บันทึกซาดิสต์ บันทึกชีวิตจริงของลูกผู้ชายคนหนึ่งตั้งแต่อายุ 12 - 35 ปี

แต่งโดย จอม

เรื่องเริ่มจากการที่ผมต้องย้ายโรงเรียนตามพ่อ พอจบ ป.6 ก็ต้องย้ายไปอยู่ชั้น ม.1 อีกโรงเรียนหนึ่ง และโรงเรียนแห่งนั้นนั่นเองเป็นเหมือนฉากแรกในชีวิตที่ทำให้ผมพบกับอารมณ์ ชายรักชายและอามรมณ์แนวซาดิสต์ เรียกได้ว่าตกไปอยู่ในภวังค์ของมันก่อน ก่อนที่จะเข้าใจว่ามันคืออะไรหลังจากนั้นอีกหลายปี

จะโชคดีหรือโชค ร้ายก็ไม่ทราบ ที่ทำให้ผมพบกับประสบการณ์แบบนี้ตั้งแต่ ม.1 – ม.6 คือมีเรื่องแบบนี้ทุกปี ติดตามไปจนถึงขั้นมหาวิทยาลัย ทั้ง ป.ตรี และ ป.โท จวบจนทำงานและเข้ามาสู่โลกของเน็ต ผมก็ยังพบประสบการณ์แบบนี้อยู่ ตอนแรกก็ออกจะกล้าๆ กลัวๆ แต่ตอนนี้คิดว่าผมเข้าใจอารมณ์ของมัน

โรงเรียนที่ผมเข้าเรียนตอน ม.1 เป็นโรงเรียนสห มีทั้งผู้ชายและผู้หญิง การมีทั้งสองเพศในโรงเรียนนี้ทำให้ความซาดิสต์ถูกขับเน้นมากขึ้น เพราะมันจะเกิดขึ้นแต่กับนักเรียนชายเท่านั้น มันจะไม่เกิดขึ้นกับนักเรียนหญิงเลย และสภาพโรงเรียนเองก็เป็นใจซะด้วย

โรงเรียน นี้มีบริเวณที่กว้างมาก ตัวอาคารเรียนจะอยู่เฉพาะด้านหน้า หลังจากนั้นก็จะถูกคั่นด้วยโรงอาหารและสนามฟุตบอลที่มีสภาพดีหน่อย ถัดไปจะเป็นส่วนหย่อม (ซึ่งเหมือนเป็นตัวกั้นที่ดี) ถัดไปก็จะเป็น สนามหญ้าที่ใช้เล่นบอลได้ ซึ่งกว้างมาก และปิดท้ายหลังโรงเรียนก็จะเป็น แปลงเกษตร โรงฝึกงานต่างๆ บ้านพักคนงาน โดยปกติพื้นที่ถัดจากส่วนหย่อมไป มักจะไม่ค่อยมีใครเข้าไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลากลางคืน

หลังจาก บรรยายสภาพของโรงเรียนแล้ว เรามาดูถึงบรรยากาศการเปิดเทอมวันแรกกันดีกว่า ห้องของผมคือห้อง ม. 1/1 ซึ่งมีนักเรียนประมาณ 40 คน เป็นผู้ชายสักครึ่งห้อง วันนั้นเป็นวันแรกที่ผมและเพื่อนๆ ได้เจออาจารย์ประจำชั้น แกเป็นผู้ชายอายุประมาณ 35 ปี เป็นคนตัวใหญ่ ท้วมๆ หน่อยแต่ไม่ถึงกับอ้วน แกชื่ออาจารย์สมศักดิ์ อาจารย์สมศักดิ์เป็นคนที่มีหน้าตาดี แต่ที่ทุกคนดูออกคือ แกเป็นคนที่ดุ

นอกจากอาจารย์สมศักดิ์จะเป็น อาจารย์ประจำชั้นของผมแล้ว แกยังมีอีกหลายตำแหน่ง และทุกตำแหน่งบ่งบอกถึงการมีบุคลิกที่น่าเกรงขามของแก ในโรงเรียนนี้แกเป็นทั้ง อาจารย์ฝ่ายปกครอง อาจารย์พละ และอาจารย์ที่ดูแลเกี่ยวกับลูกเสือ วันที่เจอแกครั้งแรกในห้องเรียน ผมแค่รู้สึกเกรงๆ แก เพราะแกมีบุคลิกที่น่าเกรงขามมาก แกมักจะไม่ยิ้ม แต่ถ้าจะต้องยิ้ม ก็มักจะเป็นรอยยิ้มโหดๆ ที่แฝงนัยยะแปลกๆ

สิ่งแรก ที่ผมสัมผัสได้ถึงอารมณ์แห่งความซาดิสต์และอารมณ์แบบชายรักชาย มาจากการมองเห็นและการสังเกต ก่อนที่จะเจอกับตัวเอง ครั้งแรกเลยก็คือวันที่สองของการมาโรงเรียน จำได้ว่ากำลังเรียนวิชาในช่วงเช้า ผมเกิดปวดฉี่ก็เลยขออาจารย์ประจำวิชาออกไปห้องน้ำ ตอนนั้นผมเรียนที่ชั้น 3

พอเดินออกไป กำลังจะตรงไปที่ห้องน้ำ ผมมองเห็นไกลๆ เห็นนักเรียนชายกำลังใช้มือจับขอบระเบียง โดยมีอาจารย์สมศักดิ์ยืนอยู่ข้างๆ ที่น่าแปลกคือ นักเรียนชายคนนั้นไม่ได้สวมเสื้อ ผมเห็นเสื้อของเขากองอยู่ที่พื้น เขาน่าจะเป็นรุ่นพี่ของผม เพราะดูโตกว่าผม คือเป็นเด็กที่กำลังแตกเนื้อหนุ่ม รูปร่างค่อนข้างหนา ที่ผมเห็นเต็มสองตาก็คือ แผ่นหลังกว้างและดูแกร่ง มารู้ที่หลังว่าเขาเป็นนักกีฬาของโรงเรียนด้วย หน้าตาก็หล่อเอาการ

ขณะ ผมเดินผ่านดูเหมือนอาจารย์สมศักดิ์กำลังยืนด่าเขาอยู่ ผมไม่รู้ว่าเขาทำผิดอะไร แต่พอรู้ว่านักเรียนหนุ่มหน้าหล่อคนนั้นกำลังถูกลงโทษ ผมเดินผ่านแบบแกล้งไม่สนใจ คล้อยหลังไปนิด ผมหันกลับไปดู เห็นอาจารย์สมศักดิ์ ใช้ฝ่ามือฟาดไปที่หลังของเขา เสียงดังแบบสะใจมาก นักเรียนชายคนนั้นแสดงสีหน้าเจ็บปวดนิดหน่อย อาจารย์สมศักดิ์ยังใช้มือฟาดไปที่หลังเขาอีก 2-3 ทีติดต่อกัน

