ก้าวแห่งศีล ไม่มีการสร้างกรรมอันใด
ที่ต้องกลับมาชดใช้อีก
ก้าวแห่งธรรม เข้าใจแผนที่การเดินออกไป
จะได้ไม่หลงทาง
ก้าวแห่งสมาธิ มีจิตหนักแน่นมั่นคง
ไม่หวั่นไหวกับสิ่งใดที่มาทดสอบ
ก้าวแห่งปัญญา เห็นกระจ่างแจ้งทุกสิ่ง
ไม่มีสิ่งใดที่จะทำให้ลุ่มหลงได้อีก
เป็นสี่ย่างก้าวของผู้ที่จะพ้นทุกข์ ไม่ต้องเวียนเกิดเวียนตายอีก
ก้าวแห่งความหลง ทำให้ต้องวนเวียน
ก้าวแห่งความอยาก ทำให้ต้องแสวงหา
ก้าวแห่งความยึดติด ทำให้ไปต่อไม่ได้
ก้าวแห่งการเบียดเบียน ทำให้ออกนอกเส้นทาง
ไม่สามารถนำตนสู่ความพ้นทุกข์
ส่วน สี่ย่างก้าวของผู้ปรารถนาพ้นทุกข์ คือ
… ตอนที่ ๔๗ สิ่งใดที่ทำให้ไม่ต้องเกิดดับอีก *****
จะทำอย่างไร เพื่อไม่ให้เรา ต้องเกิด ต้องตายอีก
สี่ย่างก้าวของผู้ที่เดินหลงวนในวัฏสงสาร คือ
...ตอนที่ ๑๖๐ ปรารถนาออกจากกองไฟ
บุคคลที่รู้ว่าตนตกอยู่ในกองไฟ ปรารถนาที่จะออกไปจากความทุกข์ จะต้องทำฉันใด จึงจะทำให้พ้นจากความทุกข์ เป็นสิ่งที่พระยาธรรมิกราช ได้ทูลถามต่อพระพุทธองค์
... ตอนที่ ๖๕ การถอดถอนความทุกข์
การถอนความทุกข์ จะทำยังไง ไม่ให้เป็นถอนจากที่หนึ่ง แล้วไปปลูกอีกที่หนึ่ง ถอนอย่างถูกต้อง ตามพุทธวิธี ขอพระพุทธองค์ ช่วยชี้ทาง ให้ลูกทั้งหลาย ได้รับฟังและนำไปปฏิบัติตาม
...ตอนที่ ๑๖๑ ความดียังไม่เข้มแข็ง(ชัยชนะเหนือความทุกข์)
พระยาธรรมิกราชทูลถามพระพุทธองค์ ว่าเหตุใด ทำความดีมามากมาย ยังมีคลื่นกระแสความทุกข์รบกวนได้ พระพุทธองค์จะทรงตอบยังไง ใครปรารถนาจะรู้ ลองไปฟังดู
ทุกข์เกิดที่ไหน ให้ดับที่นั่น ทุกข์ที่กายดับที่กาย ทุกข์ที่ใจให้ปล่อยวางไป ทุกอย่างที่เกิดขึ้น ล้วนมาจากผลของกรรม หยุดสร้างกรรมที่เรา ดับที่เรา ทุกอย่างจะดับไป ความเที่ยงแท้ ย่อมเกิดแก่เรา สำเร็จเป็นองค์พระอรหันต์เท่านั้นเอง
กระแสความร้อนที่อาจจะเกิดจากกิเลสตัณหา อาจจะเกิดจากหนี้กรรมเก่าที่ทำมา ทำให้กายใจเร่าร้อน ให้ยกจิตออกจากกาย ไปในที่สงบเย็น แล้วน้อมพลังพุทธบารมี มาดับกระแสความร้อนที่ครอบกาย สลายกระแสนั้นไป จิตกายใจ จึงจะได้สงบเย็น
ธรรมเหล่าใดเกิดแต่เหตุ พระตถาคตทรงแสดงเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น และความดับแห่งธรรมเหล่านั้น ความทุกข์เกิดจากเหตุอะไร เหตุมาจากที่มีเรา ถ้าจะดับความทุกข์ต้องดับเราก่อน หาตัวเราให้เจอ เราเกิดขึ้นมาด้วยเหตุใด เมื่อรู้แล้วให้ดับเหตุนั้นเสีย เมื่อดับที่เหตุนั้นแล้ว จะไม่มีเราต่อไป ความทุกข์ทั้งหลายมลายหายไปด้วย
สภาวธรรมความเป็นจริงของโลกสวรรค์ โลกบาดาล และโลกมนุษย์นั้น มีสภาวธรรมคล้ายคลึงกัน เพราะยังตกอยู่ในโลกธรรมของแต่ละโลกอยู่ คือ ยังมีลาภ ยศ สรรเสริญ สุข มีเสื่อมลาภ เสื่อมยศ มีนินทา มีทุกข์อยู่ แต่จะมีมากน้อยต่างกันเท่านั้น จึงไม่ใช่ที่จะมีความพ้นทุกข์อย่างแท้จริง เมื่อดวงจิตใดต้องการความพ้นทุกข์อย่างแท้จริง จะต้องปล่อย ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ไม่หลง ไม่ยึดติด ไม่อยากได้อยากมีอยากเป็นในสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ จะได้ไม่สร้างกรรมเบียดเบียนให้กับตนเองและผู้อื่น ความพ้นทุกข์จะเข้ามาเยือนและพาเราออกจากกองทุกข์ได้ในที่
