28. ซูเราะฮฺอัลก็อศ็อศ (บท พงศาวดาร)

ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮฺ พระผู้ทรงเมตตายิ่ง พระผู้ทรงปรานียิ่ง


{28:1} ฏอ ซีน มีม

{28:2} เหล่านี้คือโองการทั้งหลายแห่งคัมภีร์อันชัดแจ้ง

{28:3} เราจะอ่านแก่เธอ เรื่องราวบางส่วนของมูซาและฟิรเอานฺด้วยความสัตย์จริง เพื่อหมู่ชนผู้มีศรัทธา

{28:4} แท้จริงฟิรเอานฺหยิ่งผยองในแผ่นดิน และทำให้ชาวแผ่นดินแตกแยกเป็นหมู่เหล่า เขากดขี่กลุ่มหนึ่งในพวกนั้น โดยฆ่าบรรดาบุตรชายของพวกเขา และไว้ชีวิตเหล่าสตรีของพวกเขา แท้จริงเขาเป็นผู้หนึ่งในหมู่ผู้บ่อนทำลาย

{28:5} และเราปรารถนาที่จะประทานความโปรดปรานแก่บรรดาผู้ที่ถูกกดขี่ในแผ่นดิน และเราจะทำให้พวกเขาเป็นผู้นำและจะทำให้พวกเขาเป็นทายาท

{28:6} และเราได้ให้พวกเขาครอบครองในแผ่นดิน และเราจะให้ฟิรเอานฺและฮามานรวมทั้งไพร่พลของเขาทั้งสองได้เห็นสิ่งที่พวกเขาคอยระวังจากพวกเขาเหล่านั้น

{28:7} และเราได้ดลใจแก่มารดาของมูซาว่า "จงให้นมแก่เขา เมื่อเธอกลัวแทนเขา ก็จงโยนเขาลงไปในแม่น้ำ และเธออย่าได้กลัวและอย่าได้เศร้าโศก แท้จริง เราจะนำเขาคืนกลับมาแก่เธอ และเราจะทำให้เขาเป็นหนึ่งในบรรดาศาสนทูต"

{28:8} แล้วคนในตระกูลของฟิรเอานฺได้เก็บเขาขึ้นมา เพื่อให้เขากลายเป็นศัตรู และเป็นความเศร้าโศกแก่พวกเขา แท้จริงฟิรเอานฺและฮามานและไพร่พลของเขาทั้งสองเป็นพวกที่มีความผิด

{28:9} และภริยาของฟิรเอานฺกล่าวว่า "นี่เป็นแก้วตาแก่ดิฉันและแก่ท่าน อย่าฆ่าเขาเลย บางทีเขาอาจเป็นประโยชน์แก่เรา หรือเราจะรับเอาเขาเป็นบุตร" และพวกเขาไม่รู้สึกตัว

{28:10} และจิตใจของมารดาของมูซาได้คลายความวิตกกังวลลง นางแทบจะเปิดเผยเรื่องของเขา หากเราไม่ได้ทำให้จิตใจของนางมั่นคง เพื่อที่นางจะเป็นหนึ่งในหมู่ผู้มีศรัทธา

{28:11} และนางได้กล่าวแก่พี่สาวของเขาว่า "จงติดตามดูเขา" นางจึงได้เฝ้าดูเขาแต่ไกล โดยที่พวกเขาไม่รู้สึก

{28:12} และเราได้ห้ามเขาไม่ให้ดื่มจากเหล่าแม่นม ดังนั้นนางกล่าวว่า "ฉันจะชี้แนะคนครอบครัวหนึ่งให้แก่พวกท่าน จะเอาไหม? เพื่อเลี้ยงดูเขาแทนพวกท่าน และพวกเขาจะเป็นผู้อบรมแก่เขา"

{28:13} ดังนั้น เราจึงคืนเขาให้แก่มารดาของเขา เพื่อที่จะให้นางเย็นตาและไม่เศร้าโศก และเพื่อนางจะได้รู้ว่า สัญญาของอัลลอฮฺนั้นเป็นจริง แต่พวกเขาส่วนมากไม่รู้

{28:14} และเมื่อเขาบรรลุวัยหนุ่มและเติบโตบริบูรณ์แล้ว เราได้ประทานปัญญาและวิทยาการแก่เขา และเช่นนั้นแหละ เราจะตอบแทนแก่บรรดาผู้ประพฤติดี

