คณะตามรอยพระพุทธบาท เข้าไปพิสูจน์

ประมวลภาพ คณะตามรอยพระพุทธบาท

เข้าไปพิสูจน์ คนจำอดีตชาติได้ ในหมู่บ้านตะคร้อ "หมู่บ้านโลกตะลึง"

บันทึกการเดินทางไป "หมู่บ้านตะคร้อ อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์"

ครั้งที่ 1

วันที่ 22 ตุลาคม 2552

พระอาจารย์ชัยวัฒน์ อชิโต(วัดท่าซุง)

เจ้าของเว็บไซต์ ตามรอยพระพุทธบาท และคณะ เดินทางเข้าไปพิสูจน์

หมู่บ้านระลึกชาติ ต.ตะคร้อ อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์

สาเหตุที่จะต้องไปหมู่บ้านตะคร้อแห่งนี้ เป็นเพราะว่ามีคนระลึกชาติได้ โดยเฉพาะก่อนหน้านี้มีรายการทีวี "วู๊ดดี้" ได้นำออกมาสัมภาษณ์ หลวงพี่ชัยวัฒน์จึงได้วางแผนเดินทางไปที่นี่ด้วย แต่พอรถเข้าไปถึงหมู่บ้าน ก็ยังไม่รู้จะสืบถามหาหรือเริ่มต้นที่ไหนดี เพราะมีรายชื่อคนระลึกชาติได้นับสิบราย ขณะขับรถเข้าหมู่บ้านมองเห็น "ที่ทำการ อบต.ตะคร้อ" อยู่ทางซ้ายมือ จึงได้แวะเข้าไปถามทันที ชาวบ้านที่ยืนอยู่แถวนั้นแนะนำให้ไปที่บ้านของ คุณธีระพันธ์ วงษ์คำภา ซึ่งอยู่ใกล้กับ อบต. จึงได้ไปที่บ้านแล้วได้พบคุณธีระพันธ์พอดี

ในขณะนั้น คุณธีระพันธ์ได้ไปตามคุณยายและแฟนสาวเข้ามาสนทนาด้วย หลวงพี่ได้ซักถามเรื่องการระลึกชาติต่างๆ คุณธีระพันธ์ก็ได้เล่าให้ฟังว่า ก่อนที่พวกเราจะเข้าไป ในตอนเช้ามืดประมาณตีห้า ซึ่งแต่ละวันต้องลุกขึ้นไปใส่บาตรกับคุณยาย แต่เช้าวันนั้นได้ยินเสียงบอกว่า วันนี้ไม่ต้องออกไปใส่บาตรนะ ประเดี๋ยวก็จะได้ทำบุญแล้วละ

พร้อมกันนี้คุณธีระพันธ์ได้เล่าต่อไปอีกว่า ก่อนหน้านี้ประมาณสักเดือนกว่าๆ ได้ฝันเห็นพระสงฆ์องค์หนึ่ง ตนเองก็ได้พยายามสืบหาตามวัดต่างๆ แต่ก็ไม่พบพระมีลักษณะตามที่ฝัน จนกระทั่งได้พบหลวงพี่ชัยวัฒน์ ปรากฏว่ามีรูปร่างเหมือนกับความฝัน รู้สึกว่าคุณธีระพันธ์จะดีใจมากที่ได้พบหลวงพี่

โดยมีแฟนสาวเป็นพยานว่า คุณธีระพันธ์ได้เล่าความฝันนี้ให้ทราบไว้ก่อนนี้แล้วจริง จากนั้นคุณธีระพันธ์ได้ชักชวนพวกเราคุณไปข้างบนบ้าน โดยเฉพาะที่หน้าหิ้งพระ นอกจากจะมีพระพุทธรูปแล้ว ก็ยังมีรูปปั้น "ท่านแม่และท่านพี่" ไว้บูชาอีกด้วย ซึ่งคุณธีระพันธ์ได้เล่าว่า ท่านทั้งสองเป็นแม่และพี่ในชาติอดีต ในเวลานี้ท่านก็ได้ติดตามช่วยเหลืออยู่ด้วย

