เชื้อความรักมีมูลเหตุมาจากความลุ่มหลงในรูปกาย ดวงจิตมาเกิดถูกครอบงำด้วยกายในและกายนอก ซึ่งมีกิเลสตัณหา
ถึงแม้จะเป็นกายทิพย์ของเทพเทวดา นาค หรือกายมนุษย์ ก็ยังมีเชื้อรัก
จะดับเชื้อนี้ได้ ต้องตัดความยึดถือแห่งกายภายในและกายภายนอก
เมื่อดับกายในได้แล้ว จึงจะดับการยึดถือกายภายนอก
โดยมีกรอบของศีลเป็นเกราะป้องกันเพื่อไม่ให้เชื้อนี้กำเริบและสร้างความทุกข์ให้แก่เราอีก
… ตอนที่ ๔ ทำไมชนะกิเลสตัณหาได้ยาก
การเลี้ยงดูลูกน้อย ต้องเอาใจใส่ ป้อนนมป้อนน้ำ ต้องขยัน ต้องอดทน กว่าเด็กน้อยจะเติบใหญ่ หาเลี้ยงตัวเองได้ การทำความดีก็เช่นเดียวกัน กว่าความดีจะเจริญงอกงามเข้มแข็ง จนสามารถทำให้จิตมีพลังความดี อยู่ เหนือกิเลสตัณหา ก็ต้องเอาใจใส่ สร้างความดีไปเรื่อยๆ ด้วยความขยัน อดทน เช่นเดียวกัน
… ตอนที่ ๑๑๐ คนใกล้ตัวมีกิเลสหนาตัณหาหนัก
คนที่อยู่ด้วยใกล้ชิด มีความคิด ความเห็นไม่ตรงกัน ฝักใฝ่ในความรัก โลภ โกรธ หลง มีความทะยานอยากไม่จบสิ้น ไม่รู้จักศีล ธรรม ต้องการจะช่วยเหลือเขาเหล่านั้น ให้ปฏิบัติที่ตนให้ดีก็พอ เมื่อดีแล้วค่อยแผ่ พลังบุญบารมีให้เขา บุญที่ส่งให้ จะเปลี่ยนเขา มาในทางที่ดีเอง
...ตอนที่ ๑๑๑ ชักเริ่มท้อต่อกิเลสตัณหา
ทำความดีมามากแล้ว ยังพ่ายแพ้ต่อกิเลส ตัณหา ความดีที่ทำมา ถ้ายังไม่เต็มก็ยังพบกับความทุกข์ ไม่ต้องยึดกับความดีที่ทำมา วางความดีนั้นไว้ สั่งสมความดีต่อไป จึงจะมีพลังความดีที่ยิ่งใหญ่ ให้พบนิพพานได้ในสักวัน
เมื่อรักษาศีลห้าได้ ชัยชนะต่อกิเลสตัณหา จะปรากฏไม่เกินเจ็ดชาติอย่างเที่ยงแท้
การเป็นนักบวช ไม่ได้บวชเล่นๆ ตั้งใจที่จะดับกิเลสตัณหา เพื่อดับการเกิด จึงจะเป็นนักบวชที่แท้จริง สายธรรมใดที่ไม่เอาใจกิเลส ไม่เลี้ยงตัณหา รักษากฎกติกาที่อยู่ร่วมกัน มีเครื่องชำระกิเลส จึงจะเป็นสายธรรม ที่จะนำพาดวงจิต สู่ความพ้นทุกข์ได้อย่างแท้จริง
ตอนที่ ๖๗ จะดับกิเลสได้เมื่อไหร่
พระยาธรรมิกราช พุทธโอวาทกึ่งพุทธกาล
เชื้อราคะ เป็นกิเลสที่มีพิษร้อนแรง เหมือนกับงูเห่าร้ายที่คอยฉกกัด ทุกคนที่จะผ่านทาง เพื่อไปสู่พระนิพพาน ฉะนั้นเราทั้งหลาย ควรจะตั้งสติให้ดีและขจัดเสียซึ่งเภทภัยนี้ให้สิ้นไปเสีย เพื่อไม่ให้ต้องกลับมาทุกข์อีก
