ผักสวนครู

โหระพา

ชื่อสามัญ : Common Basil, Sweet Basil

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Ocimum basilicum Linn.

วงศ์ : LABIATAE

ชื่ออื่น ๆ : ห่อกวยซวย, โหระพาไทย, ห่อวอซุ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน)

ลักษณะทั่วไป :

ต้น : เป็นพรรณไม้ล้มลุก ลำต้นตั้งตรงมีความสูง 8-28 นิ้ว ลักษณะของลำต้น และกิ่งก้านเป็นเหลี่ยม แตกกิ่งก้านสาขามีมากผิวเปลือกลำต้นมีเป็นสีเขียวอมม่วง และมีขนปกคลุมทั้งลำต้นมีกลิ่นหอม

ใบ : ใบออกเป็นใบเดี่ยว มีลักษณะเป็นรูปรียาว ปลายและโคนใบเรียวแหลม ริมขอบใบเรียบ หรือมีหยักเล็กน้อย ใบมีขนาดกว้างประมาณ 1-3.5 ซม. ยาวประมาณ 2-6 ซม. ใบมีสีเขียวเข้ม ก้านใบยาวประมาณ 0.7-2 ซม.

ดอก : ดอกออกเป็นช่อ ชั้น ๆ คล้ายฉัตร ออกอยู่ตามบริเวณปลายยอด ลักษณะของดอกย่อยมีกลีบเลี้ยง เชื่อมติดกันเป็นหลอด ส่วนปลายแยกเป็น 5 กลีบ มีสีขาวหรือสีแดงเรื่อ กลีบดอกยาวประมาณ 9 มม.

ผล : พอดอกร่วงโรยก็จะติดผล เป็นสีน้ำตาล ผลหนึ่งมีเมล็ด .4 เม็ด ลักษณะของเมล็ดเป็น รูปกลมรี มีขนาดยาวประมาณ 2 มม.

โหระพาเป็นพืชที่แพร่หลายเป็นอย่างมากในแทบทวีปเอเชียและตะวันตก มีต้นกำเนิดมาจากประเทศอินเดียโหระพาเป็นไม้ล้มลุก มีอายุหลายปี ลำต้นและกิ่งก้าเป็นเหลี่ยม มีสีม่วงหรือแดงเข้ม ใบเป็นรูปไข่หรือรูปวงรี ปลายแหลมขอบจักเป็นฟันเลื่อยห่างๆ ดอกออกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง มีสีขาวหรือชมพูอ่อน ยาวประมาณ 7-12 เซนติเมตร

สำหรับในประเทศไทย โหระพาเป็นพืชสมุนไพรที่นิยมนำมาประกอบอาหารเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะมีรสชาติเผ็ดร้อนให้เบต้าแคโรทีนประมาณ 452.16 ไมโครกรัม และแคลเซียมสูงแล้ว ยังมีสรรพคุณทางยาอย่างหลากหลาย ส่วนต่างๆของโหระพาที่นิยมนำมาใช้ได้แก่......

ใบสด ช่วยแก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ ขับลมจากลำไส้ ต้มดื่มแก้ลมวิงเวียน ช่วยย่อยอาหาร ใบและต้นสดประมาณ 6-10 กรัมนำมาต้มกับน้ำและดื่มแก้หวัด ขับเหงื่อ หรือนำใบมาตำ ใช้พอกหรือประคบแก้โรคไขข้ออักเสบและแผลอักเสบหากเด็กมีอาการปวดท้องให้นำใบโหระพา 20 ใบ ชงกับน้ำร้อนและนำมาผสมกับนมให้เด็กดื่ม ปลอดภัยกว่าทานยาขับลมที่ผสมแอลกอฮอลล์

ข้อควรระวัง! คือ ไม่ควรใช้กับเด็กอายุต่ำกว่า 2 ขวบ หรือผู้ใหญ่อายุมากว่า 65 ปี

ใบโหระพาตากแห้งยังสามารถต้านเชื้อที่สามารถก่อโรคได้ด้วย โดยการนำใบแห้งมาต้มกับน้ำเดือดประมาณ 10-20 นาทีและดื่มวันละ 3 ถ้วย

