สมพิศ หั้นเจริญ

กรณีของ สมพิศ หั้นเจริญ

หรือ

พระปลัดสมพิศ ติกขญาโณ

เจ้าอาวาสวัดบางขมิ้น ต.บางยอ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ

พระปลัดสมพิศ ติกขญาโณ เจ้าอาวาสวัดบางขมิ้น ตำบลบางยอ อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ รูปปัจจุบัน คือผู้ระลึกชาติได้อีกผู้หนึ่ง ท่านบรรพชาเป็นสามเณรตั้งแต่อายุ 15 จนอายุครบอุปสมบท ท่านจึงบวชเป็นพระภิกษุที่วัดทรงธรรม และดำรงสมณเพศมาโดยตลอดตราบจนทุกวันนี้

พระปลัดสมพิศเกิดเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน ปี พ.ศ.2482 พ่อชื่อแห แม่ชื่อลูกจัน หั้นเจริญ ท่านเกิดที่ ตำบลสาขลา อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ

เมื่อตอนที่ท่านคลอดออกมานั้น มีรอยแผลติดตัวมาแต่กำเนิดที่บริเวณใต้ราวนมด้านซ้าย รอยแผลมีความยาวประมาณ 1 นิ้ว มีน้ำเหลืองและหนองขังอยู่เต็ม เมื่อบีบแผลดูปรากฎว่ามีน้ำหนองปนเลือดไหลออกมาจากบาดแผลนั้นด้วย ต้องใช้เวลารักษาอยู่นานเป็นเดือนแผลถึงได้แห้งกลายเป็นรอยแผลเป็นติดตัวมาจนถึงทุกวันนี้

พระปลัดสมพิศ หรือ เด็กชายสมพิศ เป็นเด็กเลี้ยงง่าย ไม่ค่อยเจ็บป่วยงอแงสร้างความลำบากใจให้กับพ่อแม่แต่อย่างใด กระทั่งเด็กชายสมพิศเติบโตเจริญวัยขึ้นมาและเริ่มหัดพูด ความทรงจำอันประหลาดล้ำก็ได้ผุดขึ้นมาอย่างชัดเจนว่าตัวเขาเป็นใครในอดีตชาติ แต่ไม่สามารถจะพูดจะบอกให้ใครรู้ได้ เพราะไม่สามารถสื่อภาษาพูดให้รู้เรื่องเนื่องจากยังเป็นเด็กเล็กนัก

กระทั่งอายุได้ 3 ขวบกว่า พูดจาได้คล่องแล้วจึงได้เล่าให้แม่คือแม่ลูกจันฟังว่า “เมื่อชาติก่อนหนูชื่อ เสย ปรางค์อยู่ บ้านอยู่คลองบางปลากด ถูกผู้หญิงแทงตาย” แม่ลูกจันกับพ่อแหรับฟังเรื่องนี้ด้วยความแปลกใจ แต่ไม่มีเวลาไปสืบหาข้อเท็จจริงเพราะอยู่ไกลจากบางปลากดอันเป็นสถานที่ซึ่งลูกชายกล่าวอ้าง

ต่อมาพ่อกับแม่ย้ายครอบครัวมาทำนาที่บางจาก ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากคลองบางปลากลดเท่าไรนัก แต่เด็กชายสมพิศไม่ค่อยพูดถึงเรื่องชาติก่อนหรือชาติอดีตอีก นายแหกับนางลูกจันเลยพลอยลืมๆ ไปด้วย

กระทั่งวันหนึ่ง ขณะเด็กชายสมพิศนั่งเล่นอยู่กับพี่สาวที่หน้าบ้านซึ่งติดกับคลอง มีหญิงสาวอายุ 14 –15 พายเรือผ่านมา พอเด็กชายสมพิศมองเห็นหญิงสาวคนนั้น ก็แสดงกิริยาท่าทางตื่นเต้นดีใจ ชี้ไปที่หญิงสาวที่พายเรือพลางบอกกับพี่สาวว่า “นั่นลูกสาวฉัน นั่นลูกสาวฉัน” ทำให้พี่สาวชื่อ จารุนันท์ พลอยแปลกใจไปด้วย