… ตอนที่ ๑๖๔ กิเลสคืออะไร *****
จิตนี้เป็นเมล็ด กิเลสนั้นคือสิ่งที่ทำให้เมล็ดเกิดขึ้นมาได้ กรรมจึงเป็นผลจากกิเลส กรรมเป็นเหตุให้มีเรา ถ้าดับกิเลสได้ก็จะไม่มีกรรม และไม่มีเราอีกต่อไป
กิเลส มีความรัก โลภ โกรธ หลง เป็นเชื้อโรคของดวงจิต ที่ทำให้เจ็บป่วย เปรียบเหมือนกับเชื้อรา ไวรัส แบคทีเรีย โปรโตซัว เป็นเชื้อโรคของร่างกาย ที่ทำให้เจ็บไข้ได้ป่วย ถ้าปรารถนาความพ้นทุกข์ จะต้องดับกิเลสให้สิ้นไป ด้วยการตัดความยึดติดลุ่มหลงในร่างกาย เห็นความไม่เที่ยง ให้ทุกอย่างเป็นไปตามกฎของกรรม ทำจิตให้ชุ่มเย็น ทำความดี เว้นการทำชั่ว ก็จะดับกิเลสทั้งหลายให้สิ้นไปได้ในที่สุด
… ตอนที่ ๖ ผู้ที่ยังมีกิเลสจะพบความสุขที่แท้จริงได้ไหม
… ตอนที่ ๗๗ ตัดรากถอนโคน ***
เพราะเหตุใด จึงต้องนำตนให้ห่างไกล จากกิเลส ตัณหา อุปาทาน
ความหลงเป็นรากเหง้าของความทุกข์ นำมาสู่ต้น กิ่ง ใบ ให้เกิดความรัก ความโลภ ความโกรธ มีพิษร้าย ถ้ามีอยู่ในจิตใจของบุคคลผู้ใด แม้จะเกิดอยู่ในสวรรค์ ก็ยังให้เจ็บป่วยทางจิตได้ จึงจำเป็นอย่างยิ่ง ต้องหาวิธีตัดรากถอนโคนความหลงนั้นเสีย เพื่อจะได้ไม่ต้องทุกข์อีก
... ตอนที่ ๒๐๕ การชนะกิเลสตัณหา
บุคคลใดที่ต้องการดับความทุกข์ ต้องเอาชนะกิเลสตัณหาให้ได้ ซึ่งจะต้องรักษาศีลห้าให้ได้ เพราะ
ศีลข้อที่หนึ่ง เว้นจากการฆ่า จะละในความโกรธ
ศีลข้อที่สอง เว้นลักทรัพย์ จะละในความโลภ
ศีลข้อที่สาม เว้นจากการผิดประเวณี จะละความรัก
ศีลข้อที่สี่ เว้นจากการพูดปด และศีลข้อห้า เว้นจากดื่มสุราเมรัย จะละในความหลง
… ตอนที่ ๑๖๕ ตัณหาคืออะไร ***
ความอยากคือตัณหา ไม่อยากก็เป็นตัณหา ให้พิจารณาว่าการที่จะทำสิ่งใด ยังไม่มีเหตุมีปัจจัยแต่อยากให้เกิดขึ้นมา ทำไปด้วยความยึดติดยึดมั่นถือมั่นจนเกินไป ทำไปด้วยความไม่รู้ด้วยความลุ่มหลง ทำสิ่งใดเกินความพอดี จนเกิดการเบียดเบียนตนและผู้อื่นให้เป็นทุกข์ นี้แหละเขาเรียกว่าตัณหา
... ตอนที่ ๗๕ ความอยากทำให้เป็นทุกข์อย่างไร
… ตอนที่ ๑๓๖ ไม่อยากทำแต่จำใจต้องทำ
ไม่อยากทำแต่มีความจำเป็นต้องทำ จะทำอย่างไรไม่ให้เป็นทุกข์
