พลังทิพย์
พุทธโอวาทกึ่งพุทธกาล วันที่ 15 สิงหาคม 2559
ตอนที่ 37 **พลังทิพย์**
+ +
พระพุทธองค์ได้ทรงเสด็จลงมา ด้วยญาณบารมี สว่างเจิดจ้า ณ พุทธอุทยานภูสวรรค์ พระยาธรรมิกราชได้รับพระเมตตาให้มีโอกาสได้นอบน้อมเข้าเฝ้า
ทูลถามธรรมกับพระพุทธองค์ ดังนี้ว่า..
" พลังทิพย์ พลังบริสุทธิ์แห่งพระนิพพานนั้น.. ลูกรู้สึกว่า พลังเหล่านี้จะอยู่กับเราตลอดเวลา อยู่รอบๆตัวเราอยู่เสมอ ทุกที่ ทุกแห่งหน -- แต่จะทำยังไง
เราจะได้รับพลังเหล่านี้ได้มากที่สุด หรือได้
สัมผัสพลังเหล่านี้ได้ น่ะเจ้าค่ะ? "
- - - -
พระยาธรรมเอ๋ย.. *พลังทิพย์* นั้น.. เป็นสิ่งที่อยู่รอบกาย อยู่รอบจิต อยู่กับเราทุกคน ทุกดวงจิต ในทุกที่ ทุกแห่งหน เพียงแต่จิต กาย และใจ ความยึด
ติด ความลุ่มหลง เชื้อกิเลสและตัณหา กรรมวิบาก สิ่งเหล่านี้ครอบงำเอาไว้ -- ก็เลยปิดกั้น ทำให้คนในส่วนใหญ่มองไม่เห็น // สัมผัสไม่ได้ในพลังทิพย์
เหล่านั้น...
ลูกเอ๋ย.. เพราะเหตุอย่างนี้แหละลูก.. จึงมีคำกล่าวว่า
"ให้ปฏิบัติที่ใจ ที่จิต ที่ตัวของเรา"
สถานที่ใดก็ตาม.. ไม่สำคัญหรอกลูก
สิ่งที่สำคัญก็คือ จิตใจของเรา การคิดดี ทำดี การทำให้ดวงจิตของตน เข้าถึงความดีต่างหากเล่า
ทำดีในที่ไหนก็ได้ / นั่งสมาธิในที่ไหนๆก็ได้
ทำเมื่อไหร่ ยังไง ก็สุดแล้วแต่เรา - เพราะพลังทิพย์นั้น มีอยู่กับเราเสมอ ตลอดเวลา
ขอเพียงแค่ให้เราน้อมจิตของเรา เพื่อไปสู่การรับพลังทิพย์ - เท่านั้นก็ดีแล้ว
พระยาธรรมเอย.. วิธีของการที่จะทำให้เรารับพลังเหล่านี้ให้ได้มาก ก็คือ การที่เรานั้น ปล่อยวางให้ได้มากที่สุด
ไม่ยึดอดีต ไม่ยึดอนาคต ไม่ยึดปัจจุบัน ไม่ยึดตัวยึดตน..ไม่ยึดสิ่งใดสักหนึ่ง
ความรู้สึกนึกคิด หรือว่าความรู้สึกในกาย ความวุ่นวายในภายนอก-- สิ่งต่างๆทั้งหลาย ไม่สนใจ
การรับพลังให้ได้มากที่สุดนั้น ทำง่ายๆ ลูกเอ๋ย.. แค่หลับตาลง
ตัดอดีต ตัดอนาคต ตัดปัจจุบัน
ตัดความคิด ความกังวล ความยึดถือต่างๆ - ว่างจากสรรพสิ่ง
...แล้วก็น้อมจิตของตนเข้าหาพลังเย็นๆ - พลังที่มาจากโลกทิพย์
ลูกเอ๋ย.. แค่นั้นแหละ ก็จะทำให้ลูกนี้รับพลังได้แล้ว และรับพลังได้มาก
พระยาธรรมเอย.. ส่วนในเรื่องของการที่จะทำยังไงให้เราได้สัมผัสพลังเหล่านี้ได้ / ได้รู้ / ให้เห็น
.. ก็เหมือนกัน เราไม่จำเป็นหรอกลูกที่จะต้องทำอะไรมากมาย -- ก็แค่ปล่อยจิต ปล่อยใจของตน ให้ว่างๆ
- วางทิฐิ อัตตาตัวตน
- วางสิ่งที่รู้มาก่อน
- วางอดีต อนาคต
- หยุดยึดถือทุกสิ่งทุกอย่าง ปล่อยจิต ปล่อยใจให้ว่างๆ
.. แล้วน้อมจิตของตนขึ้นไป เพื่อรับพลังทิพย์ เราก็จะสามารถสัมผัสได้ว่าพลังทิพย์เหล่านั้น มีอยู่จริง
เย็นที่ฝ่ามือ เย็นที่กลางกาย คือ ในท้องของตน
น้อมรับพลังเย็นๆ เข้ามาสู่กายของตน และสัมผัสได้…ลูกเอ๋ย..
