...ตอนที่ ๖๒ ศีลภิกษุ เสขิยวัตร โภชนปฏิสังยุต ข้อที่ ๑๗-๒๓
หมวด “โภชนปฏิสังยุต” มี ๓๐ สิกขาบท - ว่าด้วยกิริยามารยาทที่ควรประพฤติในการรับบิณฑบาต และการฉันภัตตาหาร ข้อที่
๑๗.ไม่พูดในขณะที่มีคำข้าวอยู่ในปาก
๑๘.ไม่ฉันโดยการโยนคำข้าวเข้าปาก
๑๙.ไม่ฉันกัดคำข้าว
๒๐.ไม่ฉันทำกระพุ้งแก้มให้ตุ่ย
๒๑.ไม่ฉันพลางสะบัดมือพลาง
๒๒.ไม่ฉันโปรยเมล็ดข้าว
๒๓.ไม่ฉันแลบลิ้น
...ตอนที่ ๖๓ ศีลภิกษุ เสขิยวัตร โภชนปฏิสังยุต ข้อที่ ๒๔-๓๐
หมวด “โภชนปฏิสังยุต” มี ๓๐ สิกขาบท - ว่าด้วยกิริยามารยาทที่ควรประพฤติในการรับบิณฑบาต และการฉันภัตตาหาร ข้อที่
24. ไม่ฉันดังจับๆ
๒๕. ไม่ฉันดังซูด ๆ
๒๖. ไม่ฉันเลียมือ
๒๗. ไม่ฉันเลียบาตร
๒๘. ไม่ฉันเลียริมฝีปาก
๒๙. ไม่เอามือเปื้อนจับภาชนะน้ำ
๓๐. ไม่เอาน้ำล้างบาตรมีเมล็ดข้าวเทลงในบ้าน
...ตอนที่ ๖๑ ศีลภิกษุ เสขิยวัตร โภชนปฏิสังยุต ข้อที่ ๑๒-๑๖
หมวด “โภชนปฏิสังยุต” มี ๓๐ สิกขาบท - ว่าด้วยกิริยามารยาทที่ควรประพฤติในการรับบิณฑบาต และการฉันภัตตาหาร ข้อที่
๑๒.ไม่มองดูบาตรของผู้อื่นด้วยคิดจะยกโทษ
๑๓.ไม่ทำคำข้าวให้ใหญ่เกินไป
๑๔.ทำคำข้าวให้กลมกล่อม
๑๕.ไม่อ้าปากเมื่อคำข้าวยังมาไม่ถึง
๑๖.ไม่เอามือทั้งมือใส่ปากในขณะฉัน
...ตอนที่ ๖๐ ศีลภิกษุ เสขิยวัตร โภชนปฏิสังยุต ข้อที่ ๗-๑๑
หมวด “โภชนปฏิสังยุต” มี ๓๐ สิกขาบท - ว่าด้วยกิริยามารยาทที่ควรประพฤติในการรับบิณฑบาต และการฉันภัตตาหาร ข้อที่
๗. ฉันบิณฑบาตไปตามลำดับ (ไม่ขุดให้แหว่ง)
๘. ฉันบิณฑบาตพอสมส่วนกับแกง ไม่ฉันแกงมากเกินไป
๙. ฉันบิณฑบาตไม่ขยุ้มแต่ยอดลงไป
๑๐. ไม่เอาข้าวสุกปิดแกงและกับด้วยหวังจะได้มาก
๑๑. ไม่ขอเอาแกงหรือข้าวสุกเพื่อประโยชน์แก่ตนมาฉัน หากไม่เจ็บไข้
...ตอนที่ ๕๙ เสขิยวัตร โภชนปฏิสังยุต ข้อที่ ๔-๖
หมวด “โภชนปฏิสังยุต” มี ๓๐ สิกขาบท - ว่าด้วยกิริยามารยาทที่ควรประพฤติในการรับบิณฑบาต และการฉันภัตตาหาร ข้อที่
๔. รับบิณฑบาตแค่พอเสมอขอบปากบาตร
๕. ฉันบิณฑบาตโดยความเคารพ
๖. ในขณะฉันบิณฑบาต และดูแต่ในบาตร
