นิทานเรื่องเขาวงกต

นิทานเรื่องเขาวงกต

มีนิทานเรื่องหนึ่ง เป็นเรื่องของผู้ที่เที่ยวเดินวนเวียนอยู่ในเขาวงกตอันไม่มีเบื้องต้นและเบื้องปลาย มีที่สูงบ้างต่ำบ้าง ต้องเดินอยู่ที่นี้ๆ ที่นั้นๆ ๑ วันบ้าง ๑๐ วันบ้าง ๑๐๐ วันบ้าง ๑ ปีบ้าง ๑๐ ปีบ้าง ๑๐๐ ปีบ้าง ๑,๐๐๐ ปีบ้าง ๑๐,๐๐๐ ปีบ้าง ๑๐๐,๐๐๐ ปีบ้าง ๑,๐๐๐,๐๐๐ ปีบ้าง ฯลฯ เดินวนอยู่อย่างนั้นทั้งกลางวันกลางคืน โดยไม่เหนื่อย ไม่หน่าย เพราะมีกิเลส ตัณหา อุปาทาน ยึดเหนี่ยวให้ติดอยู่ เพราะความไม่รู้จึงแสวงหา เที่ยวหาสถานที่หรือแดนที่สุขสมบูรณ์และเป็นนิรันดร์

เมื่อได้ไปยังแดนที่ต้องประสบทุกข์มากก็คิดหวังว่าน่าจะมีแดนที่มีทุกข์น้อยกว่านี้ เมื่อได้ไปยังแดนที่ต้องประสบทุกข์น้อยมีสุขบ้างก็คิดหวังว่าน่าจะมีแดนที่มีสุขมากกว่านี้ เมื่อได้ไปยังแดนที่มีสุขมากและจำเป็นต้องจากแดนนั้นไปด้วยเพราะหมดเวลา ก็คิดหวังว่าน่าจะมีแดนที่มีสุขสมบูรณ์และไม่มีหมดเวลาเป็นนิรันดร์ แต่ก็ยังหาไม่พบจึงเที่ยวเดินวนเรื่อยไปด้วยความหวังโดยไม่คิดจะออกจากเขาวงกตนั้น ทั้งๆที่มีผู้ที่ออกจากเขาวงกตนั้นไปได้แล้วและอยู่บนที่สูงซึ่งมองเห็นเขาวงกตทั้งหมดอย่างแจ่มชัด เป็นผู้รู้เห็นทุกซอกทุกมุมของเขาวงกตนั้นและชี้ทางออกให้เห็นอยู่ ทั้งเป็นผู้ที่รู้ชัดว่าไม่มีสถานที่หรือแดนใดเลยในเขาวงกตแห่งนี้ที่มีสุขสมบูรณ์และเป็นนิรันดร์เลย ท่านจึงพยายามตะโกนบอกสัตว์ที่เที่ยวเดินวนอยู่ในเขาวงกตนั้นว่า

" พวกท่านจงรู้เถิดว่าไม่มีสถานที่หรือแดนใดเลยในเขาวงกตแห่งนี้ที่มีสุขสมบูรณ์และเป็นนิรันดร์เลย เรารู้เราเห็นชัดทั้งหมดแล้วพวกท่านทั้งหลายจงออกมาทางนี้เถิด นี่เป็นทางออกทางเดียว อย่าเที่ยวเดินแสวงหาสถานที่หรือแดนที่สุขสมบูรณ์และเป็นนิรันดร์ที่ไม่มีอยู่นั้นอยู่เลย พวกท่านไม่เหนื่อยบ้างหรือ พวกท่านไม่หน่ายบ้างหรือ จึงเที่ยวเดินวนเวียนอยู่อย่างนั้น เราเหนื่อยแล้ว เราหน่ายแล้ว เราสลัดกิเลส ตัณหา อุปาทานที่ทำให้ติดอยู่ไปหมดสิ้นแล้ว ตาเราจึงสว่าง เราจึงพบทางออก เมื่อพบทางออกแล้วเราขึ้นมาสู่ที่สูงแล้วเที่ยวมองดูแล้วทุกซอกทุกมุม เราจึงรู้แจ้งชัดว่าไม่มีสถานที่หรือแดนใดๆเลยในเขาวงกตแห่งนี้ที่มีสุขสมบูรณ์และเป็นนิรันดร์เลย เมื่อเรารู้แจ้งชัดดังนี้เราจึงไม่ปรารถนาที่จะเข้าไปเดินวนเวียนลุ่มหลงแสวงหาอยู่อีก

