ผู้จำอดีตชาติได้ใน อลาสก้า รายนี้มีชื่อว่า นายเฮนรี่ เอลกิ้น เกิดเมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๒ ที่เมืองอางคูน(Angoon) อลาสกา(Alaska) แล้วต่อมาได้ย้ายมาอยู่ที่เมื่องฮูน่า(Hoonah) จนปัจจุบันนี้ แรกเกิด นายเฮนรี่ เอลกิ้น หรือ เด็กชายเฮนรี่ เอลกิ้น มีรอยแผลเป็นสองแห่งตั้งแต่แรกเกิด คือที่หน้าอกด้านซ้าย และที่หลังได้ระดับตรงกันพอดี รอยแผลเป็นที่หน้าอกมีลักษณะเป็นวงกลม กว้างประมาณครึ่งนิ้ว สีจางกว่าสีผิวเนื้อธรรมดา ส่วนรอยแผลเป็นที่หลังใหญ่กว่าหน้าอก ดูเป็นรอยรูปสามเหลี่ยม สีเหมือนเนื้อธรรมดา ทั่งสองรอยนี้อยู่ต่ำกว่าไหล่ประมาณ ๖ นิ้วและห่างลิ้นปีกสัก ๓ นิ้วอยู่ในระดับเดียวกัน
เมื่อครั้งที่ ดร.สตีเวนสัน ไปสอบเรื่องที่ นายเฮนรี่ เอลกิ้น จำอดีตชาติได้นั้น ได้ตรวจรอยแผลเป็นทั่งสองแห่งนั้นแล้วเห็นว่า เหมือนกับแผลเป็นที่เกิดจากถูกลูกปืน และทั่งสองรอยนั้นอยู่ในระดับเดียวกัน ดูเป็นรอยคล้ายกับถูกยิงจากด้านหน้า แล้วลูกปืนผ่านทะลุผ่านหน้าอกทะลุไปออกทางด้านหลังตรงกันทีเดียว นอกจากนี้ ดร.เอียน สตีเวนสัน ยังพบว่ามีแผลที่อยู่ระดับเดียวกัน ที่หลังด้านขวาใกล้สันหลัง แต่เป็นรอยเล็กกว่า เป็นรอยแผลธรรมดา นายเอลกิ้น แจ้งว่าแผลเป็นแผลนั้นเกิดจากที่เขาเป็นฝีเมื่อเป็นเด็ก ส่วนรอยแผลเป็นทั่งสองแห่งข้างต้นนั้น มารดาของเขายืนยันว่ามีติดตัวของ เฮนรี่ เอลกิ้น มาตั่งแต่แรกเกิด
เรื่องราวการจำอดีตชาติได้ของ นายเฮนรี่ เอลกิ้น เริ่มขึ้นเมื่อครั้งที่ นายเอลกิ้นยังเป็นเด็กเล็กๆ อยู่ มารดาได้พา เอลกิ้น ไปที่หอประชุมของประชาชนในเมืองอางกูน เมื่อไปถึงเด็กชายเอลกิ้น มองไปมองมารอบๆหอประชุม แล้วบอกกับมารดาว่า เขาเคยเห็นคุณยายมาที่หอประชุมนั้นด้วย ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้มารดาของนายเอลกิ้นเล่าให้ฟังว่า คุณยายได้เคยพาเขามาที่หอประชุมนั้นจริง แต่นั่นมันเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นเมื่อกว่า ๒๕ ปีมาแล้ว ก่อนที่เด็กชายเอลกิ้นจะเกิดตั้งนาน ที่คุณยายมาที่นี่ก็เพื่อมารอคุณตาผู้เป็นสามีกลับจากสนามรบ เพราะในสมันนั้นเกิดการราราฆ่าฟันกัน ในระหว่างชนเผ่าของชาวทลิงกิชในอลาสกา พวกผู้หญิงพากันไปรอสามีอยู่ที่หอประชุมในเมืองนั้น ซึ่งก็คือหอประชุมแห่งนี้นั่นเอง เด็กชายเอลกิ้น ได้พูดถึงเรื่องราวก่อนที่ตัวเขาเองจะเกิดกว่า ๒๕ ปีได้
ต่อมาเมื่อ เฮนรี่ เอลกิ้น อายุได้ ๘ ขวบ วันหนึ่งเขาพูดถึงเรื่องที่ครั้งหนึ่งบิดาของเขาออกไปหาปลากับพวกแล้วได้ช่วยชีวิตพวกที่ไปงมสาหร่ายทะเลไว้ ๒ คนซึ่งบิดามารดาของเอลกิ้น ยืนยันว่าเป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นจริง แต่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนที่ เขาจะเกิด เมื่อเด็กชายเอลกิ้นพูดถึงอดีตชาติบ่อยๆเข้า บิดามารดาของเอลกิ้น รู้สึกไม่สบายใจ เพราะเชื่อว่าผู้ที่พูดถึงอดีตชาติจะประสบเคราะห์ร้าย จึงห้ามปรามไม่ให้เด็กชายเอลกิ้น พูดถึงเรื่องในชาติก่อนอีกต่อไป
เมื่อครั้งที่ ดร.เอียน สตีเวนสัน ไปสอบกรณีนี้เมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๕ นั้น นายเอลกิ้นยังจำชาติก่อนได้ดี ตอนนั้นเขามีอายุ ๖๓ ปีแล้ว แต่ไม่มีใครสนใจสอบถามว่าในชาติก่อนนั้นเขาเป็นใคร เนื่องจากชาวเผ่าทลิงกิต(Tlingit) ในอลาสก้า เชื่อว่าผู้ที่พูดถึงอดีตชาติจะประสบเคราะห์ร้าย