/ ไม่มีทิฐิ/ ไม่มีความยึดมั่นถือมั่น ทั้งในอดีต ในอนาคต // ในรูปธรรม และนามธรรม
/ ไม่สนใจสิ่งใดๆ ทั้งหมดทั้งสิ้น
น้อมจิตให้ว่างๆ นึกถึงแต่พลังเย็นๆ
ปล่อยจิตปล่อยใจให้ว่างๆ แค่นั้นแหละลูก.. เราก็จะ- สามารถรับพลังทิพย์ ได้มากที่สุด
- สามารถสัมผัสรับรู้ถึงพลังทิพย์เหล่านั้นได้ - ด้วยตัวของเราเอง
การที่เราจะเรียนรู้ / สัมผัสสิ่งหนึ่งสิ่งใดได้.. เราก็ต้องทำตัวทำตน ทำตาม - สิ่งที่บอกที่กล่าวนั้นให้ได้ด้วย
เราจึงจะสามารถรู้ได้...
การที่เราจะเจอ หรือทดสอบได้ด้วยตัวของเราเอง -- เราก็ต้องทำด้วยตัวของเราเอง แล้วก็จะสามารถสัมผัสได้.. ลูกเอ๋ย
++
พระยาธรรม :: แล้วถ้าหากว่าเรามีกระแสอื่นๆมารบกวนมาก ทำให้ไม่สามารถสงบนิ่งได้เลย - -เราจะต้องทำยังไงล่ะเจ้าคะ ?
พระยาธรรมเอ๋ย..
เราก็ต้องตัด ต้องวาง ต้องละ สลายสิ่งเหล่านั้น
เราก็ต้องภาวนา บอกตนเองว่า สิ่งเหล่านั้น.. ก็ไม่มีอยู่จริง
เราไม่เอามัน มันไม่มีในเรา
พยายามเดินจงกรม หยาดน้ำ แผ่เมตตา
พยายามขอขมากรรม แล้วทำจิตของตนให้ว่าง
พยายามทำทุกวิถีทาง ที่จะล้างกระแสคลื่นรบกวนเหล่านั้น..
-- ด้วยการเดินจงกรม หยาดน้ำ ขอขมากรรม แผ่เมตตา +
+ แล้วก็จะช่วยให้ลูกนั้น เบาสบาย ไม่มีสิ่งรบกวน ++
รวมถึงให้มุ่งมั่นตั้งใจว่า จะน้อมถึงพลังทิพย์ให้ได้
จะมุ่งมั่นตั้งใจ จะไม่สนใจสิ่งรบกวน
-- แล้วลูกก็จะได้รับความสำเร็จเอง ++
ทุกอย่างอยู่ที่ใจ ลูกเอ๋ย.. ขอเพียงแค่จิตใจของเราตั้งมั่น ขอเพียงแค่เราทำอย่างจริงจัง
-- เดี๋ยวก็ได้รับผลสำเร็จเอง ++
+ +
พระยาธรรม :: พระพุทธองค์เจ้าขา แล้วพลังทิพย์เหล่านี้ จะช่วยอะไรเราได้บ้าง มีความจำเป็นมากแค่ไหนที่เราจะต้องรับพลังเหล่านี้ หรือสัมผัส
กับ พลังเหล่านี้ ให้ได้น่ะเจ้าค่ะ ?
พระยาธรรมเอ๋ย.. พลังทิพย์เหล่านี้ คือ พลังแห่งความบริสุทธิ์ จากแดนทิพย์นิพพาน จากที่ที่บริสุทธิ์ คือ พลังที่จะนำพาให้เราพบกับความ
พ้นทุกข์
การที่เรารับพลังเหล่านี้เข้ามาสู่จิต กาย และใจ ให้มากๆ ก็จะช่วยให้จิตของเรามีพลัง...