มุมที่ผมยืนอยู่พอจะมองเห็นว่าท่อนลำของนักเรียนชายคนนั้นนูนเด่น เห็นชัดมาก ผมคาดว่าเขาไม่น่าจะใส่กางเกงใน ผมรีบหันกลับทันที เมื่อเห็นว่าอาจารย์สมศักดิ์เริ่มสังเกตเห็นผม ผมรีบเดินตรงไปเข้าห้องน้ำ ที่อยู่สุดมุมตึก ขณะล้างหน้า ผมคิดถึงภาพที่เห็นเมื่อตะกี้นี้ ผมรู้สึกว่าทำไมอาจารย์สมศักดิ์โหดจัง

ขณะที่ผมเดินออกมาจากห้องน้ำ ภาพที่ผมเห็นคือ นักเรียนชายคนนั้นนอนคว่ำ เขาเอามือประสานไว้ที่ด้านหลัง แล้วกำลังเอาหน้าอกเปลือยเปล่าค่อยๆ แถกตัวมาทางห้องน้ำ โดยมีอาจารย์สมศักดิ์เดินตามมา ในมือแกถือไม้เรียวขนาดเขื่องมาด้วย

ผมรีบหลบเข้าไปในห้องน้ำ และรู้สึกมากกับภาพที่เห็น มันดูโหดในสายตาของผม แต่อีกแง่หนึ่งมันก็ดึงดูด ผมรู้สึกว่า น้องชายของผมมันค่อยๆ แข็งตัวขึ้นอย่างช้าๆ ตอนนั้นผมยังแปลกใจมากว่าทำไมผมถึงมีอารมณ์แบบนี้ มันเป็นอารมณ์ที่อยากชักว่าวขึ้นมาอย่างกะทันหัน แต่มันก็คงเป็นไปไม่ได้

ผมได้ยินเสียงของอาจารย์สมศักดิ์อยู่ใกล้ๆ แกเหมือนกำลังด่านักเรียนชายคนนั้นอยู่ ผมได้ยินแต่เสียงเพราะยังหลบอยู่ในห้องน้ำ จนในที่สุดผมก็ตัดสินใจเดินออกมา และผมก็เห็นภาพของนักเรียนชายคนนั้นนอนหงาย แต่มือของเขายังประสานอยู่ด้านหลัง ตอนนี้เขาจึงนอนทับมือตัวเอง คาดว่าอาจารย์สัมศักดิ์น่าจะสั่งให้เขาพลิกตัวจากท่าเมื่อกี้ ผมสังเกตเห็นทราย และฝุ่นเปรอะตามกางเกง หน้าท้องและบริเวณหน้าอกของเขาไปทั่ว เขาในขณะนั้นดูเซ็กซี่มากในสายตาของผม

การที่เขานอนทับมือแบบนั้นมันทำให้หน้าอกของเขาดูโดดเด่นขึ้นมา และในขณะนั้นอาจารย์สมศักดิ์ กำลังเหยียบอยู่ที่หน้าท้องของเขา แล้วก็เอาไม้เรียวขนาดเขื่อง กดไปที่เป้าของเขา แล้วก็ด่าๆๆๆ ผมรีบเดินออกมาจากที่นั้น แต่ก็ยังจำภาพนั้นได้ดี

คืนนั้นผมนึกถึง ภาพนั้น มันทำให้น้องชายของผมแข็งขึ้นมา จนผมต้องชักมันให้เสร็จ ขณะชักผมนึกแต่ภาพของนักเรียนชายคนนั้นและนึกว่าอาจารย์สมศักดิ์ได้ทำอะไร กับเขาบ้าง ผมสามารถตอบได้ว่ามันทำให้ผมมีความสุข และเหมือนได้ระบายอะไรบางอย่างออกมา

เช้าวันรุ่งขึ้นตอนเข้าแถว หน้าเสาธง ผมก็ได้เห็นอาจารย์สมศักดิ์ จับนักเรียนที่มาสาย แกพูดออกไมค์ด้วย ตอนนั้นมีนักเรียนหญิงมาสายแค่ 1 แถว ส่วนนักเรียนชายมาสาย 7 แถว แกพูดออกไมล์ว่า การลงโทษสำหรับนักเรียนชายจะเอา 7 คูณตามจำนวนแถวที่มากกว่า

หลังจาก พูดออกไมค์เสร็จ แกก็ให้อาจารย์คนอื่นมาอบรมนักเรียนแทน สำหรับนักเรียนหญิง แกแค่ให้ลุกนั่งเพียง 5 ครั้งแล้วปล่อยกลับเข้าแถวเลย ส่วนนักเรียนชายนั้น แกสั่งให้ทั้ง 7 แถวมาเข้าแถวหน้ากระดานยาวเป็นแถวเดียว หลังจากนั้นแกก็สั่งให้ทั้งหมดถอดเสื้อออก สำหรับการลงโทษนักเรียนชายของอาจารย์สมศักดิ์ทุกครั้ง แกจะสั่งให้นักเรียนถอดเสื้อออก แล้วจะสั่งให้ทำอะไรต่อจากนั้นก็อีกเรื่องนึง

วันนั้นพอทุกคนถอด เสื้อออก แกก็สั่งให้ทั้งหมดวิดพื้นพร้อมกัน 20 ครั้ง หลังจากนั้น แกก็สั่งให้ทุกคนนอนหงาย เรียงกัน แล้วก็ให้คนที่อยู่หัวแถวกลิ้งทับเพื่อนๆ ไปทางหางแถว พอกลิ้งไปถึงคนสุดท้ายที่หางแถวแล้ว แกก็ให้นอนหงายต่อ เพื่อรองรับเพื่อนที่กำลังจะกลิ้งมา ผมสังเกตต่อมาว่า ถ้าจะต้องลงโทษนักเรียนชายเป็นหมู่ แกมักจะไม่พลาดท่านี้

