การนมาซในยามดึก เมื่อผู้คนหลับไหล

Post date: Oct 12, 2009 11:33:21 PM

ศอลาตกิยามุลลัยลฺ หรือ ศอลาต กิยาม อัลลัยลฺ เป็นการนมาซอาสาในยามดึก ซึ่งผู้นมาซจะตื่นขึ้นมา หลังจากนอนหลับไปแล้ว

{39:9} ผู้ใดกันจะเหมือนกับผู้ที่เขาเป็นผู้ภักดีในยามราตรี โดยเป็นผู้กราบและผู้ยืนนมาซ โดยที่เขาหวั่นเกรงต่อปรโลก และหวังความเมตตาของพระเจ้าของตน? จงกล่าวเถิด "บรรดาผู้รู้และบรรดาผู้ไม่รู้จะเท่าเทียมกันหรือ? แท้จริงบรรดาผู้มีสติปัญญาเท่านั้นที่จะใคร่ครวญ"

มนุษย์หลับไหลในยามค่ำคืน พวกเขาเป็นเสมือนคนตาย

{6:60} และพระองค์คือผู้ที่ทรงให้พวกเธอตายในยามราตรี

จะมีก็เพียงแต่บ่าวเพียงไม่กี่คนบนผืนแผ่นดิน ที่อดตาหลับขับตานอนลุกขึ้นมาในยามดึกสงัด เพื่อเข้าเฝ้าพระผู้เป็นเจ้าของพวกเขา เคารพบูชาพระองค์ด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์ในความมืด น้ำตาของพวกเขาหลั่งไหลพรั่งพรู ลงล้างแก้ม บางครั้งมีเสียงสะอื้นร้องไห้ ประหนึ่งได้พบกับคนสุดที่รัก หลังจากที่หายสาปสูญเป็นเวลาหลายสิบปี

บ่าวที่โหยหาพระองค์ยืน ก้ม กราบ นั่ง อย่างเงียบในความมืด ชาวโลกไม่มีใครเห็นพวกเขา ทว่าในสายตาของชาวฟ้า จะเห็นเป็นลำแสงพุ่งขึ้นมาจากพื้นพิภพ เหล่ามะลาอิกะฮฺทะยอยลงมาอวยพรให้ไม่ขาดสาย เสียง "อามีน" จากพวกเขากระหึ่มก้องกังวาลในสายลม เหล่าต้นไม้ใบหญ้าสดุดีพระพิสุทธิคุณพร้อมเพรียงกับบ่าวเหล่านั้น ตามด้วยการสดุดีของเหล่าวิหคนกกาสดุดีก่อนฟ้าสาง เป็นเสียงสัญญาณให้เหล่ามนุษย์ที่กำลังหลับไหลลุกขึ้นมาสยบต่อพระผู้สร้าง ทว่าบ่าวผู้โหยหาไม่เคยรอให้นกมาปลุกเลย

เพราะการตื่นขึ้นมาในยามดึกคือการฟื้นคืนชีพจากความตายชั่วคราว จิตวิญญาณของพวกเขาเติบโตยามดึก เสมือนต้นไม้รับน้ำฝนยามราตรี พวกเขาเป็นผู้มีเกียรติในโลกหน้า และเป็นผู้ที่มีตำแหน่งอันสูงส่งในโลกหน้าอีกเช่นกัน

{17:79} และยามหนึ่งของราตรี เธอจงตื่นขึ้นมานมาซ ด้วยความสมัครใจของเธอ หวังว่าพระเจ้าของเธอจะทรงให้เธอได้รับตําแหน่งที่ได้รับการสรรเสริญ

นั่นก็เพราะเขาเสียสละการหลับนอน แหมค่ำคืนจะหนาวเหน็บ ก็ยังละทิ้งผ้าห่ม ตื่นขึ้นมาในยามดึก พวกเขานอนเพียงครึ่งเดียวของเวลานอนของพวกเขา

{73:1} ดูกร ผู้คลุมกาย! {73:2} จงยืนขึ้นยามราตรี เว้นแต่เพียงเล็กน้อย {73:3} ครึ่งหนึ่งของราตรี หรือน้อยกว่านั้นเพียงเล็กน้อย {73:4} หรือมากกว่านั้น และจงอ่านอัลกุรอานช้า ๆ เป็นจังหวะ {73:5} แท้จริงเราจะประทานวจนะอันหนักหน่วงแก่เธอ {73:6} แท้จริงการตื่นขึ้นในยามรัติกาลนั้นเป็นสิ่งยืนหยัดที่หนักยิ่งและเป็นคำพูดที่ถูกต้องยิ่ง

