โครงการตามพระราชประสงค์ดอนขุนห้วย
โครงการตามพระราชประสงค์ดอนขุนห้วย
ที่ตั้ง ตำบลดอนขุนห้วย อำเภอชะอำ และ ตำบลท่าคอย อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี
ความเป็นมา สมาชิกโครงการจัดสรรที่ดินดอนขุนห้วย ๑ เดิมมาจากจังหวัดนครปฐม ราชบุรี สมุทรสงคราม และสุพรรณบุรี เป็นกลุ่มประชาชนที่ไม่มีที่ดินทำกินหรือมีแต่ไม่เพียงพอ เดิมเข้าทำกินในที่ดินของนิคมสร้างตนเองเขื่อนเพชร
ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำไร่ผัก ขนาดที่ดิน ๒-๓ ไร่ต่อครอบครัว จำนวนสมาชิก ๑๒๐ ครอบครัว พระองค์ทรงเยี่ยมและทรงมีพระราชดำริว่าที่ดินไม่เพียงพอ
พระองค์ท่านทรงมีพระราชกระแสให้จัดหาที่ดินเพิ่มให้สมาชิกครอบครัวละ ๑๕ ไร่ นายอเนก พยัครฆันตร ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรีในขณะนั้น ดำเนินการหาที่ดิน ได้เลือกที่ดินในตำบลเขาใหญ่ อำเภอชะอำ หรือ "ดอนขุนห้วย" เป็นที่ดินสาธารณะประเภททุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ ๒,๐๐๐ ไร่ และที่ดินรกร้างอีก ๕๘๑ ไร่ รวม ๒,๕๘๑ ไร่
วิธีการดำเนินงาน
เมื่อคัดเลือกที่ดินเสร็จแล้ว นายอเนก พยัครมันตร ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี ได้นำโครงการกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในรัชกาลที่ ๙ ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๑๔ พระองค์ท่านทรงเห็นชอบและแต่งตั้ง หม่อมหลวงเดช สนิทวงศ์ เป็นประธานคณะกรรมการดำเนินงาน คณะกรรมการดำเนินงานประกอบด้วยตัวแทนจากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในการจัดสรรที่ดินและสร้างสิ่งอุปโภคตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๑๔ มีการตราพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินสาธารณประโยชน์ดอนขุนห้วย เพื่อใช้ในโครงการ โดยที่ดินถูกแบ่งเป็น ๑๕๓ แปลง ขนาดแปลงละ ๑๕ ไร่ ในกลางปี พ.ศ. ๒๕๑๕ คัดเลือกสมาชิกชาวไร่ผักและผู้สมัครเพิ่มเติมเพื่อจับสลากเข้าอยู่อาศัยและทำการเกษตรกรรม
จัดสรรที่ดินตามโครงการพระราชประสงค์ ดอนขุนห้วย ๒ เดิมเป็นที่ดินในเขต ป่าสงวนแห่งชาติ องค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบุรีได้รับมอบหมายให้ดำเนินการจัดสรรที่ดิน พื้นที่ตั้งอยู่ในหมู่ที่ ๕ และ ๖ ตำบลท่าคอย อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี มีวัตถุประสงค์หลักคือการขยายพื้นที่ให้แก่ลูกหลานสมาชิกดอนขุนห้วย ๑ และราษฎรที่ไม่มีที่ดินทำกิน โดยจัดสรรที่ดินเป็นแปลงๆ ละ ๑๕ ไร่ รวม ๙๗ แปลง คัดเลือกผู้มีสิทธิ์จับสลากเข้าอยู่อาศัยและทำการเกษตรกรรม
ผลการดำเนินงาน
ปัจจุบันหมู่บ้านสหกรณ์ดอนขุนห้วยจึงพื้นที่ประมาณ ๔,๐๐๐ ไร่ พื้นที่ตั้งของหมู่บ้านได้รับน้ำจากระบบชลประทาน มีพื้นที่เกษตรน้ำฝนและได้สร้างอ่างเก็บน้ำขึ้น ๒ แห่ง คือ อ่างเก็บน้ำโป่งทะลุและอ่างเก็บน้ำห้วยวังยาว ที่หมู่บ้านเกษตรกรมีการแบ่งหมู่บ้านออกอย่างเป็นระเบียบมีไฟฟ้าเข้าถึงโดยมีทางราชการคอยช่วยเหลือให้คำแนะนำการบริหารงานของหมู่บ้านและในส่วนของงานสหกรณ์ ส่งผลให้สมาชิกมีฐานะความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
เอกสารอ้างอิง
มยุรี วัดเเก้ว เเละคณะ. (2558). พื้นภูมิเพชรบุรี : ภูมิปรัชญา ภูมิบารมี เล่มที่ ๑. เพชรบุรี : เพชรภูมิการพิมพ์.