หลังจากนั้นแกจึงปล่อยนักเรียนชายกลับเข้าแถว ขณะปล่อยผมเห็นแกดักจับนักเรียนชายกลุ่มหนึ่งให้อยู่ต่อโดยอ้างว่าเมื่อกี้ สังเกตว่าพวกนี้ไม่ค่อยตั้งใจทำ แต่ผมสังเกตว่ารอบใหม่ที่แกจับได้ประมาณ 10 กว่าคนล้วนแล้วแต่เป็นนักเรียนชายที่ตัวสูง มีกล้าม รูปร่างดี และหน้าตาดี แกสั่งให้กลุ่มนี้ไปวิ่งรอบสนามเรียกเหงื่อประมาณ 5 รอบ ก่อนที่จะเอามาลงโทษต่อ และการลงโทษต่อมาคือการจับพวกนั้นไปนอนตาก แดดตรงสนามปูน แกให้นอนหงายสักพัก ก่อนที่จะนอนคว่ำ และที่ขาดไม่ได้คือการเอาไม้เรียวฟาดไปตามลำตัวของนักเรียนพวกนั้นเป็นระยะๆ ผมเห็นแล้วถึงขั้นของขึ้นเลยทีเดียว

หลังจากนั้นผมก็เจอกับแกอีกทีในชั่วโมงสุดท้าย ซึ่งเป็นชั่วโมงของแก แกเดินเข้ามาในห้องและพูดว่า “ทุกคนคงจำได้ ว่าวันนี้เราจะทำความสะอาดห้องกัน จำได้มั้ยว่าครูสั่งให้เอาผ้าขี้ริ้วมาคนละผืน”

พอแกพูดจบผมก็ใจหายเลย เพราะลืมสนิท เพื่อนผู้ชายที่ลืมเหมือนกัน พลางไปเห็นผ้าเก่าๆ หลังห้อง เลยรีบเอามาฉีกแบ่งกัน แต่มันก็ไม่เหลือมาถึงผม

“เอาล่ะ ใครที่ไม่ได้เอาผ้าขี้ริ้วมา ออกมายืนเข้าแถวหน้าห้อง”

ผมเสียวสันหลังวาบกับคำพูดของแก ผมเดินไปบืนหน้าห้องปรากฏว่า มีผมที่เป็นนักเรียนชายคนเดียว ที่เหลืออีก 5 เป็นนักเรียนหญิง

“ถ้าลืมก็ต้องเอาผ้าอะไรก็ได้มาแทนผ้าขี้ริ้ว”

นักเรียนหญิงทั้ง 5 ใจตรงกัน พวกเธอหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นแทนผ้าขี้ริ้ว จึงได้กลับไปนั่งที่ ผมนึกในใจว่าซวยแล้วตู กูไม่มีผ้าอะไรเลย ต้องถูกลงโทษแหงๆ

“นายล่ะมีผ้าอะไรมาแทน”

“ไม่มีครับ” ผมตอบออกไป

แกนิ่งสักพักก่อนจะพูดว่า “เสื้อของมึงไง ถอดเสื้อออก”

ผมงี้อายมากเพราะไม่เคยถอดเสื้อต่อหน้าคนเยอะๆ มาก่อน แต่อารมณ์ขณะนั้น มันก็ต้องทำ ผมถอดเสื้อยืนอยู่หน้าห้อง แกเดินมาหยิบเสื้อจากมือผมแล้วฉีกออกเป็นส่วนๆ แจกจ่ายให้นักเรียนหญิงกลุ่มนั้นทำเป็นผ้าขี้ริ้ว ผมตกใจมาก แล้วจะเอาเสื้อที่ไหนใส่กลับบ้าน เคราะห์ดีที่บ้านอยู่ใกล้โรงเรียน ยังพอเดินกลับไปได้ ถ้าอยู่ไกลคงตายแน่ๆ

จากนั้นแกสั่งว่า “ทุกคนช่วยกันทำความสะอาดห้องให้เรียบร้อย ส่วนไอ้ถอดเสื้อ ตามครูมา”

ผมตกใจกับคำสั่งของแกมาก แกพาผมเดินลงจากตึก และเดินไปทางด้านหลังโรงเรียน ตอนนั้นต้องเดินผ่านคนเป็นจำนวนมาก ผมอายมากที่ต้องเดินถอดเสื้อต่อหน้าคนเยอะๆ แกพาผมมายังโรงฝึกงานเก่าด้านหลังโรงเรียนที่เต็มไปด้วยฝุ่น แกสั่งให้ผมทำความสะอาดที่นี่ไปเรื่อยๆ แล้วก็เดินจากไป โรงฝึกงานก็ใหญ่มาก แต่แกให้ผมทำความสะอาดคนเดียว ผมก็ทำเท่าที่ผมทำได้ ตอนนั้นเริ่มจะมืด แถวนั้นไม่มีคนเดินผ่านเลยแม้แต่คนเดียว เพราะมันอยู่ด้านหลังโรงเรียนที่ไกลจากด้านหน้ามากๆ ตอนนั้นผมกลัวมาก ไม่รู้ว่าต่อไปอะไรจะเกิดขึ้น

ครู่ใหญ่ อาจารย์สมศักดิ์ก็เดินกลับมา แกทำท่าไม่พอใจเป็นอย่างมาก หาว่าผมไม่ตั้งใจทำความสะอาด ตะโกนด่าว่าผมใหญ่พร้อมกับลงท้ายว่า

“กูต้องลงโทษมึงให้หลาบจำ มึงจะได้จำไม่ลืมไปทั้งชาติ”

และมันก็จริงอย่างที่แกบอก เพราะผมยังจำได้จนมาถึงวันนี้

“วิดพื้นไป 20 ที”

ผมทำตามที่แกบอก ตั้งใจวิดอย่างดี แต่พอทำเสร็จแกกลับกล่าวหาว่าผมไม่ตั้งใจทำ

“ไอ้นี่วอนซะแล้ว ให้วิดพื้นก็ไม่ตั้งใจทำ อย่างนี้มึงต้องโดนเฆี่ยน”

ผมตกใจมากกับคำพูดของแก

ในมือแกถือไม้เรียวด้ามใหญ่มาพร้อม

“กางเกงมึงหนามาก ถอดกางเกงออก”

ผมตกใจมาก เพราะไม่เคยต้องถอดกางเกงต่อหน้าใคร

“มึงไม่รีบถอดเดี๋ยวเจอหนักกว่านี้นะ”

ผมจำยอมต้องทำตามแกด้วยความตื่นเต้น และเสียว พอถอดกางเกงออกแกให้ผมยืนหันข้าง กอดอก เพราะแกจะตีก้น

แต่น้องชายเจ้ากรรมมันตื่นเต้นซะจนแข็งขึ้นมา ผมกล้วมากและเสียวมากด้วย

ขณะที่ผมกอดอกแน่น สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น แกดึงกางเกงในของผมลงมาและปลดปล่อยน้องชายผมให้เป็นอิสระ ผมทั้งอาย ทั้งเสียว ทั้งตื่นเต้นมากๆ มันเป็นประสบการณ์ครั้งแรกที่บอกไม่ถูก แกยังไม่แตะต้องน้องชายของผม แกตีก้นเปลือยๆ ของผมไป 3 ที แกตีแรงมาก ผมคิดว่าก้นผมต้องเป็นรอยแน่ๆ หลังจากนั้น แกก็จ้องมาที่น้องชายของผม แกเอาไม้เรียวมาสีที่น้องชายของผม

