมีภรรยาชื่อ นางเหนิง เป็นคนหมู่บ้านวังกระโดนน้อย มีบุตรด้วยกัน ๑ คน ชื่อ เด็กหญิงมิ้ม นายสำคัญมีอาชีพรับจ้างทั่วไป ซึ่งฐานะไม่ได้ร่ำรวย แต่ก็ไม่เดือดร้อนอะไรมากนัก

นายสำคัญ เสียชีวิตเมื่อวันที่ ๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๓๖ เขาถูกคนร้ายซึ่งเป็นคนรู้จักลวงให้ไปช่วยซ่อมรถจักรยานให้และเมื่อนายสำคัญเผลอ คนร้ายได้ใช้ปืนจ่อยิงในระยะเผาขนเสียชีวิตอย่างเหี้ยมโหด แล้วอำพรางคดีโดยนำซากไก่ที่ตายแล้วมาวางไว้ใกล้ๆกับศพของนายสำคัญ เพื่อให้ผู้คนเข้าใจว่านายสำคัญไปขโมยไก่ของชาวบ้านมา แล้วเจ้าของเขาตามมาพบและถูกเจ้าของไก่ยิงจนเสียชีวิต

สำหรับข้อมูลการจำอดีตชาติได้ของเด็กชายโสภณนี้ มีข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการฆาตรกรรม ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้เกี่ยวข้องได้ ดังนั้นผู้เขียนจึงขอสงวนนามของผู้เกี่ยวข้องและข้อมูลบางส่วนเพื่อมิให้เกิดความเสียหายต่อผู้ใด

ความฝันของเพื่อนบ้าน

หลังจากที่นายสำคัญเสียชีวิตไม่กี่วัน คืนหนึ่งนางชิดซึ่งเป็นเพื่อนบ้านของนางเขียวแม่ของนายสำคัญ ฝันว่า นายสำคัญมาบอกกับเธอว่า ให้ไปบอกกับนางเขียวแม่ของเขาด้วยว่าตอนนี้เขาได้ไปเกิดอยู่กับนางสมหมาย ซึ่งมีศักดิ์เป็นหลานคนหนึ่งของเขาแล้ว ตอนนี้เขาสบายดีไม่ต้องเป็นห่วง ต่อมานางชิดได้เล่าความฝันนี้ให้นางเขียวฟัง และนางเขียวได้เล่าความฝันของนางชิดให้นางสมหมายซึ่งมีศักดิ์เป็นหลานของตนฟัง นางสมหมายรู้สึกสงสัยว่านายสำคัญจะมาเกิดกับตนได้อย่างไร ในเมื่อตนได้คลอดเด็กชายโสภณออกมาแล้วถึง ๖ วัน นายสำคัญจึงได้เสียชีวิต

นางสมหมาย เล่าให้ผู้เขียนฟังว่าก่อนที่นายสำคัญจะเสียชีวิตตอนนั้นเธอเพิ่งคลอด เด็กชายโสภณออกมาได้ ๓ วัน วันนั้นนายสำคัญมาเยี่ยมเธอที่บ้านและบอกว่าชอบบุตรชายของเธอมาก หลังจากนั้น ๓ วัน นายสำคัญก็ถูกคนร้ายยิงเสียชีวิต ไม่น่าจะเป็นไปได้ว่าวิญญาณของนายสำคัญจะมาเป็นลูกของเธอได้

นางสมหมาย โนนน้อย

เด็กชายโสภณ จำอดีตชาติได้

เรื่องราวการจำอดีตชาติได้ของเด็กชายโสภณเริ่มขึ้นขณะที่เขาอายุได้ประมาณ ๒ ขวบ พูดได้ชัดแล้ว วันหนึ่งนางสมหมายผู้เป็นแม่ได้ยินเด็กชายโสภณเรียกเธอว่า “อีหมาย” นางสมหมายพยายามสอนให้บุตรชายเรียกว่า “แม่” แต่เด็กชายโสภณไม่ยอมเรียก และบอกกับนางสมหมายว่า “กูเป็นน้ามึงนะ” ตอนนั้นนางสมหมายเริ่มสงสัยว่าบุตรชายจะจำอดีตชาติได้ เธอหวนนึกถึงความฝันของนางชิดเพื่อนบ้านที่นางเขียวแม่ของนายสำคัญเคยเล่าให้ฟังขึ้นมาทันที เธอจึงถามบุตรชายต่อไปว่า

