ทุกศาสนาสอนให้คนทำความดี
แล้วพุทธศาสนาของเรานี้สอนให้ทำความดีไปเพื่ออะไร
ทำความดีเพื่อจุดมุ่งหมายจะไม่ต้องกลับมาเกิด
เว้นจากความชั่วทั้งหลายเพื่อดับการเกิด
ทำจิตใจให้ผ่องใสเพื่อจะได้ไม่ต้องเกิด เหล่านี้คือบรมธรรมของพุทธศาสนา
ธรรมะเปิดโลก วันที่ 9 กรกฎาคม 2558
ตอนที่ 82 **เป้าหมายสูงสุดของพุทธศาสนา**
..................................
เมื่อพระยาธรรมิกราชได้เข้าเฝ้าต่อองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ท่านได้ทรงแสดงธรรมกลับมา ดังนี้ว่า
ลูกทั้งหลายเอย.. ลูกทุกๆคน ที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจดีที่จะเดินทางเข้าสู่ทางพ้นทุกข์ ลูกได้มุ่งมั่นตั้งใจดีแล้ว
จงฝึกฝน ประพฤติปฏิบัติตน ให้เข้าถึง เข้าใจในทางพ้นทุกข์อย่างแจ่มแจ้ง
และจงเดินตามมาเถิด เพราะนั่นเป็นสิ่งที่จะทำให้ลูกทั้งหลาย พ้นทุกข์ได้อย่างแท้จริง
แม้บนโลกนี้ อาจจะมีคำสั่งสอนมากมาย ซึ่งก็สอนให้คนเป็นคนดีเหมือนกัน แต่แท้ที่จริงแล้ว ลูกเอ๋ย..
คำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ได้สอนแค่ให้ลูกนั้นเป็นคนดี ไม่ได้สอนแค่ให้ทำความดี
**แต่ ในความเป็นจริง จุดมุ่งหมาย เป้าหมายของคำสอน คือ สอนให้ลูกนั้นดับการเกิดแห่งตนต่างหากลูก**
การที่เราทำความดี เป็นแค่บันไดที่เราจะไต่เต้า ขึ้น สู่จุดที่จิตของเรามีพลังที่เข้มแข็งมากพอที่จะดับการเกิดแห่งตน
แต่แท้ที่จริงแล้ว เป้าหมายของศาสนาพุทธ ของธรรมคำสั่งสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์
สั่งสอนให้ลูกนั้น “ดับการเกิดแห่งตน”
ฉะนั้น ลูกทั้งหลายเอ๋ย.. เมื่อลูกนั้นได้ตั้งใจ ทำความดี ประพฤติดี ปฏิบัติดีแล้ว
ก็จงฝึกฝนตนให้เข้าถึง การดับการเกิดด้วยเถิดลูก แล้วชีวิตของลูกนั้นก็จะได้พบกับความสุขที่แท้จริง
-- ไม่ต้องกลับมาวนมาเวียน ไม่ต้องกลับมาเป็นทุกข์อีก --
ลูกทั้งหลาย.. คำสั่งสอนที่ต้องการให้ลูกนั้นทำตาม คือ ทำความดี แต่ที่ต้องการให้ลูกนั้นเจอ คือ *ทางพ้นทุกข์*
ฉะนั้น เมื่อสั่งสมความดี อาจจะรักษาศีล 5 ประพฤติ ปฏิบัติธรรม รักษาศีล 8 หรือจะศีลใด ศีลหนึ่ง ที่ลูกนั้นได้ตั้งใจสมาทาน
และประพฤติ ปฏิบัติแล้ว ลูกก็จงอบรมตนให้รู้จัก ละ-เลิก-ดับ การเกิดด้วย
การพิจารณา ดูแลตนว่าตอนนี้เรายังเหลือเชื้อแห่งความรัก ความโลภ ความโกรธ และความหลง
ยังดับ การยึดดี ถือดี ดับตัวตนของเรานี้ ได้มากน้อยเพียงใด...
ถึงแม้ในโลกนี้ มีคำสั่งสอนของศาสนาต่างๆ มากมาย..
