สามเณร คือ ผู้ออกบวชในพระธรรมวินัย ในพระพุทธศาสนา รักษาศีลสิบข้อ เป็นกรอบความดี ป้องกันไม่ให้เชื้อแห่งความรัก โลภ โกรธ หลง
เข้ามาทำลายต้นแห่งความดี การรับเงินทองก็รับได้
แต่สละออกไปเป็นของส่วนสาธารณะ เก็บไว้เฉพาะที่จำเป็นต้องใช้
แต่อย่าเป็นการสะสม ให้กิเลสงอกงามขึ้นมา
ศีลแปด มีไว้เพื่อให้อุบาสก อุบาสิกา ชี พราหมณ์ ได้ชำระจิตกายใจ
รักษาพรหมจรรย์ ให้ห่างจากกิเลสตัณหา ละความโกรธ ความโลภ
ความรัก ความหลง ละความวุ่นวายในการกิน การนอน
ละการปรุงแต่งในกาย ไม่ไปวุ่นวายในงานสังคม
เพื่อจิตจะได้สงบ จะได้เข้าถึงมรรคผลนิพพาน
ศีลเป็นกรอบความดี ที่ให้อยู่ห่างจากกิเลสตัณหา
สมาทานรักษาศีล ตามกำลังของตน ให้อยู่ในทางสายกลาง
อย่าให้เบียดเบียนใคร ให้ตึงเครียด หรือย่อหย่อน จนเกินไป
จึงจะเป็นการรักษาศีล ที่ถูกต้องอย่างแท้จริง
ในการออกบวช การรักษาศีลที่ตนได้สมาทานนั้น สำคัญยิ่งนัก
การทำความดีที่มีรูรั่ว ทำความดีไปก็ไม่เต็มซะที
จะเป็นการรักษาศีลเล็กหรือศีลใหญ่ ถังเล็กหรือถังใหญ่ ถ้ามีรูรั่วแล้วไซร้ ย่อมนำไปใช้ไม่ได้ จึงไม่ควรบกพร่องในศีลเลย
ตั้งใจทำความดี แต่ไปไม่ถึงเป้าหมายที่วางไว้
เหตุมาจากยึดมั่นในต้นทุนบุญกุศลที่มีมา
เป็นดวงจิตที่ต้องศึกษาเชื้อของความทุกข์
จึงต้องเข้าไปคลุกคลีกับกิเลสตัณหา และ ยังเยาว์วัยทำให้กำลังกาย
กำลังใจไม่เข้มแข็ง จึงทำดีไม่สำเร็จ
เป็นเหตุให้บกพร่องในศีล ที่ตนสมาทาน
การรักษาศีล
เปรียบเหมือนการรักษาบ้านเรือน ให้เป็นปกติ แข็งแรง ไม่ผุพัง
เพื่อเป็นเกราะป้องกันแดด ป้องกันลมฝน ฝุ่นละอองต่างๆ
ไม่ให้มากระทบกระแทก มาทำให้เราร้อน เราหนาว เปียกฝน
ปนเปื้อนกับสิ่งที่ต่างๆที่พัดเข้ามา ให้เราต้องเป็นทุกข์
เหมือนมีศีลคอยป้องกันไม่ให้เราเร่าร้อนจากปัญหาทั้งหลาย
ที่มาทดสอบ มากระทบจิตใจของเราให้เป็นทุกข์
ไม่ต้องออกจากศีล เหมือนไม่ต้องออกจากบ้าน ที่จะคุ้มครองป้องกันเรา จากแดด ลมฝน พายุทั้งหลาย ให้แดด ให้ลมฝน พายุผ่านไป