{28:15} และเขาได้เข้าไปในเมือง ในยามที่ชาวเมืองไม่สังเกตุ เขาได้เห็นชายสองคนต่อสู้กันอยู่ในนั้น คนหนึ่งมาจากพวกพ้องของตน และอีกคนหนึ่งมาจากฝ่ายศัตรูของตน แล้วคนที่มาจากพวกพ้องของตนได้ร้องขอความช่วยเหลือ เพื่อให้ปราบฝ่ายที่เป็นศัตรูของตน มูซาได้ต่อยเขา จนเขาถึงฆาต เขากล่าวว่า "นี่มันเป็นการกระทำของชัยฏอน

แท้จริงมันเป็นศัตรูที่หลอกลวงให้หลงผิดอย่างแจ้งชัด"

{28:16} เขากล่าวว่า "พระเจ้าของข้าฯ! แท้จริงข้าฯได้ทุจริตต่อตนเอง ดังนั้นโปรดอภัยให้แก่ข้าฯด้วย" แล้วพระองค์ก็ได้อภัยให้เขา แท้จริงพระองค์คือพระผู้ทรงอภัย พระผู้ทรงปรานีเสมอ

{28:17} เขาได้กล่าวว่า "พระเจ้าของข้าฯ! เนื่องด้วยพระองค์ได้ทรงโปรดปรานแก่ข้าฯ ข้าฯจะไม่เป็นผู้สนับสนุนผู้กระทำผิดอีกต่อไป"

{28:18} เช้ามาเขาเข้าไปในเมืองอย่างระมัดระวังเพราะหวาดกลัว แล้วผู้ที่เคยขอรัองให้เขาช่วยเมื่อวานนี้ ก็ร้องเรียกให้ช่วยเขาอีก มูซาจึงพูดกับเขาว่า "แท้จริงท่านเป็นผู้หลงผิดอย่างแน่นอน"

{28:19} เมื่อเขาต้องการที่จะตบตีผู้ที่เป็นศัตรูกับเขาทั้งสอง เขาคนนั้นกล่าวว่า "โอ้ มูซา! ท่านต้องการที่จะฆ่าฉัน ดั่งที่ท่านได้ฆ่าคนหนึ่งไปแล้วเมื่อวานนี้กระนั้นหรือ? ท่านเพียงแต่ปรารถนาจะเป็นอันธพาลในแผ่นดิน และท่านไม่ปรารถนาที่จะอยู่ในเหล่าผู้สร้างความปรองดอง"

{28:20} และชายคนหนึ่งได้มาจากชานเมืองอย่างรีบเร่ง เขากล่าวว่า "โอ้ มูซา! พวกเสนาอำมาตย์กําลังปรึกษาหารือกันเกี่ยวกับเรื่องของท่านเพื่อจะฆ่าท่าน ดังนั้นจงออกไปเถิด แท้จริงฉันเป็นผู้หนึ่งที่หวังดีต่อท่าน"

{28:21} ดังนั้น เขาจึงออกจากเมืองนั้นอย่างระมัดระวังเพราะหวาดกลัว เขากล่าวว่า "พระเจ้าของข้าฯ! โปรดช่วยข้าฯให้รอดพ้นจากหมู่ชนทุจริต "

{28:22} และเมื่อเขามุ่งหน้าไปยังมัดยัน เขากล่าวว่า "หวังว่าพระเจ้าของข้าฯจะทรงชี้แนะแก่ข้าฯสู่ทางอันเที่ยงตรง"

{28:23} และเมื่อเขามาพบบ่อน้ำแห่งมัดยัน เขาได้พบฝูงชนกลุ่มหนึ่งกําลังตักน้ำ และนอกจากพวกเขาเหล่านั้นแล้ว เขายังได้พบสตรีสองคนคอยห้าม(ฝูงแกะ) เขากล่าวถามว่า "เธอทั้งสองมีสิ่งใดจะบอกไหม?" นางทั้งสองกล่าวว่า "เราไม่สามารถตักน้ำได้จนกว่าคนเลี้ยงแกะเล่านั้นจะถอยออกไป และบิดาของเราก็แก่ชรา"