แต่ลูกทั้งหลายเอ๋ย .. คำสอนของศาสนาพุทธ คือ สอนให้ลูกนั้น “ดับการเกิด”
ตราบใดก็ตามที่เรา ยังดับการเกิดของเราไม่ได้ การทำความดี แล้วขึ้นไปสู่สวรรค์ ชั้นใดชั้นหนึ่ง
สักวันหนึ่ง เราก็ยังต้องกลับมาเกิด และยังมีโอกาสที่จะผิดพลาด ทำความชั่ว
เรายังไม่พ้นนรก ยังไม่พ้นการเกิดมาเป็นสัตว์เดรัจฉาน มาเป็นมนุษย์อีก
เมื่อยังมีการเกิด ยังมีความต้องการ กิเลสตัณหาทั้งหลาย ยังเกาะกินใจของเราอยู่
ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหนก็ตาม.. ลูกเอ๋ย ย่อมยังมีความทุกข์อยู่
แม้จะเป็นนางฟ้าเทพบุตร ก็ยังทุกข์อยู่ดี เพราะตัวความทุกข์ ไม่ได้อยู่แต่ในกายของมนุษย์ ลูกเอ๋ย ..
มันอยู่กับความโกรธ ความโลภ ความหลง อยู่กับกิเลสตัณหา ต่างหากลูก
ถึงแม้ว่าเราจะเป็นใคร อยู่ในที่แห่งไหนของวัฏสงสารนี้ หากกิเลสตัณหาเหล่านั้น ยังเกาะกินใจเราอยู่
-- ชีวิตของเราย่อมยังเป็นทุกข์อยู่ --
จะเป็นเทวดา ก็เป็นเทวดาที่มีความทุกข์
จะเป็นมนุษย์ ก็เป็นมนุษย์ที่มีความทุกข์
จะเป็นสัตว์ จะอยู่ในโลกของจิตวิญญาณ ก็ยังทุกข์อยู่ดี
ฉะนั้น ลูกทั้งหลายเอ๋ย.. เมื่อรู้แล้วว่า องค์พระบิดาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ของศาสนาพุทธ สั่งสอนให้คนเป็นคนดี
จงรู้อีกว่า สั่งสอนให้ลูกนั้น ดับการเกิดแห่งตน ด้วยเถิด
เมื่อประพฤติดี ปฏิบัติดีแล้ว ให้จงถอดถอนสิ่งที่ตนนั้นยังติดอยู่ในจิต ในใจ ออกไปเสียให้หมด
จะได้ไม่ได้สิ่งที่ทำมาด้วยสวรรค์ ไม่ได้มาด้วยการไปเกิดอยู่ในจุดใดจุดหนึ่ง และต้องวนกลับมา
เพราะเป้าหมายสูงสุดของเราชาวพุทธคือ **ดับการเกิดแห่งตน**
ฉะนั้น การที่จะดับการเกิดได้ เราต้องดับ ความยึดมั่นถือมั่น ความยึดติดในอัตตาตัวตน ความมีตัวมีตนทั้งหลาย
ต้องดับไปด้วย ลูกเอ๋ย..
เมื่อมีเมตตา เมื่อรู้จักช่วยเหลือบุคคลผู้อื่น รู้จักการทำทาน รู้จักการไม่เบียดเบียนกับผู้อื่น รู้รักผู้อื่น รู้จักการทำความดีแล้ว
ก็ให้จงรู้การถอดถอนสิ่งที่มีอยู่ในตัวในตนของเรานี้ ถอดอัตตาตัวตน ทิฐิ
ถอนสิ่งที่ไม่ดีทั้งหลาย รวมถึงกายนี้ที่มี ที่ตั้งอยู่ .. ให้หลอกให้เราหลงยึด หลงคิด ยึดติดว่ามันเป็นเรา เป็นของเรา
ถอดถอนออกเสียให้หมด เพราะแท้ที่จริงแล้ว มันไม่มีอยู่ในเรา เราก็ไม่มีอยู่ในมัน
แท้ที่จริงแล้ว การยึดติดในกายของเทวดาก็ดี กายของมนุษย์ก็ดี กายใดสักกายหนึ่ง จุดใดสักจุดหนึ่งนั้น
ย่อมเป็นเหตุที่ยังทำให้ยังมีอยู่
