Post date: Jun 5, 2011 1:00:40 PM
{40:7} บรรดาผู้แบกพระบัลลังก์ และผู้ที่อยู่รอบ ๆ พระบัลลังก์ ต่างก็แซ่ซร้องสดุดีด้วยการสรรเสริญพระเจ้าของพวกตน
และศรัทธาต่อพระองค์ และขออภัยโทษให้แก่บรรดาผู้มีศรัทธา "พระเจ้าของพวกข้าฯ! พระองค์ทรงแผ่พระเมตตาและความรอบรู้ไปทั่วทุกสิ่ง
โปรดอภัยแก่บรรดาผู้ลุแก่โทษ และดําเนินตามแนวทางของพระองค์ และทรงคุ้มครองพวกเขาให้พ้นจากการทรมานแห่งไฟนรก"
{40:8} "พระเจ้าของพวกข้าฯ! และโปรดให้พวกเขาได้เข้าในเหล่าสวนสวรรค์แห่งอะดัน ซึ่งพระองค์ได้ทรงสัญญาแก่พวกเขา พร้อมทั้งผู้กระทำความดีจากบรรพบุรุษของพวกเขา
และคู่ครองของพวกเขา และลูกหลานของพวกเขา แท้จริงพระองค์คือพระผู้ทรงมีอํานาจ พระผู้ทรงปรีชาญาณ"
{40:9} "และโปรดคุ้มครองพวกเขาให้พ้นจากความชั่วทั้งปวง และผู้ใดที่พระองค์ทรงคุ้มครองให้พ้นจากความชั่วทั้งปวงในวันนั้น พระองค์ก็ได้ทรงเมตตาแก่เขา
และนั่นแหละ คือความสำเร็จอันใหญ่หลวง"
อรรถาธิบาย
โองการ {40:7} ได้กล่าวถึง มะลาอิกะหฺสองพวก
พวกแรกคือ บรรดามะลาอิกะหฺทั้งแปด ผู้มีหน้าที่แบกพระบัลลังก์ของอัลลอหฺ (ภาษาอาหรับ: ٱلْعَرْشِ /อัลอัรชฺ/) เป็นมะลาอิกะหฺที่ใกล้ชิดกับพระองค์มากที่สุด อัลกุรอานได้ระบุว่า ในวันปรโลก พวกเขามีจำนวนแปดตน
{ وَيَحْمِلُ عَرْشَ رَبِّكَ فَوْقَهُمْ يَوْمَئِذٍ ثَمَـٰنِيَةٌ }
{69:17} และมะลักก็จะปรากฏอยู่บนเวหา และในวันนั้น(มะลาอิกะหฺ)แปดตนจะทูนพระบัลลังก์ของพระเจ้าของเธอเหนือพวกตน
อัลลอหฺเท่านั้นที่ทรงทราบว่า ในเวลาปัจจุบัน จำนวนมะลาอิกะหฺผู้หามพระบัลลังก์มีจำนวนเท่าไร
พวกที่สองคือ บรรดามะลาอิกะหฺที่ประจำที่อยู่รอบ ๆ พระบัลลังก์ อัลกุรอานได้ระบุถึงมะลาอิกะหฺรอบ ๆ บัลลังก์ว่า
{ وَتَرَى ٱلْمَلَـٰئِكَةَ حَافّينَ مِنْ حَوْلِ ٱلْعَرْشِ يُسَبّحُونَ بِحَمْدِ رَبّهِمْ }
{39:75} และเธอจะเห็นมะลาอิกะหฺห้อมล้อมรอบ ๆ บัลลังก์ แซ่ซ้องสดุดีด้วยการสรรเสริญพระเจ้าของพวกตน และจะถูกตัดสินระหว่างพวกเขาด้วยความยุติธรรม และจะมีเสียงกล่าวว่า "บรรดาการสรรเสริญทั้งมวลเป็นของอัลลอหฺ พระเจ้าแห่งสากลโลก"
มะลาอิกะหฺทั้งสองพวกนี้ ต่างก็สดุดีพระพิสุทธิคุณของพระองค์ และสรรเสริญ อีกทั้งยังมีความศรัทธาต่อพระองค์ แสดงความเคารพนบน้อมต่อพระองค์ตลอดเวลา
ไม่เพียงแค่นั้น บรรดามะลาอิกะหฺเหล่านั้นยังวิงวอนต่ออัลลอหฺ ให้พระองค์ทรงอภัยโทษต่อมนุษย์บนโลก ที่มีศรัทธาต่ออัลลอหฺ โดยพวกเขาจะกล่าวว่า
