กล้วยหิน (Kluai Hin) ชื่อสามัญ Saba
ชื่อวิทยาศาสตร์คือ Musa (ABB Group)
เป็นผลไม้ จัดเป็นพืชเศรษฐกิจ มีแหล่งกำเนิดบริเวณสองฝั่งแม่น้ำปัตตานี จัดเป็นผลไม้เขตร้อน (tropical fruit) แบ่งตามอัตราการหายใจเป็นประเภท climacteric fruit ใช้เป็นอาหารคนและนก โดยเฉพาะนกกรงหัวจุก มีเนื้อแน่นเหนียวกว่ากล้วยชนิดอื่นๆ
ลักษณะทั่วไป
ต้น กล้วยหินมีลำต้นสูงประมาณ 3-4 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 15 เซนติเมตร กาบด้านนอกเขียวมีนวล
ใบ ก้านใบค่อนข้างสั้น ร่องใบเปิด
ดอก ปลีค่อนข้างป้อมสั้นลักษณะคล้ายดอกบัวตูม ด้านนอกสีแดงอมม่วง ด้านในสีแดง เมื่อกาบเปิดจะไม่ม้วนงอ
ผล ในหนึ่งเครือมี 7-10 หวี หวีหนึ่งมี 10-15 ผล ผลเป็นรูปห้าเหลี่ยมเปลือกหนา ผลเรียงกันแน่นเป็นระเบียบ ช่องว่างระหว่างหวีน้อย ปลายจุกป้าน เมื่อสุกสีเหลืองเนื้อสีขาวอมเหลือง
ประโยชน์ กล้วยหินสามารถนำมาประกอบอาหารได้หลายชนิด เช่น หัวปลีสามารถนำมาใช้จิ้มน้ำพริกแทนผักได้ ผลรับประทานสุก หรือดิบโดยการนำมาทอด ทำเป็นกล้วยฉาบ นอกจากนี้ยังมีสรรพคุณทางยา อาทิเช่น
1. ราก นำมาต้มดื่มแก้ไข้
2. หยวกกล้วยเป็นอาหารเพื่อใช้ล้างทางเดินอาหาร
3. ผลดิบ ใช้เป็นยาสมานแผล
4. หัวปลี ช่วยแก้โรคกระเพราะอาหาร ลดน้ำตาลในเลือด และรักษาโรคเบาหวาน
การแปรรูปกล้วยหิน
ผลดิบนำมาแปรรูปทำกล้วยฉาบ ได้ปริมาณมาก ชิ้นใหญ่ และสีสวย
ผลสุกนำมาทำกล้วยทับ กล้วยเชื่อม และกล้วยทอด
เอกสารอ้างอิง : ดวงจันทร์ เกรียงสุวรรณ 2548 พืชผักผลไม้ไทยมีคุณค่าเป็นทั้งอาหารและยาตอน "กล้วยหิน" บทความวิทยุรายการสาระความรู้ทางการเกษตร งานศูนย์บริการวิชาการและฝึกอบรม ฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการคณะทรัพยากรธรรมชาติมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์วิทยาเขตหาดใหญ่
เรียบเรียงข้อมูลโดยห้องสมุดประชาชนอำเภอหาดใหญ่