การเดินทางของดวงจิตทั้งหลายนั้น ได้เจออุปสรรคปัญหา สิ่งที่กระทบ จิต กาย ใจ อยู่ตลอดการเดินทาง ความทุกข์ทั้งหลายที่ผ่านมาแล้ว และกำลังเผชิญอยู่ จึงยังไม่ใช่ความทุกข์ที่หนักที่สุดที่แท้จริง ตราบใดที่ยังไม่สามารถแสวงหาหนทาง ที่จะออกจากการเวียนวนของดวงจิต ต้องเวียนกลับมาเกิดชาติแล้ว ชาติเล่า ความทุกข์ที่ได้เก็บเกี่ยวเอาไว้ในการเดินทาง จะมีมาให้ได้เก็บเกี่ยวอยู่เสมอไม่ได้ขาด ตราบใดเรายังไม่รู้ว่าความทุกข์ที่แท้จริงคืออะไร เราจะไม่สามารถออกจากกองทุกข์นั้นได้เลย
… ตอนที่ ๖ ช่วยเหลืออย่างไรไม่ให้เป็นทุกข์
การฉุดช่วยคนที่เลอะไปด้วยโคลนตม มือเราย่อมเปื้อนโคลนด้วยเป็นธรรมดา การช่วยเหลือคนที่ทุกข์ร้อน ความทุกข์ความร้อนนั้น อาจจะกระทบมาที่เราด้วย การฝึกจิตให้พลังที่เข้มแข็ง รู้เข้าใจในเหตุในปัญหา พิจารณาช่วยโดยที่ไม่เกินกำลังของตน และสามารถวางจิต ให้อุเบกขาในความเมตตา การช่วยเหลือบุคคลผู้อื่น จึงจะไม่ทำให้เราเป็นทุกข์
กรรมเป็นรากฐานของชีวิต ลิขิตมาเป็นชะตากรรม ทำสิ่งใดไว้ต้องรับผลของกรรม ฉะนั้น จงทำตนให้ดี สร้างแต่ความดี ไม่ต้องสนใจเพ่งโทษใคร เพราะผลกรรมที่ได้ มาจากผลการกระทำของเราเอง
ตอนที่ ๑๑๒ สิ่งที่ไม่มีอยู่จริง
ความมุ่งมั่นตั้งใจ ทำสิ่งใดที่ไม่มีอยู่จริง ทำในสิ่งที่เป็นสิ่งสมมติ ย่อมไม่มีประโยชน์ หมดเวลาต้องตายกลับไป จึงนำไปไม่ได้ เพราะสิ่งเหล่านั้น มันเป็นของปลอม จงถอดถอนจากความลุ่มหลง ยึดติด จากสิ่งที่ไม่มีอยู่จริงเหล่านั้น ก่อนหมดเวลา จะได้ไม่กลับไปมือเปล่า
… ตอนที่ ๗๑ ความโลภนำทุกข์มาให้อย่างไร
ความโลภ นำความทุกข์มาให้อย่างไร
ความโลภ อยากให้ได้มามาก ไม่รู้จักพอ ต้องการอย่างไม่มีขอบเขต สร้างเหตุความทุกข์ จากการที่ต้องดิ้นรนขวนขวายให้ได้มา ได้มาแล้วก็ยึดติด เอามาถือไว้ เอามาแบกไว้ ต้องหนักต้องเหนื่อยมากมาย เพราะกลัวมันจะเสียไป แต่ท้ายที่สุด ต้องจากกันอยู่ดี เพราะไม่มีอะไรเที่ยงแท้ คงอยู่ได้ตลอดกาล ความโลภ จึงนำความทุกข์มาให้ เช่นนี้แล
… ตอนที่ ๗๔ ความหลงเป็นอย่างไร***
ความหลงคืออะไร นำทุกข์มาให้ได้อย่างไร
ความหลง คือ การไม่รู้ตามความเป็นจริง หลงในสิ่งใด ก็จะยึดติดในสิ่งนั้น อยากได้สิ่งนั้นมาครอง หลงมากก็ทุกข์มาก เกิดการเบียดเบียนตนและผู้อื่นให้เป็นทุกข์ เกิดหนี้กรรมต้องกลับมาชดใช้ ต้องเวียนตายเวียนเกิดไม่จบไม่สิ้น เวียนไปวนมาเหมือนคนหลงทาง จนกว่าจะรู้ตัวรู้ตน ถอดถอนตนออกจากความยึดติดทั้งหลายนั้นได้ จึงจะไม่กลับมาหลง มาเกิดอีก
... ตอนที่ ๗๕ ความอยากทำให้เป็นทุกข์อย่างไร