คราวนี้ แม่ลูกจัน ได้ซักถามเด็กชายสมพิศอย่างจริงจัง เด็กก็เล่าเรื่องราวในชาติก่อนให้ฟังว่าเขาคือนายเสย เป็นพ่อม่ายภรรยาตายมีลูก 6 คน เหตุที่ตายเพราะไปลวนลามแม่ม่ายชื่อนางหอม ผู้หญิงโกรธแค้นมากจึงตามมาแทงเขาเข้าที่หัวใจตายคาที่

เด็กชายสมพิศ มีความแปลกอยู่อย่างหนึ่งคือกลัวผู้หญิง ความกลัวนี้เป็นมาตั้งแต่ยังตัวน้อยๆ นอนแบเบาะทีเดียว มีแม่เพียงคนเดียวเท่านั้นที่โอบอุ้มใกล้ชิดได้โดยไม่แสดงความหวาดกลัว แต่ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นไม่ว่าจะเป็นพี่ ป้า น้า อา หากเข้ามาอุ้ม หรือแค่เข้ามาอยู่ใกล้ๆ เขาจะร้องไห้ตัวงอไม่ยอมหยุด

กระทั่งโตจนพูดได้แล้ว เด็กชายสมพิศก็ยังแสดงความหวาดกลัวผู้หญิงเหมือนเดิม เห็นผู้หญิงเดินมาหา เขาจะหลบไปแอบซ่อนทันที หรือญาติผู้หญิงมาที่บ้าน เขาจะเข้าไปอยู่ในห้องไม่ยอมโผล่หน้าออกมาจนกว่าญาติคนนั้นจะกลับ

ผู้หญิงที่เด็กชายสมพิศตอนโตแล้วไม่แสดงความหวาดกลัวและยอมสนิทสนมด้วยนั้น นอกจากแม่แล้วก็มีพี่สาวคือ จารุนันท์ อีกคนที่เขาใกล้ชิดมากที่สุด

พระปลัดสมพิศ ได้เมตตาเล่าถึงเหตุการณ์ในอดีตชาติ ตอนเกิดเป็นนายเสยว่า นายเสย ปรางค์อยู่ เป็นคนบางปลากลด มีภรรยาชื่อ นางพวง เมื่อแต่งงานแล้วก็มาอยู่บ้านแม่ยาย ซึ่งอยู่ใกล้ๆ วัดคู่สร้าง มีอาชีพเป็นนายตรวจเรือยนต์ของบริษัทแม่น้ำมอเตอร์โบ๊ด เป็นคนมีอุปนิสัยสนุกสนานรื่นเริงและออกจะเจ้าชู้ แต่ไม่เคยผูกพันกับหญิงอื่นจริงจัง ซึ่งเรื่องเจ้าชู้นี้นางพวงภรรยาไม่ชอบใจเอาเสียเลย เคยห้ามปรามเป็นคำขาด เพราะกลัวนายเสยจะแอบไปมีภรรยาน้อยจึงไม่ค่อยวางใจนัก

แม้ นายเสย จะเป็นคนออกลายในทางเจ้าชู้ มีเพื่อนฝูงมาก แต่นายเสยไม่เคยดื่มสุรา จิตใจฝักใฝ่ในพุทธศาสนาพอสมควร ทุกเช้าจะใส่บาตรเป็นประจำ งานวัดงานสงฆ์นายเสยจะช่วยทุกอย่าง ไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย ประกอบกับแม่ยายของนายเสยเป็นผู้ปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัด การใส่บาตรถือเป็นกิจวัตรและรักษาอุโบสถศีลอยู่เสมอ จึงมีส่วนทำให้นายเสยเคารพศรัทธาในพุทธศาสนายิ่งขึ้น

ตัวนายเสยเองก็เคยบวชเป็นพระภิกษุมาแล้ว แต่มีวาสนาอยู่ในร่มกาสาวพัสตร์น้อยนัก เพราะเป็นพระภิกษุได้แค่ 15 วันก็ต้องสึกเนื่องจากถูกเกณฑ์ทหาร