เมื่อจิตมีพลัง..ก็จะเข้มแข็งในการทำความดี รวมถึงพลังเหล่านี้ ยังเติมสติ และปัญญา ให้เรา…
// ระลึกรู้ถึงผิดชอบชั่วดี
// แยกแยะถูก- ผิดได้อย่างชัดเจน
// เป็นผู้มีปัญญารู้แจ้งเข้าใจในสรรพสิ่ง
แล้วลูกก็…จะสามารถใช้ความรู้แจ้งของลูกนั้น > ถอดถอนกิเลสและตัณหา ที่เข้ามาทำให้ลูกลุ่มหลงงมงายกับมัน
จะสามารถช่วยให้เรา > ถอดถอนดวงจิตของเรา ออกจากเชื้อของกิเลสตัณหาเหล่านั้นได้
** ลูกก็จะสามารถเป็นผู้มีปัญญารู้แจ้ง อยู่เหนือกิเลสตัณหา แก้ไขจิตของตน ถอดถอนความลุ่มหลง **
ลูกเอ๋ย.. พลังแห่งความพ้นทุกข์ คือ พลังทิพย์ที่ลูกนั้นรับไว้
ยิ่งรับพลังทิพย์เข้าสู่กายเท่าไร ++ ความพ้นทุกข์ก็จะยิ่งก่อเกิดแก่ลูกมากเท่านั้น ++
**พลังทิพย์เหล่านี้ มีความสำคัญยิ่งนัก - จึงจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องน้อมเข้าไปสู่จิต กาย และใจ**
เพื่อให้ลูก..
มีแสงสว่าง
มีกำลังของการเดินทาง
มีสติ และปัญญา
-- ที่จะนำพาลูก > ไปสู่ปลายทาง คือ การดับการเกิดของลูกให้สำเร็จในวันหนึ่ง ++
การที่คนเรานั้นจำเป็นที่จะต้องรับพลังทิพย์เหล่านี้ -- พลังทิพย์เหล่านี้ให้คุณค่า ความสำคัญ ให้ประโยชน์แก่เรามากมาย.. ลูกเอ๋ย
* ให้เราได้พบกับความพ้นทุกข์
* ให้เราได้รู้ ได้เข้าใจ ในสรรพสิ่งทั้งหลาย
... จึงจำเป็นยิ่งนักที่เราจะต้องมีพลังเหล่านี้ ...
+ +
พระยาธรรม ::พระพุทธองค์เจ้าขา การที่เรามีพลังทิพย์เหล่านี้ ก็จะช่วยให้เราเข้าใจในทุกอย่าง // พลังทิพย์เหล่านี้จะนำพาเราออกจากความลุ่มหลง เหมือนร่างกายที่ขาดข้าวปลาอาหารไม่ได้ เพราะต้องเป็นสิ่งหล่อเลี้ยงร่างกายให้คงอยู่ได้..พลังทิพย์ ก็เช่นเดียวกัน - เป็นพลัง ที่จะช่วยให้จิต กาย ใจ ของเรา พ้นจากความทุกข์ / ดับการเกิดได้อย่างนั้นใช่มั้ยเจ้าคะ ?
พระพุทธองค์ :: ถูกต้องแล้วลูก การที่เรานี้มีพลังทิพย์ -- จิตของเราก็ไม่ขาดพลัง**
-- เราจึงสามารถสร้างความดี ทำความดีได้มากมายหลากหลายอย่าง.. จนกว่าจะสามารถเข้าถึงพระนิพพานได้ --
พลังทิพย์ ให้เรารู้แจ้งตามความเป็นจริง
พลังทิพย์ ช่วยให้เราเบาบางจากกิเลสตัณหา // ช่วยให้เราถอดถอนตนได้
-- จึงจำเป็นที่เราจะต้องมี เป็น *เสบียงบุญ- เสบียงพลัง* ที่จะนำพาให้เราเข้าถึงพระนิพพาน..ลูก --
สาธุ เจ้าค่ะ
ในโลกนี้ มีสิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่มากมาย การสร้างสั่งสมความดี
ก็จะมีดวงแก้วดวงธรรม เป็นพลังความดี เป็นพลังพุทธบารมี
มาค้ำหนุนกาย ค้ำหนุนจิต ให้ได้รับความสุขชุ่มเย็น
ช่วยให้สามารถตัดกิเลส ตัณหา ได้โดยง่าย
(อย่าลุ่มหลง)