นางสมหมาย : “หนูเป็นใครมาเกิดล่ะ”

เด็กชายโสภณ : “กูเป็นไอ้หมาย”

นางสมหมาย : “หนูเป็นอะไรตาย”

เด็กชายโสภณ : “เขายิง”

นางสมหมาย : “เขายิงตรงไหน”

เด็กชายโสภณ : “ตรงนี้” พูดพร้อมกับชี้ไปที่ปาก “มันยิงปังเข้าที่นี่เลย”

นางสมหมาย : “แล้วใครเป็นคนยิงหนู”

เด็กชายโสภณ : เด็กชายโสภณ ได้บอกชื่อของคนร้ายว่ามีทั้งหมด ๓ คนและบอกด้วยว่า

“พวกมันให้กูไปซ่อมรถจักรยานให้ พอกูซ่อมเสร็จกูกำลังนั่งดูดยาอยู่มันก็ยิงกูเลย”

นางสมหมาย : “แล้วไก่ตัวที่อยู่ข้างๆตัวน้าหมาย ใครเป็นคนเอามา”

เด็กชายโสภณ : “ไม่รู้..กูไม่เห็น”

จากการซักถามเด็กชายโสภณในครั้งนั้น นางสมหมายเริ่มเชื่อว่าเด็กชายโสภณอาจจะเป็น นายสำคัญ น้าของเธอสืบชาติมาเกิด เหมือนอย่างที่นางชิดเพื่อนบ้านฝันจริงๆก็เป็นได้ และเพื่อพิสูจน์ความจริง เธอได้พาเด็กชายโสภณไปพบกับนางเขียวแม่ของนายสำคัญที่บ้านของนางเขียว

พบกับแม่ในอดีตชาติ

นางสมหมาย เล่าให้ผู้เขียนฟังว่า ครั้งแรกที่เธอพาเด็กชายโสภณไปพบกับนางเขียว ที่กระท่อมของนางเขียว ซึ่งนางเขียวอาศัยอยู่ลำพังคนเดียวในกระท่อมหลังเล็กๆไม่มีเลขที่ บริเวณป่าช้าเก่าข้างสถานีตำรวจภูธรตำบลตะคร้อ เมื่อไปถึงบริเวณหน้าบ้านของนางเขียว เด็กชายโสภณก็ตะโกนเรียกนางเขียวทันทีว่า “แม่....แม่เขียว” นางเขียวซึ่งอยู่ในบ้านก็ตะโกนตอบว่า “อะไร” เด็กชายโสภณก็พูดว่า “ทำอะไรอยู่” นางเขียวก็ถามว่า “ใคร” เด็กชายโสภณก็บอกว่า “ผมไอ้หมาย” นางเขียวออกมาจากกระท่อมมาพบกับเธอและเด็กชายโสภณ นางสมหมายเล่าเรื่องที่เด็กชายโสภณพูดให้นางเขียวฟัง นางเขียวจึงทดลองพิสูจน์โดยถามว่า

นางเขียว : “หนูชื่ออะไรลูก”

เด็กชายโสภณ : “ชื่อหมาย”

นางเขียว : “หนูเป็นอะไรตายลูก”

เด็กชายโสภณ : “เขายิง”

นางเขียว : “ ใครยิง”

เด็กชายโสภณ : ( เด็กชายโสภณ บอกว่าคนร้ายมีทั้งหมด ๓ คน และบอกชื่อ

คนร้ายทั้ง ๓ คนด้วย)

นางเขียว : “หนูตายที่ไหนลูก”

เด็กชายโสภณ : “ที่ป่า ตรงโน้น” เด็กชายโสภณชี้ไปทางบริเวณที่นายสำคัญถูกยิงเสียชีวิต