เพราะเราเห็นว่าในนั้นมีแต่ทุกข์ไม่อาจพ้นทุกข์ไปได้ บ้างก็ประสบทุกข์ในเบื้องต้น บ้างก็ประสบทุกข์ในท่ามกลาง บ้างก็ประสบทุกข์ในเบื้องปลาย ทุกข์เพราะปรารถนาแล้วไม่สมปรารถนาบ้าง ทุกข์เพราะต้องพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รักบ้าง ทุกข์เพราะต้องประสบกับสิ่งอันไม่เป็นที่รักไม่เป็นที่พึงปรารถนาบ้าง ทุกข์เพราะสุขน้อยลงบ้าง เราจึงเที่ยวบอกแก่พวกท่านทั้งหลายว่า

จงออกมาทางนี้เถิด นี่เป็นทางออกทางเดียว อย่าเที่ยวเดินแสวงหาสถานที่หรือแดนที่สุขสมบูรณ์และเป็นนิรันดร์ที่ไม่มีอยู่นั้นอยู่เลย พวกท่านไม่เหนื่อยบ้างหรือ พวกท่านไม่หน่ายบ้างหรือ จึงเที่ยวเดินวนเวียนอยู่อย่างนั้น”

เมื่อท่านผู้นั้นได้พูดกับผู้ที่เดินวนเวียนอยู่ในเขาวงกต เฉพาะสิ่งที่เป็นไปเพื่อที่จะนำพาพวกเขาเหล่านั้นให้ออกจากเขาวงกตนั้นได้ จนกระทั่งมีผู้ที่สามารถออกจากเขาวงกตหลังจากท่านได้จำนวนหนึ่ง และได้มาสู่ที่สูงที่เห็นชัดรู้ชัดทุกซอกทุกมุมของเขาวงกตนั้นแล้ว เมื่อหมดเวลาของท่าน ท่านก็ได้ฝากผู้ที่ออกมาจากเขาวงกตภายหลังจากท่านให้ช่วยเที่ยวบอกผู้ที่อยู่ในเขาวงกตนั้นต่อๆไป เมื่อหมดเวลาของท่านแล้วท่านก็ได้อันตรธานหายไปจากเขาวงกตนั้นไปชั่วนิรันดร์ไม่กลับมาอีกเลยชั่วนิรันดร์ ไม่มีท่านอยู่ที่ไหนแล้ว ท่านไม่เกิดอีกแล้ว พระยามัชจุราชก็หาท่านไม่พบ หรือแม้แต่พระอรหันต์ก็หาท่านไม่พบ อย่าว่าแต่มนุษย์ คนทรง หรือเทพเจ้าองค์ใดเลย ยังคงมีแต่คำพูดที่ท่านบอกไว้ ฝากไว้กับผู้ที่ออกมาภายหลังเท่านั้น ที่ยังคงดังก้องอยู่เพื่อยังประโยชน์แก่ผู้ที่เหนื่อย ผู้ที่หน่าย ในการเดินวนเวียนอยู่ในเขาวงกตแห่งนั้น และต้องการที่จะหาทางออกจากเขาวงกตอันไม่มีเบื้องต้นและเบื้องปลายแห่งนั้น ตราบชั่วกาลนาน