การจะเป็นครูเป็นหมอ เป็นผู้พิพากษา เป็นทนาย ปรารถนาที่จะเป็นอะไร
ต้องศึกษาเรียนรู้ ในสิ่งที่จะเป็น จึงจะสำเร็จสมปรารถนาในสิ่งที่จะเป็น
การจะเป็นองค์พระอรหันต์ ต้องทำให้ดวงจิตปราศจากกิเลส ตัณหา
วิธีการใดที่จะชำระล้างกิเลสตัณหา ก็ต้องศึกษา และปฏิบัติให้ได้
จึงจะสำเร็จเป็นองค์พระอรหันต์ได้ ดั่งใจปรารถนา
ตอน การเข้าถึงความหลุดพ้น*****
(สภาวะธรรมของผู้ที่ถึงองค์พระอรหันต์)
ดวงจิตใดหากปรารถนาที่จะหลุดพ้นแล้วนั้น ให้เริ่มสร้างสั่งสมแต่ความดี
สิ่งใดที่ไม่ดี เราจะไม่คิดไม่พูดไม่ทำอีก
เหมือนการจุดเทียนให้ไฟเผาไหม้ไส้เทียนและไขเทียนให้หลอมละลายไป
กรรมที่เราเคยทำไม่ดีเมื่อมาให้ผล เราจะไม่เป็นทุกข์กับมัน
ไฟที่หลอมละลายเทียน เหมือนความทุกข์หลอมละลายกรรมไม่ดีในอดีต
ปล่อยให้หลอมละลายไปเรื่อยๆ จนวิบากกรรมไม่ดีมอดไปดับไปในที่สุด
จนสิ้นสุดหนี้กรรม เราจะเกิดความสำเร็จในจิต จะไม่สุขไม่ทุกข์ในสิ่งใดอีกแล้ว
(กระทำตนให้แจ้งไม่มืดบอด)
เราเป็นใคร มาจากไหน มาทำอะไร จะไปไหน
ถ้ายังไม่รู้ความจริงทั้งหลายเหล่านี้ เปรียบเสมือนคนตาบอด
ถ้ารู้ในเรื่องเหล่านี้ รู้ตัว รู้ตน รู้หนทาง เปรียบเหมือนคนตาดี
แต่ถ้ารู้บ้าง ไม่รู้บ้าง ชัดบ้าง ไม่ชัดบ้าง จงเร่งขวนขวายแสวงหาความรู้
เพื่อเช็ดสิ่งที่ปิดบังตาบังใจ ให้สว่างให้รู้แจ้งในสรรพสิ่งทั้งหลายเถิด
จะได้ไม่ลุ่มหลงในสิ่งล่อหลอก ลวงตาลวงใจทั้งหลายให้ จมอยู่ติดอยู่ในกองทุกข์
นำแสงสว่างสู่จิตใจของเรา เป็นผู้มีดวงตาเห็นธรรม