ปริศนาธรรมข้อที่ ๔
ไม้โกงอย่าทำกงวาน
อาตมาภาพขอถวายวิสัชนา จตุตถปัญหาคำรบ ๔ ซึ่งว่า ไม้โกงอย่าทำกงวาน นั้น อธิบายว่าให้เอาไม้อันตรงอันซื่อนั้นทำกงวาน* ปริศนานี้เป็นอุปมาอุปมัยให้แจ้งในพระญาณ สมเด็จพระบรมบพิตรพระราชสมภารเจ้าผู้ประเสริฐ ชื่อว่ากงวานทั้งปวงนี้ก็เป็นอุปการแก่สำเภา ให้แข็ง ให้มั่นคง มิให้ไหวดุจจลาจล อันว่าสำเภาอันหากงวานมิได้นั้น มิอาจทนทานกำลังระลอกคลื่นในท้องทะเลนั้นได้ แลมิอาจจะข้ามทะเลไปได้ ก็จะแตกทำลายในทะเลนั้น เหตุว่าสำเภานั้นหากงวานมิได้ อันว่าสำเภาลำใดมีกงวานอันมั่นคงสามารถ สำเภาลำนั้นก็จะอาจเพื่อจะทนทานกำลังระลอกคลื่นในท้องทะเลนั้นได้ ก็จะข้ามทะเลนั้นไปรอดถึงฝั่งข้างโพ้น ตามความปรารถนาแห่งวาณิชผู้เป็นเจ้าสำเภานั้น
แลมีอุปมาดุจใด อันว่าอาตมาแห่งโยคาวจรผู้ปรารถนาจะข้ามสงสารสาครนั้น ก็มีอุปมัยดุจสำเภานั้นแล อันว่ามิตร แลอำมาตย์ แลทาสกรรมกร อันเป็นอุปการปฏิบัติรักษาโยคาวจร*นั้น ก็มีอุปมัยดุจไม้อันเป็นกงวาน แลเป็นอุปการรักษาสำเภานั้น เหตุดังนั้น อันว่าโยคาวจรผู้มีปัญญาปรารถนาเพื่อจะข้ามสงสารสาครนั้น ก็พึงพิจารณาดูคนทั้งหลายด้วยปัญญา เล็งเห็นคนหมู่ใดอันมิซื่อมิตรง แลคดด้วยกาย คดด้วยวาจา คดด้วยจิต โยคาวจรอย่าเอาคนหมู่นั้นมาเป็นมิตร เป็นอำมาตย์ เป็นทาสกรรมกร ให้ปฏิบัติรักษาอาตมา อันนี้ชื่อว่าไม้โกงอย่าเอาทำกงวานนั้นแล
อันว่าโยคาวจรผู้มีปัญญานั้น พึงเลือกเอาแต่คนอันซื่อ อันสัตย์ อันตรง มิได้คดด้วยกาย มิได้คดด้วยวาจา มิได้คดด้วยจิต นั้นมาเป็นมิตร เป็นอำมาตย์ แลเป็นทาสกรรมกร ให้เป็นอุปการปฏิบัติรักษาอาตมาแห่งโยคาวจรนั้น อันนี้ชื่อว่าให้เอาแต่ไม้อันซื่อ อันตรงมาทำกงวานนั้นแล เหตุอันใดจึงว่าอย่าให้โยคาวจรเจ้า เอาคนอันคด แลมิได้ซื่อนั้นเป็นอุปการแก่อาตมา เหตุว่าคนอันคด อันมิซื่อนั้น เป็นคนอสัปปุรุษ เป็นคนพาล คนบาปแล สมเด็จพระสรรเพชญพุทธเจ้าตรัสเทศนาดังนี้ ฯเอกํ ธมฺมํ อตีตสฺส มุสาวาทิสฺส ชนฺตุโน วิติณฺณปรโลกสฺส นตฺถิ ปาปํ อการิยํ ฯ๑๖
อธิบายว่า อันว่าบุคคลผู้ใดเว้นเสียซึ่งความสัตย์ แลกล่าวมุสาวาท แลเห็นประโยชน์ใน อิธโลกนี้ แลมิได้เล็งเห็นประโยชน์ในปรโลก อันว่าบุคคลผู้นั้น จะว่ามิกระทำบาปนั้นหามิได้ เมาะว่าบุคคลผู้นั้นกระทำบาปเป็นคนบาปเที่ยงแท้แล อันว่าอยู่ด้วยคนบาป คนพาลอันมิซื่อสัตย์นั้น ก็เป็นทุกข์ยิ่งนักหนา สมเด็จพระสรรเพชญพุทธเจ้าตรัสเทศนาว่า ฯ พาลสงฺคตจารี หิ ฑีฆมทฺธาน โสจติ ทุกฺโข พาเลหิ สํวาโส อมิตฺเตเนว สพฺพทา ฯ๑๗ อันว่าบุคคลหมู่ใดแลมีปกติท่องเที่ยวไปด้วยคนพาลนั้น อันว่าบุคคลหมู่นั้น ก็จะบังเกิดทุกข์ โศกาดูรสิ้นกาลช้านาน เหตุว่าฟังถ้อยคำคนพาล แลกระทำบาปนั้น อันว่าอยู่ด้วยคนพาลนั้น อยู่เป็นทุกข์นักหนา ดุจอยู่ด้วยข้าศึกนั้นแล
