โฟมชีวภาพจากแป้งมันสำปะหลัง และเสริมแรงด้วยเส้นใยจากเปลือกข้าวโพด
นางสาว พินทุ์ลดา อินยัญญะ
นางสาว กณิศา ชื่นจิตต์ศิริ
ครูที่ปรึกษา ครูไพลิน แซ่ลิ้ม และ ผศ.ดร จิราภรณ์ ไชยบัญดิษฐ์
บทคัดย่อ
โครงงานวิทยาศาสตร์ฉบับนี้ศึกษาการผลิตโฟมชีวภาพจากแป้งมันสำปะหลังและเสริมแรงด้วยเส้นใยจากเปลือกข้าวโพดที่ผ่านการกำจัดลิกนินและสารฟอกขาว และศึกษาสมบัติเชิงกล ได้แก่ ความหนาแน่น การดัดงอ การดูดซึมน้ำ และระยะเวลาในการย่อยสลายของโฟม เนื่องจากโฟมแป้งมันสำปะหลังมีความเปราะและไวต่อความชื้นทำให้ต้องมีวัสดุเสริมแรงโดยนำเอาเส้นใยจากเปลือกข้าวโพดที่ผ่านการดัดแปรมาผสมในปริมาณ 2 g, 4 g และ 6 g เพื่อนำมาเปรียบเทียบปริมาณเส้นใยจากเปลือกข้าวโพดที่มีผลต่อคุณสมบัติของโฟม โดยผสมแป้งมันสำปะหลัง 80 g น้ำ RO 100 ml น้ำมันถั่วเหลือง 8 g แมกนีเซียมสเตียเรท 2 g กัวร์กัม 1 g และเส้นใยจากเปลือกข้าวโพดที่ผ่านการดัดแปร แล้วอัดขึ้นรูปด้วยแม่พิมพ์ (Mold) ที่อุณหภูมิ 160 °C เป็นเวลา 10 นาที ทดสอบสมบัติเชิงกลต่าง ๆ พบว่า โฟมชีวภาพที่ผสมเส้นใยจากเปลือกข้าวโพดในปริมาณมากขึ้นทำให้ความหนาแน่นสูงขึ้นและการดูดซึมน้ำลดลง โฟมชีวภาพที่ผสมเส้นใยปริมาณ 6 g มีค่าความหนาแน่นมากสุดเท่ากับ 0.32 ± 0.01 g/cm 3 การดูดซึมน้ำของโฟม มีค่าน้อยที่สุด คือ โฟมชีวภาพที่ผสมเส้นใยปริมาณ 6 g เท่ากับ 46 ± 14%, 99 ± 20% และ 208 ± 25% ในระยะเวลา 5, 30 และ 60 นาที ตามลำดับ การทดสอบการดัดงอ โฟมแป้งมันสำปะหลังที่ผสมเส้นใยปริมาณ g มีค่าความเค้นของการดัดงอ มากที่สุดเท่ากับ 5.08 ± 1.05 MPa ค่าความเค้นของการดัดงอนี้มีค่าเพิ่มขึ้นตามปริมาณเส้นใยแต่เมื่อเส้นใยปริมาณ 6 g มีค่าน้อยที่สุดเท่ากับ 2.84 ± 3.06 MPa ระยะเวลาในการย่อยสลาย พบว่าเส้นใยจากเปลือกข้าวโพดมีผลต่อการคงตัวของโฟมชีวภาพเมื่อถูกย่อยสลาย จึงย่อยสลายได้ช้าลงตามปริมาณเส้นใยที่เพิ่มขึ้น ดังนั้นโฟมชีวภาพที่ผสมเส้นใยจากเปลือกข้าวโพดปริมาณ 4 g คุณสมบัติเชิงกลดีที่สุด