หลักๆ คือ มอเตอร์คนละแบบกัน DF-64 V เป็นมอเตอร์แบบ BLDC ( Brushless DC Motor) ที่ราคาสูงกว่า เสียงเงียบกว่าประหยัดพลังงานกว่า ขนาดมอเตอร์เล็กกว่า ทำให้เครื่องบดมีขนาดเล็กลงและเบากว่าเดิม ที่สำคัญคือสามารถปรับรอบการหมุนของมอเตอร์ได้ 800-1,800 RPM
ส่วน NZR-64 Gen 2 ใช้มอเตอร์แบบ AC motor 250-300 Watt ที่มีขนาดและกำลังสูงกว่า Gen 1 สามารถบดได้เร็วขึ้นและบดต่อเนื่องได้ยาวนานมากขึ้นกว่าเดิม หมุนที่รอบการหมุนที่ 1350-1,400 RPM และไม่สามารถปรับรอบการหมุนของมอเตอร์ได้
NZR-64 Gen 2 ถูกพัฒนาด้วยการนำ feedback จากผู้ใช้งานทั่วโลกมาแก้ไขปรับปรุงในจุดอ่อนของรุ่น Gen 1 ด้วยจุดหลักๆคือ
ปรับปรุง Declumper ให้มีผงกาแฟค้างน้อยลงกว่าเดิม ลดการ Regrind มีสัดส่วนผงละเอียดน้อยลงกว่าเดิม แทบไม่ต้องใช้การปั๊มไล่ผงกาแฟเลยก็ได้
อัพเกรด มอเตอร์เป็น Commercial Grade มีความร้อนสะสมน้อยกว่า บดได้เร็วขึ้น บดต่อเนื่องได้
มีตัวกันเมล็ดกระโดด ( Anti popcorn ) ทำให้การบดมีความสม่ำเสมอ สมูธขึ้น และเร็วขึ้น
มี Plasma Generator ลดไฟฟ้าสถิตย์ในท่อทางไหล ลดการสะสมของผงกาแฟตกค้าง ลดการอุดตัน
อัพเกรดถ้วย Dosing cup เป็น Aluminium แบบเดียวกับ DF-83 V2 ลดไฟฟ้าสถิตย์ในถ้วย และดูพรีเมียมกว่าเดิม
ตัว Body เป็นแบบ Powder Coated แบบเดียวกับ DF-83 V2
สรุปแล้ว จุดเด่น ของ NZR-64 Gen 2 คือ ใช้ง่าย บดเร็ว ค้างน้อย ไม่ต้องปั๊ม Workflow ดีเยี่ยม บดลงด้าม Portafilter ได้โดยตรง เฟืองบดที่ติดมาจากโรงงาน ( DF Stock Burr ) ให้รสชาติเหมาะกับ Modern Espresso มากขึ้น
เครื่องบดแต่ละรุ่นมีแคแรคเตอร์ที่เหมาะสมกับ บาริสต้าที่ไม่เหมือนกัน
จากหลักการของมอเตอร์ด้านบนทำ ให้ DF-64 V มักจะเหมาะกับ บาริสต้าระดับ Professional ที่มีความรู้ความเข้าใจในการเล่นรอบการหมุนเพื่อให้ได้รสชาติของเมล็ดกาแฟตามที่ต้องการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ใช้เมล็ดกาแฟพิเศษแบบคั่วกลางหรือคั่วอ่อนเป็นหลัก เครื่องบดแบบปรับรอบได้จะช่วยรีดศักยภาพหรือรสชาติของเมล็ดกาแฟได้ดียิ่งขี้น
ส่วน NZR-64 Gen 2 ถูกออกแบบ ให้เป็นเครื่องบด Single Dose สำหรับบาริสต้าทั่วๆไป ใช้งานง่าย บดได้เร็ว ดูแลรักษาง่าย เหมาะกับบาริสต้ามือใหม่ หรือผู้ที่ใช้เมล็ดกาแฟคั่วกลาง คั่วเข้มที่ไม่ได้ซีเรียสเรื่องการปรับรอบการบด
การเลือกเฟืองบดให้เหมาะสม ขึ้นอยู่กับเมล็ดกาแฟที่ใช้กับ สไตล์เอสเพรสโซที่ชอบ
ใน NZR-64 Gen 2 เราแบ่งเฟืองบดออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ดังนี้
เฟืองบดสาย Body / Texture ได้แก่เฟืองบดสาย Italian Espresso เป็นเฟืองบดที่ผลิตจากผู้ผลิตในอิตาลี ได้แก่ Italmill Harden steel (อายุการใช้งาน 300-400 kgs เหมาะกับผุ้ที่ใช้งานในบ้านหรือใช้น้อยใช้งานไม่หนักมาก ) กับ DVG Redspeed (อายุการใช้งาน 1,000-1,500 kgs เหมาะกับผู้ที่ใช้งานปานกลางหรือใช้ในร้านกาแฟ ) เฟืองบดแบบนี้จะใช้ได้ดีกับกาแฟผสมนม หรือ ชอตเอสเพรสโซในแบบ Classic Italian Espresso เหมาะสำหรับเมล็ดกาแฟโทน ชอคโกแลต Nutty หรือ Caramel ราคา 12,900-14,900-
