งานปี-ผีมด เป็นประเพณีพื้นบ้านของชาวเมืองเพชร ในพื้นที่บ้านม่วง บ้านดอนกลึงดุม บ้านหนองศาลา บ้านดองยาง บ้านโพธิ์ไร่หวาน บ้านนาวุ้ง บ้านหนองเกตุ บ้านห้วยทบ บ้านดอนยี่พรม บ้านหนองขนาน บ้านโพธิ์ บ้านหนองเต้าปูน พิธีกรรมนี้มีจุดหมายเพื่อเซ่นไหว้ผีบรรพบุรุษ ผีบ้านผีเรือน พระภูมิเจ้าที่ และเจ้าพ่อสำคัญ คุณพ่อสามก้อนและคุณพ่อหงส์ทอง เชื่อกันว่าผู้มีเชื้อสายของตระกูลเคยประกอบพิธีนี้มา หากลูกหลานไม่จัดพิธีนี้ต่อคนในครอบครัวจะเจ็บป๋วย ทำมาหากินไม่ขึ้น
การจัดงานปีผีมดจะทำพิธีกันในช่วงเดือน ๖-๘ วันข้างขึ้น ปัจจุบันมีคนทรง ๒-๓ คนที่ยังประกอบพิธีนี้ได้
ช่วงเวลาที่จัดเช่น ทุกๆ ๓ ปี ๔ ปี ๕ ปี ๗ ปี ๙ ปี ต่อครั้งขึ้นอยู่กับการเงินของลูกหลาน เจ้าภาพหนึ่งคนจะจัดงานได้เพียง ๓ ครั้งเท่านั้น เมื่อถึงเวลาเจ้าภาพไม่พร้อมจัดงานสามารถหาคนทรงเพื่อผัดผ่อนกับคุณพ่อโหราม และคุณพ่อหงส์ทองได้
ในการจัดพิธีนั้น ช่วงเช้าถึงเที่ยงเป็นเวลาของการจัดงานปี ซึ่งก็คือการเข้าทรงเสี่ยงทายรักษาใช้ กระทำเพื่อความรุ่งเรืองของครอบครัวและชีวิต เมื่อหลังเที่ยงไปแล้วหมดเวลาจัดไม่ได้ เชื่อว่าวิญญาณจะไม่มารับการเซ่นไหว้นั้น
ส่วนกลางคืน เป็นเวลาของการจัดพิธีผีมดในการจัดต้องหาหญิงคนทรงมาเชิญวิญญาณต่างๆ เข้าประทับร่าง หญิงคนทรงคือผู้สื่อสารระหว่างโลกของคนมีชีวิตและโลกของวิญญาณ นอกจากนี้ยังต้องมีคนกล่าวเชิญวิญญาณ ๑ คนเรียกว่า "นายนิมนต์" กับพี่เลี้ยงคนทรงอีก ๑ คนทำหน้าที่หยิบเสื้อผ้า สิ่งของให้คนทรงขณะที่วิญญาณเจ้าพ่อประทับร่าง
เจ้าพ่อที่มาประทับทรงมีทั้งหมด ๗ องค์คือ
๑. พ่อสามก้อน คุณพ่อเจ้าของทรง
๒. พ่อเจ้าบ้าน เป็นพ่อท้องถิ่น
๓. พ่อสร้อยสังวาล พ่อหลักเมืองเพชรบุรี
๔. พ่อหลวงเพชร
๕. พ่อหลวงคง
๖. พ่อหลวงหงส์
๗. พ่อหงส์ทอง เจ้าของงาน คอยจดบัญชีบันทึกสัญญาว่าเจ้าภาพจัดพิธีผีมดแล้วก็ครั้ง ถ้าครบสามครั้ง พ่อหงส์ทองจะตัดบัญชีเลิกกันไป
พิธีมด จะมีการเข้าผีลงทรงโดยหาคนมาเป็นร่างทรงเรียก “คนเต้น” ให้ผีมาเข้า ทั้งผีเจ้าพ่อต่างๆ และผีญาติพี่น้องที่ล่วงลับไป มีการเสี่ยงทาย รักษาไข้ สื่อสารกับวิญญาณบรรพบุรุษ ความศักดิ์สิทธิ์ของพิธีกรรมนี้ อาจจะอยู่ที่ชาวบ้านทั้งคนแก่ หนุ่มสาว เด็กเล็ก ยังร่วมประกอบพิธีกรรมเดิมสืบทอดกันมาหลายร้อยปี และยังยืนหยัดที่จะดำรงรักษา "วิถี" เช่นนี้สืบเนื่องต่อไปอย่างแข็งแกร่งอย่างน่าอัศจรรย์ เป็นความศักดิ์สิทธิ์ที่คนเพชรบุรีสามารถสร้างระบบสืบทอดความเชื่อ อันเป็นวัฒนธรรมที่จะพาชุมชนมีชีวิตต่อไปอย่างเป็นสุข ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของโลกสมัยใหม่ที่รุมล้อมอยู่รอบตัว