...ตอนที่ ๕๘ เสขิยวัตร โภชนปฏิสังยุต ข้อที่ ๑-๓
เสขิยวัตร ๗๕ ข้อ
หมวด “โภชนปฏิสังยุต” มี ๓๐ สิกขาบท : ว่าด้วยกิริยามารยาทที่ควรประพฤติในการรับบิณฑบาต และการฉันภัตตาหาร
๑. รับบิณฑบาตด้วยความเคารพ
๒. ในขณะบิณฑบาต จะแลดูแต่ในบาตร
๓. รับบิณฑบาตพอสมส่วนกับแกง (ไม่รับแกงมากเกินไป)
...ตอนที่ ๕๗ ศีลภิกษุ เสขิยวัตร สารูป ข้อที่ ๑๙-๒๖
ศีลภิกษุ เสขิยวัตร สารูป ข้อที่
19. ไม่สั่นศีรษะไปในบ้าน
20. ไม่สั่นศีรษะนั่งในบ้าน
21. ไม่เอามือค้ำกายไปในบ้าน
22. ไม่เอามือค้ำกายนั่งในบ้าน
23. ไม่เอาผ้าคลุมศีรษะไปในบ้าน
24. ไม่เอาผ้าคลุมศีรษะนั่งในบ้าน
25. ไม่เดินกระโหย่งเท้า ไปในบ้าน
26. ไม่นั่งรัดเข่าในบ้าน
...ตอนที่ ๕๖ ศีลภิกษุ เสขิยวัตร สารูป ข้อที่ ๗-๑๘
ศีลภิกษุ เสขิยวัตร สารูป ข้อที่ ๗-๑๘
๗. มีสายตาทอดลงไปในบ้าน (ตาไม่มองโน่นมองนี่)
๘. มีสายตาทอดลงนั่งในบ้าน
๙. ไม่เวิกผ้าไปในบ้าน
๑๐. ไม่เวิกผ้านั่งในบ้าน
๑๑. ไม่หัวเราะดังไปในบ้าน
๑๒. ไม่หัวเราะดังนั่งในบ้าน
๑๓. ไม่พูดเสียงดังไปในบ้าน
๑๔. ไม่พูดเสียงดังนั่งในบ้าน
๑๕. ไม่โคลงกายไปในบ้าน
๑๖. ไม่โคลงกายนั่งในบ้าน
๑๗. ไม่ไกวแขนไปในบ้าน
๑๘. ไม่ไกวแขนนั่งในบ้าน
ตอนที่ ๕๕ ศีลภิกษุ เสขิยวัตร สารูป ข้อที่ ๑-๖
เสขิยวัตร 75 ประกอบด้วย 4 หมวด
1.สารูป มี 26 สิกขาบท - ว่าด้วยกิริยามารยาที่ควรประพฤติในเวลาเข้าไปในหมู่บ้าน เริ่มตั้งแต่การนุ่งห่ม การสำรวม ระวังอิริยาบถ การพูดคุย ให้อยู่ในอาการที่เหมาะสม
2.โภชนปฏิสังยุต มี 30 สิกขาบท - ว่าด้วยกิริยามารยาทที่ควรประพฤติในการรับบิณฑบาต และการฉันภัตตาหาร
3. ธรรมเทสนาปฏิสังยุต มี 16 สิกขาบท - ว่าด้วยกิริยามารยาทในการแสดงธรรมแก่ผู้อื่น
4.ปกิณกะ มี 3 สิกขาบท - ว่าด้วยกิริยามารยาท ในการถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ
หมวด “สารูป” มี 26 สิกขาบท
1. นุ่งให้เป็นปริมณฑล (ล่างปิดเข่า บนปิดสะดือไม่ห้อยหน้าห้อยหลัง)
2. ห่มให้เป็นนปริมณฑล (ให้ชายผ้าเสมอกัน)
3. ปกปิดกายด้วยดีไปในบ้าน
4. ปกปิดกายด้วยดีนั่งในบ้าน