อธิบายว่าบุคคลอันอยู่กับด้วยข้าศึก อันมีมือถือดาบจะฆ่าอาตมานั้นก็ดี อยู่ด้วยอสรพิษอันจะตอดอาตมานั้นก็ดี แลบุคคลผู้นั้นก็อยู่เป็นทุกข์ในกาลทั้งปวง แลมีอุปมาดุจใดอันว่าบุคคลผู้อยู่ด้วยคนพาลนั้น ก็อยู่เป็นทุกข์ในกาลทั้งปวง ดุจอยู่ด้วยข้าศึก แลอสรพิษนั้นแล เหตุดังนี้จึงว่า อย่าให้โยคาวจรเอาคนพาลมาเป็นอุปการแก่อาตมานั้นแล ประการหนึ่ง ซึ่งว่าให้โยคาวจรเอาคนซื่อสัตย์มาเป็นอุปการนั้น ด้วยว่าคนซื่อสัตย์นั้นเป็นคนสัปปุรุษ แลอยู่ด้วยคนสัปปุรุษนั้นเป็นสุขเที่ยงแท้แล สมเด็จพระสรรเพชญพุทธเจ้าตรัสเทศนาดังนี้ ฯ สาหุ ทสฺสนมริยานํ สนฺนิวาโส สทาสุโข…ธีโร จ สุขสํวาโส ญาตีนํว สมาคโม ฯ๑๘ อันว่าอยู่ด้วยบุคคลผู้สัปปุรุษนั้นก็เป็นสุขในกาลทุกเมื่อ แลอย่าว่าอยู่ด้วยเลย แม้นแต่เล็งเห็นบุคคลผู้เป็นสัปปุรุษนั้น ก็เป็นสุขเที่ยงแท้นักหนาแล แม้นว่าอยู่ด้วยนักปราชญ์ผู้มีปัญญานั้นก็เป็นสุขยิ่งนักหนา ดุจอยู่ด้วยญาติกาแห่งอาตมานั้นแล
เหตุดังนี้จึงให้โยคาวจรเอาคนผู้ซื่อเป็นสัปปุรุษนั้น เป็นอุปการแก่อาตมานั้นแล ประการหนึ่ง สมเด็จพระสรรเพชญพุทธเจ้า ตรัสเทศนาดังนี้ ฯ สเจ ลเภถ นิปกํ สหายํ สทฺธึจรํ สาธุวิหาริธีรํ อภิภุยฺย สพฺพานิ ปริสฺสยานิ จเรยฺย เตนตฺตมโน สตีมา ฯ๑๙ ตสฺมา หิ ธีรญฺจ ปญฺญญฺจ พหุสฺสุตญฺจ โธรยฺห สีลํ วตวนฺตมริยํ ตํ ตาทิสํ สปฺปุริสํ สุเมธํ ภเชถ นกฺขตฺตปถํว จนฺทิมา ฯ๒๐ ภิกฺขเว ดูกรภิกษุทั้งหลาย อันว่าท่านทั้งหลายจะบำเพ็ญสมณธรรม*ด้วยอาตมา และกัลยาณมิตรนั้น ผจญเสียซึ่งราคะ โทสะ โมหะ มานะ* ทิฏฐิอันเป็นภัยนั้นเสียแล้ว แลกัลยาณมิตรดังนี้ ท่านทั้งหลาย จงบำเพ็ญสมณธรรม กับด้วยกัลยาณมิตรผู้นั้นเถิด
เหตุดังนั้น ท่านทั้งหลายจงส้องเสพซึ่งกัลยาณมิตรอันมีความเพียร แลมีปัญญา แลเป็นพหูสูต* แลกอปรด้วยศีลวัตรปฏิบัตินั้นเถิด อันว่าพระจันทร์อันเสพซึ่งอากาศ อันเป็นทางแห่งดาวทั้งหลาย แลเป็นอันรุ่งเรืองงามหนักหนา แลมีอุปมาดุจใด อันว่าท่านทั้งหลายอันส้องเสพซึ่งกัลยาณมิตร อันกอปรด้วยเห็นปานดังนั้น ท่านทั้งหลายก็จะรุ่งเรืองงามดุจพระจันทร์นั้นแล อธิบายปริศนานี้ว่าโยคาวจร อันปรารถนาข้ามสงสารให้ถึงนฤพานนั้น อย่าได้ส้องเสพด้วยคนอันคด อันเป็นอสัปปุรุษนั้น แลให้ส้องเสพด้วยคนอันซื่อเป็นสัปปุรุษนี้ จึงจะข้ามสงสารถึงนฤพานตามปรารถนา ดุจสำเภาเภตรา อันมีกงวานอันสามารถนั้นแล อันว่าอาตมาโยคาวจรนั้นดุจสำเภา อันว่ากัลยาณมิตร อำมาตย์ ทาส กรรมกรนั้น ดุจกงวานสำเภาอันว่าวิจิตรแห่งโยคาวจรนั้น ดุจพาณิชเจ้าสำเภานั้นแล
ขอถวายพระพรอาตมาภาพวิสัชนาจตุตถปัญหา ด้วยพระธรรมเทศนานี้ ขอจงเป็นต้นหน แลนายเข็มสำหรับสำเภาเภตรา คือบวรอาตมาพระองค์ผู้ประเสริฐ วิสัชนาจตุตถปัญหาปริศนาคำรบ ๔ สำเร็จแล้วแต่เท่านี้แล