พร้อมกันนี้คุณธีระพันธ์ก็ได้ถลกเสื้อขึ้น พร้อมกับชี้ไปที่รอยแผลเป็นข้างสะเอว บอกว่าเป็นแผลที่มีมาแต่กำเนิด แต่จำได้ว่าชาติก่อนเคยถูกแทง แผลเป็นจึงได้ติดตัวมาถึงชาตินี้ด้วย ซึ่งสามารถอ่านรายละเอียดได้ค่ะ คลิกที่นี่

หลังจากนั้น คุณธีระพันธ์ก็ได้นำออกไปนอกถนนใหญ่ พร้อมกับชี้มือไปที่ต้นโพธิ์ใหญ่ พร้อมกับเล่าว่า ชาติก่อนได้เคยฝังพระพุทธรูปทองคำไว้ใต้ต้นโพธิ์แห่งนี้ ซึ่งรายการ "วู๊ดดี้" ได้เคยนำคนมาทำพิธีเพื่อจะขุดทรัพย์สมบัติตรงบริเวณนี้ แต่ขณะที่ทำพิธีปรากฏว่ามีลมพายุพัดมา จึงหยุดทำพิธีไปโดยปริยาย บริเวณนี้ไม่มีใครอยู่ได้ แม้จะสร้างบ้านไว้ก็ต้องทิ้งร้างไป

"วู้ดดี้" (ใส่เสื้อสีดำใส่แว่น) บุกพิสูจน์ขุดหากระดูกในอดีตชาติที่ นายธีระพันธ์ วงศ์คำภา จำได้ว่าอยู่บริเวณต้นตะแบกเก่าที่มีต้นโพธิ์กาฝากขึ้นคร่อมอยู่ (ภาพจาก : sites.google.com/site/reincarnationthailand.com) ดูรูปเพิ่มเติมได้อีก คลิกที่นี่

ต่อจากนั้นพวกเราจึงกลับเข้ามาในหมู่บ้านอีก ตามภาพได้แวะไปหาพี่ผู้หญิงคนที่ยืนอยู่นี้ เพราะคุณธีระพันธ์ (คนใส่เสื้อสีขาว) เล่าให้ฟังว่า วันที่รายการวู๊ดดี้มาทำพิธีนั้น ผู้หญิงคนนี้ได้ไปร่วมพิธีด้วย แล้วเห็นกุมารทองอยู่บนต้นโพธิ์ บอกว่าจะขอมาเกิดด้วย แต่ผู้หญิงคนนี้ไม่ยอม เพราะมีลูกตั้ง 3 คนแล้ว อึกทั้งยังเป็นหนี้อีกหลายแสน หลวงพี่จึงแนะนำว่า ถ้าเขาอยากมาเกิดจริง ก็ขอให้ช่วยให้ปลดหนี้ได้หมดก็แล้วกัน กลับมาแล้วก็ยังไม่รู้ว่าเขาตัดสินใจอย่างไร

ต่อจากนั้นคุณธีระพันธ์ก็ได้นำไปที่วัดคลองมะม่วงเตี้ย ซึ่งอยู่ห่างออกไปจากหมู่บ้าน เพราะมีคนที่ระลึกชาติได้อีกรายหนึ่งชื่อว่า คุณสุรางคนา (ส้ม) วันทีชาติก่อนได้เคยเกิดเป็น "ฟ้าแตง" ได้ล่องเรือมากับพ่อแม่ทั้งครอบครัว แต่เรือได้มาจมอยู่บริเวณนี้ทุกคนตายหมด ตามภาพจะเห็นว่าในปัจจุบันนี้ กระแสน้ำได้เปลี่ยนทิศทางไปแล้ว จึงเหลือแค่เท่าที่เห็นนี้ พร้อมกับมีการสร้างศาลเพียงตาชื่อว่า "ศาลเจ้าแม่จันทร์เทวี" ไว้ด้วย