5. สำรวมด้วยดีไปในบ้าน
6. สำรวมด้วยดีนั่งในบ้าน
ตอนที่ ๖๔ ศีลภิกษุ เสขิยวัตร ธรรมเทสนาปฏิสังยุต ข้อที่ ๑-๑๖
หมวด “ธรรมเทสนาปฏิสังยุต” มี ๑๖ สิกขาบท : ว่าด้วยกิริยามารยาทในการแสดงธรรมแก่ผู้อื่น
๑. ไม่แสดงธรรมแก่คนไม่เป็นไข้ที่มีร่มในมือ
๒. ไม่แสดงธรรมแก่คนไม่เป็นไข้ที่มีไม้พลองในมือ
๓. ไม่แสดงธรรมแก่คนไม่เป็นไข้ที่มีของมีคมในมือ
๔. ไม่แสดงธรรมแก่คนไม่เป็นไข้ที่มีอาวุธในมือ
๕. ไม่แสดงธรรมแก่คนไม่เป็นไข้ที่สวมเขียงเท้่า (รองเท้าไม้)
๖. ไม่แสดงธรรมแก่คนไม่เป็นไข้ที่สวมรองเท้า
๗. ไม่แสดงธรรมแก่คนไม่เป็นไข้ที่ไปในยาน
๘. ไม่แสดงธรรมแก่คนไม่เป็นไข้ที่อยู่บนที่นอน
๙. ไม่แสดงธรรมแก่คนไม่เป็นไข้ที่นั่งรัดเข่า
๑๐. ไม่แสดงธรรมแก่คนไม่เป็นไข้ที่โพกศีรษะ
๑๑. ไม่แสดงธรรมแก่คนไม่เป็นไข้ที่คลุมศีรษะ
๑๒. ไม่แสดงธรรมแก่คนไม่เป็นไข้ที่อยู่บนอาสนะ (หรือเครื่องปูนั่ง) โดยภิกษุอยู่บนแผ่นดิน
๑๓. ไม่แสดงธรรมแก่คนไม่เป็นไข้ที่นั่งบนอาสนะสูงกว่าภิกษุ
๑๔. ไม่แสดงธรรมแก่คนไม่เป็นไข้ที่นั่งอยู่ แต่ภิกษุยืน
๑๕. ภิกษุเดินไปข้างหลังไม่แสดงธรรมแก่คนไม่เป็นไข้ที่เดินไปข้างหน้า
๑๖. ภิกษุเดินไปนอกทางไม่แสดงธรรมแก่คนไม่เป็นไข้ที่ไปในทาง
ตอนที่ ๖๕ ศีลภิกษุ เสขิยวัตร ปกิณกะ ข้อที่ ๑-๓
หมวด “ปกิณกะ” มี ๓ สิกขาบท : ว่าด้วยกิริยามารยาท ในการถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ
๑.ภิกษุไม่เป็นไข้ไม่ยืนถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ
๒.ภิกษุไม่เป็นไข้ไม่ถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ หรือบ้วนน้ำลายลงในของเขียว (พันธุ์ไม้ใบหญ้าต่างๆ)
๓.ภิกษุไม่เป็นไข้ไม่ถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ หรือบ้วนน้ำลายลงในน้ำ
...ตอนที่ ๖๖ ศีลภิกษุ อธิกรณสมถะ ข้อที่ ๑-๔
อธิกรณ์ แปลว่า ภารกิจที่พึงทำให้สงบให้เรียบร้อยเหมาะสม
อธิกรณ์ ในคำวัดใช้หมายถึงสาเหตุ คดีเรื่องราว ปัญหา ความยุ่งยาก กิจกรรมที่เกิดขึ้นในหมู่สงฆ์ ที่สงฆ์ต้องจัดการสะสางหรือดำเนินการทำให้สงบหรือเป็นไปด้วยดี