… ตอนที่ ๗๖ ความยึดติดทำให้ทุกข์อย่างไร
หากมีความยึดติด จะทำให้ต้องรับผลอย่างไร
สรรพสิ่งในโลกล้วนอนิจจัง ล้วนแปรเปลี่ยนไปตามกาลเวลา ไม่มีอะไรที่จะทรงอยู่ตลอดไป แม้แต่จิตใจของเราเอง ฉะนั้น อย่าหวังให้สิ่งใด ให้ใครมีความเที่ยงแท้มั่นคง ไม่แปรผันไปเป็นอื่นอีกเลย ปล่อยให้เป็นธรรมชาติ เห็นเป็นธรรมดาเช่นนั้นเถิด จะได้ไม่เป็นทุกข์ เพราะความไม่เที่ยงทั้งหลายนั้น
… ตอนที่ ๑๗ ทุกข์เป็นเหตุสู่ทางพ้นทุกข์
ความทุกข์เปรียบได้กับไฟ ยิ่งจับยิ่งร้อนเท่าใด ย่อมไม่ปรารถนาที่จะจับมันอีก ชีวิตที่ขื่นขม ย่อมไม่ปรารถนา ที่จะจมอยู่กับชีวิตเช่นนั้นอีก ฉะนั้น ความทุกข์จึงเป็นเหตุเป็นผล ในการนำพาตนให้ออกจากความทุกข์
… ตอนที่ ๒๐ ความทุกข์เกิดจากอะไร ***
ความทุกข์ของคนเราเกิดจากอะไรบ้าง ความทุกข์มีจากการเกิด การแก่ การเจ็บ การตาย การพลัดพรากจากสิ่งที่ตนรัก ทุกข์เพราะหนี้กรรม ทุกข์จากการที่มีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ ทุกข์เพราะมีร่างกาย ทุกข์เพราะยุคสมัยที่มีความวุ่นวาย ทุกข์เพราะความไม่เที่ยงแท้ ความทุกข์ทั้งหลายเกิดขึ้นมาได้เพราะกิเลส ตัณหา ดับกิเลสที่เป็นต้นเหตุให้สิ้นไป จึงจะพ้นจากความทุกข์
… ตอนที่ ๒๑ ความทุกข์มีอยู่ที่ไหนบ้าง***
ความทุกข์มีอยู่ที่ไหนบ้าง ความทุกข์อาจจะมองว่ามีมากมาย หลายสิ่งหลายอย่าง แต่ความจริงแล้ว ความทุกข์มีอยู่ที่เรา เหตุจากความยึดติด ความลุ่มหลง ทำให้ต้องสร้างพันธะผูกพัน เกิดหน้าที่ต้องแสวงหาให้ต้องเป็นทุกข์ จึงควรพิจารณาให้เห็นเหตุแห่งไฟ แล้วดับไฟในตนให้ดับลงเถิด จะได้พ้นจากความทุกข์
… ตอนที่ ๑๖๑ รากเหง้าของความคิด
ความคิดเป็นเหตุของความทุกข์ หยุดคิดจึงหยุดทุกข์ ความคิดทั้งหลายเกิดจากเชื้อแห่งความไม่รู้ ความไม่เข้าใจในความเป็นจริง จึงอยากให้เป็นเช่นนั้นเช่นนี้ เกิดความยึดติดในสิ่งที่ไม่เที่ยงแท้ จึงเกิดการเบียดเบียนตนและผู้อื่นให้เป็นทุกข์ ดับเชื้อรากเหง้าของความคิดได้ ย่อมนำมาซึ่งความพ้นทุกข์
… ตอนที่ ๑๖๒ ทุกข์เพราะใครหนอ *****
ความทุกข์ทั้งหลาย เกิดขึ้นมาได้เพราะมีเรา มีเราจึงมีเขา มีเขาที่มากระทบเบียดเบียนเราให้เป็นทุกข์ จะดับทุกข์ต้องดับที่เรา ไม่มีเราจะไม่มีเขา ไม่มีความทุกข์อีกต่อไป
… ตอนที่ ๑๖๔ กิเลสคืออะไร *****
จิตนี้เป็นเมล็ด กิเลสนั้นคือสิ่งที่ทำให้เมล็ดเกิดขึ้นมาได้ กรรมจึงเป็นผลจากกิเลส กรรมเป็นเหตุให้มีเรา ถ้าดับกิเลสได้ก็จะไม่มีกรรม และไม่มีเราอีกต่อไป
… ตอนที่ ๑๖๕ ตัณหาคืออะไร ***
ความอยากคือตัณหา ไม่อยากก็เป็นตัณหา ให้พิจารณาว่าการที่จะทำสิ่งใด ยังไม่มีเหตุมีปัจจัยแต่อยากให้เกิดขึ้นมา ทำไปด้วยความยึดติดยึดมั่นถือมั่นจนเกินไป ทำไปด้วยความไม่รู้ด้วยความลุ่มหลง ทำสิ่งใดเกินความพอดี จนเกิดการเบียดเบียนตนและผู้อื่นให้เป็นทุกข์ นี้แหละเขาเรียกว่าตัณหา
… ตอนที่ ๙๙ ทุกข์จากความผิดพลาดไปในอดีต