ทุกอย่างจะเข้าสู่ความสงบสุขเองในที่สุด
รักษาศีลเพื่อสิ่งใด เพื่อให้ความสุขสงบในจิตใจ
เพราะได้ห่างไกล จากกิเลสตัณหา เพราะไม่ได้สร้างกรรมที่ไม่ดี
ให้มีกรรมชั่วใหม่ขึ้นมา ทำให้ได้รับความทุกข์เร่าร้อนในภายหลัง
ทำให้เป็นหนทางในการดับการเกิด
เพราะได้ชำระกิเลสตัณหา ออกจากจิตใจ ด้วยการรักษาศีล
ศีลเป็นกรอบของความดี
ไม่ให้ไปล่วงละเมิดเบียดเบียน ให้ตนและผู้อื่นเป็นทุกข์
การจะเป็นผู้มีศีล ต้องได้สมาทานละเว้นความชั่ว อย่างน้อยศีลห้าขึ้นไป และรักษาไว้ได้ไม่ล่วงละเมิดในข้อห้าม ที่ได้สมาทานไว้แล้ว
การจะขาดจากศีล ขึ้นอยู่ที่เจตนา ตั้งใจเบียดเบียน จึงจะเป็นผู้ขาดศีล
รักษาศีล รักษาไปทำไม มีประโยชน์อะไร
ศีลเป็นกรอบของคนดี ที่ละการทำความชั่ว
เว้นจากการเบียดเบียนตนและผู้อื่น เพื่อไม่ให้มีหนี้กรรม
ต้องชดใช้ในภายหลัง ศีล จะนำพาให้ห่างไกลจากกิเลส ตัณหา
ศีล จึงเป็นปัจจัยให้พ้นจากความทุกข์
...ตอนที่ ๒๘ ศีลภิกษุ ปาราชิก ข้อที่ ๑-๒
ศีลพระภิกษุสงฆ์ มี ๒๒๗ ข้อ มีปาราชิก ๔ ข้อ ที่เป็นอาบัติหนัก
เมื่อล่วงแล้ว จะไม่สามารถทำคืนได้ จะขาดความเป็นภิกษุสงฆ์ทันที สิกขาบทที่ ๑ ห้ามเสพเมถุน และ สิกขาบทที่ ๒ ห้ามลักทรัพย์
ล่วงไปแล้วจะต้องชดใช้กรรมที่หนักมาก พระภิกษุจึงควรพิจารณา
อย่าให้ผิดศีลปาราชิกโดยเด็ดขาด
... ตอนที่ ๒๙ ศีลภิกษุ ปาราชิก ข้อที่ ๓-๔
ศีลปาราชิกข้อที่ ๑ ห้ามเสพเมถุน มีไว้ป้องกันเชื้อความรัก
ข้อที่ ๒ ห้ามลักทรัพย์ ป้องกันเชื้อความโลภ
ข้อที่ ๓ ห้ามฆ่ามนุษย์ มีไว้ป้องกันความโกรธ
ศีลข้อที่ ๔ ห้ามอวดอุตริมนุสธรรม เพื่อป้องกันความหลง
ศีลจึงเป็นเกราะไม่ให้เชื้อโรคร้ายเข้ามาทำลายภิกษุ
ที่บวชในพระธรรมวินัย ให้เร่าร้อนเป็นทุกข์
...ตอนที่ ๓๐ ศีลภิกษุ สังฆาทิเสส ข้อที่ ๑-๕
ศีลสังฆาทิเสส มี ๑๓ ข้อ เป็นอาบัติรองลงมาจากปาราชิก
ภิกษุที่ล่วงอาบัติแล้ว ต้องอยู่ปริวาสกรรม เพื่อให้สงฆ์คืนความบริสุทธิ์ให้
ศีลข้อที่ ๑-๕ จะเป็นศีลที่ป้องกันเชื้อราคะ ที่จะเข้ามาครอบงำจิตใจ
