(เจิม แสง-ชูโต)
จอมพล เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี (เจิม แสง-ชูโต) ในเครื่องแบบเต็มยศ
สวมสายสะพายมหาวราภรณ์ช้างเผือก และสายสร้อยปฐมจุลจอมเกล้า
จอมพลและมหาอำมาตย์เอก เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี (นามเดิม เจิม แสง-ชูโต) (๒๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๓๔๙ - ๑ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๗๔) เป็นบุตรชายที่ ๔ ของพระยาสุรศักดิ์มนตรี (แสง) จางวางมหาดเล็กในรัชกาลที่ ๕ กับคุณหญิงเดิม บุนนาค สายโลหิตเจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี สืบเนื่องมาแต่ตระกูลบุนนาค และ ชูโต ร่วมกัน อันนับเนื่องอยู่ในราชนิกูลแห่งสมเด็จพระอมรินทรามาตย์ พระพันปีหลวงในรัชกาลที่ ๒ โดยเจ้าคุณนวลเป็นกนิษฐาในสมเด็จพระอมรินทร์ และเจ้าคุณชูโตนั้น เดิมในรัชกาลที่ ๕ เป็นหลวงศัลยุทธวิธีกรร ในการทหารมหาดเล็ก แล้วเป็นจมื่นสฤษดิการ แล้วเป็นจมื่นไวยวรนารถ หัวหมื่นมหาดเล็ก เมื่อพ.ศ. ๒๔๓๐ เป็นพระยาสุรศักดิ์มนตรี จางวางมหาดเล็ก ครั้น พ.ศ. ๒๔๓๙ วันที่ ๑๑ พฤศจิกายน โปรดฯให้เป็นเจ้าพระยา
เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี เกิดที่บ้านสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิชัยญาติ(ทัด บุนนาค) จังหวัดธนบุรี เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๓๙๔ เวลา ๑ ยามกับ ๘ บาท เวลานั้นบิดายังเป็นนายพิจารณ์สรรพกิจ หุ้มแพรมหาดเล็กเวรเดช มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน ๑๑ คน ถึงแก่กรรมเสียแต่เล็ก ๗ คน เหลือแต่นายจัน แสง-ชูโต ผู้เป็นพี่คนที่ ๓ ได้เป็นพระยาสุนทรสงคราม ผู้ว่าราชการเมืองสุพรรณบุรี กับน้องหญิงอีก ๒ คน คือคุณสังวาลย์ และคุณหญิง (แสง-ชูโต)
ทำไม จอมพลเจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี (เจิม แสงชูโต) จึงมีชื่อว่า "เจิม" ?
เมื่อเจ้าพระยาสุรศักดิ์ฯเกิดนั้น มีปานดำที่หน้าอกดุจรอยเจิมด้วยเขม่าไฟ(มินหม้อ) สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิชัยญาติจึงให้นามว่า เจิม ด้วยเหตุว่า บิดามารดาของเจ้าพระยาสุรศักดิ์ฯมีบุตรชายคนแรก อายุยังไม่ทันถึงขวบก็ถึงแก่กรรม ภายหลังเกิดบุตรีอีกคน ๑ สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิชัยญาติให้นามว่าเหลน เพราะเป็นเหลนคนโตของท่าน มีอายุได้ ๓ ขวบถึงแก่กรรมอีก ท่านเอี่ยมผู้เป็นยายมีความเศร้าโศกเสียใจยิ่งนัก ในเวลาที่จะยกศพลงบรรจุหีบ ท่านเอี่ยมเอาเขม่าหม้อป้ายลงที่หน้าอกศพ ร้องไห้คร่ำครวญสั่งว่า หลานจงกลับมาเกิดใหม่อีก ถ้ากลับมาเกิดให้มีรอยเขม่าหม้อหมายที่หน้าอกเป็นสำคัญ อยู่มาบิดามารดาเจ้าพระยาสุรศักดิ์ฯมีบุตรชายอีกคน ๑ คือพระยาสุนทรสงคราม แต่หาได้มีปานดำเป็นสำคัญไม่ ต่อมาจึงมีบุตรชายอีกคน ๑ คือเจ้าพระยาสุรศักดิ์ฯมีตำหนิปานดำที่หน้าอก จึงได้ให้นามตามนิมิตนั้น
เมื่อนายเจิมอายุประมาณ ๕ - ๖ ขวบ ได้เล่าเรียนวิชาชั้นต้นที่บ้านสมเด็จเจ้าพระยาองค์น้อยผู้เป็นทวด เมื่ออายุ ๘ - ๙ ขวบ มีอุปนิสัยอารีอารอบชอบคบเพื่อนมาก ชอบเล่นอย่างวิธีนักรบและชอบตกแต่งประดับประดาที่อยู่ให้สะอาดเรียบร้อย ชอบทำการช่างต่างๆ ส่อให้เห็นอุปนิสัยมาแต่เล็ก พออายุได้ ๑๑ ขวบมารดาถึงแก่กรรม ต่อมาบิดาได้ย้ายมาอยู่บ้านเดิมที่บ้านพระยาสุรเสนา(สวัสดิ์ ชูโต)ผู้เป็นปู่ ไปฝากให้ศึกษาอักขรสมัยเบื้องต้นในสำนักพระวิเชียรมุนี วัดพิชัยญาติ เมื่ออายุ ๑๓ ปี โกนจุกแล้วอุปสมบทเป็นสามเณร ๑ พรรษา ลาสิกขาแล้วบิดานำไปมอบให้สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์(ช่วง) แต่เมื่อยังเป็นพระยาศรีสุริยวงศ์ที่สมุหพระกลาโหม ให้ใช้สอยและฝึกหัดราชการ นอกจากนี้สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ยังให้ฝึกหัดวิชาขี่ม้ารำทวน และยิงปืนกับวิชาอื่นๆซึ่งนิยมกันในสมัยนั้น แล้วนำถวายตัวเป็นมหาดเล็กรัชกาลที่ ๔ ได้เป็นมหาดเล็กวิเศษ สังกัดเวรฤทธิ์ ครั้งเสด็จสวรรคตแล้วก็อยู่กับสมเด็จพระเจ้ายาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ต่อไป
- ท่านเป็นคนแรกที่ริเริ่มก่อตั้งโรงไฟฟ้า และกิจการไฟฟ้า
- เป็นผู้ริเริ่มจัดตั้งโรงเรียนนายร้อยที่วังสราญรมย์ และแต่งพระราชอุทยานสราญรมย์
- เป็นผู้จัดตั้งศาลโปลิสภาสำหรับไต่สวนมูลคดีชั้นต้นขึ้น
- เป็นผู้กำหนดเครื่องตบแต่งพระที่นั่งจักรีฯ
- เป็นผู้นำรถจักรบดถนนเข้ามาเป็นคนแรก
- เป็นผู้นำทัพปราบจีนฮ้อ เป็นผู้ปราบโจรเมืองสุพรรณบุรี เป็นผู้ปราบขบวนการอั้งยี่
- ตลอดระยะเวลาที่เข้ารับราชการตั้งแต่รัชการที่ ๔ ถึงรัชกาลที่ ๖ ท่านได้สร้างคุณูปการให้กับประเทศชาติเป็นอันมาก
เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี (เจิม แสง-ชูโต) ไม่มีบุตรธิดา ถึงอสัญกรรมเมื่อวันที่ ๑ กรกฎาคม ปีมะแม พ.ศ. ๒๔๗๔