ทำผิดพลาดมาในอดีต จะทำอย่างไร ไม่ให้เป็นทุกข์กับความผิดพลาดนั้น
ผู้ที่มัวแต่มองอดีต เปรียบได้กับคนเดินถอยหลัง ข้างหน้าจะชนอะไร จะตกหลุมตกบ่อก็ไม่สนใจ จึงเดินต่อไปข้างหน้า พลาดผิดอยู่ร่ำไป จึงควรสนใจแต่ปัจจุบันก็พอ อดีตกลับไปแก้ไขไม่ได้ แต่เอามาเป็นครูสอนใจ อย่าให้ผิดพลาดเช่นนั้นอีก ปล่อยให้เป็นอดีตไป แล้วเริ่มต้นใหม่ ทำในสิ่งที่เป็นปัจจุบันให้ดีก็พอ
… ตอนที่ ๑๗๓ ทุกข์กว้างใหญ่ขนาดไหน
ความทุกข์มีความกว้างยาวขนาดไหน แผ่คลุมขอบเขตถึงที่ใด ถ้าไปสุดขั้วโลกเหนือจะพ้นไหม หรือต้องไปอยู่ดาวดวงใด สวรรค์ที่ว่าไกลแสนไกล พ้นจากความทุกข์ได้หรือยัง
… ตอนที่ ๓๔ จะวางจิตอย่างไรไม่ให้เป็นทุกข์ *****
สิ่งใดที่เกิดขึ้นมา จะคิดอย่างไร จะวางจิตแบบไหน เพื่อไม่ให้เป็นทุกข์
สิ่งใดในโลกล้วนอนิจจัง ไม่มีสิ่งใดที่เที่ยงแท้ สิ่งที่เห็นว่าดี ยังมีความไม่ดีซ่อนอยู่ สิ่งที่มองว่าสุข ยังมีความทุกข์ซ้อนอยู่ ขึ้นอยู่กับความคิด มุมมองของแต่ละบุคคล ฉะนั้น จงถอดถอนความยึดติดในทุกสิ่งหลาย มองทุกอย่างเป็นธรรมดา ทำใจให้เป็นกลาง เพื่อจะได้ต้องทุกข์กับสิ่งใดอีกต่อไป
ข้างอยากเป็นมด มดอยากเป็นช้าง ชีวิตไม่เหมือนแต่ไม่แตกต่าง มีหน้าที่ตามบทบาทของตน ย่อมมีทั้งสิ่งที่ดีและมีส่วนที่แย่ จึงไม่ควรนำมาเป็นทุกข์ใจ เพราะไม่มีสิ่งใด ที่จะสมบูรณ์แบบไปทั้งหมด
การเกิดเป็นเหตุให้ต้องดิ้นรนแสวงหา ในทรัพย์สินเงินทอง ข้าวของ มาเพื่อเลี้ยงร่างกาย ทำให้เกิดทุกข์ ต้องเจ็บไข้ได้ป่วย พลัดพราก สูญเสีย สิ่งที่รักที่พอใจ บุคคลที่รักที่พอใจ ทำให้เกิดทุกข์ ฉะนั้น จงหาทางดับความทุกข์ ด้วยการดับการเกิด ดับเหตุของความทุกข์ทั้งหลาย ก่อนที่จะหมดเวลาในการเกิดมาในครั้งนี้เถิด
ตอนที่ ๔๔ สิ่งที่มีทำให้เกิดทุกข์
สิ่งที่มีที่เป็น ทำให้เกิดทุกข์ เกิดมาจากมีแล้ว ลุ่มหลง ยึดติด ยึดถือ อยากให้มันเป็นไปตามที่เราต้องการ จนเกิดความทุกข์ ความเร่าร้อนเบียดเบียนตน และผู้อยู่ใกล้ อยู่ร่วมให้เป็นทุกข์ จงฝึกปล่อยวาง ในจิตทำให้ มีเหมือนไม่มี เป็นเหมือนไม่เป็น ความพ้นทุกข์ จึงจะเกิดแก่เราทั้งหลาย จากสิ่งที่มีที่เป็น
ตอนที่ ๑๔๖ ความทุกข์เกิดอยู่ที่ใด
ทุกสรรพสิ่งในวัฏสงสาร มีความทุกข์ซ่อนอยู่ภายใน เมื่อต้องการให้ได้มาก็เป็นทุกข์ ได้มาแล้วก็เป็นทุกข์ ถ้าปรารถนาพ้นความทุกข์ จะต้องยกจิตออกจากวัฏสงสาร ไม่ต้องการสิ่งใดอีก สละคืนเสียแม้แต่ร่างกาย จิตก็ต้องสลายคลายความยึดติดทั้งหมด จึงจะดับความทุกข์นั้นได้
ว่าด้วยทุกข์
ข้าศึกยกทัพเข้ามาประชิดติดเมือง มาล่อมาหลอกให้เปิดประตูเมือง เราไม่เห็นแจ้งในความเป็นจริง จึงถูกหลอกจนทำให้ข้าศึกเข้าเมืองมาได้ เปรียบเสมือนการที่เราเห็นสิ่งใด เห็นใคร แล้วเกิดความรักความลุ่มหลง เปิดจิดเปิดใจให้เข้ามา สร้างความทุกข์ความเร่าร้อนภายในจิตใจ ฉะนั้น จึงไม่ควรเปิดประตูแห่งความทุกข์ ประตูแห่งความรักความลุ่มหลงนั้นเลย