“เจอแบบนี้มึงยังจะแข็งอีกเหรอ แบบนี้เขาเรียกว่าลองดีกับกู”

ตอนนั้นผมก็ไม่รู้ มันแข็งเองนี่นา ช่วยไม่ได้ แกสั่งให้ผมเอามือประสานไว้ที่ท้ายทอย ตอนนี้แกบอกว่าจะไม่ตีก้นผมแล้ว แกจะตีน้องชายผมแทนเป็นการสั่งสอน ผมตกวจมากกับคำพูดของแก

“ยืนดีๆ กลับแข็งไม่เลือกที่ มึงจะต้องเจอแบบนี้”

แทนที่จะใช้ไม้เรียวตี แกกลับใช้มือแกตีมาที่น้องชายของผมที่กำลังแข็งโป๊ก ผมรู้สึกเจ็บมาก แกใช้มือตีมาที่น้องชายผมหลายที ยิ่งตีก็ยิ่งแข็ง

พอแกเห็นผมรู้สึกเจ็บ แกก็บอกว่า “เจ็บเหรอ งั้นจะนวดให้เอาบุญ”

แกเอามือมาบีบน้องชายของผมไปมา ตอนแรกก็เหมือนบีบนวด แต่ต่อมา แกก็ชักเข้าๆ ออกๆ ผมตกใจมาก ไม่รุ้ว่าแกกำลังจะทำอะไร ตอนนั้นเพิ่งเริ่มหนุ่ม อายุ 11 -12 ยังชักว่าวไม่เป็นด้วยซ้ำ และผมก็ไม่รุ้ด้วยว่าแกกำลังชักว่าวให้ผม

แกชักไปมาเร่งจังหวะให้เร็วขึ้น จนผมรู้สึกเสียวซาบซ่านแบบแปลกๆ อย่าลืมว่านั่นเป็นครั้งแรกของผม และมันก็เป็นส่วนหนึ่งของการลงโทษ แกชักอย่างแรงจนมันเสียวซ่านมาก ขณะที่มือขวาของแกชักให้ผม แกเริ่มใช้มือซ้ายฟาดหลังของผมไปด้วย ผมทั้งเจ็บ ทั้งเสียว มันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูกทีเดียว ตอนนี้ตรงหัวควยของผมเสียวซ่านอย่างมากและอีกพักเดียวน้ำผมก็แตกเต็มมือของอาจารย์

มันเป็นการหลั่งครั้งแรก และมันก็ออกมาเยอะมากและมันก็รู้สึกเสียวมากๆ หลังจากนั้นแกกำจัดน้ำกามของผมด้วยการเอามาละเลงหน้า มันเยอะจนเยิ้มถึงอก แกก็เลยละเลงอกไปด้วย ความรู้สึกของผมตอนนั้นก็คือ มันบอกไม่ถูกอ่ะครับ บอกได้คำเดียวว่า “ความเจ็บกับความเสียวเป็นสิ่งเดียวกันนับแต่นั้น”

วันนั้นผมลืมไม่ลงจริงๆ หลังจากนั้นผมต้องเดินกลับบ้านและไม่สวมเสื้อ ผมรู้สึกอายนะ แต่มันก็ทำอะไรไม่ได้

ผมบอกที่บ้านไปว่าแวะถอดเสื้อเล่นบอลกับเพื่อน พอเล่นเสร็จก็ไม่รู้ว่าเสื้อหายไปไหนแล้ว เคราะห์ดีที่พ่อกับแม่ไม่ซักมาก

หลังจากนั้นผมรู้สึกว่าผมเริ่มพิสมัยการลงโทษ และเริ่มเรียนรู้อะไรที่มันต่างออกไป

หลังจากนั้นอาจารย์สมศักดิ์พักจากการยุ่งกับผมไปบ้าง แต่ผมก็ดันไปแอบเห็นแกหาเรื่องพี่เดช พี่เดชเป็นศิษย์เก่าของโรงเรียน พอจบ ม.3 ก็ไม่รู้ว่าจะไปทำอะไร พ่อแม่พี่เดชจึงฝากให้เป็นเด็กคนงานที่โรงเรียน คอยช่วยล้างรถโรงเรียน และทำงานจิปาถะทั่วๆ ไป และก็นอนค้างที่โรงเรียนด้วยแต่เคราะห์ร้าย (หรือเคราะห์ดีก็ไม่ทราบ) ที่ผู้อำนวยการโรงเรียนให้อาจารย์สมศักดิ์เป็นเหมือนกับหัวหน้าของพี่เดช และแกมักจะหาเรื่องพี่เดชอยู่เป็นประจำ

ทางฝ่ายพี่เดชเอง ผมก็คิดว่าแกน่าจะชอบ แกเป็นผู้ชายที่หล่อมากๆ หน้าตาคม ผิวขาว และก็ตัวล่ำมาก เพราะช่วยพ่อขนของที่ตลาดตั้งแต่ยังเด็ก และก็ชอบชกมวยด้วย ครั้งแรกที่ผมเห็นอาจารย์สมศักดิ์ หาเรื่องพี่เดชแล้ว บอกได้คำเดียวว่าโหด มันส์ และก็เถื่อน

ตอนนั้นเย็นมากแล้ว พี่เดชกำลังเช็ดรถบัสของโรงเรียนอยู่ เขานุ่งกางเกงยีนส์ขาสั้นตัวเดียว ข้างๆ มีถังน้ำที่มีฟองผงซักฟอกอยู่เต็ม พี่เดชใช้ผ้าชุบน้ำผงซักฟอก เช็ดรถบัสโรงเรียนอยู่ เนื้อตัวแกเปื้อนฟองผงซักฟอกประปราย ดูเซ็กซี่มาก ตอนนั้นผมแอบอยู่ในห้องเรียนที่ติดกับโรงรถ และมีเจตนาแค่อยากแอบดูพี่เดชโดยไม่รู้ว่าอาจารย์สมศักดิ์จะเดินเข้ามาหาเรื่องในตอนนั้น