ก่อนจะกลับหลวงพี่ได้ถวายเงินให้ "หลวงพ่อโพธิ์" เจ้าอาวาส จำนวนเงิน 5,000 บาท เพื่อฟื้นฟูสถานที่นี้ให้กลับคืนมาอีก เพราะแต่เดิมเจ้าอาวาสองค์ก่อนพร้อมกับชาวบ้าน 3-4 คน ได้โค่นต้นมะม่วงเตี้ย แล้วภายหลังเกิดล้มตายกันไปทุกคน ชาวบ้านต่างโจษจันกันไปต่างๆ นานา ถ้าต้องการอ่านรายละเอียดต่อไป คลิกที่นี่

เมื่อได้ฟังเรื่องเล่าพอเข้าใจแล้ว จึงได้เดินทางย้อนกลับเข้ามาที่หมู่บ้านตะคร้ออีก โดยคุณธีระพันธ์นำไปฉันเพลที่บ้านแฟนสาว หลังจากนั้นได้เดินทางไปบ้านที่ระลึกชาติได้อีกรายหนึ่ง แต่ยังเป็นเด็กผู้หญิงเล็กๆ อยู่ อายุ 4 ขวบ ชื่อ เด็กหญิงญาณินท์ ศิริมงคล ชื่อเล่น "หมูหวาน"

ความจริงบ้านที่ไปหานี้ ไม่ใช่บ้านพ่อแม่ของหมูหวาน แต่เมื่อได้ไปถามหาแล้ว พ่อแม่หมูหวานบอกว่า ตอนนี้น้องหมูหวานอยู่ที่บ้านชาติก่อน ซึ่งมีชื่อว่า ยายเพียร แย้มประดับ พวกเราจึงต้องตามไปอีกนั่นเอง ตามภาพจะเห็นว่า ขณะที่ไปถึงน้องหมูนหวานกำลังนั่งอยู่ใกล้ผู้หญิงคนใส่เสื้อดำ ซึ่งเป็นลูกสาวยายเพียรชาติก่อนนั่นเอง ฟังแล้วก็คงจะงงนะคะ ในตอนนี้พ่อของหมูหวาน (ผู้ชายคนอ้วนๆ) ได้ตามมานั่งสนทนาด้วย พร้อมกับรายละเอียดให้ฟัง

ต่อจากนั้นก็ได้เดินทางไปสืบหาผู้ที่ระลึกชาติอีกหลายราย เช่นตามภาพนี้ ผู้ชายใส่เสื้อสีแดง ชื่อ วัชระ ใจเร็วปัจจุบันอายุ 18 ปี ซึ่งพวกเราได้ติดตามไปที่บ้านแม่ชาติก่อนด้วย ซึ่งมีอายุมากแล้ว อ่านรายละเอียดได้ในขณะที่สัมภาษณ์ยังเด็กอยู่ คลิกที่นี่

จากนั้นคุณธีระพันธ์ได้นำไปที่บ้านคนระลึกชาติอีกรายหนึ่ง ชื่อ พลวัฒน์ จุลโพธิ์ แต่ไม่พบเจ้าตัว พบแต่คุณพ่อเป็นซึ่งเป็นสมาชิก อบต. ได้เล่ารายละเอียดให้ฟัง ซึ่งหาอ่านรายละเอียดต่อได้ คลิกที่นี่

รายสุดท้ายในวันนี้ พวกเราได้ติดตามคุณธีระพันธ์ไปที่บ้านพ่อแม่ของ บัญชา ใจเร็ว ซึ่งได้ตายไปเนื่องจากถูกฟ้าผ่าในขณะที่นำวัวไปเลี้ยง ในขณะอายุได้ 29 ปี ต่อมาได้เกิดใหม่เป็นเด็กผู้ชาย ซึ่งผู้เขียนลืมชื่อไปแล้ว แต่ได้นำรูปถ่ายมาให้ชม จะเห็นว่าหน้าผากของเด็กมีปานแดง ซึ่งตรงกับตำแหน่งที่ญาติชาติก่อนได้ป้ายปูนแดงเอาไว้ รายละเอียดยังมีอีกมากแต่คุณธวัชชัยยังไม่ได้บันทึกเป็นทางการ เพราะเด็กเพิ่งจะเริ่มพูดได้

