ผักสวนครู

มะเขือเทศ

มะเขือเทศ (Tomato)

ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Lycopersicon Esculentum Mill.

เป็นพืชล้มลุก สูงประมาณ 1-2 เมตร ลำต้นตั้งตรง กลม แข็ง และเหนียว กิ่งก้านเป็นทรงพุ่ม มีขนอ่อนปกคลุม และมีกลิ่นเฉพาะตัว ใบสีเขียว มีขนปกคลุม ปลายใบแหลม ขอบใบหยัก ดอกออกเป็นช่อ ขนาดเล็ก สีเหลือง ส่วนผลมีรูปร่างและสีต่างกันไปตามสายพันธุ์ มีทั้งกลม แบน และรี มีทั้งขนาดเล็กและใหญ่ เมื่อสุกจะเป็นสีแดง ส้ม หรือเหลือง เนื้อในฉ่ำน้ำ รสชาติเปรี้ยว หวาน กรอบ และมีเมล็ดจำนวนมาก

วิธีปลูกมะเขือเทศ : นิยมเพาะเมล็ดแล้วย้ายกล้า โดยให้หยอดเมล็ดลงในดินเพาะที่เตรียมไว้ จนอายุ 25-30 วัน ค่อยย้ายไปปลูกในดินจริง ซึ่งต้องขุมหลุมให้ลึก 20 เซนติเมตร เว้นระยะพอสมควร รวมถึงทำค้างให้เลื้อยด้วย ที่สำคัญควรปลูกมะเขือเทศช่วงปลายฝน ไม่เช่นนั้นอาจจะทำให้เน่าเสียง่าย ส่วนการดูแลก็ไม่ยาก โตได้ในดินทุกชนิด แต่จะชอบดินร่วนปนทรายเป็นพิเศษ ดูแลรดน้ำชุ่มเสมอทั้งเช้าและเย็น แต่ระวังอย่าให้น้ำขัง ตั้งให้โดดแสงแดดได้ตลอดทั้งวัน และหมั่นตัดแต่งกิ่งเพื่อให้ออกผลดี


มะเขือเทศคือผักหรือผลไม้ ?

คำตอบ "มะเขือเทศคือผลไม้" ซึ่งเป็นไปตามคำนิยามของหลักทางพฤกษศาสตร์ เพราะผลไม้คือส่วนของรังไข่ที่เจริญเติบโตเต็มที่ของพืชดอก ส่วนผักคือพืชที่กินได้ของพืชล้มลุก ไม่ว่าจะเป็นราก ใบ ก้าน หัว หน่อ ดอก ซึ่งโดยปกติแล้วคนส่วนมากมักเข้าใจผิดว่ามะเขือเทศคือผักเพราะนำไปใช้ประกอบอาหารกันเป็นส่วนใหญ่ และมักคิดว่าผลไม้คือสิ่งที่ให้ความหวานนั่นเอง โดยมะเขือเทศที่นิยมรับประทานมากคือ มะเขือเทศสีดา มะเขือเทศราชินี

ข้อควรรู้ ! : มะเขือเทศนั้นจัดว่าเป็นผลไม้ที่คนทั่วโลกนิยมรับประทานกันมากที่สุด โดยนิยมรับประทานกันมากกว่าผลไม้ยอดนิยมอันดับ 2 อย่างกล้วย มากถึง 16 ล้านตันต่อปี ส่วนผลไม้อันดับ 3 คือ แอปเปิ้ลและส้ม ตามลำดับ

มะเขือเทศ นอกจากจะเป็นผลไม้ที่นิยมรับประทานกันมากที่สุดในโลกแล้ว ประโยชน์ของมะเขือเทศยังมีอยู่มากมาย เพราะอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิดที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น วิตามินซี วิตามิเอ วิตามินเค วิตามินพี วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 ธาตุแคลเซียม ธาตุฟอสฟอรัส และธาตุเหล็ก โดยมะเขือเทศขนาดปานกลางนั้นจะมีปริมาณของวิตามินซีครึ่งหนึ่งของส้มโอทั้งลูก และมะเขือเทศหนึ่งผลมีปริมาณวิตามินเอที่ร่างกายต้องการจำนวน 1 ใน 3 ของวิตามินเอที่ร่างกายต้องการต่อวันเลยทีเดียว ! และยังมีสารจำพวกไลโคปีน (Lycopene) แคโรทีนอยด์ เบตาแคโรทีน และกรดอะมิโน เป็นต้น และมะเขือเทศยังจัดว่าเป็นผลไม้ที่มีสรรพคุณเป็นยารักษาโรคได้อีกด้วย เช่น ช่วยป้องกันการแข็งตัวของหลอดเลือด ขับปัสสาวะ รักษาความดัน เป็นต้น