ความเปลี่ยนแปลงบางอย่างในชีวิตของ นายเสย เริ่มมาจาก นางพวง ผู้เป็นภรรยาล้มป่วยและตายในเวลาอันรวดเร็ว ทำให้นายเสยเสียใจอย่างรุนแรงจึงหันมาดื่มเหล้าประโลมใจตัวเอง ต่อมานายเสยก็กลายเป็นนักดื่มทุกวัน อุปนิสัยใจคอที่เคยเป็นคนเยือกเย็นก็กลายเป็นคนใจร้อน มีอารมณ์ฉุนเฉียวง่าย เหตุนี้จึงไปเกิดเรื่องขัดใจกับนักเลงลูกทุ่งคนละคุ้งน้ำ ถึงกับท้าทายนัดหมายตีกันในงานวัดคู่สร้าง

วันเกิดเหตุที่วัดคู่สร้างมีงานบุญ มีมหรสพแสดงให้ชาวบ้านได้ชมกัน พร้อมกันนั้นนายเสยกับคู่อริต่างก็นัดพบกันในบริเวณวัด ครั้นเวลาพลบค่ำ พรรคพวกของนายเสยซึ่งมีน้องชายนายเสยรวมอยู่ในกลุ่มได้ทยอยกันไปที่วัด โดยนายเสยจะขับเรือยนต์ตามไปทีหลัง

นายเสย ดื่มเหล้าตั้งแต่เย็นจึงมีอาการมึนๆ และมีจิตใจฮึกเหิมเป็นพิเศษ ใกล้ถึงเวลานัดพบกับพรรคพวก นายเสยจึงเตรียมออกเรือยนต์ ขณะนั้น นางหอม ทับทิม แม่ม่ายสามีร้างวัย 22 ปี เดินมาขออาศัยนั่งเรือไปดูลิเกที่วัดคู่สร้างด้วยคน นายเสยบอกว่าลงมาเลยนางหอมจึงลงมาในเรือ แล้วนายเสยก็ออกเรือแล่นไปยังวัดคู่สร้าง

ระหว่างเรือแล่นไปตามคลอง นายเสยซึ่งมึนๆด้วยฤทธิ์สุราขาดสติยั้งคิด ได้พูดจาเกี้ยวพาราสีด้วยความคะนองปาก นางหอมโต้ตอบบ้าง เงียบบ้าง ทำให้นายเสยได้ใจ อุปนิสัยเจ้าชู้กำเริบขึ้น เมื่อแล่นเรือมาถึงท่าน้ำวัดคู่สร้างซึ่งปลอดเปลี่ยวสงัดคน นายเสยก็ถึงกับลวนลามถึงตัวนางหอมเอาดื้อๆ นางหอมแค้นใจที่นายเสยลวนลามตนเหมือนดูถูกกัน จึงด่าไปหลายคำ แล้วโดดหนีขึ้นฝั่งวิ่งไปที่หมู่คนซึ่งดูลิเกกันอยู่

ส่วนนายเสยไม่ได้คิดอะไร อีกทั้งไม่สำนึกว่าตัวเองล่วงละเมิดเกียรติฝ่ายหญิงให้ได้รับความอับอาย ทั้งนี้ก็เพราะความมึนเมาจากฤทธิ์เหล้าครอบงำทำให้ขาดสติ

นายเสย ขึ้นฝั่งไปสมทบกับพรรคพวกและน้องชายที่วัดแล้วออกตามหาคู่อริ แต่หาเท่าไรก็ไม่พบ แสดงว่าฝ่ายนั้นคงไม่กล้ามาตามนัด นายเสยจึงแยกกลับมาคอยที่เรือก่อนเนื่องจากร่ำสุราเข้าไปมากนัก ไม่อยากเดินเที่ยวเตร่ไปไหน มาถึงเรือยนต์ที่จอดชิดติดตลิ่ง นายเสยได้ลงไปที่เรือและใช้เวลาว่าง “เผาหัว” เพราะเครื่องยนต์เรือสมัยนั้นเป็นแบบเครื่องเผาหัว เพื่อเตรียมเดินทางกลับเมื่อพวกพ้องเที่ยวงานวัดเลิกแล้ว