อธิกรณ์ ในพระวินัยมี ๔ เรื่อง คือ เป็นชื่อแห่งเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วจะต้องจัดต้องทำให้ลุล่วงไป มี ๔ ประการ คือ
๑. วิวาทาธิกรณ์ คือวิวาท ได้แก่การเถียงกันปรารภพระธรรมวินัยนี้ จะต้องได้รับชี้ขาดว่าถูกว่าผิด หรือเรียกอีกอย่างว่าเป็นการถกเถียงกันด้วยเรื่องพระธรรมวินัย
๒. อนุวาทาธิกรณ์ คือ ความโจทกล่าวหากัน ด้วยปรารภพระธรรมวินัยนี้จะต้องได้รับชี้ขาดว่าถูกว่าผิด หรือเรียกอีกอย่างว่าเป็นการถกเถียงกันด้วยเรื่องอาบัติ
๓. อาปัตตาธิกรณ์ คือ กิริยาที่ต้องอาบัติหรือถูกปรับอาบัตินี้จะต้องทำคืน คือทำให้พ้นโทษ หรือเรียกอีกอย่างว่าเป็นการถกเถียงกันด้วยเรื่องการปรับอาบัติและวิธีการออกหรือพ้นจากอาบัติ
๔. กิจจาธิกรณ์ คือกิจธุระที่สงฆ์จะพึงสามัคคีร่วมกันทำ เรียกว่า สังฆกรรม เช่นให้อุปสมบทนี้จะต้องทำให้สำเร็จ
อธิกรณสมถะ
“อธิกรณสมถะ” เป็นชื่อแห่งสิกขาบทหรือสิกขาบทหรือแห่งธรรม แปลว่า “สำหรับระงับอธิกรณ์” มี ๗ ประการ คือ
๑. สัมมุขาวินัย แปลว่า ระเบียบอันจะพึงทำในที่พร้อมหน้า ๔ อย่าง คือ
ก. พร้อมหน้าสงฆ์ คือภิกษุเข้าประชุมครบองค์กำหนดเป็นสงฆ์
ข. พร้อมหน้าบุคคล คือ บุคคลที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้อยู่พร้อมหน้ากัน
ค. พร้อมหน้าวัตถุ ได้แก่ยกเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นวินิจฉัย
ง. พร้อมหน้าธรรมวินัย ได้แก่วินิจฉัยถูกธรรม ถูกวินัย
๒. สติวินัย แปลว่า ระเบียบยกเอาสติขึ้นเป็นหลัก ได้แก่กิริยาที่สงฆ์สวดประกาศให้สมมติ (การรับรู้ร่วมกัน) แก่พระอรหันต์ว่าเป็นผู้มีสติเต็มที่ เพื่อระงับอนุวาทาธิกรณ์ ที่มีผู้โจทท่านด้วยศีลวิบัติ
๓. อมูฬหวินัย แปลว่า ระเบียบที่ให้แก่ภิกษุผู้หายเป็นบ้าแล้ว ได้แก่กิริยาที่สงฆ์สวดประกาศให้สมมติ (การรับรู้ร่วมกัน) แก่พระอรหันต์ว่าเป็นผู้มีสติเต็มที่ เพื่อระงับอนุวาทาธิกรณ์ ที่มีผู้โจทท่านด้วยศีลวิบัต