{28:24} ดังนั้น เขาจึงตักน้ำให้แก่นางทั้งสอง แล้วก็กลับไปพักในที่ร่ม และกล่าวว่า "พระเจ้าของข้าฯ ! แท้จริงข้าฯนี้ขัดสนยิ่งในสิ่งที่ดี ที่พระองค์ทรงประทานลงมาให้แก่ข้าฯ"

{28:25} หนึ่งในสองนางเดินอย่างขวยเขินมาหาเขา แล้วกล่าวว่า "บิดาของดิฉันขอเชิญท่านไป เพื่อจะตอบแทนค่าแรงแก่ท่าน ที่ได้ช่วยตักน้ำให้เรา" ครั้นเมื่อเขา(มูซา)ได้มาหาเขา และได้เล่าเรื่องราวแก่เขา เขากล่าวว่า "ท่านไม่ต้องกลัว ท่านได้หนีพ้นจากหมู่ชนทุจริตแล้ว"

{28:26} หนึ่งในสองนางกล่าวว่า "โอ้ บิดา! จงจ้างเขาเถิด แท้จริงคนที่สมควรที่สุดที่ท่านจะจ้าง คือผู้ที่แข็งแรง ผู้ที่ซื่อสัตย์คนนี้"

{28:27} เขากล่าวว่า "แท้จริงฉันต้องการที่จะให้ท่านสมรสกับธิดาหนึ่งในสองคนนี้ของฉัน โดยท่าน

จะต้องทำงานให้ฉันแปดปี และถ้าท่านทำได้ครบสิบปี ก็เป็นความดีที่มาจากท่าน ฉันไม่ต้องการที่จะทำความลําบากให้ท่าน หากอัลลอฮฺทรงประสงค์ ท่านจะพบฉันอยู่ในหมู่คนดี"

{28:28} (มูซา)กล่าวว่า "นั่นคือ(ข้อสัญญา) ระหว่างฉันกับท่าน อันใดก็ตามในสองกําหนดเวลาที่ฉันปฏิบัติครบ ก็ไม่ได้เป็นโทษต่อฉัน และอัลลอฮฺทรงเป็นพยานต่อสิ่งที่เรากล่าวเป็นสัญญา"

{28:29} ครั้นเมื่อมูซาปฏิบัติครบกําหนดแล้ว และได้เดินทางไปพร้อมกับครอบครัวของตน เขาได้มองเห็นไฟลุกอยู่ข้างภูเขาตูร เขาจึงพูดกับครอบครัวของตนว่า "จงอยู่ที่นี่ก่อน แท้จริงฉันเห็นไฟ"

{28:30} เมื่อเขาได้มาที่มัน ได้มีเสียงเรียกจากริมหุบเขาทางด้านขวา ในสถานที่ ที่มีความจําเริญ ณ ที่ต้นไม้ ว่า "โอ้ มูซา! แท้จริงฉันคืออัลลอฮฺพระเจ้าแห่งสากลโลก"

{28:31} และว่า "จงโยนไม้เท้าของเธอ" เมื่อเขาเห็นมันเคลื่อนไหวราวกับว่ามันเป็นงู เขาก็ผินหลังหนีและไม่ย้อนกลับมา "โอ้ มูซา! จงหันกลับมาเถิดและอย่าหวาดกลัว แท้จริงเธออยู่ในหมู่ผู้ปลอดภัย"

{28:32} "และจงสอดมือของเธอเข้าไปในอกเสื้อของเธอ มันจะออกมาเป็นสีขาวปราศจากอันตรายใด ๆ และจงเอามือแนบตัวเธอไว้เพื่อให้คลายความตกใจ ทั้งสองอย่างนั้น คือหลักฐานจากพระเจ้าของเธอไปยังฟิรเอานฺและชนชั้นผู้นำของเขา แท้จริงพวกเขาเป็นหมู่ชนผู้ฝ่าฝืน"

{28:33} (มูซา)กล่าวว่า "พระเจ้าของข้าฯ! แท้จริงข้าฯได้ฆ่าคนหนึ่งจากพวกเขา ข้าฯจึงกลัวว่าพวกเขาจะฆ่าข้าฯ"