พวกเราจึงขอยุติการเล่าไว้เพียงแค่นี้ ก่อนจะลากลับหลวงพี่ชัยวัฒน์ก็ได้มอบหนังสือตามรอยพระพุทธบาท 1 ชุด และพระปางประทับรอยพระพุทธบาท 2 องค์ ให้แก่คุณธีระพันธ์ วงษ์คำภา พร้อมกับอนุโมทนาบุญกุศลที่ได้นำไปพบกับผู้ที่ระลึกชาติหลายราย อีกทั้งได้ร่วมถวายเพลหลวงพี่อีกด้วย ตรงตาม "เสียงกระซิบที่บอกในตอนเช้ามืดว่า "วันนี้ไม่ต้องไปใส่บาตร" แล้วคุณธีระพันธ์ก็ได้ทำบุญกับหลวงพี่ อีกทั้งได้พบพระสงฆ์ตรงตามที่ตนเองฝันไว้นานแล้วทุกประการ.

บันทึกการเดินทางไป "หมู่บ้านตะคร้อ อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์"

ครั้งที่ 2

วันที่ 5 พฤศจิกายน 2552

หลังจากที่ได้เดินทางไปที่ "หมู่บ้านระลึกชาติ" เป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2552 แล้วต่อมาหลวงพี่ชัยวัฒน์ก็ได้นัดกับคุณธีระพันธ์ วงษ์คำภา อีกเป็นครั้งที่ 2 แต่หลวงพี่ได้ถือโอกาสแวะที่นครสวรรค์ก่อน เพื่อสัมภาษณ์ คุณสุรางคนา(ส้ม) วันที (ตามรูปภาพนั่งตรงกลาง) ทั้งๆ ที่คุณส้มไม่อยากจะเปิดเผยตัวนัก เพราะเกรงคนที่ไม่เชื่อถือจะดูหมิ่น

แต่หลวงพี่ก็พยายามสืบหาจนได้ สร้างความแปลกใจให้แก่คุณส้มเป็นอย่างยิ่ง ในความอุตสาหะของพวกเรา จากนั้นก็ได้เดินทางต่อไปที่หมู่บ้านตะคร้อ เพราะยังค้างเรื่องเด็กที่เพิ่งเริ่มจะจำชาติก่อนของตนเองได้

ตามภาพแรกที่เห็น หลวงพี่ได้เดินทางไปสนทนาที่หน้าบ้านแฟนสาวของคุณธีระพันธ์ วงษ์คำภา ก่อน โดยมีคุณแม่ของคุณธีระพันธ์มานั่งเล่าให้ฟังด้วย จากนั้นก็ไปที่บ้านของเด็กระลึกชาติรายล่าสุดที่มีตำหนิเป็น "ปานแดง" ที่หน้าผาก ซึ่งเด็กก็ยังพูดไม่ค่อยได้ เพียงแต่เริ่มพูดถึงบ้านเก่าของตนเองในชาติก่อน ซึ่งเดิมอยู่ไม่ไกลจากบ้านที่เกิดมาในชาตินี้

เมื่อไปถึงบ้านใหม่ชาตินี้แล้วได้พยายามที่จะซักถามเด็ก หรือนำสิ่งของต่างๆ ที่หลงเหลือแต่ชาติก่อน ซึ่งเด็กจะห่วงเล่นมากกว่า เพียงแต่การบอกเล่าของพ่อชาติก่อนที่เล่าว่า เคยไปพบเด็กคนนี้แล้ว เด็กได้จำพ่อและแม่ของตนเอง พร้อมกับได้เรียกชื่ออย่างถูกต้อง อีกทั้งเด็กได้เรียกชื่อผู้หญิงคนหนึ่งที่ "บัญชา" เคยชอบ ทั้งๆ ที่บัญชาก็มีภรรยาอยู่แล้ว นับเป็นที่แปลกใจเป็นอย่างมาก