เฟืองบดสาย Balance ที่ให้ Flavour Clarity เพิ่มขึ้นแต่ยังให้ Body / Texture ที่ดีในระดับนึง เหมาะกับกาแฟแนว Modern Espresso ที่ให้ความสำคัญกับ Flavour Clarity ที่มากขึ้น เฟืองบดในกลุ่มนี้คือ DF-DLC Original , DF stainless ( DF-SS) ราคา 12,900-13,900-
เฟืองบดสาย Flavour Clarity เน้น Flavour เป็นหลัก Body เป็นรอง ได้แก่ SSP Unimodal Multipurpose , SSP Labsweet V.2 บดได้ดีทั้ง Espresso และ Filter และ SSP Espresso High Uniformity เหมาะสำหรับ Espresso เป็นหลัก ราคา 16,900-
Zentis ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการในการเป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายเครื่องบด DF-64 , DF-64 V และ DF-83 แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย (ดูหนังสือรับรองการแต่งตั้ง Official Authorized Distributor ของโรงงาน)
ในรุ่นNZR-64 Gen 2 ทางโรงงานผู้ผลิตได้ปรับเปลี่ยนเฟืองบดจากเดิมใช้ เฟืองบดจากโรงงาน Italmill Grinding Technology SRL มาเป็นเฟืองบด ที่โรงงานได้พัฒนาขึ้นมาเองกับผู้ผลิตเฟืองบดในประเทศจีน และเคลือบด้วย DLC ( ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี้) ซึ่งก็ได้มีการ รีวิวจาก กูรูในต่างประเทศและได้รับ Feedback ที่ค่อนข้างดีมาก ว่า ให้รสชาติที่คล้ายคลึงกับ เฟืองบด SSP Espresso High Uniformity Redspeed สามารถดูข้อมูลอ้างอิงได้ใน ภาคผนวก
การปรับรอบการหมุนเฟืองบด ( RPM adjustment ) จะมีผลโดยตรงต่อ Particle Size Distribution แต่จะมีมากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับเมล็ดกาแฟของแต่ละคน และรายละเอียดปลีกย่อยของตัวเครื่องบด บางคนพบว่า รอบบดต่ำ (800- 1000 rpm) ผงกาแฟจะมีความสม่ำเสมอมากขึ้น หรือบางคนพบว่า รอบบดที่สูงจะทำให้มีสัดส่วนผงละเอียดเพิ่มขึ้น ซึ่งบางคนก็ชอบแบบรอบต่ำ บางคนก็ชอบแบบรอบสูง ฉะนั้น RPM adjustment จึงเป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้เราสามารถสร้างความหลากหลายในรสชาติได้มากขึ้น ส่วนรอบต่ำหรือรอบสูงอันไหนจะดีกว่า ก็คงจะเป็นความชอบของแต่ละบุคคลกันไป
อย่างไรก็ตาม การบดรอบต่ำลง จะมีส่วนช่วยลดไฟฟ้าสถิตย์ที่เกิดจากการเสียดสีของเฟืองบดกับเมล็ดกาแฟ และจะช่วยลดสัดส่วนของผงละเอียด ในการบดหยาบๆ สำหรับ กาแฟ Filter
Zentis NZR-64 Gen 2 รับประกัน 1 ปีแบบซ่อมศูนย์ โดยลูกค้าจะต้องส่งเครื่องมาที่ ศูนย์บริการ Zentis ศรีนครินทร์ (เงื่อนไขการรับประกันเป็นไปตามเงื่อนไขที่ระบุในใบรับประกันเท่านั้น)
เครื่องบด Zentis NZR-64 Gen 2 ทุกเครื่องจะต้องผ่านการตรวจสอบและ ตั้งศูนย์การหมุนของเฟืองบด ( Alignment Setting) ในลักษณะคล้ายๆกับการตั้งศูนย์ถ่วงล้อรถยนต์ และทำการ Calibrate เบอร์บดให้เริ่มจากจุดที่เฟืองเริ่มสัมผัสกัน ( Zero Touch Point ) ที่เบอร์ 0 เพื่อความสะดวกและง่ายต่อการใช้งาน
ทางโรงงานผู้ผลิตเครื่องบด DF-64 V และ DF ทุกรุ่น แจ้งว่าไม่รู้จักเฟืองบด SSF ไม่พบว่ามีเฟืองบด SSF อยู่ในสารบบทั้งใน ยุโรปและ USA คาดว่าน่าจะเป็นชื่อแบรนด์เฟืองบดในประเทศจีน สามารถดูข้อมูลอ้างอิงได้ใน ภาคผนวก