ผมแอบดูพี่เดชสักพัก อาจารย์สมศักดิ์ก็เดินเข้ามา แล้วด่าว่าพี่เดชต่างๆ นานาว่าทำไมยังเช็ดรถไม่เสร็จ พี่เดชกำลังจะตอบ แต่ยังไม่ทันตอน ก็โดนตบหน้าอย่างแรงจนหน้าหัน แต่พี่เดชก็หันหน้ามาหาแกทุกครั้ง แล้วอาจารย์สมศักดิ์ก็ตบหน้าไปอีกหลายฉาดจนหน้าหล่อๆ ของพี่เดช ขึ้นรอยมือของแกชัดทั้งห้านิ้ว เท่านั้นยังไม่พอ แกยังให้พี่เดชเอามือทั้งสองข้างวางบนรถ แล้วเอาผ้าขี้ริ้วเปื้อนแฟ้บ ฟาดไปที่หลังของพี่เดช พอใช้ผ้าสักพักก็หันมาใช้มือทุบหลังแทน ทุบไปกลางหลังแบบเต็มๆ

ปิดท้ายด้วยการให้พี่เดชหันหน้ามาหาแก แล้วแกก็ชกไปที่หน้าท้อง 2-3 ที พร้อมกับหยิบถังน้ำสาดไปที่พี่เดชจนหมด แล้วสั่งให้พี่เดชไปแบกน้ำมาใหม่ พี่เดชเองก็ไม่ปริปากสักคำ ยอมรับการลงโทษแต่โดยดี และนั่นไม่ใช่การลงโทษที่หนักสุดที่พี่เดชเคยเจอ

ผ่านไป 2 อาทิตย์ ผมเจอเล่นอีกในวิชาเราขาคณิต ลืมบอกไปว่านอกจากอาจารย์สมศักดิ์จะดูแลลูกเสือ ช่วยสอนพละ แกก็ยังสอนเรขาคณิตด้วย และชั่วโมงนั้น ผมก็เจอแกเล่นแบบที่ไม่ได้คาดคิดมาก่อน

เรื่องเริ่มด้วยการที่แกเน้นว่าห้ามนักเรียนคนใดลืมเอาหนังสือเรียนวิชาเราขาคณิตมา ถ้าใครลืมเอามาจะโดนลงโทษอย่างหนักตลอดชั่วโมง โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักเรียนชาย ทุกคนที่ได้ฟังก็หนาวไปตามๆ กัน แต่ที่ตกใจมากก็ตอนที่แกบอกว่า “ถ้าพวกเรานึกไม่ออกว่า คนที่ลืมเอาหนังสือเรียนมาจะโดนลงโทษยังไง งั้นวันนี้ครูจะลงโทษให้ดูเป็นตัวอย่าง”

ได้ฟังแล้วผมของขึ้นเลย การลงโทษให้ดูเป็นตัวอย่างอีก โคตรซาดิสต์เลย

“เอาใครดีล่ะ เอานายจอมก็แล้วกัน”

โห ผมงี้หนาวเลย บอกได้คำเดียวว่า เสียวสันหลังวาบ แต่ผมจำต้องเดินออกไปหน้าห้อง แล้วโดยลงโทษเพื่อเป็นตัวอย่าง

“ถอดเสื้อออก แล้วไปยืนข้างๆ ห้อง”

นึกแล้วว่าต้องโดนสั่งแบบนี้ ผมรีบถอดเสื้อแล้วไปยืนข้างๆ ห้อง แต่ยังอยู่แถวๆ หน้ากระดานดำ สมัยนั้นโรงเรียนยังใช้ชอล์กกับกระดานดำอยู่ ก่อนอื่นแกจะลบกระดาน เพราะวิชาก่อนหน้า มีคนเขียนไว้เต็มกระดาน ถ้าเป็นอาจารย์คนอื่น ก็จะเอาแปลงลบกระดานไปเคาะที่หน้าต่าง แต่วันนั้นแกเดินมาที่ผม แล้วเอาแปลงลบกระดานมาเคาะที่หน้าอกของผม

ผมทั้งเจ็บและหน้าอกก็เต็มไปด้วยฝุ่นชอล์ก เสร็จแล้วแกก็ใช้มือละเลงฝุ่นชอล์กไปทั่วหน้าอกและหน้าท้องของผม

แกหันไปสอนสัก 10 นาที แกก็บอกว่าผมยืนไม่ตรง แกเดินไปหยิบที่หนีบกระดาษสีดำมาหนีบที่หัวนมของผมทั้งสองข้าง

เพื่อนๆ ต่างส่งเสียงซี๊ดเพราะเจ็บแทนผม การอยู่ในสภาพแบบนี้ต่อหน้าเพื่อนทั้งห้อง มันทำให้ผมรู้สึกว่า ผมโดนกระทำอย่างป่าเถื่อน แต่พอผมรู้สึกแบบนั้นท่อนลำของผมก็ค่อยๆ แข็งขึ้นเรื่อยๆ และที่ไม่คาดคิดมาก่อนว่าผมจะโดนก็คือ พอแกสอนอีกสัก 10 นาที แกมีชาร์ตที่จะให้เด็กดู มันเป็นชาร์ตที่ทำด้วยผ้า แต่มีไม้เป็นขอบหัวท้าย ด้านบนแกทำตะขอเกี่ยวไว้ 2 ตัวห่างกันพอประมาณ

แกบ่น “ห้องนี้ไม่มีตะปูเลย แล้วจะกางชาร์ตให้ดูยังไงเนี่ย”

แกยิ้ม “นึกออกแล้ว นายจอมมายืนบนโต๊ะซิ”

แกให้ผมไปยืนบนโต๊ะของนักเรียนแถวหน้า ตอนนั้นผมยังงงๆ อยู่ว่าแกให้ผมยืนทำไม แต่แล้วแกก็เอาตะขอมาเกี่ยวตรงที่จับของที่หนีบกระดาษสีดำ ทั้งสองข้าง ทำให้หัวนมของผมที่เจ็บจะแย่อยู่แล้ว จะต้องมารับน้ำหนักของชาร์ตเพื่อให้เพื่อนๆ ในห้องเห็นกันชัดๆ อีกด้วย ผมพอจะรู้ว่าแกต้องการเชือดไก่ให้ลิงดู แล้วมันก็ได้ผลชะงัก เพราะเพื่อนๆ ต่างหน้าเสียไปตามๆ กัน ที่เห็นแกลงโทษผมแบบนั้น พอสอนชาร์ตแผ่นนั้นเสร็จ แกให้ผมลงจากโต๊ะไปยืนข้างๆ ห้องเหมือนเดิม แต่ไม่ยอมปลดชาร์ตออกจากหน้าอกของผม

ผมต้องยืนในสภาพนั้นจนแกสอนเสร็จ แกจึงมาเอาชาร์ตและที่หนีบหัวนมออกจากตัวผมและยอมให้ผมใส่เสื้อได้ แกมองหน้าผมเหมือนรู้ว่าผมคิดอะไรอยู่