ว่าด้วยทางพ้นทุกข์
... ตอนที่ ๗ จะเริ่มต้นจากตรงไหนในหนทางพ้นทุกข์***
ในหนทางแห่งความพ้นทุกข์ ก้าวแรกของการเดินไป ต้องมีความมีเมตตา ปรารถนาให้ผู้อื่นมีความสุข ด้วยการรู้จักสละ แบ่งปันในสิ่งที่มี จะก้าวมาอยู่ในกรอบของความดี ในศีล ธรรม สมาธิ และปัญญา เสียสละ ละวางในสิ่งทั้งหลาย จนละได้แม้กระทั่งตัวตน จึงจะทำให้พ้นจากความทุกข์ไปได้
ความทุกข์คือ ความไม่สบายกาย สบายใจ จะดับทุกข์ได้ ต้องรู้เหตุของความทุกข์ มูลเหตุใหญ่ ของความทุกข์ มาจากที่มีเรา ถ้าไม่มีเรา ก็ไม่มีทุกข์ ฉะนั้นหาตัวเราให้เจอ แล้วทำให้เราหายไป ความทุกข์ทั้งหลาย ก็จะดับไปสิ้นไปทันที ร่วมศึกษาวิธี ค้นหาตัวเราเองได้ ที่พุทธอุทยานภูสวรรค์ เชียงของ ได้ทุกวัน
กิเลส มีความรัก โลภ โกรธ หลง เป็นเชื้อโรคของดวงจิต ที่ทำให้เจ็บป่วย เปรียบเหมือนกับเชื้อรา ไวรัส แบคทีเรีย โปรโตซัว เป็นเชื้อโรคของร่างกาย ที่ทำให้เจ็บไข้ได้ป่วย ถ้าปรารถนาความพ้นทุกข์ จะต้องดับกิเลสให้สิ้นไป ด้วยการตัดความยึดติดลุ่มหลงในร่างกาย เห็นความไม่เที่ยง ให้ทุกอย่างเป็นไปตามกฎของกรรม ทำจิตให้ชุ่มเย็น ทำความดี เว้นการทำชั่ว ก็จะดับกิเลสทั้งหลายให้สิ้นไปได้ในที่สุด
กิเลส มีความรัก โลภ โกรธ หลง เป็นเชื้อโรคของดวงจิต ที่ทำให้เจ็บป่วย เปรียบเหมือนกับเชื้อรา ไวรัส แบคทีเรีย โปรโตซัว เป็นเชื้อโรคของร่างกาย ที่ทำให้เจ็บไข้ได้ป่วย ถ้าปรารถนาความพ้นทุกข์ จะต้องดับกิเลสให้สิ้นไป ด้วยการตัดความยึดติดลุ่มหลงในร่างกาย เห็นความไม่เที่ยง ให้ทุกอย่างเป็นไปตามกฎของกรรม ทำจิตให้ชุ่มเย็น ทำความดี เว้นการทำชั่ว ก็จะดับกิเลสทั้งหลายให้สิ้นไปได้ในที่สุด
ความทุกข์มีอยู่ในการเกิด ความทุกข์มีอยู่ในสิ่งที่มี ความทุกข์มีอยู่คู่โลก ความทุกข์มีอยู่คู่วัฏสงสาร ไม่มีใครหนีความทุกข์พ้นไปได้ ตราบใดยังไม่ดับเหตุของการเกิด ซึ่งมี ความหลง ความอยาก ความยึดติด และ การเบียดเบียนถึงจะก้าวพ้นความทุกข์ไปได้
ตอนที่ ๕๕ ทางพ้นทุกข์อยู่ที่ใด
ทางพ้นทุกข์ในโลกนี้ มีอยู่ที่ไหน อยู่เหนือหรืออยู่ใต้ อยู่แห่งหนตำบลใด ใครรู้บ้างช่วยขานไข เป็นทางที่สร้างขึ้นมาด้วยสิ่งใด มีกว้างยาวไกลกี่หลักกิโล
การที่กลัวความทุกข์ จึงได้แสวงหาความสุข ยิ่งหาก็ยิ่งทุกข์ หาความสุขไม่เจอเลย เพราะความสุขที่แท้จริง ไม่มีในวัฏสงสาร ฉะนั้น จงหยุดหนีความทุกข์ หยุดหาความสุข ปล่อยวาง มองเห็นทุกสิ่งทุกข์อย่างเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ปรารถนาสิ่งใด ความพ้นทุกข์ ความสุขจึงจะเกิดแก่เราได้
ผู้ที่ปรารถนาความพ้นทุกข์ ต้องหยุดสร้างความชั่ว สร้างแต่ความดี เดินมาในสี่ย่างก้าว คือก้าวที่หนึ่งให้มีศีล ก้าวที่สองให้มีธรรม ก้าวที่สามให้มีสมาธิ ก้าวที่สี่ให้มีปัญญา จึงจะนำพาให้ออกจากความทุกข์ไปได้