นางเขียว : “เขายิงถูกตรงไหน”

เด็กชายโสภณ : “ตรงนี้” เด็กชายโสภณชี้ที่บริเวณโหนกแก้ม

นางเขียว : “แล้วเมียหนูชื่ออะไร”

เด็กชายโสภณ : เด็กชายโสภณไม่ยอมตอบ แต่พูดว่า “ผมเกลียดมัน

ไม่อยากพูดถึง”

นางเขียว : “แล้วลูกหนูล่ะชื่ออะไร”

เด็กชายโสภณ : “ชื่อมิ้ม”

นางเขียว : “ทำไม หนูมาเกิดก่อนตายล่ะ”

เด็กชายโสภณ : “ถ้าไม่เกิดก่อน ก็เสียทีพวกมันน่ะสิ..แม่แล้วโอ่งผมล่ะ”

นางเขียว : “อยู่ทางนี้ไง” นางเขียวพาเด็กชายโสภณ เดินไปดูโอ่งใส่น้ำใบเล็กที่อยู่ ข้างบ้าน

เด็กชายโสภณ : “แม่อย่าให้ใครนะ เก็บไว้ให้ผม”

นางเขียวกล่าวกับผู้เขียนว่า โอ่งใบนั้นปู่ของนายสำคัญยกให้มานานมากแล้ว ตั้งแต่นายสำคัญยังเป็นเด็ก ไม่คิดว่าเขายังคิดเป็นห่วงอยู่ จากการพิสูจน์ในครั้งนั้นทำให้นางเขียวเชื่อว่า เด็กชายโสภณคือนายสำคัญบุตรชายของเธอสืบชาติมาเกิดจริง

นางเขียว นาคตระกูล

เหตุการณ์วันที่นายสำคัญเสียชีวิต

คืนวันที่ ๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๓๖ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งว่ามีคนถูกยิงเสียชีวิตอยู่บริเวณป่ายูคาลิปตัส ไม่ไกลจากสถานีตำรวจนักจึงรีบรุดไปยังที่เกิดเหตุและได้พบศพนายสำคัญ นอนเสียชีวิตอยู่ติดกับต้นยูคาลิปตัส โดยที่มือข้างหนึ่งของนายสำคัญกำต้นไม้ไว้แน่น เล็บของเขาฝังเข้าไปในเปลือกไม้ แสดงว่าหลังจากถูกยิงนายสำคัญยังไม่เสียชีวิตในทันที นายสำคัญถูกยิงที่บริเวณโหนกแก้มทะลุใบหน้าอีกด้านหนึ่ง เป็นการจ่อยิงในระยะประชิด ตอนนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องใช้เวลาแกะมือของนายสำคัญออกจากต้นไม้อยู่นาน จึงสามารถแกะออกได้ ข้างๆศพของนายสำคัญ มีซากไก่อยู่ ๑ ตัวและพบรอยเท้าของคนร้ายและรอยรถจักรยานอยู่ใกล้ๆกับศพของนายสำคัญ เจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่านายสำคัญอาจจะไปขโมยไก่ของชาวบ้านแล้วเจ้าของตามมาพบเข้าจึงยิงนายสำคัญจนเสียชีวิต หรือไม่ก็เป็นการมาตรกรรมอำพรางโดยทิ้งซากไก่ไว้เพื่ออำพรางคดี สำหรับชาวบ้านแถวนั้น พวกเขาไม่เชื่อว่าจะเป็นประเด็นแรก แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไร ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการสืบหาคนร้ายมาลงโทษ แต่จนถึงปัจจุบันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถจับคนร้ายมาลงโทษได้

พบภรรยาและบุตรสาว

นอกจากเด็กชายโสภณจะตอบคำถามของนางสมหมายและนางเขียวในครั้งนั้นแล้ว เด็กชายโสภณยังพูดและแสดงออกให้เห็นว่าเขาคือนายสำคัญอีกหลายครั้ง มีครั้งหนึ่งนางสมหมายพา เด็กชายโสภณไปเที่ยวงานวัดและได้พบกับภรรยาและบุตรสาวของนายสำคัญ เด็กชายโสภณมองบุตรสาวในอดีตชาติอย่างไม่ละสายตา แต่ไม่ยอมมองหน้าภรรยา นางสมหมายถามว่า “ทำไมไม่มองเขาล่ะ” เด็กชายโสภณก็บอกว่า “เกลียดมันไม่อยากมอง”