อยู่ในเรือได้ครู่หนึ่ง นายเสยรู้สึกปวดปัสสาวะจึงโดดขึ้นฝั่งเดินหาที่เหมาะๆ จะปัสสาวะ โดยไม่ทันสังเกตเห็นนางหอมแม่ม่ายสาวมายืนแอบอยู่หลังเสาไฟฟ้านานแล้ว ในมือนางหอมมีมีดปลายแหลมถือกระชับไว้แน่น

นายเสย คิดไม่ถึงว่านางหอมจะอาฆาตคิดแค้นรุนแรงถึงปานนี้ จึงไม่ได้ระมัดระวัง พอเดินเลยเสาไฟฟ้าที่นางหอมแอบอยู่ไม่กี่ก้าวก็หยุด หมายจะปัสสาวะให้สบายตัว ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงคนเดินเข้ามา จึงเอี้ยวตัวหันไปดูก็เห็นเป็นนางหอม พริบตานั้นนางหอมก็ปักมีดเข้าแทงตรงหน้าอกเต็มเหนี่ยว มีดปลายแหลมจมมิดเข้าใต้ราวนมข้างซ้ายเกือบสุดใบมีด นายเสยผงะไปทั้งตัว พร้อมๆ กับที่นางหอมกระชากมีดออกแล้ววิ่งหนีไปทันที

“อีหอมแทงกู” นายเสยพูดออกมาได้แค่นั้นก็ล้มตึงหงายลงกับพื้นดิน แน่นิ่งอยู่ตรงนั้นเอง นายเสยสิ้นใจตายคาที่เพราะถูกแทงเข้าหัวใจพอดี ตอนตายมีอายุได้ 45 ปี

สำหรับนางหอมถูกตำรวจจับตัวได้ในคืนนั้น และถูกศาลพิพากษาลงโทษให้จำคุก 15 ปี นางหอมรับโทษอยู่ 8 ปี 6 เดือนก็ได้รับอภัยโทษออกมามีอิสรภาพเช่นเดิม!

พระปลัดสมพิศ ได้เล่าถึงอดีตชาติตอนเป็นนายเสย หลังจากถูก นางหอม แทงตายแล้วว่า มีความรู้สึกเหมือนกับนอนหลับแล้วฝันไป คือฝันว่ารู้สึกตัวขึ้นมาปรากฎตัวบนทางเดินสายหนึ่ง ซึ่งเป็นทางเปลี่ยวและเงียบสงัดสองฟากทางเป็นป่าทึก มองไม่เห็นบ้านเรือนที่อยู่อาศัยของผู้คนแม้แต่หลังเดียว

ก่อนนายเสยจะสิ้นใจตายนั้นจำได้ว่ากำลังเมาเหล้าอยู่พอครึ้มๆ แต่ตอนนี้รู้สึกตัวในอีกภพชาติหนึ่ง อาการมึนเมาไม่มีหลงเหลืออยู่เลย มีความรู้สึกเป็นปกติ ไม่มีบาดแผลที่ถูกนางหอมแทงและไม่รู้สึกเจ็บปวดแม้แต่น้อย เสื้อผ้าที่สวมใส่เป็นเสื้อสีดำแบบชาวชนบทใส่ ไม่สวมหมวก ไม่สวมรองเท้า และไม่เห็นศพตนว่าอยู่ในสภาพใด คล้ายกับว่ากายละเอียดทั้งกายหยาบแล้วก็มาปรากฏขึ้นอีกสถานที่หนึ่ง หรืออีกภพชาติหนึ่งทันที