-- เมื่อยังมีอยู่ ก็ย่อมต้องกลับมาทุกข์อยู่ เช่นดังเดิม --
จงถอดถอนสิ่งที่มีทั้งหมด ออกเสียให้จบให้สิ้น อย่าให้มีเหลือแม้แต่ตัวตนของเรา เพื่อลูกนั้นจะได้ดับการเกิดแห่งตนได้
ลูกทั้งหลายเอ๋ย.. การที่เรานี้จะเดินทางเข้าสู่ทางพ้นทุกข์ คือ พระนิพพานได้อย่างแท้จริง
--เราต้องถอดถอน สิ่งทั้งหลาย ที่มีอยู่ในเรา ออกไปให้หมด --
และการถอดถอนก็ไม่ใช่การข่มเอาไว้ การที่เราข่มเอาไว้เฉยๆ เมื่อครั้งเขานั้นได้โอกาส มีพลัง เขาก็จะกลับมาเล่นงานกับเรา
การที่เราใช้สมาธิข่มเอาไว้ แต่ไม่ได้ถอดถอนสิ่งไม่ดีเหล่านั้นออกมาด้วยสติ ด้วยปัญญา นั้น คือ การที่เราหลงอยู่ในฌานเฉยๆ
ซึ่งอาจทำให้เราไม่ได้เป็นผู้รู้แจ้งอย่างแท้จริง ไม่เห็นความชั่ว สิ่งที่ยังน่าเกลียด ที่ยังมีอยู่ในเราอย่างแท้จริง
เมื่อครั้งตายไป เราอาจไปหลงอยู่ในจุดใดจุดหนึ่ง ติดอยู่ในฌานใดฌานหนึ่ง
เพราะแท้ที่จริงแล้ว สิ่งที่ไม่ดีที่มีอยู่ในเรา ยังไม่ได้ถอดถอนออกไปจนหมดสิ้น
ลูกทั้งหลายเอ๋ย.. ดวงจิตใด ที่จะไปสู่พระนิพพานได้อย่างแท้จริงนั้น--
ดวงจิตนั้นต้องมีสติและปัญญา ถอดถอนความยึดติดและลุ่มหลง สิ่งชั่ว และไม่ดี ที่อยู่ในตัวตนให้หมดเสีย
เมื่อถอดถอนความชั่ว ก็ให้ถอดถอนความดีด้วย .. จนหมดอัตตา หมดตัวตน
-- ดับสิ้นทุกอย่าง ในตัวของเรานี้ --
< จึงจะไปสู่พระนิพพานได้ อย่างแท้จริง >
ศาสนาต่างๆอาจจะสอนให้คนเป็นคนดีก็จริง ...
แต่ศาสนาพุทธของเรานี้ ไม่ได้สั่งสอนแค่ให้เราทำดี ลูกเอ๋ย.. สั่งสอนให้ลูกนั้น *ดับการเกิด*
เมื่อลูกทั้งหลายผู้มีความตั้งใจดี ตั้งใจที่จะพบกับความพ้นทุกข์แล้ว..
จงทำความเข้าใจในธรรมคำสั่งสอน ว่าสอนให้ทำดี สอนให้ถอดถอนความดีในสิ่งยึดติดทั้งหลาย เพื่อ ”ดับการเกิด”
จึงจะไปถึงเป้าหมายของคำสั่งสอนในศาสนาพุทธ
ลูกทั้งหลายเอ๋ย.. การดับการเกิดเท่านั้นที่จะทำให้ลูก หลุดพ้นจากความทุกข์
การดับกิเลสตัณหา ที่ยังครอบงำจิตใจของเราอยู่นั้น เป็นการดับความทุกข์ ไม่ใช่แต่การทำความดีอย่างเดียว..ลูกเอ๋ย
ฉะนั้น เมื่อทำความดี เป็นระดับหนึ่งแล้ว ก็ให้ถอดถอนสิ่งที่เรายังลุ่มหลง ยึดติด อยู่ในตัวของเราด้วย
เมื่อเราทำความดีภายนอกแล้ว ให้มาทำความดีภายในด้วย ..ลูกเอ๋ย
ภายใน คือ พิจารณาตน รำลึกนึกถึงสิ่งชั่วร้าย ที่ยังมีอยู่ในตัวในตนของเรานี้
แล้วถอดถอนมันออกไปเสียให้หมดเถิด
-- เพื่อความสุข ของลูกนั้น.. เพื่อความพ้นทุกข์ แห่งตัวของลูกนั้นเอง --
สาธุ