เรื่องราวการจำอดีตชาติได้ของ นางส้มกรุ่น จึงวิบูลย์สถิตย์ นี้เป็นอีกกรณีหนึ่งที่ผู้จำอดีตชาติได้ จำเรื่องราวเหตุการณ์ชีวิตหลังความตายได้ และยังสามารถจำอดีตชาติได้แม้จะอายุได้ ๑๖ ปีแล้วก็ตาม(ขณะที่นายฟรานซิส สตอรี่ ไปสัมภาษณ์) นางส้มกรุ่น เป็นลูกสาวของ นายหวาน นางอุบ อยู่ที่หมู่บ้านบางม่วง อ.เมือง จ.นครสวรรค์
เธอเริ่มพูดถึงเรื่องราวในอดีตชาติ ในวันหนึ่ง นางส้มกรุ่น หรือ เด็กหญิงส้มกรุ่น ในขณะนั้นซึ่งมีอายุประมาณ ๕ ขวบ ได้พูดกับมารดาว่า หนูไม่ใช่ลูกของแม่ แต่เป็นลูกของเถ้าแก่โรงยาฝิ่น ที่อำเภอพยุหคีรี จังหวัดนครสวรรค์ เตี่ยเป็นคนรวยมาก หนูชื่อเน้กเอ้ย เตี่ยชื่อเฮง แซ่โซว แม่ชื่อส่วน บ้านอยู่ที่พยุหคีรี หนูตายเพราะหัดขึ้นในปาก ทำให้ปากคอเปื่อย ตายแล้วอยู่ที่ป่าช้าวัดเขาแก้ว พบแม่ใหม่ในชาตินี้ ที่ป่าช้า จึงเกาะชายกระเบนแม่มา
คำพูดของเด็กน้อยทำให้นางอุบหวนคิดถึงครั้งหนึ่งเมื่อราว ๖ ปีมาแล้ว นางพาเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งไปทำพิธีกินยาแก้โรคที่ป่าช้าวัดเขาแก้ว หลังจากนั้น นางก็เกิดสังหรณ์ใจชอบกล และเคยพูดกับเพื่อนผู้หญิงคนนั้นว่า ถ้าผีเข้าท้องจะทำยังไง
ข่าวการระลึกชาติของ เด็กหญิงส้มกรุ่น ได้กระจายกว้างออกไปทุกที จนถึงหู เถ้าแก่เฮง และ นางส่วน เจ้าของโรงยาฝิ่น อ.พยุหคีรี ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านบางม่วง ๕๐ กิโลเมตร นางส่วนคิดอยากจะไปสอบสวนให้รู้ความจริง จึงพาญาติพี่น้องไปทางเรือ เมื่อเรือมาใกล้บ้านนางอบ ก็สั่งให้เรือจอด แล้วพาขึ้นไปพักที่ศาลาท่าน้ำ นั่งพักไม่ทันหายเหนื่อยก็มีเด็กหญิงคนหนึ่ง วิ่งตรงเข้ามากอดนางส่วน แล้วพูดว่า “นี่แม่ของหนู” พลางถลกผ้าถุงให้นางส่วนดูที่โคนขาอ่อน ซึ่งมีปานแดงอยู่ตรงกับที่นางส่วนเอาชาติแดงทำตำหนิไว้ที่ศพของเด็กหญิงเน้กเอ้ยไว้ นางส่วน ถึงกับตลึงเพราะเป็นคนใช้ชาติแดงทำตำหนิไว้ที่โคนขาลูกสาวที่ตายไว้จริง นางถึงกับร้องไห้ เชื่อแน่ว่าเป็นลูกของตน และจูบกอด เด็กหญิงส้มกรุ่น จนลืมตัว ญาติพี่น้องบางคนก็พลอยร้องไห้ไปด้วย
จากนั้นก็พาไปหา นางอบ และต่างก็เล่าเรื่องของ เด็กหญิงส้มกรุ่น ให้กันฟัง นางส่วนจึงขออนุญาตพาเด็กหญิงส้มกรุ่นไปบ้านตน เพื่อพิสูจน์ความจริงในเรื่องนี้ และเมื่อนางอบอนุญาตแล้ว นางส่วนก็พาเด็กหญิงส้มกรุ่น ไปที่บ้านที่พยุหคีรี
เมื่อ เด็กหญิงส้มกรุ่น ไปถึงบริเวณบ้านของ นางส่วน ก็จำได้ชี้มือไปที่บ้านหลังหนึ่งแล้วพูดว่า “โน้นบ้านของหนู” เมื่อเข้าไปในบ้านเห็นเถ้าแก่เฮงก็จำได้ บอกว่า “นี่เตี่ยหนู” จากนั้นก็เดินไปชี้ที่ต่างๆ ที่เคยเล่นในชาติก่อน ตลอดทั้งจำญาติพี่น้องในชาติก่อนได้ ทำให้เถ้าแก่เฮงนางส่วนและพวกญาติลงความเห็นว่า เด็กหญิงเน้กเอ้ย กลับชาติมาเกิดเป็น เด็กหญิงส้มกรุ่น อย่างไม่มีข้อสงสัย และพอครบกำหนด ๑ อาทิตย์ นางส่วนก็พา เด็กหญิงส้มกรุ่น มาส่งนางอุบตามที่ตกลงไว้ ด้วยความรักและอาลัยเป็นที่สุด และภายหลังก็ได้มาเยี่ยมเยียนกันอยู่เสมอ
