ก้าวแห่งความหลง ทำให้ต้องวนเวียน
ก้าวแห่งความอยาก ทำให้ต้องแสวงหา
ก้าวแห่งความยึดติด ทำให้ไปต่อไม่ได้
ก้าวแห่งการเบียดเบียน ทำให้ออกนอกเส้นทาง
ไม่สามารถนำตนสู่ความพ้นทุกข์
… ตอนที่ ๔๗ สิ่งใดที่ทำให้ไม่ต้องเกิดดับอีก *****
จะทำอย่างไร เพื่อไม่ให้เรา ต้องเกิด ต้องตายอีก
สี่ย่างก้าวของผู้ที่เดินหลงวนในวัฏสงสาร คือ
ส่วน สี่ย่างก้าวของผู้ปรารถนาพ้นทุกข์ คือ
ก้าวแห่งศีล ไม่มีการสร้างกรรมอันใด ที่ต้องกลับมาชดใช้อีก
ก้าวแห่งธรรม เข้าใจแผนที่การเดินออกไป จะได้ไม่หลงทาง
ก้าวแห่งสมาธิ มีจิตหนักแน่นมั่นคง ไม่หวั่นไหวกับสิ่งใดที่มาทดสอบ
ก้าวแห่งปัญญา เห็นกระจ่างแจ้งทุกสิ่ง ไม่มีสิ่งใดที่จะทำให้ลุ่มหลงได้อีก
เป็นสี่ย่างก้าวของผู้ที่จะพ้นทุกข์ ไม่ต้องเวียนเกิดเวียนตายอีก
นักบวชทั้งหลาย ต่างตั้งใจภาวนา เพื่อน้อมสดับฟังธรรม จากองค์
พระพุทธบิดา องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ท่าน
ในเช้าของวันนี้ พระพุทธองค์ท่านได้ทรงเมตตาเสด็จลงมาในกายแก้วใส
อยู่ตรงศาลาสวดมนต์ ณ ที่ พระภิกษุสงฆ์นั่งอยู่ แต่สูงเหนือพระภิกษุสงฆ์ขึ้นไปซัก
3 เมตร พระองค์ท่านทรงเสด็จมาในพระวรกายเป็นแก้วใส และทรงเปลี่ยนอิริยาบถ
เป็นปางนอน ปางนั่ง และปางยืน สลับเปลี่ยนแปลงอย่างนั้น อยู่ตลอดเวลา
ข้าพระพุทธจ้าจึงเข้าไปกราบนอบน้อมต่อพระองค์ท่าน โดยขอต่อพระองค์ท่าน ให้พระองค์ท่านทรงเมตตาแสดงธรรมชี้ทางสว่าง ให้แก่เราทั้งหลาย เพื่อคลาย
ทุกข์ให้กับเราทุกๆคน ข้าพระพุทธเจ้า เมื่อพร้อมแล้วก็จึงก้มกราบพระองค์ท่าน เมื่อข้าพระพุทธเจ้าก้มกราบพระองค์ท่านแล้ว พระวรกายของพระองค์ที่ทรงเปลี่ยนเป็นปาง
นอน ยืน นั่ง นั้น ก็รวมพลังมาเป็นเหลือแค่เป็นปางนั่งและท่านยกมือขึ้น คล้ายคลึงหรือว่าเหมือนพระพุทธรูปปางประทานพร ท่านกำลังจะประธานธรรมให้กับเราทั้งหลาย
ตามที่ข้าพระพุทธเจ้าได้ทรงทูลขอ พระองค์ท่านได้ทรงกล่าวแก่ข้าพระพุทธเจ้าและเราทั้งหลาย ดังนี้ว่า
พระยาธรรมเอย กิเลสและตัณหานั้น มันมีอำนาจ มีอำนาจมากมาย คลุมดวงจิตทั้งหลาย ที่ยังเวียนว่ายตายเกิดนั้น ไว้ให้ตกเป็นทาส จมอยู่กับความทุกข์
พระยาธรรมเอย อำนาจของกิเลสและตัณหา เขานั้นชนะเราแล้วร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะครอบงำดวงจิตเอาไว้อย่างแน่นหนา
พระยาธรรมเอย ถ้าจะเปรียบเสมือนนักแข่งขัน ก็คงจะเป็นคนที่ชนะเราแล้วเป็นร้อยครั้ง คนที่เขามีกำลังที่เก่งกล้ามากกว่าเราเป็นร้อยเท่า ฉะนั้นลูกเอ๋ย ถ้าลูกไป