บ่วงแห่งความทุกข์มีอยู่สองเส้น คือ ความไม่เที่ยงแท้ของสรรพสิ่ง และ กฎแห่งกรรม ที่ทำให้ดวงจิตถูกมัดไว้ ให้จมอยู่กับความทุกข์ การจะแก้ปมความทุกข์ ต้องยอมรับความจริง เห็นสิ่งทั้งหลายไม่เที่ยงเป็นธรรมดา ไม่สร้างความชั่ว สร้างแต่ความดี ปมแห่งความทุกข์ ก็จะสลายคลายออกจากจิต ได้พบกับความสุขอย่างแท้จริง
ตอนที่ ๑๑๐ ก้าวออกจากทะเลทุกข์
ผู้ที่ยังล่องลอย อยู่ในทะเลทุกข์ เวิ้งว้างมองสุดลูกตา เจอคลื่นลมมรสุมพัดผ่าน จะหาความสุขสงบเที่ยงแท้ไม่ได้เลย จนกว่าจะแสวงหาทางขึ้นฝั่ง ออกจากทะเลแห่งความทุกข์
… ตอนที่ ๘ จะดับกิเลสตัณหาได้อย่างไร ***
บุคคลผู้ที่ต้องการจะดับกิเลสตัณหา ต้องรู้จักทุกข์ รู้หนทางดับทุกข์ รู้จักการเกิด รู้วิธีดับการเกิด รู้จักกิเลส รู้จักตัณหา รู้จักการปล่อยวางรู้จักการสลายตัวตน จึงจะนำมาซึ่งการดับกิเลสตัณหานั้นได้
… ตอนที่ ๘๒ วิธีสลายตัวตน ***
จะทำอย่างไรให้สลายตัวตนได้
การไม่รู้ตามความเป็นจริง ทำให้เกิดความยึดถือ ทำให้มีตัวตน การจะสลายตัวตนได้ ต้องมีพลังจิต จากการสั่งสมความดี มีศีลเป็นกรอบ พิจารณาเห็นความไม่เที่ยง เห็นสิ่งทั้งหลายเป็นสิ่งสมมติ ความยึดติด ความมีตัวตน จึงจะค่อยๆหายไป
… ตอนที่ ๑๕๖ จิตนี้เป็นใคร ***
จิตนี้เป็นใครหนอ จิตนั้นละเป็นใครหนอ จิตของแม่เป็นใครหนอ จิตของพ่อเป็นใครหนอ จิตของญาติเป็นใครหนอ กายดับแต่ทำไมจิตถึงไม่ดับ จิตนี้วุ่นวายหนอ มีแต่ความวุ่นวายหนอ เมื่อมีจิตนี้จึงมีแต่ความวุ่นวาย ไม่มีจิตแล้วความวุ่นวายจึงจะไม่มี จงปล่อยวางจากจิตนี้เถิด ว่างจากจิตจึงจะไม่ทุกข์อีกต่อไป
… ตอนที่ ๓๖ จะผ่านความทุกข์ไปได้อย่างไร ***
หากเราถูกกระทบเบียดเบียน จะทำอย่างไรไม่ให้เป็นทุกข์
ความสุข ความทุกข์ ไม่มีอยู่ในเรา ไม่ใช่ของเราหมั่นฝึกฝนจิตใจ ให้มีพลังที่เข้มแข็ง ทำความเข้าใจในธรรมนี้ รู้แจ้งตามความเป็นจริง ในเหตุทั้งหลาย ในเหตุที่ถูกกระทำ ตามกฎของกรรม เข้าใจในความไม่เที่ยงแท้ จะสามารถวางเฉย กับสิ่งทั้งหลายที่กระทบเข้ามา จะได้ไม่เป็นทุกข์
… ตอนที่ ๖๓ อยู่กับทุกข์แต่ไม่ทุกข์ ***
จะอยู่กับความทุกข์ โดยไม่ทุกข์ได้อย่างไร
หากจะอยู่กับทุกข์โดยไม่ทุกข์นั้น ต้องรู้จักปล่อยวาง การที่จะปล่อยได้ วางได้ ต้องรู้เข้าใจในกฎของธรรมชาติ คือกฎของกรรม และกฎของไตรลักษณ์ จะรู้ว่าถ้าไม่ได้สร้างเหตุไว้ เหตุนั้นจะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเรานี้ เกิดจากสร้างเหตุเอาไว้ทั้งนั้น และ การที่จะให้มีความเที่ยงแท้ ไม่มีเลยในวัฏสงสารนี้ ถ้าปรารถนาจะพ้นจากทุกข์ ต้องปฏิบัติในศีล ธรรม สมาธิ ปัญญา จึงจะเป็นผู้อยู่กับทุกข์ โดยไม่ทุกข์อีกต่อไป
… ตอนที่ ๗๗ ตัดรากถอนโคน ***
เพราะเหตุใด จึงต้องนำตนให้ห่างไกล จากกิเลส ตัณหา อุปาทาน