นายเสย เดินไปตามทางเปลี่ยวสายนั้นเพียงคนเดียว และไม่รู้ว่าจุดหมายปลายทางอยู่ที่ไหน ขณะกำลังเดินอยู่นั้นรู้สึกหิวกระหายน้ำเหลือเกิน มองหาแอ่งน้ำลำธารที่ใดก็ไม่เห็น จึงต้องกล้ำกลืนฝืนทน หิวน้ำไปเรื่อยๆ กระทั่งมาถึงกระท่อม มีชายหญิงวัยชรานั่งอยู่บนแคร่หน้ากระท่อม 2 คน จึงรีบเข้าไปหาและขอน้ำดื่มจากผู้สูงอายุคู่นั้น

หญิงชราให้น้ำมาขันหนึ่งและให้ผลไม้อีกผลหนึ่ง ไม่รู้ว่าเป็นผลไม้อะไร บอกว่าให้กินทั้ง 2 อย่างเลยนะ แล้วหญิงชรากับชายชราได้เดินเข้ากระท่อมไป

นายเสยดื่มน้ำจนเต็มกระหาย รู้สึกสดชื่นขึ้นแต่ไม่ได้กินผลไม้ เพราะอิ่มน้ำแล้ว อีกอย่างหนึ่งกลัวจะเสียเวลาหากมัวกินผลไม้อยู่ จึงขว้างผลไม้ทิ้งไป หญิงชราออกมาจากประตูกระท่อมอีกครั้งแล้วถามว่ากินผลไม้หรือไม่ นายเสยโกหกว่ากินแล้วและอำลาจากไป

เดินมาครู่หนึ่งก็ถึงทางสามแพร่ง มีทางแยกซ้าย ขวา ทางตรงไปข้างหน้ามีคลองใหญ่ขวางอยู่ นายเสยจึงตัดสินใจเดินตรงไป เมื่อถึงฝั่งคลองมองไม่เห็นสะพานข้ามไปอีกฝั่งหนึ่งจึงได้ยืนรีรออยู่ ไม่รู้ว่าจะไปทางไหนดี

ยืนเคว้งคว้างอยู่ไม่นานก็เห็นชายคนหนึ่งแจวเรือผ่านมา จำหน้าคนแจวได้แม่นยำว่าเป็น นายแห หั้นเจริญ พ่อในชาติใหม่ จึงได้ตะโกนเรียกขออาศัยนั่งเรือไปด้วย แต่คนแจวหรือนายแหไม่ได้ยิน ทำเฉยเมยก้มหน้าก้มตาแจวไปเรื่อยๆ นายเสยตะโกนเรียกอีกหลายครั้ง เห็นคนแจวไม่ได้ยินเสียงตัวเองแน่แล้ว จึงตัดสินใจกระโดดจากฝั่งคลองลงไปที่เรือ เท้าข้างหนึ่งเหยียบกราบเรือได้แต่เท้าอีกข้างหนึ่งอยู่นอกเรือ นายเสยจึงกอดขาคนแจวเอาไว้แน่นและอยู่ในท่านี้ โดยคนแจวก็ยังแจวเรือต่อไปทำไม่รู้ไม่ชี้ กระทั่งมองเห็นโรงนาซึ่งเป็นบ้านของนายแหอยู่บนฝั่ง และนายแหวาดแจวเหหัวเรือไปจอดที่สะพานท่าน้ำหน้าบ้าน ความรู้สึกของนายเสยก็ดับวูบไปเฉยๆ มารู้สึกตัวและเริ่มจำเรื่องราวของตนในชาติก่อนเมื่อมาเกิดใหม่กระทั่งโตพอจะพูดได้แล้ว

เป็นที่น่าสังเกตว่า นายเสยถูกนางหอมแทงตายเมื่อปี พ.ศ. 2481 แล้วมาเกิดใหม่ในปีพ.ศ.2482 มีระยะเวลาห่างกันประมาณ 1 ปี แต่พระปลัดสมพิศบอกว่าหลังจากนายเสยตายแล้วมาปรากฎร่างบนทางสายเปลี่ยว เดินมาถึงกระท่อมของหญิงชายวัยชรา ได้กินน้ำ กระทั่งมาเกิดใหม่ มีความรู้สึกว่าเป็นเวลาประเดี๋ยวเดียว หากนับเป็นเวลาตามนาฬิกาคงไม่เกิน 1 ชั่วโมงเท่านั้นเอง