{28:34} "และพี่ชายของข้าฯคือฮารูน เขาพูดจาคล่องแคล่วกว่าข้าฯ ดังนั้นโปรดส่งเขาเป็นผู้ช่วยร่วมกับข้าฯ เพื่อเขาจะได้ยืนยันให้แก่ข้าฯ แท้จริงข้าฯกลัวว่าพวกเขาจะปฏิเสธข้าฯ"

{28:35} พระองค์ตรัสว่า "เราจะเสริมกำลังเธอด้วยพี่ชายของเธอ และเราจะให้เธอทั้งสองมีอำนาจ ดังนั้นพวกเขาจะเข้าไม่ถึงเธอทั้งสองดอก เพราะอภินิหารสัญญาณต่าง ๆ ของเรา เธอทั้งสองและผู้ตามเธอทั้งสองเป็นผู้ชนะ"

{28:36} ดังนั้นเมื่อมูซาได้มาหาพวกเขาพร้อมด้วยบรรดาอภินิหารสัญญาณอันชัดแจ้งของเรา พวกเขากล่าวว่า "มันเป็นเพียงแต่มายากลที่ถูกเสกสรรขึ้นมา และเราไม่เคยได้ยินข้อกล่าวอ้างเช่นนี้เลย ในสมัยบรรพบุรุษรุ่นก่อนของพวกเรา"

{28:37} และมูซากล่าวว่า "พระเจ้าของฉันทรงรู้ดียิ่งถึงผู้ที่นำเอาแนวทางที่ถูกต้องมาจากพระองค์ และผู้ที่บั้นปลายแห่งที่พำนักจะเป็นของเขา แท้จริงพวกทุจริตนั้นจะไม่ประสบความเจริญ"

{28:38} และฟิรเอานฺกล่าวว่า "โอ้ ปวงบริพาร! ข้าไม่เคยรู้จักพระผู้เป็นเจ้าอื่นใดของพวกเจ้า นอกจากข้าเอง โอ้ ฮามาน! จงเผาดินเหนียวให้แก่ข้า แล้วสร้างโครงสูงระฟ้า เพื่อที่ข้าจะได้ขึ้นไปดูพระเจ้าของมูซา และแท้จริงข้าคิดว่า เขานั้นอยู่ในหมู่ผู้กล่าวเท็จ"

{28:39} และเขา(ฟิรเอานฺ)และไพร่พลของเขาได้หยิ่งผยองในแผ่นดินโดยทุจริต และพวกเขาคิดว่า พวกเขานั้นจะไม่ถูกนำกลับคืนสู่เรา

{28:40} ดังนั้น เราได้ลงโทษเขาและไพร่พลของเขา เราได้โยนพวกเขาลงไปในทะแล แล้วจงพิจารณาเถิด บั้นปลายของพวกทุจริตเป็นเช่นใด?

{28:41} และเราได้ทำให้พวกเขาเป็นผู้นำที่เรียกร้องไปสู่นรกญะฮันนัม และในวันฟื้นคืนชีพ พวกเขาจะไม่ได้รับความช่วยเหลือ

{28:42} และเราได้ให้การสาปแช่งตามติดพวกเขาในโลกนี้ และในวันฟื้นคืนชีพพวกเขาจะอยู่ในหมู่ผู้ถูกเกลียดชัง

{28:43} และโดยแน่นอนเราได้ประทานคัมภีร์แก่มูซา หลังจากที่เราได้ทำลายชนรุ่นก่อน ๆ เพื่อให้เป็นที่ประจักษ์แจ้งแก่ปวงมนุษย์และเป็นแนวทางที่ถูกต้อง และเป็นความเมตตา หวังว่าพวกเขาจะได้พิจารณาใคร่ครวญ

{28:44} และเธอไม่ได้อยู่ทางด้านประจิมทิศ เมื่อเราได้กําหนดกิจการแก่มูซา และเธอไม่ได้ปรากฏอยู่ในหมู่ผู้ร่วมเป็นสักขีพยาน

{28:45} ทว่าเราได้สร้างชนหลายรุ่น แล้วอายุขัยนั้นก็ยาวนานสำหรับพวกเขา และเธอไม่ได้พำนักอยู่ร่วมกับกลุ่มชนมัดยัน เพื่อสาธยายโองการทั้งหลายของเราแก่พวกเขา ทว่าแท้จริงเราเป็นผู้ส่งศาสนทูต