บางครั้งเด็กก็จะชี้ไปที่บ้านเก่าได้ถูก (ที่บ้านใหม่นี้เด็กจะไม่รู้เรื่องเลย) อีกทั้งเมื่อถูกถามว่าชาติก่อนก่อนที่จะถูกฟ้าผ่า จำได้ไหมว่าเอาวัวไปเลี้ยงกี่ตัว เด็กก็ยกมือขึ้นห้านิ้ว หมายถึงวัว 5 ตัว ซึ่งพ่อชาติก่อนก็ยืนยันว่าถูกต้อง โดยเฉพาะตาที่นำเด็กคนนี้ไปด้วยได้เล่าให้ฟังว่า หากวันไหนมีฝนตกฟ้าผ่า หลานของตนเองจะมีอาการตกใจร้องไห้ คงมีความหวาดกลัวฟ้าผ่าติดมาจากชาติก่อนนั่นเอง

แต่ปัจจุบันนี้ พ่อแม่ชาติก่อนได้ย้ายบ้านไปอยู่ห่างไกลจากเดิมประมาณ 2 ก.ม. ซึ่งหลวงพี่ได้ขออนุญาตนำเด็กไปพบพ่อแม่ในชาติก่อน พอไปถึงก็ขอให้พ่อชาติก่อนนำรูปภาพของ บัญชา ใจเร็ว ซึ่งได้เสียชีวิตไปเพราะถูกฟ้าผ่า เด็กก็ได้เดินเข้าไปดูตามภาพที่เห็นนี้ โดยมีแม่ชาติก่อนนอนป่วยเป็นอัมพาตอยู่บนเตียงมานานด้วยความเสียใจ จนเส้นโลหิตฝอยในสมองแตก นับตั้งแต่ลูกชายคือ นายบัญชา ใจเร็ว เสียชีวิต

บันทึกการเดินทางไป "หมู่บ้านตะคร้อ อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์"

ครั้งที่ 3

วันที่ 6 พฤศจิกายน 2552

เมื่อวานนี้ได้ใช้เวลาในการประสานระหว่างเด็กที่เริ่มระลึกชาติได้แล้ว วันรุ่งขึ้นพวกเราก็ต้องย้อนกลับไปที่บ้านคุณธีระพันธ์ วงษ์คำภา อีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากคุณธีระพันธ์เพิ่งจะออกเวรจากด่านชั่งน้ำหนักที่ท่าตะโก

ทั้งนี้ได้นัดแนะกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหลาย มีคุณแม่ของคุณธีระพันธ์เป็นต้น แล้วคุณธีระพันธ์ได้นำไปที่ใต้ต้นโพธิ์อีกครั้งหนึ่ง เพื่อนำไปชี้จุดที่ชาติก่อนเคยฝังทรัพย์สมบัติไว้ อีกทั้ง "รายการวู๊ดดี้" ก็ได้เคยมาทำพิธีไปแล้ว

หลังจากได้เซ่นสรวงดวงวิญญาณทั้งหลายแล้ว ปรากฏว่ามีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้น คือมีวิญญาณของ "ท่านแม่" (แม่ชาติก่อนของคุณธีระพันธ์) ได้เข้ามาสิงร่างพี่ผู้หญิงคนหนึ่งที่ติดตามไปด้วย พร้อมกับบอกจะมอบทรัพย์สมบัติชาติก่อนให้ ในเรื่องนี้จะของดเล่ารายละเอียดนะคะ