พระปลัดสมพิศเปิดเผยว่า ตั้งแต่เกิดใหม่ในชาตินี้ มักจะฝันถึงเหตุการณ์คล้ายๆ กับเหตุการณ์ในชาติก่อน คือจะฝันว่าไปเที่ยวงานแล้วถูกรุมแทงแต่หนีรอดมาได้อย่างน่าหวาดเสียว หรือฝันว่าถูกแทงด้วยมีดทำให้เกิดความรู้สึกเกลียดกลัวมีดอย่างบอกไม่ถูก

สำหรับเรื่องสตรีเพศนั้น ท่านบอกว่าเมื่อตอนเป็นเด็กรู้สึกกลัวผู้หญิงทุกคนยกเว้นแม่กับพี่สาว ครั้นโตขึ้นความกลัวค่อยๆเลือนไป แต่มีความรู้สึกว่าผู้หญิงทำให้เกิดเรื่องยุ่งยาก ไม่อยากวุ่นวายด้วย จึงบวชมาเรื่อยๆไม่ยอมสึก อีกอย่างก็คือกลัวจะเกิดเหตุการณ์เหมือนในชาติก่อนอีก

กับครอบครัวนายเสย พระปลัดสมพิศ ขณะเป็นเด็กชายสมพิศได้เล่าให้พ่อแม่ฟังว่าตนมีอดีตชาติเป็นมาอย่างไรนั้น พ่อกับแม่คือนายแหกับนางลูกจันก็ไม่ได้ออกไปค้นหารายละเอียดว่าเป็นจริงแค่ไหน และไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่ามีครอบครัวของนายเสยอยู่ในเขตคลองบางปลากดหรือไม่

กระทั่งวันหนึ่ง ผู้ใหญ่บ้านชื่อผล ซึ่งรู้จักกับนายเทศ ได้มาเยี่ยมนายเทศที่โรงนา นายแหจึงซักถามเรื่องของนายเสยว่าเป็นจริงอย่างไร ผู้ใหญ่ผลก็เล่าให้ฟังว่านายเสยเป็นนายตรวจเรือยนต์ของบริษัทมอเตอร์โบ๊ท และถูกนางหอมแทงตายเพราะไปลวนลามนางหอมซึ่งเป็นแม่ม่าย จึงเป็นอันว่าเรื่องที่เด็กชายสมพิศระลึกชาติได้นั้นเป็นความจริง

สำหรับครอบครัวของ นายเสย ปรางค์อยู่ มีลูกชายหญิงรวมกัน 6 คน คือ

1.นางสาย มีลาภ

2.นายประเสริฐ ปรางค์อยู่

3.นางจันทร์ มียิ้ม

(นางจันทร์คนนี้ที่พายเรือผ่านหน้าบ้านของเด็กชายสมพิศ และเด็กชายสมพิศชี้บอกว่าเป็นลูกของตน)

4. นายประสิทธิ์ ปรางค์อยู่

5.นายพล ปรางค์อยู่

6.นางเกษร

นายแหได้พาเด็กชายสมพิศไปที่บ้านของนายเสย ปรากฎว่าเด็กชายสมพิศจำสภาพบ้านและสิ่งของได้อย่างแม่นยำทุกอย่าง บอกชื่อลูกๆของนายเสยได้ถูกต้องทุกคน และยังถามถึงต้นชมพู่ซึ่งตน(นายเสย)ปลูกไว้ 2 ต้น แต่เห็นอยู่เพียงต้นเดียว ลูกบอกว่าต้นชมพู่ต้นหนึ่งถูกน้ำท่วมตาย หลังจากที่นายเสยตายไม่นาน

น้องชายของนายเสยบอกกับเด็กชายสมพิศว่าขอดูรอยแผลเป็น ซึ่งเป็นรอยถูกแทงก่อน เมื่อเด็กชายสมพิศถลกเสื้อให้ดู น้องชายนายเสยก็ยอมรับว่าเด็กชายสมพิศเป็นพี่ชายมาเกิดแน่ๆ เพราะตอนที่นายเสยถูกแทง เขาเป็นคนอุ้มนายเสยจะพาไปโรงพยาบาล แต่นายเสยได้สิ้นใจตายก่อน บาดแผลตรงราวนมด้านซ้ายเขาจำได้แม่นยำไม่มีวันลืม