{28:46} และเธอไม่ได้อยู่ทางด้านข้างของภูเขาตูรเมื่อเราได้ร้องเรียก แต่มันเป็นความเมตตาจากพระเจ้าของเธอ เพื่อเธอจะได้ตักเตือนกลุ่มชนหนึ่ง ที่ไม่ได้มีผู้ตักเตือนคนใดมายังพวกเขาก่อนหน้าเธอ หวังว่าพวกเขาจะได้ใคร่ครวญ

{28:47} มิฉะนั้นแล้ว หากเคราะห์กรรมหนึ่งประสบแก่พวกเขา เนื่องด้วยสิ่งที่น้ำมือของพวกเขาเองที่ได้กระทำไว้ แล้วพวกเขาก็จะพูดขึ้นว่า "พระเจ้าของพวกข้าฯ! เหตุใดพระองค์จึงไม่ส่งศาสนทูตสักคนหนึ่งมายังพวกข้าฯ เพื่อจะได้ปฏิบัติตามบรรดาโองการของพระองค์ และพวกข้าฯจะได้อยู่ในหมู่ผู้มีศรัทธา"

{28:48} ครั้นเมื่อสัจธรรมจากเราได้มายังพวกเขา พวกเขากล่าวว่า

"เหตุใดเขาจึงไม่ได้รับเยี่ยงเดียวกับที่มูซาได้รับเล่า?!" แล้วพวกเขาไม่ได้ปฏิเสธสิ่งที่ถูกประทานให้แก่มูซามาก่อนดอกหรือ? พวกเขากล่าวว่า "มายากลสองแบบที่สนับสนุนซึ่งกันและกัน"

และพวกเขากล่าวว่า "เราเป็นผู้ปฏิเสธต่อทุกแบบ"

{28:49} จงกล่าวเถิด "ดังนั้นพวกเธอจงนำคัมภีร์สักเล่มหนึ่งจากอัลลอฮฺ ที่ถูกต้องเหมาะสมยิ่งกว่าทั้งสองเล่มนั้น เพื่อฉันจะได้ปฏิบัติตามมัน หากพวกเธอเป็นผู้สัตย์จริง"

{28:50} หากพวกเขาไม่ยอมสนองตอบเธอ ก็จงรู้เถิดว่า พวกเขาปฏิบัติตามอารมณ์ของพวกตน และผู้ใดเล่าจะหลงผิดยิ่งไปกว่าผู้ปฏิบัติตามอารมณ์ของตน

โดยปราศจากแนวทางที่ถูกต้องจากอัลลอฮฺ

แท้จริงอัลลอฮฺจะไม่ทรงชี้แนะทางที่ถูกต้องแก่กลุ่มชนทุจริต

{28:51} และโดยแน่นอน เราได้นำพจนารถนี้มายังพวกเขา เพื่อพวกเขาจะได้ใคร่ครวญ

{28:52} บรรดาผู้ที่เราประทานคัมภีร์แก่พวกเขามาก่อนคัมภีร์นี้ พวกเขามีศรัทธาต่อมัน

{28:53} และเมื่อมันได้ถูกอ่านแก่พวกเขา พวกเขากล่าวว่า "เรามีศรัทธาในมัน แท้จริงมันคือสัจธรรมจากพระเจ้าของเรา แท้จริงเราเป็นผู้สวามิภักดิ์มาก่อนหน้านี้"

{28:54} ชนเหล่านั้นจะได้รับรางวัลของพวกตนสองครั้ง เนื่องจากพวกเขาได้อดทน

และพวกเขาป้องกันความชั่วด้วยความดี และพวกเขาบริจาคจากบางส่วน ที่เราได้ให้เป็นเครื่องยังชีพแก่พวกเขา

{28:55} และเมื่อพวกเขาได้ยินเรื่องไร้สาระ พวกเขาก็หันห่างจากมัน และกล่าวว่า "การงานของเราก็จะได้แก่เรา และการงานของพวกท่านก็จะได้แก่พวกท่าน ศานติแด่พวกท่าน เราไม่ต้องการพวกคนเขลา"