จำพ่อของผู้เขียนได้

มีครั้งหนึ่งผู้เขียนกำลังนั่งคุยกับพ่อของผู้เขียนอยู่ใต้ถุนบ้านของผู้เขียน ผู้เขียนมองเห็น เด็กชายโสภณ ถีบรถจักรยานมากับ เด็กชายพงศธร ศรชัย ผู้เขียนจึงเรียกให้พวกเขาเข้ามาที่บ้าน ผู้เขียนถามเด็กชายโสภณว่า รู้จักพ่อของผู้เขียนหรือเปล่า เด็กชายโสภณตอบว่า “รู้จัก” ตอบแล้วเขาก็พากันถีบรถจักรยานออกไปโดยที่ผู้เขียนยังไม่ทันได้ถามอะไรต่อ เขาบอกว่ารู้จักพ่อของผู้เขียน ทั้งๆที่ไม่เคยพบหรือรู้จักกันมาก่อน และเมื่อครั้งที่ผู้เขียนไปสัมภาษณ์เขาครั้งแรก ผู้เขียนถามว่ารู้จักผู้เขียนหรือเปล่า ตอนนั้นเขาพยักหน้ารับว่ารู้จักแต่ไม่ได้พูดอะไร ได้แต่เขินอาย ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าเขาพูดหรือตอบคำถามออกมาตามประสาเด็ก หรืออาจจะพูดออกมาจากความทรงจำในอดีตชาติของเขาก็เป็นได้ เนื่องจากเมื่อตอนเด็กๆผู้เขียนจำได้ว่านายสำคัญเคยมาอยู่ช่วยงานที่บ้านของผู้เขียนอยู่หลายปี ซึ่งตัวของนายสำคัญเองรู้จักผู้เขียนกับพ่อของผู้เขียนเป็นอย่างดี นางสมหมายบอกกับผู้เขียนว่า โดยปกติแล้วเด็กชายโสภณเป็นเด็กที่ไม่ค่อยพูดและขี้อาย จะพูดก็ตอนที่เล่นอยู่กับเด็กๆด้วยกันหรือเวลาอยู่กับเธอเท่านั้น

ขณะที่ผู้เขียนไปสัมภาษณ์ เด็กชายโสภณไม่ยอมตอบคำถามใดๆได้แต่ยิ้มเขินอาย แก้มแดง นางสมหมายกล่าวว่า เมื่อครั้งที่เด็กชายโสภณอายุได้ประมาณ ๒ - ๓ ขวบ เด็กชายโสภณพูดถึงเรื่องราวในอดีตชาติหลายครั้งแต่ปัจจุบันไม่ค่อยพูด แล้ว

สำหรับกรณีการสืบชาติมาเกิดเป็นเด็กชายโสภณของนายสำคัญนี้ มีความพิเศษซึ่งแตกต่างจากผู้จำอดีตชาติได้รายอื่นๆส่วนใหญ่อยู่อย่างหนึ่งคือ เป็นการเกิดก่อนที่จะเสียชีวิต เหมือนกับกรณีของ เด็กชายพงศธร ศรชัย ซึ่งพบได้ไม่มากนักในหมู่ของผู้จำอดีตชาติได้ เท่าที่ทราบข้อมูลในประเทศไทย มีผู้จำอดีตชาติได้ลักษณะเดียวกันนี้อยู่ท่านหนึ่งคือ พระเทพสุทธาจารย์ หรือ หลวงปู่โชติ คุณสัมปันโน ซึ่งสืบชาติมาเกิดเป็นบุตรของน้องสาวในอดีตชาติของท่าน ในขณะที่น้องสาวของท่านได้คลอดบุตรออกมาแล้ว ๑ วัน