ความอยากก็เป็นตัณหา ความไม่อยากก็เป็นตัณหา จึงไม่ควรนำมายุ่งเกี่ยวกับการทำสิ่งใด ถ้ามีเหตุปัจจัยที่มากพอก็ให้ทำไป การกระทำที่ก่อเกิดประโยชน์แก่คนมากมาย จะเป็นพลังคอยค้ำหนุนดวงจิต ให้หลุดพ้นจากการครอบงำของกิเลส ตัณหา เป็นหนทางนำพาเราสู่ความพ้นทุกข์ จึงไม่ควรเอาความอยากหรือไม่อยากมาตัดสินในการทำสิ่งใด
ในชีวิตของเรานั้นได้ใช้ความอยาก หรือไม่อยากในการดำเนินชีวิตหรือเปล่า อยากให้เป็นเช่นนั้นเป็นเช่นนี้ ไม่อยากให้เป็นเช่นนั้นเช่นนี้ จงลดความอยากหรือไม่อยากลงเสีย ให้ยึดตามเหตุตามปัจจัย ตามสถานการณ์ เพราะสิ่งทั้งหลายนั้นไม่มีความเที่ยงแท้แน่นอน เราถึงจะอยู่อย่างมีความสุข
เหตุเกิดที่ไหน ดับเหตุที่นั่น ทุกข์เกิดที่ไหน ดับทุกข์ที่นั่น ทุกข์เกิดที่เรา ดับที่เรา ความโกรธเกิดจากที่มีเรา ดับความมีเรา สลายตัวตนเสียได้ ไฟโกรธความพยาบาทก็จะมอดดับไป ไม่มีความทุกข์เร่าร้อนอีกต่อไป
ตอนที่ ๑๑๙ โรคติดต่อ *****
คนนั้นก็ป่วย คนนี้ก็ไข้ เมื่อจามเมื่อไอสามารถติดต่อกันได้ ถ้าอยู่ร่วมอยู่ด้วย ใกล้ชิดกัน แต่เชื้อกิเลส ตัณหาสามารถติดต่อกันได้ ทางหู ทางตา หรือผ่านมาทางใจ ไม่ว่าอยู่ใกล้หรือไกล ให้เจ็บป่วยได้ ถ้าไม่ระวัง
ตอนที่ ๒๔๑ รู้เท่าทันกิเลสตัณหา
ดวงจิตผู้รู้ จะรู้ทันกิเลส รู้ทันตัณหา มีสิ่งใดปรุงแต่งผ่านกายผ่านใจมา จิตจะเข้าใจ
รู้ทันทุกอย่างเห็นเป็นธรรมดา จะสามารถยกจิตเหนือกิเลสตัณหา
ไม่สุขไม่ทุกข์กับสิ่งใดที่ผ่านมา จึงถือว่าเป็นผู้มีปัญญาธรรม
พุทธธรรมสำหรับนักบวช ตอนที่ ๒๙๖ ชนะกิเลสมาร
กิเลสมาร คือ การไม่รู้ตามความเป็นจริง เลยถูกหลอก จึงไม่สามารถทำความดีได้ บุคคลผู้มีปัญญาธรรม จะรักษาศีล มีธรรม มีสมาธิ
จะเกิดปัญญารู้แจ้งตามความเป็นจริง
สามารถเอาชนะ ความหลง ความรัก ความโกรธ นั้นได้
ไม่ตกเป็นทาสของกิเลส ตัณหา อีกต่อไป
ความโกรธ
พุทธธรรมวันที่ 30 สิงหาคม 2557
เมื่อข้าพระพุทธเจ้าได้เข้าเฝ้านอบน้อมต่อองค์พระพุทธบิดา พระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วนั้น พระองค์ท่านได้ทรงเมตตา ชี้ทางสว่าง ให้ธรรมะแก่พวกเราทั้งหลายมาดังนี้ว่า
พระยาธรรมิกราชเอ๋ย... เจ้าจงนำธรรมนี้ไปเพื่อเผยแผ่แก่ญาติบุญ ญาติธรรมทั้งหลาย เพื่อทำความเข้าใจกันเถิด