และเหตุการณ์สำคัญในชั่วโมงลูกเสือก็มาถึง เมื่อมีนักเรียนชายไม่ได้ใส่ชุดลูกเสือเป็นจำนวนมาก และแกก็กะจะลงโทษให้หลาบจำ แต่สิ่งที่ผมไม่เคยคาดคิดมาก่อนคือแกหาเรื่องว่าผมใส่ชุดลูกเสือไม่เรียบร้อย ทั้งๆ ที่ผมว่าผมแต่งเรียบร้อยแล้วนะ ที่แย่ไปกว่านั้นคือการจับผมไปลงโทษในกลุ่มเดียวกับนักเรียนชายที่ไม่ได้ใส่ชุดลูกเสือมาเลย และคำสั่งแรกแกให้นักเรียนชายทั้งหมดถอดเสื้อออก และแบ่งเป็น 8 กลุ่มๆ ละ 10 คน ผมเลยไม่รู้ว่าแต่ละกลุ่มโดนอะไรกันบ้าง แต่กลุ่มผม ชุดแรกเจอให้กลิ้งไปบนถนนปูนร้อนๆ ก่อนจะให้แต่ละคนใช้หน้าอกค่อยๆ แถกตัวเองไปกับถนนปูน

หลังจากนั้น แกให้จับคู่ 4 แล้วให้นอนกอดกันแล้วกลิ้งไปด้วยกันบนถนน ให้แข่งกันด้วย แกบอกว่าใครกลิ้งเข้าที่ 1 กับ 2 จะปล่อย ส่วนที่ 3 กับ 4 จะลงโทษต่อ เคราะห์ร้ายที่คู่ของผมเข้าที่ 3

ผมกับเพื่อนอีก 4 คนจึง ถูกลงโทษต่อ โดยสั่งให้โดดกบขึ้น – ลงบันได ผมทำไม่ค่อยถนัด เกือบตกอยู่หลายครั้ง แล้วก็เหนื่อยเป็นบ้า หลังจากนั้น พอแกเห็นพวกผมเหนื่อย จึงบอกว่าจะให้แข่งกันอีกเพื่อจะคัดคนพักแค่ 1 คน อีกสามคนจะลงโทษต่อ

สิ่งที่แกจะให้แข่งคือ แข่งกันม้วนหน้า บนสนามหญ้า ผมเองม้วนเร็วมาก เพราะอยากไปพักแล้ว ผมม้วนหน้ามาถึงเส้นชัยเป็นคนแรก ผมดีใจมาก แต่แกดันบอกว่าให้คนที่โหล่ไปพัก แกบอกว่าไม่ได้บอกนี่ว่าจะให้คนชนะพัก คราวนี้แกอยากให้คนแพ้ได้พัก คนที่เข้าที่สี่เลยโชคดีไป

ต่อมาแกให้พวกผมมายืนเป็นวงกันสามคน สิ่งที่แกสั่งให้ทำก็คือ ให้เราใช้มือไปบีบหัวนมคนที่อยู่ข้างเราทั้งสองคน เมื่อบีบแล้วต้องบีบให้แรง ใครบีบไม่แรงเจอดี เพื่อนสองคนบีบหัวนมผมแรงมาก ผมเองก็บีบเพื่อนแรงเหมือนกัน

เราบีบกันอยู่นานมาก จนเราแทบจะทนไม่ไหว แกจึงบอกให้พอและการลงโทษชุดสุดท้ายก็มาถึง และมีแค่เรา 3 คนเท่านั้นที่โดน ผมถามกลุ่มอื่น เขาก็ไม่เห็นลงโทษกันหนักเลย มีแต่กลุ่มผมนี่แหละที่อาจารย์สมศักดิ์มาคุมเอง

แกสั่งเราสามคนให้ไปตรงสนามโคลน แกสั่งให้พวกเราเอามือประสานไว้ที่ด้านหลัง แล้วค่อยๆ แถกตัวลงไปในโคลน ตอนนั้นหน้าฝน สนามบอลเลยกลายเป็นสนามโคลน พวกเราแถกตัวกันไป เนื้อตัวเปรอะโคลนกันเต็มไปหมด พอแกปล่อยพวกเราแล้ว พวกเราก็ไปล้างตัวกันในห้องน้ำ พอดีมีก๊อกที่ใช้ได้แค่สองก๊อก ผมก็เลยให้เพื่อนสองคนล้างตัวก่อน ตอนนั้นผมแอบเห็นว่าอาจารย์สมศักดิ์เรียกรวมลูกเสือทุกกองทุกหมู่เข้าห้องประชุม

ผมคิดว่าพวกผมอยู่นี่คงไม่เป็นไร เพราะไม่อยากเข้าไปในห้องประชุมแล้ว เพื่อนสองคนล้างตัวเสร็จก็แต่งตัวกันเรียบร้อย ผมเองจึงล้างตัวบ้าง ผมใช้วิธีก้มตัวไปที่อ้างล้างหน้า แล้วควักน้ำค่อยๆ ล้างตัว พอดีเห็นมีสบู่วางอยู่ พอล้างโคลนเสร็จ ผมก็หยิบสบู่มาฟอกตามตัวเพราะตัวผมเหม็นโคลนมาก

ขณะกำลังฟอกสบู่จนทั่วตัว เป็นเวลาเดียวกับที่อาจารย์สมศักดิ์เดินเข้ามาในห้องน้ำพอดี แกเห็นเพื่อนของผมสองคนแต่งตัวกันเสร็จแล้ว แต่ผมยังมีฟองสบู่อยู่เต็มตัวทั้งหน้าอก หน้าท้อง และเพื่อนสองคนนั้นช่วยกันเอาสบู่ฟอกหลังให้ผมด้วย

ตอนนั้นผมยืนนิ่ง ยังไม่ได้ล้างฟองสบู่ออก อาจารย์สมศักดิ์พูดขึ้น “มาหลบกันอยู่ตรงนี้เอง ไม่ยอมเข้าหอประชุม งั้นทั้งหมดตามมานี่”

ผมรีบบอกแก “อาจารย์ครับ ขอผมล้างสบู่ออกก่อนและใส่เสื้อก่อนนะครับ”

อาจารย์สมศักดิ์หันมามองหน้าผม แกพูดกับผมว่า “ไม่มีเวลาแล้ว ทุกคนจะต้องออกไปจากห้องน้ำเดี๋ยวนี้”