๔. ปฏิญญาตกรณะ แปลว่า ทำตามรับ ได้แก่ปรับอาบัติตามปฏิญญาของจำเลยผู้รับเป็นสัตย์ การแสดงอาบัติ ก็จัดว่าทำปฏิญญาในข้อนี้ด้วย
๕. เยภุยยสิกา แปลว่า ตัดสินตามคำของคนมากเป็นประมาณ วิธีนี้สำหรับใช้ในเมื่อความเห็นของคนมาก แตกต่างกัน ให้ตัดสินเอาตามคำของคนมากเป็นประมาณ
๖. ตัสสปาปิยสิกา แปลว่า กิริยาที่ลงโทษแก่ผู้ผิด มี ๒ นัย
ก. เพิ่มโทษแก่ภิกษุผู้ประพฤติผิดซ้ำอีก
ข. ตัดสินโทษแม้ไม่รับเป็นสัตย์ แต่พิจารณาสมจริงดังกล่าวในอนิยตสิกขาบทนั้น
๗. ติณวัถารกวินัย แปลว่า ระเบียบดังกลบไว้ด้วยหญ้า ได้แก่กิริยาที่ให้ประนีประนอมกันทั้ง ๒ ฝ่าย
...ตอนที่ ๖๗ ศีลภิกษุ อธิกรณสมถะ ข้อที่ ๕-๗
อธิกรณสมถะ การทำอธิกรณ์ให้สงบระงับ หมายถึง วิธีระงับอธิกรณ์ตามพระธรรมวินัย ๗ อย่าง คือ
๑.สัมมุขาวินัย ตัดสินในที่พร้อมหน้าทั้ง โจทย์และจำเลยพร้อมพยาน ตามพยานหลักฐาน
๒.สติวินัย ถือสติเป็นหลัก การยกเลิกความผิดเพราะเป็นพระอรหันต์หรืออริยบุคคลที่จะไม่ทำผิดวินัยในข้อนั้นได้
๓.อมูฬหวินัย ผู้หายจากเป็นบ้า การเลิกความผิดเพราะผู้กระทำผิดนั้นวิกลจริตหรือเป็นบ้า
๔.ปฏิญญาตกรณะ ทำตามที่รับ การตัดสินตามการยอมรับผิด คำสารภาพของผู้กระทำผิด
๕.ตัสสปาปิยสิกา ลงโทษแก่ผู้ผิดที่ไม่รับ การลงโทษพยานผู้ที่ไม่ยอมพูดในการสอบสวนของคณะสงฆ์
๖.เยภุยยสิกา การตัดสินตามมติเสียงข้างมาก
๗.ติณวัตถารกะ ดุจกลบไว้ด้วยหญ้า วิธีประณีประนอม การตัดสินยกฟ้อง เลิกแล้วต่อกัน(ในกรณีทะเลาะกัน)
การใช้สมถะระงับอธิกรณ์
๑. สัมมุขาวินัย เป็นเครื่องระงับอธิกรณ์ได้ทุกอย่าง
๒. สติวินัย, อมูฬหวินัย, ตัสสปาปิยสิกา ทั้ง ๓ อย่างนี้ เป็นเครื่องระงับเฉพาะอนุวาทาธิกรณ์
๓. ปฏิญญาตกรณะ, ติณวัตถารกวินัย ทั้ง ๒ อย่างนี้ ท่านกล่าวว่า เป็นเครื่องระงับเฉพาะปัตตาธิกรณ์ และใช้เป็นเครื่องระงับอนุวาทาธิกรณ์ด้วย ก็ได้
๔. เยภุยยสิกา ใช้เป็นเครื่องระงับเฉพาะวิวาทาธิกรณ์
ศีลทุกข้อเป็นกรอบของความดี มีไว้เพื่อป้องกันกิเลสตัณหาที่จะเข้ามาใหม่ และ ชำระจิตใจให้ห่างไกล จากกิเลสตัณหา ด้วยการสำรวมกาย วาจา ใจ เป็นบันไดสู่มรรคผลนิพพาน