ลูกๆ ทั้งหลาย การที่เรามีอารมณ์โกรธ โกรธไปแล้วได้อะไร ลูกทั้งหลายเอ๋ย ลูกจงทบทวนดูเถิด ความโกรธของคนเรานี้สามารถสร้างเหตุของทุกข์ได้เยอะแยะมากมาย อย่างน้อยๆ ถ้าเราโกรธไปแล้ว ก็ทำให้เรานั้นเป็นทุกข์ นอกเหนือจากเรา ก็ยังมีอีกคนหนึ่ง หรือบุคคลที่เขาต้องมารองรับอารมณ์โกรธจากเราเพิ่มขึ้นมาอีก
การโกรธของเรา เมื่อเราโกรธปุ๊บ เราก็แพร่เชื้อให้กับผู้อื่น ผู้อื่นก็โกรธเช่นเดียวกัน แล้วผู้อื่นก็ไปโกรธ โมโหต่อใส่ผู้อื่นอีก แล้วมันก็ต่อๆไปอย่างนี้ ความโกรธเป็นสิ่งที่ทำให้เราต้องเป็นทุกข์ ทำให้เราต้องสูญเสียเวลา สูญเสียความดี สูญเสียสิ่งที่เราควรจะรักษาเอาไว้ คือ ภาพพจน์ของตนเอง ภาพพจน์ที่ดี ที่ตนนั้นควรจะมีอยู่ เพื่อจะได้เป็นคนดี ให้กับคนอื่นเขาเคารพนับถือ แต่หากว่าเราเป็นคนขี้โกรธ โกรธง่าย โกรธขึ้นมาก็โมโหรุนแรง โกรธรุนแรง ว่าใส่คนนั้น ว่าใส่คนนี้ ก็จะทำให้เราเสียภาพพจน์ไป เมื่อเสียภาพพจน์แล้ว บางครั้งคำพูดจากการโกรธของเรานี้ก็สร้างปัญหาไว้ให้เราได้มากมาย คนที่กำลังโกรธอยู่นั้นย่อมไม่มีสติอะไร เหมือนคนบ้า ที่นึกจะพูดอะไรก็พูดออกไป นึกจะว่าอะไรก็ว่าไป
คำพูดในขณะที่เรากำลังโกรธนั้นก็จะสามารถที่จะไปสร้างปัญหา สะท้อนกลับคืนมาสู่เรามากมายเช่นเดียวกัน ปัญหาอาจต้องเกิดเรื่องราวใหญ่โต เกิดเหตุให้เราต้องตามแก้ไขมัน เมื่อเราตามไปแก้ไขมัน หากว่าเรามีอารมณ์โกรธอีก มันก็ยังส่งผลแพร่ให้มันใหญ่โตขึ้นกว่าเดิมอีก เป็นเช่นนั้นแหละลูก
การโกรธนี้จึงไม่ควรให้เกิดขึ้น ไม่ควรให้มีแก่เราทุกๆคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากว่าเราเป็นนักบวชแล้ว ยิ่งไม่ควรอย่างยิ่งที่จะมีอารมณ์โกรธ ที่มากมาย ที่ยังไม่เคยลบให้มันเหลือน้อยลงเลย เราก็จะเป็นนักบวชที่ดูแล้วมีแต่ความเร่าร้อน เป็นทุกข์ จิตใจเร่าร้อน ไม่น่าอยู่ด้วย ไม่น่าอยู่ใกล้ ไม่น่าเคารพนับถือ
ลูกทั้งหลายเอ๋ย..อารมณ์โกรธ นอกเหนือจากการที่จะสร้างปัญหาให้เราต้องคอยแก้ไข ให้เราต้องคอยเป็นทุกข์ ให้ผู้อื่นต้องเป็นทุกข์ สร้างปัญหามากมายแล้วนั้น ก็ยังทำให้ตัวเรานี้ร้อนรุ่มดุจกองไฟที่พร้อมที่จะแผดเผาคนอื่น ผู้อื่นได้ตลอดเวลา เหมือนกองไฟที่กองอยู่ใกล้ๆคนที่เขามาใกล้เรา และเราก็คอยเผาเค้าอยู่เรื่อย
