สัตว์สวนครู
กศน.อำเภอหาดใหญ่
กศน.อำเภอหาดใหญ่
ปลาทับทิม
ปลาทับทิม (Nile tiapia) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Oreochromis niloticus-mossambicus เป็นปลาที่พัฒนามาจากสายพันธุ์ปลานิล นำเข้ามาในประเทศไทยครั้งแรก เมื่อปี พ.ศ. 2508 โดยสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโต มกุฎราชกุมารแห่งประเทศญี่ปุ่น ซึ่งได้ทรงจัดส่งปลานิล จำนวน 50 ตัว ความยาวเฉลี่ย ตัวละประมาณ 9 เซนติเมตร น้ำหนักต่อตัวประมาณ 14 กรัม เพื่อทูลเกล้าฯ ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เมื่อวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2508
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานชื่อใหม่ว่า “ปลานิลจิตรลดา” และเป็นจุดเริ่มต้นของการเรียกชื่อสั้นๆว่า ปลานิล และปี พ.ศ. 2532 บริษัทในเครือเจริญโภคภัณฑ์ ได้พัฒนาสายพันธุ์ใหม่ในโครงการปรับปรุงสายพันธุ์ปลานิลจิตรลดา โดยคัดเลือกสายพันธุ์ปลานิลจากสายพันธุ์ทั่วโลก 4 สายพันธุ์ ได้แก่
1. ปลานิลสายพันธุ์จากอเมริกา ลักษณะเด่น คือ มีสีสวย เนื้อสวย
2. ปลานิลสายพันธุ์จากอิสราเอล ลักษณะเด่น คือ มีหัวเล็ก สันหนา
3. ปลานิลสายพันธุ์จากไต้หวัน ลักษณะเด่น คือ โตเร็ว
4. ปลานิลสายพันธุ์จากจิตรลดา ของประเทศไทย ลักษณะที่โดดเด่น คือ มีความอดทน แข็งแรง
จากนั้น นำปลานิลทั้ง 4 สายพันธุ์มาผสมข้ามสายพันธุ์กัน เพื่อให้ได้ลักษณะเด่นของแต่ละสายพันธุ์และมีคุณค่าทางเศรษฐกิจสูง จนได้สายพันธุ์ใหม่ โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระราชทานชื่อให้ใหม่ว่า “ปลาทับทิม” เมื่อวันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2541
ต้องมีการวัดค่า ph ของน้ำ และปรับค่า ph ให้อยู่ในช่วง 6.5-8.5 โดยการนำปูนขาวมาใส่ ในจำนวน 100-150 กก. / ไร่
ใส่ปุ๋ยคอกเพื่อเพิ่มสารอาหารธรรมชาติและความอุดมสมบูรณ์ ในอัตรา 200-250 กก. / ไร่
สูบน้ำใส่บ่อทิ้งไว้ประมาณ 1-2 สัปดาห์ เพื่อให้บ่อเกิดอาหารธรรมชาติ
ก่อนจะปล่อยปลา ให้ตักน้ำในบ่อมาใส่ในถุงบรรจุลูกปลา แล้วนำไปแช่ไว้ในบ่อน้ำก่อนปล่อย เพื่อให้ลูกปลาปรับอุณหภูมิก่อนลงในบ่อ ป้องกันการน็อคน้ำ
ควรปล่อยลูกปลาในช่วงเช้า เพราะอากาศและอุณหภูมิต่ำ
ควรเลือกอาหารปลาให้เหมาะกับอายุของปลา และชนิดเม็ดอาหาร
ส่วนใหญ่ปลาทับทิมจะกินอาหารปลาที่มีโปรตีน 30-32%
ควรให้อาหารปลาช่วง 16:00 – 17:00 หรือตามช่วงเวลาที่เกษตรกรเห็นสมควร เพราะปลาจะทานอาหารตามเวลาที่เกษตรให้
ขอบคุณแหล่งข้อมูล : ศูนย์การเรียนรู้การเกษตร
เรียบเรียงข้อมูล : ห้องสมุดประชาชนอำเภอหาดใหญ่