ให้ภิกษุเร่าร้อนเป็นทุกข์
...ตอนที่ ๓๑ ศีลภิกษุ สังฆาทิเสส ข้อที่ ๖-๗
ศีลภิกษุ สังฆาทิเสส ข้อที่ ๖ ห้ามสร้างกุฏิด้วยการขอ
ข้อที่ ๗ ห้ามสร้างวิหารใหญ่โดยสงฆ์มิได้กำหนดที่ให้
สิกขาบทสองข้อมีไว้ ป้องกันความโลภ ความหลง
ไม่ให้ขวนขวายสร้างที่อยู่อาศัย ให้มากจนเกินความพอดี
จนสร้างความเดือดร้อนแก่ตนเองและผู้อื่น
...ตอนที่ ๓๒ ศีลภิกษุ สังฆาทิเสส ข้อที่ ๘-๑๐
ศีลสังฆาทิเสส ข้อที่ ๘. ภิกษุแกล้งโจทภิกษุอื่นด้วยอาบัติปาราชิกไม่มีมูล ๙. แกล้งหาเลสโจทภิกษุอื่นด้วยอาบัติปาราชิก
๑๐. ภิกษุพากเพียรเพื่อจะทำลายพระสงฆ์ให้แตกกัน
ศีลทั้งสามข้อนี้ให้ป้องกันความโกรธ ที่เกิดจากกลั่นแกล้งกันในหมู่พระภิกษุ
...ตอนที่ ๓๓ ศีลภิกษุ สังฆาทิเสส ข้อที่ ๑๑-๑๓
ศีลสังฆาทิเสส ข้อที่ ๑๐ ทำสงฆ์แตกแยก
ข้อที่ ๑๑ เข้าข้างภิกษุที่ทำสงฆ์แตกแยก
ข้อที่ ๑๒ ภิกษุทำตนเป็นคนหัวดื้อ
ข้อที่ ๑๓ ประจบสอพลอคฤหัสถ์
เป็นข้อห้ามที่ป้องกันเชื้อของความโกรธ และความหลง
...ตอนที่ ๓๔ ศีลภิกษุ อนิยต ข้อที่ ๑-๒
อนิยต แปลว่า อาบัติที่ไม่แน่นอน ว่าจะให้ปรับเป็นอาบัติแบบไหน
ตามแต่หนักหรือเบา ตามพระวินัยอย่างใดอย่างหนึ่ง มี ๒ ข้อดังนี้
๑. ภิกษุนั่งในที่ลับตากับสตรีสองต่อสอง
๒. ภิกษุนั่งในที่ลับหูกับสตรีสองต่อสอง
...ตอนที่ ๓๕ ศีลภิกษุ นิสสัคคิยปาจิตตีย์ ข้อที่ ๑-๓
นิสสัคคิยปาจิตตีย์ คือ ประเภทของโทษ
ที่เกิดจากการล่วงละเมิดสิกขาบท อย่างเบา มีทั้งหมด ๓๐ ประการ
ข้อที่ ๑. เก็บจีวรที่เกินความจำเป็นไว้เกิน ๑๐ วัน
๒.อยู่โดยปราศจากจีวรแม้แต่คืนเดียว
๓.เก็บผ้าที่จะทำจีวรไว้เกินกำหนด ๑ เดือน
...ตอนที่ ๓๖ ศีลภิกษุ นิสสัคคิยปาจิตตีย์ ข้อที่ ๔-๘
นิสสัคคิยปาจิตตีย์ ข้อที่ ๔.ใช้ให้ภิกษุณีซักผ้า ๕.รับจีวรจากมือของภิกษุณี ๖.ขอจีวรจากคฤหัสถ์ที่ไม่ใช่ญาติ เว้นแต่จีวรหายหรือถูกขโมย
๗.รับจีวรเกินกว่าที่ใช้นุ่ง เมื่อจีวรถูกชิงหรือหายไป
๘.พูดทำนองขอจีวรดีๆ กว่าที่เขากำหนดจะถวายไว้แต่เดิม