ผมตกใจมาก แกพาผม 3 คนไปยืนรออยู่ข้างเวที เพื่อนอีกสองคนไม่เท่าไหร่หรอก แต่ผมน่ะสิที่กำลังจะแย่ แกเดินขึ้นบนเวทีพูดออกไมค์ว่า “เรามีเพื่อน 3 คนที่แอบหลบอยู่ในห้องน้ำ ไม่ยอมเข้าหอประชุม ช่วงนี้ขอเป็นช่วงประจานหน่อย ทั้งสามคนขึ้นมาบนเวทีเดี๋ยวนี้”

ตอนนั้นผมตื่นเต้นมาก เราสามคนเดินขึ้นไปบนเวที คนทั้งโรงเรียนมองเราสามคนเป็นตาเดียว โดยเฉพาะผมที่โดนมองมากกว่าเพื่อน แกสั่งต่อ “ไอ้ถอดเสื้อตัวเป็นมันนั่น มายืนตรงกลางสิ” แล้วแกก็ด่าผมทั้งสามคนแบบไม่ยั้ง ทิ้งท้ายว่า “ไอ้สองคนไปได้ ส่วนไอ้ถอดเสื้ออยู่ก่อน”

พอปล่อยเพื่อนๆ ออกจากหอประชุมจนหมด แกเรียกผมให้ลงจากเวที แล้วพูดกับผมว่า “เดี๋ยวพวกแม่บ้านเขาจะขัดพื้นหอประชุมกัน เสียดายสบู่บนตัวเอ็งว่ะ งั้นเอ็งกลิ้งบนพื้นหอประชุมไปเรื่อยๆ จนกว่าสบู่บนตัวจะหมดไป”

ตอนนั้นผมทั้งเสียวทั้งอาย คนก็ยังยืนดูกันเต็มไปหมด ผมอายมาก แต่ก็ตื่นเต้นมากเช่นกัน

อีกครั้งที่โดนติดร่างแหไปด้วยคือ ตอนหน้าหนาว สมัยนั้นหน้าหนาวในเมืองไทยหนาวจริงๆ ไม่เหมือนกับสมัยนี้ ยิ่งในจังหวัดที่ผมอยู่ด้วยแล้ว ช่วงนั้นน่าจะสักประมาณ 13 องศา ผมออกจากบ้านด้วยการใส่เสื้อกล้ามชั้นนึง เสื้อยืดข้างในชั้นนึง สวมเสื้อนักเรียนทับ แล้วจึงใส่เสื้อหนาวทับอีกชั้น รวมทั้งหมด 4 ชั้น วันนั้นจำได้ว่าเรียนชั้น 6 คือพอขึ้นไปนี่ลมตึงเลย ตอนนั้นเทอมสองแล้ว ผมยังเรียนเราขาคณิต 2 กับแก

มีช่วงนึงที่แกไม่อยู่ แกสั่งให้หัวหน้าห้องจดชื่อคนที่คุยไว้ พอกลับมา หัวหน้าห้องส่งรายชื่อให้แก น่าแปลกที่เป็นผู้ชายทั้งหมดและน่าแปลกที่มีชื่อผมอยู่ด้วย ทั้งๆ ที่ผมแน่ใจว่าผมไม่ได้คุย แกสั่งเราทั้งห้าคนว่า “เอาล่ะ 5 คนนี้ถอดเสื้อหนาวออก แล้วออกไปยืนหน้าห้อง”

แกจัดให้ผมยืนตรงกลาง ถึงแม้ผมยังมีเสื้ออีก 3 ชั้น แต่ชั้น 6 ลมแรงมาก ลมพัดแรงจนหนาวมาก แกสั่งให้ทุกคนยืนตรง ห้ามคุยกัน แล้วก็เดินจากไป

แต่ผมรู้สึกหนาวมากโดยเฉพาะมือ ผมจึงเอามือใส่เข้าไปในกางเกงและยืนตัวสั่น สักพักผมได้ยินเสียงแกมาจากด้านหลัง “บอกให้ยืนตัวตรงไง”

ผมตกใจแทบแย่ แกมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย ไม่ได้ยินเสียงเลย แกเดินออกมายืนข้างหน้าผม ผมยังจำได้ว่าวันนั้นแกใส่เสื้อวอมสวมทับเสื้อเชิ้ตอีกที

แกสั่งผม “เดินมาข้างหน้าก้าวนึงเด๊ะ” ผมทำตามที่แกบอก

แกถามผม “หนาวมากนักเหรอ”

ผมตอบไปตามความจริง “ครับ หนาวมาก”

“งั้นเหรอ ถ้าหนาวมาก ก็ถอดเสื้อนักเรียนออกสิ”

ผมตกใจกับคำสั่งของแกมาก เห็นผมยังนิ่ง แกจึงทวนคำสั่ง “บอกให้ถอดเสื้อนักเรียนออกไง”

เมื่อแกดึงดัน ผมจึงต้องทำตาม ผมถอดเสื้อนักเรียนออก ตอนนี้ผมเหลือเสื้ออีกสองชั้นคือเสื้อยืดกับเสื้อกล้าม แต่มันก็หนาวมากๆ

แกยังถามผมอีก “ตอนนี้เป็นไงหนาวไหม ตอบดีๆ นะ”

ผมก็ยังตอบไปตามความเป็นจริง “หนาวครับ หนาวมาก”

แกพูด “หนาวเหรอ งั้น ถอดเสื้อยืดออก”

ผมตกใจมาก แต่ก็ต้องทำตาม ตอนนี้เหลือเพียงเสื้อกล้ามตัวเดียวเท่านั้นที่พอจะช่วยผมได้

แกยังถามต่อ “ยังหนาวอยู่ไหม คราวนี้ตอบดีๆ นะ”

ครั้งนี้ผมลองตอบอีกแบบดูบ้าง เผื่อจะดีขึ้น

“ไม่หนาวครับ ตอนนี้ร้อนมากเลย”

แกพูดกับผมว่า “อ้าว ถ้าร้อนแล้วจะใส่เสื้อกล้ามทำไมล่ะ ถอดออกเร็ว”

โห ผมไม่คิดว่าแกจะโหดกับผมขนาดนี้ ผมถอดเสื้อกล้ามออก แต่ยืนกอดอกเพื่อประทังความหนาว