เจอกับคู่แข่งที่มีกำลังมากกว่าลูกเป็นร้อยเท่า ที่เขาชนะลูกอยู่แล้ว เกินกว่าร้อยครั้ง ที่เขามีพลังอำนาจอยู่เหนือลูก และควบคุมลูกเอาไว้ในกำมือ
พระยาธรรมเอย ถ้าลูกนั้น คิดที่จะลุกขึ้นมาสู้และยกตนให้ชนะกิเลสและตัณหา หรือบุคคลผู้ที่เป็นนักสู้ของลูกคนนั้น ลูกจะต้องทำยังไง
พระยาธรรมเอย ลูกนั้นจงอธิบายเถิดว่าจะทำแบบไหน ยังไง จึงจะสามารถชนะคู่ต่อสู้ที่เขานั้นมีกำลังมากกว่าเราโดยปกติอยู่แล้ว คู่ต่อสู้ที่เขานั้นชนะเราอยู่แล้ว
เป็นร้อย เป็นพันครั้ง เป็นล้านครั้งก็มี เพราะว่าดวงจิตของเรานี้ เวียนว่ายตายเกิด เป็นแสนเป็นล้านชาติ นั่นแหละลูกคือการที่เราแพ้เขาอยู่ร่ำไป
พระยาธรรมเอย ถ้าอยู่ๆวันหนึ่ง ลูกจะเอาชนะกับคนที่เขานั้น มีอำนาจมีพลังมากขนาดนั้น ลูกจะทำยังไง จงตอบมาเถิด จะได้รู้ว่าลูกนั้น รู้หนทางแล้วหรือยัง จะ
พากันหลงทางหรือเปล่า
สาธุเจ้าค่ะ กราบขอบพระคุณพระพุทธองค์ที่เมตตาเจ้าค่ะ ตามที่ลูกได้ศึกษาเรียนรู้มา ตามที่ลูกได้ฟังธรรมจากพระองค์ และพระพุทธองค์ได้ทรงสอนลูกมาโดย
ตลอด ลูกก็ไม่ได้เก่งมากมาย ไม่ได้เข้าใจอะไรมากมาย แต่เท่าที่จำได้และพยายามทำอยู่ก็คือ
หากว่าเรานั้นไม่รู้ว่าเราเป็นใคร ใครเป็นเรา ความทุกข์กิเลสและตัณหา กรรมวิบากนั้นคือใคร
เราแยกเราออกจากเขาไม่ได้ ไม่รู้จักแม้แต่เขาหรือว่าเรา ยังคงคิดว่าเขากับเราเป็นพวกเดียวกันอยู่
เราก็คงยังจมอยู่กับความทุกข์และกิเลสตัณหาเหล่านั้นไปอีกยาวนาน
ตอนที่ 129 ล้มแชมป์
พุทธธรรมคลายทุกข์ ในเช้าของวันที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2560
ณ. พุทธอุทธยานภูสวรรค์
จนกว่าเรานี้จะรู้แล้ว เราก็จึงจะเข้าใจคำว่าเราขึ้นมา
เมื่อเรารู้เราเข้าใจแล้วว่า สิ่งที่ก่อตัวขึ้นหรือว่าเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไปทั้งหลายเหล่านั้น
มันไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของๆ เรา ทุกสิ่งและทุกอย่าง มันก่อตัวมาจากกิเลสและตัณหาสั่งให้ทำ
การกระทำสั่งให้เป็นเรา เราก็เป็นไปตามกรรมของตน แล้วกิเลสตัณหาก็สั่งให้เราทำตามอีก
แล้วเราก็เป็นไปตามการกระทำอีก อยู่อย่างนั้น อยู่ร่ำไป
ถ้าเกิดว่าเรารู้เช่นนั้นแล้ว เรารู้แล้วว่ากิเลสและตัณหา มันเอารัดเอาเปรียบเรา
มันสั่งให้เราสร้างกรรม แล้วก็เป็นไปตามกรรม เราตกเป็นทาสของกิเลสตัณหา
และแท้ที่จริงแล้วเราก็ไม่ใช่มัน มันก็ไม่ใช่เรา
เราสามารถที่จะเอาตัวของเรา ให้อยู่เหนือสิ่งเหล่านั้นได้ สามารถเป็นอิสระ ไม่ต้องไปเป็นทาสของมันได้