{28:56} แท้จริง เธอไม่สามารถที่จะนำทางเที่ยงแก่ผู้ที่เธอรักได้ แต่อัลลอฮฺทรงนำทางเที่ยงแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และพระองค์ทรงรู้ดียิ่งถึงผู้ที่อยู่ในแนวทางที่ถูกต้อง

{28:57} และพวกเขากล่าวว่า "หากเราปฏิบัติตามแนวทางเที่ยงร่วมกับท่าน พวกเราจะถูกฉุดกระชากออกจากแผ่นดินของเรา" เราไม่ได้ก่อตั้งเขตหวงห้ามอันปลอดภัยให้แก่พวกเขาดอกหรือ? ซึ่งผลไม้ทุกชนิดถูกนำมายังที่นั่น เป็นเครื่องยังชีพที่มาจากเรา แต่พวกเขาส่วนมากไม่รู้

{28:58} และตั้งเท่าใดแล้วที่เราได้ทำลายบ้านเมือง ซึ่งผยองลำพองในความเป็นอยู่ของมัน ก็นั่นอย่างไรเล่า ที่พำนักของพวกเขา ไม่เป็นที่พำนักอาศัยหลังจากพวกเขาอีกต่อไป เว้นแต่เพียงเล็กน้อย และเราเป็นผู้รับมรดก

{28:59} และพระเจ้าของเธอไม่ได้เป็นผู้ทำลายบ้านเมือง จนกว่าพระองค์จะทรงแต่งตั้งศาสนทูตขึ้นในเมืองหลวงนั้น โดยสาธยายโองการทั้งหลายของเราแก่พวกเขา และเราไม่ได้เป็นผู้ทำลายบ้านเมือง เว้นแต่ชาวเมืองนั้นเป็นพวกทุจริต

{28:60} และสิ่งใดที่พวกเธอได้รับนั้น มันเป็นเพียงการเสพสุขของชีวิตแห่งโลกนี้ และเป็นเครื่องประดับของมัน แต่สิ่งที่อยู่ ณ อัลลอฮฺนั้นประเสริฐกว่าและจีรังกว่า พวกเธอไม่ใช้ปัญญาดอกหรือ?

{28:61} ดังนั้นผู้ใดที่เราได้ให้สัญญาแก่เขาซึ่งเป็นสัญญาอันดีงาม แล้วเขาก็จะเป็นผู้จะได้พบมัน จะเหมือนกับผู้ที่เราได้ให้เขาเสพสุขแห่งชีวิตของโลกนี้ แล้วในวันฟื้นคืนชีพเขาจะเป็นผู้หนึ่งในหมู่ผู้ถูกนำมาลงโทษ กระนั้นหรือ ?

{28:62} และวันที่พระองค์ทรงเรียกพวกเขาแล้วตรัสว่า "ไหนเล่าเหล่าภาคีของฉัน ที่พวกเธอกล่าวอ้าง?"

{28:63} บรรดาผู้ที่คำพิพากษานั้นสาสมแก่พวกเขากล่าวว่า "พระเจ้าของพวกข้าฯ! พวกเหล่านี้คือบรรดาผู้ที่พวกข้าฯได้หลอกลวงให้หลงผิด พวกข้าฯได้หลอกลวงให้พวกเขาหลงผิด เช่นเดียวกับที่พวกข้าฯได้หลงผิดเอง พวกข้าฯขอปลีกตัวสู่พระองค์ และพวกเขาไม่ได้เคารพสักการะพวกข้าฯดอก"

{28:64} และจะมีเสียงกล่าวว่า "จงเรียกร้องภาคีของพวกเธอ" พวกเขาก็ร้องเรียกพวกมัน แต่พวกมันไม่ขานรับพวกเขา และพวกเขาได้เห็นการลงโทษ หากพวกเขาได้อยู่ในแนวทางเที่ยงก็คงจะดี

{28:65} และวันที่ทรงเรียกพวกเขาแล้วตรัสว่า "พวกเธอโต้ตอบแก่บรรดาศาสนทูตว่าอย่างใด?"

