อย่ายึดติดกับอะไร อย่าลุ่มหลงในสิ่งใด อย่าเบียดเบียนใคร
อย่าอยากได้ อย่าอยากมี อย่าอยากเป็น
ถ้าทำได้ เป็นสิ่งดีที่เหนือกว่าอะไร
ที่ดวงจิตทั้งหลายจะแสวงหาได้ อีกแล้วในโลกนี้
… ตอนที่ ๑๒๓ สุดท้ายต้องปล่อยวาง
การที่มีสิ่งใด เป็นอะไร มีไว้เป็นไป เพื่อได้สร้างความดีเท่านั้น เพื่อให้ความดีทั้งหลาย ค้ำหนุนดวงจิตให้พ้นจากความทุกข์ ไม่มีเป้าหมายอื่นใดนอกจากนี้เลย ฉะนั้น สิ่งทั้งหลายที่ได้มา ตั้งแต่ร่างกาย ไม่ให้ยึดไว้ แบกไว้ แม้ความดีทั้งหลาย ก็ต้องปล่อยวาง เพื่อจะได้เกิดความหลุดพ้น หลุดออกจากวัฏสงสาร
คนที่ยึดมั่นถือมั่นในสิ่งใด ย่อมถูกสิ่งนั้นรัดเอาไว้ ย่อมเป็นทุกข์ แม้แต่การยึดมั่นถือมั่นในร่างกาย กายย่อมครอบจิตเอาไว้ กายทุกข์จากความแปรปรวนของธาตุในกาย กายทุกข์จากการรับรู้สิ่งภายนอกเข้ามาในกาย ย่อมทำให้จิตเป็นทุกข์ ดังนั้น ถ้าเราแยกจิตออกจากกาย ถอดถอนจิตให้เป็นอิสระจากกาย เราจะสามารถพ้นทุกข์ได้ทั้งปวง
เหตุความทุกข์มาจากการยึดถือ ยึดในสิ่งใด ถือในสิ่งใด ก็หนักก็เหนื่อย เป็นทุกข์เพราะสิ่งนั้น เพราะสิ่งทั้งหลายเหล่านั้น มีมา มีขึ้น ตั้งอยู่ เดี๋ยวก็ดับไป สลายไปในไม่ช้า ฉะนั้นตราบใดยังยึดอยู่ ถืออยู่ ก็ยังทุกข์อยู่ ดวงจิตที่จะหลุดพ้นได้ต้องวางให้หมด แม้แต่ร่างกายตัวตนของเรา จงวางเสียเถิดจะได้เบาสบาย ไปแต่จิตว่างๆ เข้าสู่พระนิพพาน
… ตอนที่ ๔๒ ปล่อยทางโลก วางทางธรรม
เมื่อสละทางโลกแล้ว การเข้ามาสู่ทางธรรม ก็ยังมีลาภยศ สรรเสริญ สุข ที่จะมาล่อหลอกให้ติดอยู่อีก จงปล่อยวางสิ่งที่ล่อหลอกทั้งทางโลก และวางสิ่งทั้งหลาย ตอนเข้ามาสู่ธรรมนั้นด้วย จะได้ไม่หลง ไม่เสียเวลา ข้ามฝั่งพ้นความทุกข์ได้ เมื่อเรารู้จักการปล่อยวาง
ตอนที่ ๒๘ การปล่อยวางที่ถูกต้อง
การปล่อยวางไม่ได้ปล่อย ที่การกระทำ ไม่ได้ปล่อยหน้าที่ แต่ปล่อยวางที่จิต ไม่ดิ้นรนขวนขวายจนเกินพอดี ทำจิตให้สบาย ทำใจให้สงบ ไม่กังวลสิ่งที่ผ่านไปแล้ว และสิ่งที่ยังไม่มาถึง ทำไปตามเหตุตามปัจจัย ไม่อยากได้ อยากมี อยากเป็น จนเกินพอดี ทำหน้าที่ในปัจจุบันให้ดี จึงจะเป็นการปล่อยวาง ที่ถูกต้องอย่างแท้จริง
… ตอนที่ ๑๖๘ ปล่อยวางให้ปล่อยแบบไหน ***
การปล่อยวาง หมายถึง การปล่อยที่จิต ฝึกฝนให้จิตมีพลังที่เข็มแข็ง ไม่ให้ยึดถือ แบกสิ่งใดเอาไว้ จนทำให้เป็นทุกข์ จะไม่ยึดติด ในสิ่งที่เปลี่ยนแปรผันไป จึงจะอยู่กับสิ่งทั้งหลายได้ โดยไม่ทำให้เป็นทุกข์ เพราะเป็นผู้มีปัญญารู้แจ้ง เข้าใจในสรรพสิ่งตามความเป็นจริงแล้ว
...ตอนที่ ๒๔ ปล่อยวางกับปล่อยปละละเลย***
การปล่อยปละละเลย เป็นการปล่อยให้เป็นไป ไม่สนใจในหน้าที่แห่งตน ขาดความรับผิดชอบในสิ่งที่ทำ ต่างจากการปล่อยวาง ซึ่งทำหน้าที่อย่างเต็มที่ ในเหตุปัจจัยที่มี แต่ปล่อยวางในผลที่เกิดขึ้น ที่เป็นไป