คำว่า "นาชิอะตุ" ใน {73:6} แปลว่า ผู้ลุกขึ้น หรือ ผู้เจริญเติบโต จึงเข้าใจได้อีกเช่นกันว่า วิญญาณที่เจริญเติบโตในยามค่ำคืน เนื่องจากการตื่นขึ้นมาบูชาอัลลอฮฺ เป็นวิญญาณที่หนักแน่น และมีคำพูดที่ถูกต้อง

ในยามค่ำคืนพวกเขาจะนั่งไตร่ตรองในการสร้างจักรวาล จิตใจของพวกเขามุ่งเข้าหาอัลลอฮฺเพียงพระองค์เดียว

{25:61} ทรงจำเริญ พระผู้ทรงทำให้ฟ้ามีหมู่ดาว และได้ทรงทำให้มีตะเกียงในนั้น และดวงจันทร์มีรัศมี

{25:62} และพระองค์คือผู้ทรงบันดาลให้มีราตรีและทิวาหมุนเวียนแทนที่กัน สำหรับผู้ที่ปรารถนาจะใคร่ครวญ หรือปรารถนาจะขอบคุณ

{25:63} และบรรดาบ่าวของพระผู้ทรงเมตตาคือ บรรดาผู้ที่เดินบนแผ่นดินด้วยความสงบเสงี่ยมและเมื่อพวกโง่เขลากล่าวทักทายพวกเขา พวกเขาจะกล่าว "ศานติ"

{25:64} และบรรดาผู้ใช้เวลาราตรี เพื่อกราบสุญูดและยืน(นมาซ)ต่อพระเจ้าของพวกเขา

{25:65} และบรรดาผู้ที่กล่าวว่า "โอ้พระผู้เป็นเจ้าของพวกข้าฯ ขอพระองค์ได้ทรงขจัดการลงโทษของนรกให้พ้นไปจากพวกข้าฯ แท้จริงการลงโทษของมันนั้นอมตะนิรันดร์"

{25:66} แท้จริงมันเป็นที่อยู่และที่พำนักอันเลวร้ายยิ่ง

{25:67} และบรรดาผู้ที่เมื่อพวกเขาใช้จ่าย พวกเขาก็ไม่สุรุ่ยสุร่าย และไม่ตระหนี่ ทว่าอยู่สายกลางระหว่างนั้น

{25:68} และบรรดาผู้ที่ไม่วิงวอนขอพระเจ้าอื่นใดคู่เคียงกับอัลลอฮฺ และพวกเขาไม่ฆ่าชีวิต ซึ่งอัลลอฮฺทรงห้ามไว้เว้นแต่เพื่อความยุติธรรม และพวกเขาไม่ผิดประเวณี และผู้ใดกระทำเช่นนั้นเขาจะพบกับความบาป

อัลลอฮฺได้ทรงสัญญาที่จะประทานรางวัลแก่ผู้ที่ทำความดี ด้วยการให้สวนสวรรค์อันยิ่งใหญ่ไพศาล ทว่าสำหรับบ่าวที่อดตาหลับขับตานอนนั้น จะได้รับการตอบแทนที่เป็นความลับ ยังความประหลาดใจ

{32:15} แท้จริงบรรดาผู้ศรัทธาต่ออายาตทั้งหลายของเราเท่านั้น ที่เมื่อพวกเขาถูกเตือนให้รำลึกถึงอายาต พวกเขาก็ก้มลงสุญูดและสดุดีสรรเสริญแด่พระเจ้าของพวกเขา โดยที่พวกเขาไม่หยิ่งผยอง

{32:16} สีข้างของพวกเขาเคลื่อนห่างจากที่นอน พลางวิงวอนต่อพระเจ้าของพวกเขาด้วยความกลัวและความหวัง และพวกเขาบริจาคสิ่งที่เราได้ให้เป็นเครื่องยังชีพแก่พวกเขา

{32:17} ดังนั้น จึงไม่มีชีวิตใดรู้สิ่งที่ถูกซ่อนไว้สำหรับพวกเขา ซึ่งเป็นที่ชื่นตา เป็นการตอบแทนในสิ่งที่พวกเขาได้กระทำไว้