นางหอมพ้นโทษ นางหอม ทับทิม ผู้เป็นมือมีดฆ่านายเสยตายและถูกจับกุมตัวได้เกือบทันทีทันควัน ถูกศาลพิพากษาให้จำคุก 15 ปี แต่ได้รับอภัยโทษหลายครั้งจึงติดคุกเพียง 8 ปี 6 เดือน ก็ได้รับอิสรภาพ

เมื่อออกจากคุกแล้ว นางหอมได้ย้ายมาอยู่ที่ตำบลท้ายบ้าน อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ แล้วมาได้สามีใหม่ชื่อ นายสมใจ ก้อนใส

นางหอมเล่าว่านางเองก็มีความเกี่ยวดองเป็นญาติกับนายเสย เพราะตาของนายเสยเป็นพี่น้องกับปู่ของนางหอม ด้วยเหตุนี้นางจึงได้รู้จักกับนายเสยมาตั้งแต่ตัวเล็กๆ ต่อมามีเรื่องระแวงแคลงใจกัน โดยนางหอมเชื่อว่านายเสยต้องการทำลายล้างครอบครัวของนาง โดยเข้าใจว่านายเสยเป็น สายให้พวกโจรมาปล้นบ้านของนาง ต่อมาพ่อแม่ของนางหอมถูกตำรวจกับข้อหาเล่นการพนัน นางหอมปักใจเชื่อว่านายเสยคือผู้นำตำรวจมาจับอีก

หลังจากที่นางพวงภรรยานายเสยตายลง และนายเสยเริ่มดื่มเหล้า นายเสยก็แสดงกิริยาท่าทีว่าชอบนางหอมฉันชู้สาว แต่นางหอมไม่มีไมตรีตอบเพราะรังเกียจที่นายเสยมีลูกมาก อีกอย่างหนึ่งยังมีความขุ่นแค้นเพราะเชื่อว่านายเสยเป็นตัวการทำให้ครอบครัวของนางเดือดร้อน นางจึงไม่มีจิตใจสนองตอบด้วย ครั้งมาถูกนายเสยลวนลามถึงขั้นถูกเนื้อต้องตัว เหมือนกับต้องการให้ตนเองอับอายขายหน้าจึงโกรธนัก

นางหอมเล่าว่า ตนได้ไปยืมมีดปลายแหลมด้ามหวายจากแม่ค้าที่รู้จักกัน แล้วมาดักรอนานเสยอยู่ด้วยความแค้น สบโอกาสเหมาะที่นายเสยขึ้นจากเรือมาปัสสาวะ ตนจึงเข้าไปหานายเสยทางด้านขวามือ พอนายเสยหันตัวมาดูจึงได้แทงออกไป คิดไม่ถึงว่าจะแทงถูกหัวใจพอดิบพอดี

หลังจากพ้นโทษแล้วก็ทราบว่านายเสยเกิดใหม่เหมือนกัน แต่ไม่ได้ไปสืบเสาะข้อเท็จจริงเพราะไม่ต้องการมีเรื่องวุ่นวายอีกต่อไป

นายเสย ตายแล้วมาเกิดใหม่ในระยะสั้นๆ เพียง 1 ปีเช่นนี้ และระลึกชาติได้ดังที่ถ่ายทอดมาตั้งแต่ต้น ย่อมเป็นการยืนยันและพิสูจน์แล้วว่า ชาติหน้ามีจริง และการเวียนว่ายตายเกิดมีจริง ตามที่พระพุทธองค์ท่านสอนไว้เมื่อสองพันห้าร้อยกว่าปีที่ผ่านมา

ภาพถ่ายปัจจุบัน

ชมคลิปเรื่องราวการจำอดีตชาติได้ของ พระปลัดสมพิศ ติกขญาโณ : Part 1 , 2 ,3