เมื่อเรารู้และเข้าใจเช่นนั้น เราก็จะต้องแสวงหาหนทาง โดยมีองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นผู้เห็นทาง และชี้บอกทางให้กับเราอยู่แล้ว
เราก็จะประพฤติปฏิบัติตามคำสอนสั่งของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างมุ่งมั่นตั้งใจ
เราจะค่อยๆเติมคุณงามและความดี ค่อยๆเติมพลังให้กับดวงจิตของเรา โดยมีศีล ธรรม สมาธิ และปัญญา
เมื่อเรามี ศีล ธรรม สมาธิ และปัญญาแล้ว เราก็จะมีพลัง
พอเรามีพลังขึ้นมา เราก็จะสามารถที่จะลุกขึ้นสู้กับกิเลส ตัณหา คุณหลง คุณโกรธ คุณโลภ คุณรักทั้งหลาย ก็จะถูกทำลายลงเจ้าค่ะ
เมื่อเรานั้นรู้จักตัวตนที่แท้จริงของเรา เมื่อเรานั้นรู้จักประพฤติปฏิบัติเพื่อเอาชนะสิ่งเหล่านั้นได้ เราก็จะสามารถที่จะเป็นตัวตนของเรา
ขอเพียงแค่ให้เราเข้าใจว่า แท้ที่จริงแล้ว ตัวของเรานี้ก็เปรียบเสมือนคนไข้ กิเลสตัณหาก็คือไข้ ไข้มันสามารถลดลง สามารถหายจากการเป็นไข้ได้
ขอให้เรากินยาให้ถูกขนาดตรงกับเรา และช่วยให้เราหายจากความเจ็บป่วย จากการเป็นไข้บัดนั้นได้
เราเองก็เหมือนกัน แท้ที่จริงแล้วเราก็คือเรา กิเลสตัณหาก็คือกิเลสตัณหา
กรรมมันเกิดมาจากการที่เราเชื่อฟังกิเลสตัณหา แล้วก็ทำตามที่เขาสั่ง เราก็เลยเหมือนคนเจ็บป่วยอยู่ตลอด
เหมือนคนที่เป็นทุกข์อยู่ตลอดเวลา เราก็เลยเป็นทุกข์อยู่เช่นนี้ เวียนว่ายตายเกิด ไม่พ้นอำนาจของกิเลสตัณหา
เหมือนคนที่ล้มป่วยมาแล้วหลายแสนภพ ชาติ เป็นเช่นนั้นหละเจ้าค่ะ
แต่ถ้าวันหนึ่งที่เรารู้แล้วว่าเราเป็นคนป่วย เราก็จะหายาตามที่นายแพทย์ใหญ่
ที่สามารถรักษาดวงจิตให้หายจากการเป็นโรค และเอายาที่ตนนั้นมีอยู่ ไปแจกจ่ายให้กับผู้อื่นให้เขาได้ทาน
ให้เขาได้หาย ใครที่ตั้งใจทานยาตามที่แพทย์สั่ง คนนั้นก็จะหายเจ้าค่ะ
ซึ่งเดินตามรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่พระองค์ได้ทรงเมตตาชี้ทางสว่างเอาไว้ให้อยู่แล้ว
ให้เราทุกคนทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำดี เพื่อชำระกิเลสและตัณหา
มุ่งมั่นตั้งใจทำไป เราก็จะสามารถ ชนะกิเลสและตัณหาได้
ถึงแม้ว่าเขาจะมีพลังอำนาจมากมายเท่าไร ที่ครอบงำเรามานานเพียงใด
แต่นั่นเป็นเพราะว่าเราไม่รู้ตามความเป็นจริงต่างหาก ว่าเราถูกเขาครอบงำอยู่
ถ้าเกิดว่าเรารู้แล้วและตั้งใจทำความดี เราก็ย่อมที่จะสามารถเอาชนะเขาได้ในที่สุด เจ้าค่ะ
กิเลสตัณหา แม้จะมีพลังมาก แต่ธรรมชาติของดวงจิตนั้นก็มีพลังมากยิ่งกว่า เช่นเดียวกัน หากว่าเราตั้งใจเติมพลังให้ดวงจิตดวงนั้นอย่างแท้จริง