"พระเจ้าของพวกข้าฯ! พระองค์ทรงแผ่พระเมตตาและความรอบรู้ไปทั่วทุกสิ่ง โปรดอภัยแก่บรรดาผู้ลุแก่โทษ และดําเนินตามแนวทางของพระองค์ และทรงคุ้มครองพวกเขาให้พ้นจากการทรมานแห่งไฟนรก"
จากโองการนี้เราสามารถเข้าใจได้ว่า บรรดามุอ์มินที่ทำผิด จะต้องไม่ท้อถอยในการที่จะสำนึกผิด และขออภัยโทษต่ออัลลอหฺ เพราะแม้กระทั่งมะลาอิกะหฺที่ใกล้ชิดกับพระองค์ก็ยังมีใจเมตตาสงสารต่อบรรดามุอ์มิน ที่สำนึกผิด และกลับเข้าสู่ทางเที่ยงของพระองค์ พวกเขาต่างขอวิงวอนจากอัลลอหฺให้พระองค์อภัยต่อพวกบรรดามุอ์มินเหล่านั้น ไม่เพียงแค่นั้น ยังขอให้อัลลอหฺอย่าได้ทรงลงโทษบรรดามุอ์มินด้วยการไฟนรก แต่ให้นำพวกเขาเข้าสรวงสวรรค์ ตามที่พระองค์ได้ทรงสัญญาไว้แก่บรรดาผู้ศรัทธา"
นอกจากนี้การวิงวอนขอของมะลาอิกะหฺเหล่านั้น ยังรวมถึงบิดามารดา ปู่ยาตายาย สามีภารยา และลูกหลานของบรรดามุอ์มินอีกด้วย โดยมีข้อแม้ว่า พวกเขาเหล่านั้นจะต้องเป็นคนดี
บรรดามะลาอิกะหฺยังวิงวอนขอให้อัลลอหฺทรงคุ้มครองบรรดามุอ์มินจากความเลวร้ายทั้งปวง อันได้แก่ความเลวร้ายในขณะที่พวกเขายังมีชีวิตในโลกนี้ อันได้แก่หลักความเชื่อที่ผิดบิดเบือน คือกุฟรฺ (การปฏิเสธ) หรือ ชิรกฺ (การตั้งภาคี) และการตามอารมณ์ตัณหา ที่ยังผลให้เกิดความเลวร้ายในโลกหน้า อันได้แก่ ความทุกข์ทรมาณในขณะที่กำลังถูกไต่สวนในวันแห่งการตัดสิน และความทุกข์ทรมาณ เมื่อถูกนำไปลงโทษในไฟนรก ดังนั้นมนุษย์ผู้มีศรัทธาคนใดที่พระองค์ได้ทรงปกป้องคุ้มกัน ให้พ้นจากการทำความชั่วในโลกนี้ เขาคนนั้นก็คือผู้ที่จะได้รับความเมตตาในวันปรโลก
ข้อคิดที่ได้จาก {40:7 - 9}
ถึงมนุษย์จะเป็นมัคลูกที่สมบูรณ์ด้วยปัญญา ดูเหมือนกับว่า จะเป็นมัคลูกที่ประเสริฐที่สุด แต่มนุษย์ก็ทำผิด เนื่องจากมนุษย์มีตัณหา อัลลอหฺได้บัญชาให้มนุษย์สำนึกผิด และขออภ้ยโทษต่อพระองค์ โดยให้เริ่มต้นขออภัยโทษให้แก่ตัวเองก่อน
{ فَٱعْلَمْ أَنَّهُ لاَ إِلَـٰهَ إِلا ٱللَّهُ وَٱسْتَغْفِرْ لِذَنبِكَ وَلِلْمُؤْمِنِينَ وَٱلْمُؤْمِنَـٰتِ }
{47:19} ฉะนั้นจงรู้เถิดว่า ไม่มีพระผู้เป็นเจ้าอื่นใด นอกจากอัลลอหฺ
และจงขออภัยโทษต่อความผิดเพื่อตัวเธอเองและเพื่อบรรดาบุรุษผู้มีศรัทธาและบรรดาสตรีผู้มีศรัทธา
ในขณะที่บรรดามะลาอิกะหฺ เป็นมัคลูกที่ซื่อสัตย์สุจริตต่อพระองค์พวกเขาไม่ฝ่าฝืนพระบัญชาของพระองค์เลยแม้แต่น้อย พวกเขาไม่จำเป็นต้องขออภัยโทษต่ออัลลอหฺ แต่พวกเขากลับขอจากอัลลอหฺให้พระองค์ทรงอภัยโทษต่อมนุษย์ผู้มีศรัทธา