ความหลงเป็นรากเหง้าของความทุกข์ นำมาสู่ต้น กิ่ง ใบ ให้เกิดความรัก ความโลภ ความโกรธ มีพิษร้าย ถ้ามีอยู่ในจิตใจของบุคคลผู้ใด แม้จะเกิดอยู่ในสวรรค์ ก็ยังให้เจ็บป่วยทางจิตได้ จึงจำเป็นอย่างยิ่ง ต้องหาวิธีตัดรากถอนโคนความหลงนั้นเสีย เพื่อจะได้ไม่ต้องทุกข์อีก
ทุกข์เกิดขึ้นได้ จากหลายสาเหตุ แต่รากเหง้าที่แท้จริง มาจากกิเลสตัณหา พาให้เป็นทุกข์ ฉะนั้น การเจริญใน ศีล ธรรม สมาธิ ปัญญา จะเป็นการดับกิเลสตัณหา เป็นยาดับความทุกข์
ตอนที่ ๕๓ ทุกข์หยาบทุกข์ละเอียด *****
ทุกข์หยาบเกิดขึ้น จากสิ่งที่ไม่ดีเข้ามาในชีวิต ทุกข์ละเอียดเกิดจากจิต ที่ยังคล้อยตามยินดีในสิ่งที่ดี การจะพ้นทุกข์ได้ ต้องฝึกจิตใจให้เหมือนก้อนหิน ไม่ยินดียินร้ายกับสิ่งใด จึงจะพ้นทุกข์ได้อย่างแท้จริง
เมื่อใดที่เราปรารถนาความสุขในทางโลกอยู่ เมื่อนั้นเราจะได้เจอกับความทุกข์ เพราะความสุขในทางโลก ถ้าสุขมากเราก็เรียกว่าสุข สุขน้อยเราก็เรียกว่าทุกข์ สุขไม่ตั้งอยู่ได้ตลอดไป มีมาและก็มีไป ตราบใดที่เรายังต้องการสุขอยู่จึงต้องพบทุกข์อยู่เช่นนั้นแหละ จนกว่าเราจะปล่อยวางความสุขทางโลกได้นั้นและ ความพ้นทุกข์จึงจะเข้ามาถึงเราเอง
… ตอนที่ ๖๒ จะดับความทุกข์ร้อนได้อย่างไร
ความทุกข์ร้อน ที่เกิดขึ้นมา มีปัญหาในชีวิต เกิดจากความยึดติดในอดีต อยากให้เป็นอย่างไรในอนาคต ด้วยความไม่รู้ ไม่เข้าใจในความเป็นจริง ว่าสิ่งทั้งหลายเป็นแค่สิ่งสมมุติ สิ่งที่เจออยู่ในขณะนี้ เป็นแค่เพียงฉากละครฉากหนึ่ง ที่ได้สมมุติขึ้นมา ท้ายที่สุดก็ผ่านไป ไม่มีสิ่งใดยึดถือเอาไว้ได้เลย จึงไม่ควรที่จะเป็นทุกข์เพราะสิ่งใด
… ตอนที่ ๖๓ เส้นทางการดับทุกข์
การสร้างบารมีของพระพุทธเจ้า พระอรหันต์ มีเป้าหมายเพื่อความพ้นทุกข์ เข้าถึงซึ่งพระนิพพาน เส้นทางสายนี้ จึงขาดไม่ได้ในการสร้างสั่งสมบารมี การทำความดี ในบารมี ๓๐ ทัศ จึงเป็นการฝึกฝน การทดสอบ เพื่อคัดกรองดวงจิต ในเส้นทางของการดับการเกิด ดับความทุกข์ เช่นเดียวกัน
17 … ทางแห่งความพ้นทุกข์อย่างแท้จริง ***
ดวงจิตมีที่มาต่างกัน อธิษฐานมาต่างกัน การเลือกเส้นทางของชีวิตจึงต่างกัน ทางแห่งความพ้นทุกข์จึงมีหลายเส้นทาง แต่จะไม่เกินกรอบของ ศีล ธรรม สมาธิ และปัญญา โดยมีศีลเหมือนกฎจราจรของการเดินทาง มีธรรมเป็นแผนที่การเดินทาง มีสมาธิเป็นยวดยานพาหนะเป็นกำลังในการเดินทาง มีปัญญาเป็นผู้รู้เหตุรู้ปัจจัย ว่าจะต้องเดินไปทางใด ใช้ความเร็วขนาดไหน ควรหยุดควรเลี้ยวไปทางใด แล้วให้อยู่ในทางสายกลางไม่ตกขอบ ไปทางซ้ายหรือขวาจนเกินไป จึงจะเข้าถึงความพ้นทุกข์ได้อย่างแท้จริง
การที่เราจะพ้นทุกข์ได้นั้น ต้องประกอบด้วยศรัทธา ปัญญา และการประพฤติปฏิบัติด้วย ไม่อย่างนั้นก็เปรียบเหมือนคนรู้จักสถานที่ไป แต่ไม่ยอมไป ต้องนอบน้อมกับผู้ชี้ทางบอกด้วยไม่อย่างนั้นก็ไม่สามารถที่จะปฏิบัติให้พ้นการเวียนวนได้
57… พิจารณาให้เห็นถึงความไม่เที่ยง