แม้แต่องค์พระพุทธเจ้า พระองค์ตั้งใจมาหลายภพ ชาติ ที่จะมาแสวงหาทางและบอกทางแก่ผู้อื่น
พระองค์สั่งสมความดีมามากมาย ความดีของพระองค์ก็ยังสามารถชนะได้และนำทางทุกคนให้หลุดพ้น
ฉะนั้น ใครที่จะเดินตามรอยพระองค์และต้องการพบความพ้นทุกข์ ก็ตั้งใจทำความดี สั่งสมความดี ด้วยศีล ธรรม สมาธิ และปัญญา
ก็จะสามารถชนะะสิ่งทั้งหลายที่ไม่ดีคือกิเลส ตัณหา เหล่านั้น ได้เจ้าค่ะ
พระพุทธองค์เจ้าขา มีโยมคนหนึ่ง เขาถามว่า เมื่อครั้งสมัยพุทธกาลหรือในพระคัมภีร์นั้น บันทึกเอาไว้แค่ให้รักษาศีล บันทึกเอาไว้ให้แค่ประพฤติปฏิบัติตาม ศีล
สมาธิ และปัญญา แต่ในยุคของกึ่งศาสนานี้ พระองค์ทรงให้ประพฤติปฏิบัติ 4 ย่างก้าว คือ ศีล ธรรม สมาธิ และปัญญา เพิ่มธรรมขึ้นมาหนึ่งอย่าง หนึ่งย่างก้าว นั่นเขาก็พอจะ
เข้าใจเพราะเขาตั้งใจในฟังธรรม และประพฤติปฏิบัติตาม มีความศรัทธา แต่ว่าการที่เขาจะไปอธิบายให้กับบุคคลอื่น ที่เขานั้นเคยชินหรือเคยฟังแต่ ศีล สมาธิ ปัญญา เขาจะ
อธิบายแบบไหนให้คนอื่นเข้าใจว่าเพราะเหตุใดจึงเพิ่มธรรมขึ้นมา หน่ะเจ้าค่ะ
พระยาธรรมเอย รู้และเข้าใจหนทางแห่งการเอาชนะกิเลสและตัณหาแล้ว ก็จงมุ่งมั่นตั้งใจทำอย่างจริงจังนะลูก อย่ามัวแต่พากันทีเล่น ทีจริง กันไป
พระยาธรรมเอย การที่เราจะชนะกิเลสและตัณหาได้ เรานั้นต้องทำความดีและต้องเป็นความดีที่เข้มแข็ง เพราะพลังของกิเลสและตัณหาเขาก็เข้มแข็งมากเหมือน
กัน หากมิเช่นนั้นแล้ว เขาคงจะไม่มีอำนาจที่จะคลุมดวงจิตทั้งหลายไว้ในวัฏสงสารนี้หรอกลูก ฉะนั้น ให้พากันตั้งใจนะลูกนะ
และคำถามที่ลูกนั้นถามมา ศีล สมาธิและปัญญา คือการประพฤติ ปฏิบัติ แนวทางที่จะพาไปสู่การดับกิเลสตัณหา คือทางพ้นทุกข์
ณ.ยุคของพุทธกาลที่บันทึกเอาไว้นั้น ก็เพราะว่าในสมัยนั้น เป็นยุคที่ก่อเกิดองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าขึ้นมา และได้ชี้ทางโดยพระองค์เอง หมายถึงตัวบุคคลขององค์
พระพุทธเจ้าได้ชี้ทางและบอกทาง จึงให้มีศีล มีสมาธิ มีปัญญา เดินตามรอย 3 ย่างก้าวนี้ จะเข้าถึงพระนิพพาน นั่นคือรอบของยุคในพุทธกาล
พระยาธรรมเอย แต่การที่เพิ่มธรรมขึ้นมาในยุคของกึ่งศาสนา เพราะว่ายุคนี้ เป็นยุคกึ่งพุทธกาล ซึ่งองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้อุบัติบังเกิดขึ้นมาเป็นกาลเวลา
นานแล้ว ในกึ่งศาสนา นานถึง 2600 ปีแล้ว ฉะนั้น พระธรรมคำสอนขององค์พระพุทธเจ้า ก็จะเลือนรางจางหายบางส่วน จะมีเพิ่มเข้ามาตามความรู้ ความคิด ความเข้าใจ ของ