{28:66} ดังนั้น ข้อแก้ตัวนั้นมืดมนต่อพวกเขาในวันนั้น ฉะนั้นพวกเขาจึงไม่ไต่ถามซึ่งกันและกัน

{28:67} ส่วนผู้ลุแก่โทษและศรัทธา และประกอบความดี บางทีเขาจะอยู่ในหมู่ผู้บรรลุความสำเร็จ

{28:68} และพระเจ้าของเธอทรงสร้างสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์และทรงเลือก พวกเขาไม่มีสิทธิ์ในการเลือก พระพิสุทธิคุณแห่งอัลลอฮฺ และพระองค์ทรงสูงส่งเหนือกว่าสิ่งที่พวกเขาตั้งขึ้นเป็นภาคี

{28:69} และพระเจ้าของเธอนั้น ทรงรอบรู้สิ่งที่หัวอกของพวกเขาปกปิดอยู่และสิ่งที่พวกเขาเปิดเผย

{28:70} และพระองค์คืออัลลอฮฺ ไม่มีพระผู้เป็นเจ้าอื่นใด นอกจากพระองค์ มวลการสรรเสริญเป็นของพระองค์ในตอนแรกเริ่มและในตอนสุดท้าย และการพิพากษานั้นเป็นสิทธิของพระองค์ และยังพระองค์พวกเธอจะถูกนำกลับคืน

{28:71} จงกล่าวเถิด "พวกเธอเห็นไหม? หากอัลลอฮฺทรงทำให้พวกเธอมีราตรีชั่วนิจนิรันดร์จนถึงวันฟื้นคืนชีพ พระผู้เป็นเจ้าองค์ใดเล่า อื่นจากอัลลอฮฺ ที่จะนำแสงสว่างมาให้แก่พวกเธอ พวกเธอไม่รับฟังบ้างหรือ?"

{28:72} จงกล่าวเถิด "พวกเธอเห็นไหม? หากอัลลอฮฺทรงทำให้พวกเธอมีทิวาชั่วนิจนิรันดร์จนถึงวันฟื้นคืนชีพ พระผู้เป็นเจ้าองค์ใดเล่า อื่นจากอัลลอฮฺ ที่จะนำราตรีมาให้พวกเธอได้พักผ่อนในเวลานั้น พวกเธอไม่พิจารณาดูบ้างหรือ?"

{28:73} และเพราะความเมตตาของพระองค์ พระองค์ทรงเนรมิตให้มีราตรีและทิวาเพื่อพวกเธอจะได้พักผ่อนในเวลานั้น และเพื่อพวกเธอจะได้แสวงหาจากความโปรดปรานของพระองค์ และเพื่อพวกเธอจะได้ขอบพระคุณ

{28:74} และวันที่พระองค์ทรงเรียกพวกเขาแล้วตรัสว่า "ไหนเล่าเหล่าภาคีของฉัน ที่พวกเธอกล่าวอ้าง?"

{28:75} และเราได้ดึงเอาสักขีพยานหนึ่งออกมาจากทุก ๆ ประชาชาติ แล้วเราได้กล่าวว่า "จงนำหลักฐานของพวกเธอมา" พวกเขาจึงรู้ว่า สัจธรรมนั้นเป็นของอัลลอฮฺ และสิ่งที่พวกเขาได้กุขึ้นมานั้นได้หลงหายไปจากพวกเขา

{28:76} แท้จริงกอรูนมาจากพวกพ้องของมูซา แล้วเขาได้กดขี่พวกเขา และเราได้ประทานทรัพย์สมบัติมากมายแก่เขา จนกระทั่งเหล่าลูกกุญแจของคลังนั้นยังหนักสำหรับคนกลุ่มหนึ่งที่แข็งแรง เมื่อพวกพัองของเขากล่าวแก่เขาว่า "อย่าได้หยิ่งผยอง เพราะแท้จริงอัลลอฮฺไม่ทรงชอบบรรดาผู้หยิ่งผยอง"

{28:77} "และจงแสวงหานิเวศน์แห่งปรโลก ในสิ่งที่อัลลอฮฺได้ทรงประทานแก่เธอ และอย่าลืมส่วนของเธอแห่งโลกนี้ และจงทำความดีเสมือนกับที่อัลลอฮฺได้ทรงดีกับเธอ และอย่าแสวงหาความเสียหายในแผ่นดินแท้จริง อัลลอฮฺไม่ทรงชอบบรรดาผู้บ่อนทำลาย"

{28:78} (กอรูน)กล่าวว่า "ข้าได้รับมันเพราะความรู้ของข้า" เขาไม่รู้ดอกหรือว่า อัลลอฮฺได้ทรงทำลายผู้ที่มีพลังยิ่งกว่าและสะสมทรัพย์มากกว่าก่อนหน้าเขาในชนรุ่นก่อน ๆ และบรรดาผู้กระทำความผิดจะไม่ถูกสอบถามเกี่ยวกับความผิดต่าง ๆ ของพวกเขาดอกหรือ?