ยอดอ่อน นำใบโหระพามาตำปิดแผลงูกัด หรือนำมาตำกับแมงดาตัวผู้ ใช้รับประทานและพอกประคบแก้พิษคางคกสำหรับมารดาที่ให้น้ำบุตร นำใบโหระพามาต้มกับน้ำนมราชสีห์ รับประทานเพื่อเพิ่มปริมาณของน้ำนม ใบโหระพายังมีน้ำมันหอมระเหย เมื่อสกัดออกมาจะมีลักษณะเป็นของเหลวใสสีเหลืองอ่อนหรือเหลืองอมน้ำตาลปราศจากตะกอนและสารแขวนลอย ไม่มีการแยกชั้นของน้ำ มีกลิ่นเฉพาะตัว มีคุณสมบัติแก้จุกเสียดแน่นท้องน้ำมันหอมระเหยช่วยการย่อยอาหารเนื้อสัตว์ คลายการหดเกร็งของกล้ามเนื้อและฆ่าเชื้อแบคทีเรีย น้ำมันโหระพายังมีกลิ่นหอมหวานมีคุณสมบัติช่วยให้สงบ มีสมาธิ ลดอาการซึมเศร้า จึงนิยมนำไปใช้ในการทำสปาเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดอีกด้วย

การปลูกและขยายพันธุ์

พันธุ์การค้า-จัมโบ้ เป็นพันธุ์ที่มีใบใหญ่ นิยมทั่วไป พันธุ์พื้นเมืองมักมีกลิ่นหอมแรง - การเตรียมดิน ไถดินให้ลึก 30-40 ซม.ตากดิน 2 อาทิตย์ ย่อยดินให้ละเอียดใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก ให้มีอินทรียวัตถุสูง ดินร่วน มีความชื้นในดินสูง และแสงแดดปานกลางการปลูกใช้ระยะปลูก ระยะระหว่างต้น 25 ซม. ระหว่างแถว 50 ซม. ให้น้ำสม่ำเสมอ - ใช้กิ่งปักชำในกระบะทราย หรือแกลบดำชื้นในที่ประมาณ 1 สัปดาห์ ก็ย้ายปลูกได้ หรือเพาะด้วยเมล็ด อาจใช้วิธีหว่านเมล็ดให้ทั่วแปลง ใช้ฟางกลบหรือปุ๋ยคอกที่ย่อยสลายดีแล้วโรยทับบางๆ รดน้ำตามทันทีด้วยบัวรดน้ำตาถี่ในกระบะเพาะชำ กล้าเจริญเติบโดสูงประมาณ 10-15ซม. จึงย้ายปลูก - การเก็บเกี่ยว ใช้มีดคมๆ ตัดกิ่งที่เจริญเติบโตเต็มที่ อายุเก็บเกี่ยว 50 วันหลังหยอดเมล็ดสามารถเก็บเกี่ยวได้หลายครั้ง ผลผลิต 4-6 ตัน/

ส่วนที่ใช้ :

ลำต้น เมล็ด ราก

สรรพคุณ :

ลำต้น ใช้ลำต้นสด ประมาณ 6-10 กรัม นำมาต้มเอาน้ำ กินเป็นยาแก้ปวด แก้หวัด ปวดกระเพาะอาหาร ท้องเสีย จุกเสียดแน่นท้อง ทำให้เจริญอาหาร ขับเหงื่อ ขับเสมหะ ขับลม ปวดศีรษะ ปวดข้อ หนองใน หรือใช้ตำให้ละเอียด คั้นเอาน้ำทาหรือใช้พอกแผลฟกช้ำจากการหกล้ม หรือถูกกระทบกระแทก แผลที่เป็นหนองเรื้อรัง แก้พิษถูกงูกัด แมลงสัตว์กัดต่อย เป้นกลากเกลื้อนและใช้หยอดหูแก้ปวดหู เป็นต้น เมล็ด ใช้เมล็ดแห้ง นำมาต้มหรือแช่น้ำกิน เป็นยาระบาย หรือใช้แก้โรคตาแดงมีขี้ตามาก และต้อตาเป็นต้น

ราก ใช้รากสดหรือรากแห้ง นำมาเผาไฟให้เป็นเถ้า บดให้ละเอียดใช้พอก บริเวณที่เป็นแผลเรื้อรัง แผลมีหนองในเด็ก