ผู้ปฏิบัติรุ่นหลังๆ อาจจะถูกและผิด แทรกซ้อนกันอยู่ในนั้น หลายรูปแบบ ฉะนั้นลูกเอ๋ย แนวทางที่ชัดเจน หนทางที่ชัดเจนนั้น จึงเลือนรางจางหาย มีน้อยเหลือเกินที่จะ
สามารถปฏิบัติ เพื่อเข้าถึงพระนิพพานอย่างแท้จริง
ฉะนั้น การก่อเกิดพระธรรมคำสอนมาในกึ่งศาสนานี้ ก็เพื่อชี้และบอกทาง ให้แก่ทุกคนรู้หนทาง
พระยาธรรมเอย จึงได้เพิ่มธรรมขึ้นมา อีกหนึ่งย่างก้าว
ในสัมมาสัมพุทธะ ปัจฉิมาสัมพุทธะ จึงได้เพิ่มธรรมขึ้นมาอีกหนึ่งย่างก้าว ให้แก่ลูกทั้งหลาย
เพราะการที่เข้ามาปฏิบัติมีแต่ศีล สมาธิ และปัญญา หากไม่หมั่นฟังธรรม ก็จะเข้าไม่ถึงอย่างแท้จริง ไม่รู้หนทางอย่างแท้จริง
เพราะว่าธรรมที่มีอยู่นั้นมันยาก และมันดูยากที่จะประพฤติจะ เข้าถึงนิพพานอย่างแท้จริงได้
แม้แต่นักบวชผู้ศึกษาบาลี ศึกษาพระคัมภีร์มามากมายแล้ว จนท่องจำได้ทั้งหมด แต่ก็ยังไม่เข้าใจธรรมที่แท้จริงก็มีลูกเอ๋ย
ฉะนั้น ยุคนี้ เป็นยุคแห่งธรรมคำสอนที่ส่งตรงลงมาจากองค์พระพุทธเจ้า ให้ก่อเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่งจึงควรฟังธรรมนี้ ที่นำมาเผยแผ่ในกึ่งศาสนา
พระยาธรรมเอย ธรรมที่เธอนั้น นำไปเผยแผ่ทุกวัน ทุกวัน ทุกคลิป จะมีสิ่งที่บอกทางอยู่ในนั้น อยู่ตลอด
ฉะนั้น บุคคลผู้ใดที่จะเข้ามาในสัมมาสัมพุทธะ นอกจากศีล สมาธิ ปัญญาแล้ว
จงฟังธรรมที่นำมาเผยแผ่เหล่านี้ให้ดี เพราะการบอกทางจะอยู่ในนั้นทั้งหมด
พระยาธรรมเอย เหตุที่เพิ่มธรรมขึ้นมาก็เพราะว่า
ยุคนี้เป็นยุคที่ก่อเกิดธรรมคำสั่งสอนขึ้นมาใหม่ โดยไม่ได้มีตัวบุคคลคือองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก่อเกิดขึ้น
แต่มีธรรมคำสอนก่อเกิดขึ้นมาลูก ก็เลยให้มีศีล สมาธิ และปัญญาที่ได้บันทึกเอาไว้อยู่แล้ว แล้วให้บวกธรรมขึ้นไปอีกตัวหนึ่ง
เพื่อให้ลูกทั้งหลาย ผู้ตั้งใจปฏิบัติธรรม ได้เข้าใจธรรมที่แท้จริง
โดยให้เดิน 4 ย่างก้าว ศีล ธรรม สมาธิ และปัญญา จึงสามารถเข้าใจและเข้าถึงได้อย่างแท้จริง
พระยาธรรมเอย สี่ย่างก้าวที่ลูกนั้น นำพาทุกคนให้เข้าถึงความพ้นทุกข์ ก่อเกิดขึ้นมาเช่นนี้แหละลูก ต่อไป เราก็จะทำคือการมีสถานที่ ที่ให้มีสี่ย่างก้าว อบรมศีล
อบรมธรรม อบรมสมาธิ อบรมปัญญา ก็จะมีสี่ย่างก้าวนี้ สี่สถานที่นี้ ให้กับทุกคนได้ศึกษา โดยมีธรรมคำสอนที่ลูกนั้นได้นำมาเผยแผ่ แทรกเข้าไปอยู่ในอีกหนึ่งย่างก้าว จะได้
ไม่พากันหลงทางลูกเอ๋ย
สาธุเจ้าค่ะ กราบขอบพระคุณพระพุทธองค์ ที่เมตตาลูกทั้งหลาย ให้ได้เข้าใจสภาวธรรมทุกอย่าง อย่างแจ่มแจ้ง และจะได้บอกกับโยมที่ได้ถามมา คนนั้นน่ะ
เจ้าค่ะ สาธุ