เดินทางต่อไปที่ วัดคลองมะม่วงเตี้ย บ้านตะคร้อ

หลังจากนั้นพวกเราก็ได้เดินทางไปที่ วัดคลองมะม่วงเตี้ย ซึ่งอยู่นอกหมู่บ้าน โดยมีชาวบ้านแถวนั้นนั่งรออยู่เป็นจำนวนมาก พร้อมทั้งได้พบกับคุณส้มและคุณพ่อตามที่ได้นัดแนะเอาไว้แล้ว จากนั้นได้เดินไปที่หลังวัด ซึ่งต้นมะม่วงเตี้ยเดิมได้ล้มตายไปแล้ว

โดยมีพระที่วัดคอยต้อนรับ พร้อมกันนี้มีพระหนุ่มรูปหนึ่งที่เพิ่งบวชได้เล่าว่า เมื่อวานนี้มีชาวบ้านคนหนึ่งถูกวิญญาณนักรบเข้าสิงร่างพร้อมกับเล่าว่า วิญญาณนักรบในอดีตผู้นี้ได้แนะนำวิธีการย้ายศาล และการปรับพื้นที่บริเวณนี้

ในระหว่างนี้กำลังนั่งร่วมประชุมปรึกษาหารือกัน แต่คุณพ่อของคุณส้ม คือ นายพิพัฒน์ วันที อดีตครูใหญ่โรงเรียนบ้านตะคร้อฯ ได้มีความเห็นที่แตกต่างออกไป แต่ก็ยินดีที่จะบูรณะ "ศาลเจ้าแม่จันทร์เทวี" ใหม่

ต่อจากนั้นหลวงพี่ชัยวัฒน์ได้ทำพิธีบวงสรวง เพื่อเป็นการบอกกล่าวในการปรับพื้นที่และการซ่อมศาลใหม่ โดยมีพวกเราช่วยกันผูกผ้าสีทองที่หน้าศาลด้วย

เดิมบริเวณนี้เคยเป็นแม่น้ำก่อน แต่ได้ตื้นเขินจนเหลือแค่ร่องน้ำเท่านั้น อีกทั้งตั้นมะม่วงเตี้ยเดิมตายไปแล้ว หลวงพี่ชัยวัฒน์ก็ได้แนะนำให้ปลูกต้นมะม่วงขึ้นมาใหม่อีกด้วย

หลังจากนั้น หลวงพี่ได้กลับเข้ามาฉันเพลที่ศาลา โดยมีหลวงพ่อโพธิ์และพระภายในวัดร่วมฉันภัตตาหารด้วย ในตอนนี้ชาวบ้านหลายคนได้ร่วมวงสนทนาถึงเหตุการณ์สมัยก่อนด้วย

พร้อมกันนี้หลวงพี่ชัยวัฒน์ได้รวบรวมเงิน ซึ่งชาวบ้านทั้งหลายได้ร่วมทำบุญด้วย เพื่อถวายในการถมดิน รวมเป็นเงิน 7,000 บาท

ก่อนจะลาจากกัน พวกเราได้ถ่ายภาพร่วมกันเป็นที่ระลึก โดยมีคุณธีระพันธ์และคุณสุรางคณา (ส้ม) นั่งอยู่ตรงกลางร่วมถ่ายรูปกับชาวบ้านวัดคลองมะม่วงเตี้ยด้วย

จากนั้นหลวงพี่ได้กราบลาหลวงพ่อโพธิ์และชาวบ้านที่นำอาหารมาถวาย แล้วได้ออกเดินทางไปหล่อพระที่จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งจะอ่านรายละเอียดได้ในโอกาสต่อไป.

ที่มาของข้อมูล : จากเว็บไซต์ ตามรอยพระพุทธบาท

ความจริงไม่ได้หายไปไหน

เพียงแต่รอเวลาที่จะปรากฏเท่านั้น

เมื่อความจริงปรากฏ ทุกคนคงได้ตระหนักถึงคำๆนี้

ภาพศาลที่วัดคลองมะม่วงเตี้ย(ถ่ายเมื่อเดือน มกราคม 2554)