ลูกทั้งหลายเอ๋ย.. กองไฟ เป็นสิ่งที่เร่าร้อน ใครก็ไม่ปรารถนาที่อยู่ใกล้ อยู่ร่วม จงดับเพลิงแห่งกองไฟอันเร่าร้อนของแรงโกรธนั้นไปเถิด การที่จะดับแรงเกิดได้ เราต้องมีสมาธิเป็นที่ 1 เมื่อเรามีสมาธิ เราก็จะรู้ว่า โกรธไปแล้วได้อะไร โกรธไปก็แค่นั้นแหละ ช่างมันเถิด ค่อยๆคิดไตร่ตรองดูว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นคืออะไร เกิดขึ้นเพราะอะไร ค่อยๆคิดทบทวน แล้วค่อยตัดสินใจ
เมื่อเรามีสมาธิที่แน่นอยู่ในตัว เมื่อครั้งเจอกับอะไรก็ตาม เราก็จะรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องเล็กน้อย ธรรมดา ไม่มีอะไร ลูกทั้งหลายเอ๋ย จงใช้สมาธิดับการโกรธของลูกเสียเถิด เพราะหากว่าลูกนั้น สมมุติว่าถ้าลูกจะต้องไปอยู่กับคนๆหนึ่งที่เค้านั้นชอบโกรธ เอะอะอะไรนิดหน่อยก็จะโกรธ โมโห มีนิสัยที่ค่อนข้างจะก้าวร้าว โกรธง่าย เมื่อโกรธมาแล้วก็ว่า, พูดในสิ่งที่ไม่ดีต่างๆ ลูกก็คงที่ไม่อยากอยู่ใกล้ ไม่ปรารถนาที่จะคบหา อยู่ร่วมกับคนผู้นั้น
ฉะนั้นลูกเอ๋ย จงประพฤติปฏิบัติตน หมั่นขัดเกลา ดูตนเองว่า บัดนี้ เวลานี้เรายังเหลืออารมณ์ของความโกรธนั้นเยอะหรือว่าน้อยแล้ว หากว่ายังเยอะอยู่ ลดให้มันเหลือน้อยลง หากว่าน้อยแล้ว ก็ลดให้หายไป แล้วลูกก็จะมีจิตที่ชุ่มเย็น เป็นคนที่ชุ่มเย็นน่าอยู่ใกล้ น่าอยู่ร่วม ลูกก็จะมีแต่ความสุขที่เกิดขึ้นในใจของลูกเอง
ลูกทั้งหลายเอ๋ย.. ความโกรธนั้นทำให้เราเป็นทุกข์ได้มากมาย แล้วลูกยังจะปล่อยให้มันครอบงำจิตใจของลูก กายของลูก ทำให้ลูกต้องตกอยู่ในกองทุกข์อีกหรือเปล่า
ลูกทั้งหลาย ในวันนี้ได้รู้จักความโกรธ ได้ทำความเข้าใจถึงความทุกข์ที่เกิดจากความโกรธ ได้รู้แล้วจงดับมันเสียเถิด ไฟอันร้อนรุ่มนี้สามารถดับได้ด้วยสมาธิ จงนั่งสมาธิ ภาวนาจิตให้ลูกนั้นได้เข้าใจ เข้าถึงเหตุต่างๆทั้งหลาย เพื่อดับไฟกองนี้เถิด อย่าปล่อยให้มันต้องเผาลูก เผาคนรอบข้าง เผาทุกสิ่งทุกอย่าง ที่ลูกนั้นนั้นมีอยู่รอบๆตัว ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่จะทำให้ลูกนั้นเป็นสุข หรือจะเป็นทุกข์ได้
ลูกทั้งหลายเอ๋ย.. จงกระทำเช่นนี้ อย่างนี้กันทุกๆคนเถิด
สาธุ