ดอกแค

ดอกแค ลักษณะของดอกคล้ายดอกถั่ว ออกดอกเป็นช่อบริเวณซอกใบ 2-3 ดอก ดอกมีกลิ่นหอม

ดอกเป็นสีขาวหรือสีแดง แล้วแต่พันธุ์ มีก้านเกสรตัวผู้สีขาวอยู่ 60 อัน กลีบเลี้ยงเป็นรูประฆังหรือรูปถ้วย

ดอกแค (Agasta)

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Sesbania grandiflora (L.) Poiret

ชื่อสามัญ : Agasta, Sesban, Vegetable Humming Bird, Cork Wood Tree

ชื่อพื้นเมืองอื่น : แค แคบ้าน (กลาง) แคขาว แคแดง (กทม. เชียงใหม่)

แคดอกแดง แคดอกขาว

วงศ์ : ถั่ว (FABACEAE หรือ LEGUMINOSAE) และอยู่ในวงศ์ย่อยถั่ว FABOIDEAE

(PAPILIONOIDEAE หรือ PAPILIONACEAE)

ถิ่นกำเนิด : จากประเทศอินเดีย หรือ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้

แค เป็นไม้ยืนต้นสกุลเดียวกับโสน มีลำต้นขนาดเล็กถึงกลางสูงประมาณ 3-10 เมตร แตกกิ่งก้านสาขามาก

ไม่เป็นระเบียบ เปลือกหนาสีน้ำตาลเข้ม มีรอยขรุขระแตกเป็นสะเก็ด สามารถเจริญเติบโตได้ทั่วไปในเขตร้อนชื้น

เป็นต้นไม้ที่โตเร็ว สามารถปลูกได้ทุกที่ และมักขึ้นตามป่าละเมาะ หัวไร่ปลายนา

ผล เมื่อดอกบาน แมลงจะมาตอมและผสมเกสรระหว่างดอก เมื่อดอกแก่จนกลีบร่วงก็จะมีฝักอ่อน

ลักษณะเหมือนถั่วฝักยาวแต่แบนกว่า สีเขียวอ่อน ใช้รับประทานเป็นอาหารได้ ฝักแก่แตกเป็น 2 ซีก

เมล็ดกลมแป้น สีน้ำตาล มีหลายเมล็ด แพร่พันธุ์ด้วยฝักที่มีเมล็ดแก่จัด ออกดอกติดผลตลอดปี

ขยายพันธุ์ ด้วยเมล็ด

ประโยชน์และสรรพคุณของดอกแค

ต้นแค ถือเป็นพืชสมุนไพร อาหารที่ปรุงจากดอกแค ยอดแคและใบอ่อน ล้วนมีคุณค่าทางอาหารและช่วย

ดับพิษร้อน ถอนพิษไข้ แก้ไข้หวัด ไข้เปลี่ยนฤดู ช่วยคุมธาตุ ชะลอความแก่ เสริมความงามของผิวพรรณและ

ต้านอนุมูลอิสระป้องกันโรคมะเร็งได้ด้วย

บ เป็นใบประกอบแบบขนนก ออกเรียงสลับ มีใบย่อยขนาดเล็กรูปขอบขนาน ปลายใบมนกว้าง

ขอบใบและแผ่นใบเรียบ สีเขียว กว้างประมาณ 1-1.5 เซนติเมตร และยาวประมาณ 3-4 เซนติเมตร

แค เป็นต้นไม้พื้นบ้าน เป็นไม้เนื้ออ่อน นิยมปลูกเป็นรั้วบ้าน คันนา และริมถนน ปลูกได้ในทุกพื้นที่ทั้ง

ดินเหนียว ดินร่วน สามารถปลูกไว้ในบริเวณบ้านเพื่อปรับพื้นดินให้มีปุ๋ย เนื่องจากใบแคที่ผุแล้วทำให้ดินอุดม

สมบูรณ์ มีธาตุอาหารมากขึ้น เมื่อเมล็ดแก่จัดจะแพร่พันธุ์ด้วยเมล็ด และเจริญเติบโตได้ทุกพื้นที่ทั่วโลก

ในเขตร้อนชื้น เจริญเติบโตง่าย มีอายุไม่นานก็ยืนต้นตาย