{28:79} ดังนั้น เขาได้ออกไปหาพวกพ้องของตนด้วยเครื่องประดับอันสง่าของเขา บรรดาผู้ปรารถนาชีวิตแห่งโลกนี้กล่าวว่า "โอ้ หากเรามี เช่นที่กอรูนได้ถูกประทานมาก็คงดี! แท้จริงเขาเป็นผู้มีโชควาสนายิ่งใหญ่"

{28:80} และบรรดาผู้ได้รับความรู้กล่าวว่า "ความวิบัติแก่พวกท่าน! การตอบแทนแห่งอัลลอฮฺนั้นประเสริฐยิ่งแก่ผู้มีศรัทธาและประพฤติดี และไม่มีผู้ใดได้รับมันดอก นอกจากบรรดาผู้อดทน"

{28:81} ดังนั้น เราจึงให้ธรณีสูบเขาและเคหะสถานของเขา ไม่มีผู้ใดจะช่วยเหลือเขาได้ นอกเหนือจากอัลลอฮฺ และเขาก็ไม่ได้เป็นหนึ่งในเหล่าผู้ได้รับความช่วยเหลือ

{28:82} และบรรดาผู้ปรารถนาจะมีฐานะเยี่ยงเขาเมื่อวันวานกลับกล่าวว่า "อนาถนัก! อัลลอฮฺนั้นทรงปล่อยและทรงกุมเครื่องยังชีพแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ในปวงบ่าวของพระองค์ หากไม่ใช่เพราะอัลลอฮฺทรงโปรดปรานแก่เราแล้ว แน่นอน พระองค์ก็จะทรงให้ธรณีสูบเราลงไปด้วย อนาถนัก! บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาจะไม่ประสบความสำเร็จ"

{28:83} นั่นคือนิเวศน์แห่งปรโลก เราได้เตรียมมันไว้สำหรับบรรดาผู้ที่ไม่ปรารถนาความหยิ่งผยองในแผ่นดิน และไม่ก่อความเสียหาย และบั้นปลายย่อมเป็นของบรรดาผู้ยำเกรง

{28:84} ผู้ใดนำเอาความดีมา เขาก็จะได้รับความดียิ่งกว่า และผู้ใดนำความชั่วมา บรรดาผู้กระทำความชั่วทั้งหลายนั้น จะถูกตอบแทนเพียงแต่เท่าที่พวกเขาได้กระทำไว้

{28:85} แท้จริง พระผู้ทรงประทานอัลกุรอานให้แก่เธอ แน่นอน ย่อมทรงนำเธอกลับสู่ถิ่นเดิม จงกล่าวเถิด "พระเจ้าของข้าฯทรงรู้ดียิ่ง ว่าผู้ใดอยู่ในแนวทางเที่ยงและผู้ใดอยู่ในความหลงผิดที่ชัดแจ้ง

{28:86} และเธอไม่ได้หวังมาก่อนเลยว่า คัมภีร์นี้จะถูกประทานให้แก่เธอ เว้นแต่ว่ามันเป็นความปรานีจากพระเจ้าของเธอ ดังนั้น เธออย่าเป็นผู้สนับสนุนแก่บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา

{28:87} และอย่าให้พวกเขาผลักเธอให้หันเหจากบรรดาโองการของอัลลอฮฺ หลังจากที่มันได้ถูกประทานลงมาแก่เธอ และจงเชิญชวนไปสู่พระเจ้าของเธอ และอย่าอยู่ในหมู่ผู้ตั้งภาคี

{28:88} และอย่าวิงวอนขอต่อพระเจ้าอื่นคู่เคียงกับอัลลอฮฺ ไม่มีพระผู้เป็นเจ้าอื่นใด นอกจากพระองค์ ทุกสิ่งย่อมพินาศ นอกจากพระพักตร์ของพระองค์