ศีลจึงเป็นกรอบของความดี ให้ห่างจากกิเลสตัณหา จึงจะพ้นจากความทุกข์
...ตอนที่ ๓๗ ศีลภิกษุ นิสสัคคิยปาจิตตีย์ ข้อที่ ๙-๑๗
นิสสัคคิยปาจิตตีย์ ข้อที่ ๙.พูดให้เขารวมกันซื้อจีวรดีๆ มาถวาย
ข้อที่ ๑๐.ทวงจีวรจากคนที่รับอาสาเพื่อซื้อจีวรถวายเกินกว่า 3 ครั้ง
ข้อที่ ๑๑. หล่อเครื่องปูนั่งที่เจือด้วยไหม
ข้อที่ ๑๒. หล่อเครื่องปูนั่งด้วยขนเจียม (ขนแพะ แกะ) ดำล้วน
ข้อที่ ๑๓.ใช้ขนเจียมดำเกิน 2 ส่วนใน 4 ส่วน หล่อเครื่องปูนั่ง
ข้อที่ ๑๕ .หล่อเครื่องปูนั่งใหม่ เมื่อของเดิมยังใช้ไม่ถึง 6 ปี
ข้อที่ ๑๖. เมื่อหล่อเครื่องปูนั่งใหม่ ให้เอาของเก่าเจือปนลงไปด้วย
๑๗.ใช้ภิกษุณีที่ไม่ใช้ญาติทำความสะอาดขนเจียม
ศีลป้องกันความยึดติด โลภ หลงในจีวร ที่นั่ง ที่นอน ข้าวของเครื่องใช้
...ตอนที่ ๓๘ ศีลภิกษุ นิสสัคคิยปาจิตตีย์ ข้อที่ ๑๘-๒๐*****(ซื้อล็อตเตอรี่)
ศีลนิสสัคคิยปาจิตตีย์ ข้อที่ ๑๘ .รับเงินทอง
ข้อที่ ๑๙. ซื้อขายด้วยเงินทอง ข้อที่ ๒๐.ซื้อขายโดยใช้ของแลก
การบัญญัติไม่ให้รับเงินทอง เพื่อไม่ให้สะสมเงินทองยึดว่าเป็นของตน ทำให้เกิดความโลภ แต่ถ้ารับไว้แล้ว นำมาทำประโยชน์ต่อศาสนา ย่อมไม่ผิดศิล
...ตอนที่ ๓๙ ศีลภิกษุ นิสสัคคิยปาจิตตีย์ ข้อที่ ๒๑-๓๐
ศีลภิกษุ นิสสัคคิยปาจิตตีย์
ข้อที่ ๒๑.เก็บบาตรที่มีใช้เกินความจำเป็นไว้เกิน ๑๐ วัน
ข้อที่ ๒๒.ขอบาตร เมื่อบาตรเป็นแผลไม่เกิน ๕ แห่ง
ข้อที่ ๒๓.เก็บเภสัช ๕ (เนยใส เนยข้น น้ำมัน น้ำผึ้ง น้ำอ้อย) ไว้เกิน ๗ วัน
ข้อที่ ๒๔. แสวงและทำผ้าอาบน้ำฝนไว้เกินกำหนด ๑ เดือนก่อนหน้าฝน
ข้อที่ ๒๕.ให้จีวรภิกษุอื่นแล้วชิงคืนในภายหลัง
ข้อที่ ๒๖ .ขอด้ายเอามาทอเป็นจีวร
ข้อที่ ๒๗. กำหนดให้ช่างทอทำให้ดีขึ้น
ข้อที่ ๒๘. เก็บผ้าจำนำพรรษา (ผ้าที่ถวายภิกษุเพื่ออยู่พรรษา) เกินกำหนด ข้อที่ ๒๙. อยู่ป่าแล้วเก็บจีวรไว้ในบ้านเกิน ๖ คืน
ข้อที่ ๓๐.น้อมลาภสงฆ์มาเพื่อให้เขาถวายตน
จบศีลนิสสัคคิยปาจิตตีย์ เท่านี้แล
ศีลภิกษุ เสขิยวัตร - อธิกรณสมถะ