โดยน้ำมะเขือเทศที่เราคั้นเองสด ๆ จะดีกว่าน้ำมะเขือเทศขวดหรือกล่อง และไม่ควรเลือกรับประทานมะเขือเทศดิบ เพราะอาจจะเป็นผลเสียต่อร่างกายมากกว่าจะได้รับประโยชน์ และการกินมะเขือเทศในปริมาณมากก็ไม่มีผลข้างเคียงแต่อย่างใด มีงานวิจัยมะเขือเทศออกมาว่าการรับประทานมะเขือเทศให้ได้ 10 ครั้งต่อสัปดาห์ถือว่ามีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างมากเพราะจะมีประสิทธิภาพในการป้องกันการเกิดโรคมะเร็งได้อย่างมาก และดีต่อสุขภาพผิวอย่างเห็นได้ชัดเจน

สรรพคุณของมะเขือเทศ

  1. ช่วยให้ร่างกายสามารถต่อสู้กับโรคหอบหืดได้มากถึง 45%

  2. ช่วยป้องกันโรคสมองเสื่อมหรืออัลไซเมอร์

  3. ช่วยรักษาโรคลักปิดลักเปิด เลือดออกตามไรฟัน

  4. ช่วยป้องกันการแข็งตัวของหลอดเลือด

  5. มะเขือเทศมีฤทธิ์ในการช่วยขับปัสสาวะ

  6. ช่วยรักษาโรคความดันโลหิตสูง

  7. ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ

  8. ช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดภาวะเส้นเลือดตีบ การเกิดโรคหัวใจวาย สำหรับผู้ที่สูบบุหรี่เป็นประจำ

  9. ช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจขาดเลือด

  10. ช่วยในระบบย่อยในกระเพาะอาหารและช่วยในการขับถ่ายอุจจาระได้สะดวก

  11. ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราหรือเชื้อราที่ปาก

  12. ช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคมะเร็งลำไส้

  13. ช่วยลดความเสี่ยงจากโรคมะเร็งต่อมลูกหมากในเพศชายได้ถึง 45% หากรับประทานมะเขือเทศเป็นประจำ

  14. ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งรังไข่ในเพศหญิง

  15. ซอสมะเขือเทศช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดหลังจากการหกล้มหรือถูกมีดบาดได้

ประโยชน์ของมะเขือเทศ

  1. ช่วยบำรุงผิวพรรณให้ชุ่มชื่นสดใส ไม่แห้งกร้าน

  2. มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดและชะลอการเกิดริ้วรัยแห่งวัย

  3. น้ำมะเขือเทศช่วยเพิ่มความสดชื่นให้แก่ร่างกาย

  4. ช่วยเสริมคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรง

  5. มีวิตามินเอซึ่งมีส่วนชวยบำรุงสายตา

  6. มะเขือเทศมีเบตาแคโรทีนและฟอสฟอรัสในปริมาณมาก

  7. มะเขือเทศช่วยในการรักษาสิว ด้วยการนำน้ำมะเขือเทศมาพอกผิวหน้าหรือฝานบาง ๆ แล้วนำมาแปะหน้าก็ได้

  8. ช่วยทำให้ผิวหน้าเต่งตึงสดใส ด้วยการนำน้ำมะเขือเทศมาพอกผิวหน้าหรือฝานบาง ๆ แล้วนำมาแปะหน้าก็ได้

  9. มะเขือเทศใช้นำมาทำเป็นน้ำผลไม้ โดยน้ำผลไม้ที่ขึ้นชื่อก็คือน้ํามะเขือเทศดอยคํา

  10. เป็นที่นิยมนำมาทำเป็นอาหารได้หลายเมนู เช่น ข้าวผัด ซุป ยำต่าง ๆ เป็นต้น

  11. ซอสมะเขือเทศหมักผม ด้วยการใช้มะเขือเทศหมักผมจะช่วยป้องกันการเปลี่ยนไปของสีผม อันเนื่องมาจากการว่ายน้ำในสระที่มีคลอรีน

  12. ซอสมะเขือเทศนำมาใช้ขัดเครื่องประดับเงินชิ้นโปรดของคุณให้เงางามเหมือนเดิมได้ ด้วยนำซอสมะเขือเทศมาถูแล้วล้างน้ำออก

  13. ซอสมะเขือเทศช่วยในการดับกลิ่นคาว เศษอาหาร กลิ่นปลาสลิดได้เหมือนกันนะ เพียงแค่เปิดฝาซอสทิ้งไว้ 1 คืนเท่านั้น

แหล่งอ้างอิง : วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี (EN)

เรียบเรียงข้อมูลโดย ห้งสมุดประชาชนอำเภอหาดใหญ่