ต่อมา เด็กหญิงส้มกรุ่น อายุ ๑๖ ปีก็มีสามีชื่อ นายสถิต จึงวิบูลย์สถิต แต่เธอก็ยังจำอดีตชาติได้ไม่ลืมเลือน ครั้งหนึ่ง นายฟรานซิส สตอรี่ นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษ ผู้สนใจเรื่องเวียนว่ายตายเกิด พร้อมด้วยพระสงฆ์รูปหนึ่ง ได้ไปสอบถามเรื่องนี้ นางส้มกรุ่นก็เล่าเรื่องราวในอดีตชาติให้ฟัง มีใจความดังนี้
เมื่อชาติก่อนหน้านี้ดิฉันชื่อ เน้กเอ้ย เตี่ยชื่อเฮง แม่ชื่อส่วน เตี่ยเป็นเจ้าของโรงยาฝิ่นอยู่ที่บ้าพยุหคีรี ดิฉันตายเมื่ออายุได้ ๕ ขวบเพราะเป็นหัดปากคอเปื่อย เมื่อตายแล้วก็อยู่ในบ้านนั้น ร่างกายเบานึกจะไปไหนก็ไปได้ดังใจนึก ได้เห็นร่างของตนนอนอยู่บนเตียง และเห็นคนร้องไห้กันอยู่หลายคน ยังจำได้ว่ามีใครบ้าง เห็นเขาอาบน้ำศพ และบรรจุเข้าโลงนำไปทำพิธีในป่าช้าวัดเขาแก้ว และก็อยู่ในป่าช้านั้นมานาน ในป่าช้านั้นมีบ้านเรือนตั้งอยู่เหมือนในเมืองมนุษย์ แต่ผู้ที่อยู่ในนั้น ไม่มีการหุงหาอาหารกัน ถึงเวลาก็มีอาหารมาอยู่ที่หน้าบ้านหรือบนโต๊ะ แต่พวกที่ไม่มีบ้านเรือนอยู่ก็มีเหมือนกัน พวกนี้ตัวสูงๆยาวๆ หน้าตาดุร้าย ถึงเวลากินอาหารก็แย่งกันกินที่ลานหน้าวัดเขาแก้ว ดิฉันคิดว่าพวกนี้เมื่อสมัยที่เป็นมนุษย์ คงจะไม่ได้ทำบุญทำทานไว้ ส่วนพวกที่มีบ้านมีอาหารกิน ก็เพราะสมัยที่เป็นมนุษย์ทำบุญทำทานไว้ สำหรับดิฉันนั้น แม่ทำบุญอุทิศไปให้บ่อยๆ ดิฉันรู้เห็นทุกครั้ง ดิฉันรู้สึกสนุกสนานและสบายดี ขณะที่อยู่ในป่าช้า
วันหนึ่งดิฉันกับเพื่อนๆหลายคนออกจากป่าช้าไป คล้ายกับมีอะไรมาบังคับให้ออก ครั้นเวลาผ่านไป พวกเพื่อนๆก็หายไปทีละคนสองคน จนเหลือเพื่อนเพียงคนเดียว และในที่สุดเพื่อนคนนั้นก็บอกว่าจะไปเที่ยวกรุงเทพฯ จะไปเกิดที่นั่น แล้วก็แยกทางหายไป เหลือแต่ดิฉันคนเดียว
ต่อมารู้สึกตัวว่ามาอยู่บนสวรรค์ ที่นั่นสวยงามมากอย่างบอกไม่ถูก ไม่มีอะไรในเมืองมนุษย์ที่จะเปรียบเทียบความสวยงามได้เลย อากาศก็สบายทั้งยังสว่างตลอดเวลา ดิฉันอยู่บนสวรรค์ไม่นานนักก็มาปรากฏตัวอยู่ในเมืองนรก มียมบาลรูปร่างสูงใหญ่ หน้าตาดุร้ายน่ากลัว ใส่เสื้อแดงกางเกงแดงคอยจดชื่อคนที่ไป และมีพวกยมบาลเอายาใส่จอกให้ดื่ม พอมาถึงคิวดิฉัน ดิฉันกลัวเลยหลับตาปัดจอกยาทิ้งไปแล้ววิ่งหนีออกมาจากที่นั่น ตั้งใจจะไปอยู่ที่ป่าช้าตามเดิม ชั่วเวลาอึดใจก็มาปรากฏตัวอยู่ที่ป่าช้า อยู่ที่นั่นอีกนาน ต่อมาเห็นแม่อุบไปทำพิธีในป่าช้า ดิฉันรู้สึกรักจึงเกาะชายกระเบนของแม่อุบมา พอออกมาพ้นจากป่าช้าวัดเขาแก้ว ก็รู้สึกหน้ามืดสิ้นสติ มารู้สึกตัวอีกครั้งก็เมื่อมาเกิดในชาตินี้แล้ว