การที่เราจะหลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งหลายนั้น ต้องรู้เหตุของความทุกข์ก่อน ว่ามีเหตุมาจากสิ่งใด การยึดถือในสิ่งทั้งหลายนั้น ก็เป็นเหตุของความทุกข์เช่นกัน ฉะนั้นต้องพิจารณาให้เห็นความเป็นจริงว่า สรรพสิ่งทั้งหลาย มีขึ้นมาได้ ก็จากไปได้ เสื่อมไปได้ สลายไปได้ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์เพราะความยึดถือเหล่านี้ จงรู้ตามนี้เถิด เห็นตามนี้เถิด ปล่อยวางเสียเถิด จะได้ไม่ทุกข์อีก
ตอนที่ ๔๙ ทำอย่างไรถึงจะไม่เป็นทุกข์ํ***
สิ่งทั้งหลายที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ทำอย่างไร ถึงจะไม่ให้เป็นทุกข์
ความทุกข์เกิดจาก มีสิ่งใดที่จรมาในชีวิต แล้วเราวิ่งตามมันไป ให้คุณค่ากับมัน จึงจมอยู่กับความทุกข์ ถ้าเราฝึกจิตให้มีพลังที่เข้มแข็ง มีความสงบเย็น จะสามารถรู้เห็นตามความเป็นจริง ในสิ่งทั้งหลายว่ามันว่างเปล่า ไม่มีอยู่จริง มองเห็นเป็นธรรมดา ไม่ยึดติดในสิ่งสมมติ ปล่อยให้ผ่านไป จึงจะไม่มีความทุกข์อีกต่อไป
เกิดมาแล้วเป็นทุกข์ จะฆ่าตัวตาย เพื่อหนีทุกข์ได้ไหม เป็นคำถาม ของคนที่ยังไม่รู้ตามความเป็นจริง ว่าสิ่งที่ทำให้เกิดทุกข์ หรือสุข ย่อมมากรรม จากการกระทำของตน ส่งผลให้เป็นไป จะหนีไปภพชาติใด ก็ไม่พ้นผลของกรรม
...ตอนที่ ๑๔๘ ทุกข์เรื่องของบุคคลอื่น
เห็นปัญหาวุ่นวายของคนอื่น ชอบนำมาเป็นทุกข์ เหตุจากขาดสติปัญญา ถูกครอบงำด้วยกิเลสตัณหา เลยพาให้เป็นทุกข์ ฝึกตนให้มีศีล ธรรม สมาธิ ปัญญา รู้แจ่มแจ้งตามความเป็นจริง ก็จะทำให้ไม่มีทุกข์
ดวงจิตเป็นดวงแก้วใสๆ มีกิเลสสีสันมากมาย มาครอบงำ ปกปิดความบริสุทธิ์เอาไว้ ให้มืดมิดมืดมน สับสนวุ่นวาย ไม่รู้ทางออกจะไปหนทางใด ให้ออกจากการเวียนวน จึงเป็นไป ตามผลของกรรม เช่นนี้ สำหรับผู้ที่ไม่มีปัญญาแห่งธรรม
...ตอนที่ ๒๘๔ บ่วงของความทุกข์
ในกึ่งพุทธกาล มีพระยาธรรมิกราชได้นำพระธรรมคำสอน ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาเผยแผ่ ให้เห็นความเป็นจริงของชีวิต ที่สมมุติให้เป็นไป จนกว่าจะรู้แจ้ง รู้ทัน ตามทางที่พระพุทธองค์ทรงชี้บอก จึงจะพ้นจากความทุกข์
ารยึดติดในสิ่งใด ก็จะเป็นเหตุปัจจัย ให้เกิดความทุกข์ ยึดติดในความดีก็จะทุกข์ เพราะคนอื่นทำไม่ดี เมื่อยึดติดในสิ่งไม่ดี ทำในสิ่งไม่ดี ก็จะเกิดหนี้กรรมที่ต้องชดใช้ จึงเกิดความทุกข์อยู่ร่ำไป ถ้ายังไม่สลายความยึดติดและปล่อยวาง
มีสิ่งกระทบเข้ามาผ่านหูตา จมูกลิ้นกายใจ ไม่ว่าจะผ่านมาทางใด มันติดอยู่ในความคิด สลัดออกไปไม่ได้ จึงกลายเป็นความทุกข์กายทุกข์ใจ จะมีวิธีการอย่างไร ที่จะถอดถอนความทุกข์
ตอนที่ ๘๒ หาเหตุของทุกข์ให้เจอ
ความทุกข์ของมนุษย์ มีอยู่มากมาย
แต่เหตุใหญ่ ก็แค่ไม่รู้ตามความเป็นจริง ทำให้เกิดความรัก ความโลภ ความโกรธ
ทำให้เกิดความยึดติดในสิ่งที่ไม่เที่ยงแท้ มีความอยากให้เป็นเช่นนั้น ไม่อยากให้เป็นเช่นนี้
จึงมีแต่ความทุกข์ ดับความไม่รู้ ด้วยความรู้ที่แท้จริงได้ ก็จะพ้นจากความทุกข์