แกสั่งผมต่อ “กางแขนออก” ครั้งแรกผมยังไม่ยอมทำตาม

แกจึงตะคอก “กางแขนมึงออก” ผมจึงทำตาม

แกให้ผมกางแขนเพื่อมห้ลมหนาวปะทะหน้าอกผมอย่างเต็มที่ มันช่างเป็นวันที่โหดร้ายมาก และผมคิดว่าแกเป็นคนที่ซาดิสต์มากจริงๆ แกหายไปในห้องพักครู เห็นแกเอาหัวหน้าห้องไปด้วย พอกลับมาแกสั่งให้เพื่อนอีก 4 คนที่แทบจะหนาวตายแต่พวกเขาก็ยังมีเสื้อตั้งสองชั้นสามชั้นกลับเข้าไปในห้องได้ ผมสังเกตเห็นหัวหน้าห้องถือถาดมา บนถาดมีแก้วน้ำอยู่ 3 แก้ว มีน้ำอยู่เต็ม ดูจากน้ำแล้ว ผมคาดว่าแกคงเพิ่งไปเอาน้ำมาจากตู้เย็น

แกไม่รอช้า และไม่พูดอะไรด้วย แกเอาน้ำแก้วแรกสาดมาที่หน้าผมอย่างที่ผมนึกไว้จริงๆ ด้วย มันเป็นน้ำจากตู้เย็น

แกถามผม “เป็นไงบ้างหนาวไหม”

ผมตอบไปว่า “ไม่ ... หนาวครับ” ตอนนั้นปากเริ่มสั่น

แกบอกว่า “ตอบได้ดีมาก เอาไปอีกแก้ว”

ตอนนี้ไม่สาดมาที่หน้า แต่สาดมาที่หน้าอก

“เป็นไงบ้างรู้สึกดีไหม”

ผมตอบแบบปากสั่น ฟันกระทบกัน

“ดีครับ รู้สึกดีมาก”

แกบอก “เอาล่ะ นี่แก้วสุดท้ายแล้ว”

แล้วแกก็สาดน้ำเย็นจัดมาที่หน้าของผมอย่างจัง เสร็จแล้วแกก็เดินจากไป ทิ้งให้ผมยืนต่ออีกประมาณ 15 นาทีจึงยอมให้ผมเข้าห้องไปใส่เสื้อได้

อีกเรื่องที่ผมสนใจมากคือพี่เดช เด็กคนงานที่อาจารย์สมศักดิ์เป็นคนดูแลอยู่ พี่เดชหุ่นดีมากและก็มีหน้าตาที่เร้าใจมากและถ้าเราไปเดินเล่นหลังโรงเรียนในตอนพลบค่ำ เราอาจเห็นพี่เดชถอดเสื้อทำอะไรสักอย่าง ไม่ว่าจะเป็นออกกำลังกาย เล่นบอล หรือเดินถอดเสื้อรับลม แต่มีอยู่วันหนึ่งที่พิเศษมาก เพราะวันนั้นผมบอกที่บ้านว่าจะกลับดึกเนื่องจากจะต้องทำรายงานกับเพื่อน ผมก็เลยมีเวลามาหลังโรงเรียนตอนค่ำๆ หน่อย คืนนั้นผมแอบเห็นพี่เดชเดินมาในชุดที่นุ่งผ้าขนหนูตัวเดียว ทำให้ได้เห็นแผงอกของพี่เดชที่หนามากๆ และก็มีรูปกล้ามที่สวย ผมคิดว่าพี่เดชคงจะเดินไปอาบน้ำในห้องน้ำ แต่ที่ไหนได้ พี่เดชกลับไปหยุดยืนอยู่ที่ถังน้ำที่วางเรียงรายอยู่แถวนั้น ผมจำได้ว่าถังน้ำเหล่านั้นเป็นของอาจารย์สมศักดิ์ เขาเอาไว้สำหรับล้างรถ รดต้นไม้หรือทำกิจกรรมอื่น

แต่คืนนั้นพี่เดชจงใจยืนข้างถังน้ำ แล้วถอดผ้าขนหนูออก ทำให้ผมแทบลืมหายใจเพราะคิดว่าพี่เดชจะนุ่งกางเกงใน แต่ที่ไหนได้ พี่เดชไม่ได้นุ่งอะไรเลย ทำให้ผมเห็นน้องชายพี่เดชอย่างเต็มตา ขนาดมันยังไม่แข็งก็ถือได้ว่ามีขนาดใหญ่มาก พี่เดชค่อยๆ เอาขันตักน้ำราดตัว ระหว่างนั้นท่อนลำก็ค่อยๆ ขยายขนาดใหญ่ขึ้น คิดว่าพี่เดชคงตื่นเต้นมากกับการอาบน้ำกลางแจ้งแบบนี้ และที่น่าตื่นเต้นไปกว่านั้นคือ อาจารย์สมศักดิ์เดินมาพอดี และก็ไม่ได้มาคนเดียวด้วย แต่มากับอาจารย์พละอีกคน พวกเขาเห็นพี่เดชในสภาพนั้นแล้วไม่พอใจมาก

อาจารย์สมศักดิ์ถึงกับตวาด “มายุ่งอะไรกับถังน้ำของกู” พร้อมกับบีบไข่ของพี่เดชไปด้วย พี่เดชไม่ได้ตอบอะไร อาจารย์สมศักดิ์กับอาจารย์พละใจตรงกัน ช่วยกันจับพี่เดชกดน้ำ สักพักก็ดึงขึ้นมา พี่เดชดูมีทีท่าทรมานมาก แต่ยังไม่ทันไร พวกเขาก็จับพี่เดชกดน้ำอีกหลายครั้ง

หลังจากทำกันจนหนำใจ พวกเขาจึงบังคับให้พี่เดชยืนกางขา เอามือประสานไว้ที่ท้ายทอย อาจารย์สมศักดิ์อยู่หน้า อาจารย์พละอยู่หลัง พวกเขาทำงานประสานกันได้ดีมาก เริ่มจากอาจารย์สมศักดิ์เริ่มฟาดพี่เดชที่หน้าอกก่อน แล้วอาจารย์พละก็ฟาดพี่เดชที่กลางหลัง ทั้งสองทุ่มกันเต็มแรง จนเสียงฟาดดังสะใจมาก พวกเขาฟาดสลับกันอยู่อย่างนั้นหลายครั้ง จนอาจารย์สมศักดิ์สังเกตเห็นน้องชายของพี่เดชแข็งอย่างกับสากเหล็กและชูชันเหมือนกับท้าทาย

อาจารย์สมศักดิ์จึงเปลี่ยนมาเป็นใช้สันมือฟาดไปที่ท่อนลำขนาดเขื่อง ดูเหมือนว่าพี่เดชจะรู้สึกจุกๆ อาจารย์พละยังคงยึดฟาดหลังแบบไม่ยั้ง แต่อาจารย์สมศักดิ์ใช้วิธีฟาดหน้าอกกับท่อนลำของพี่เดชสลับกัน เมื่อทั้งสองฟาดพี่เดชจนสาแก่ใจจึงปล่อยตัวกลับไปได้ ผมแอบมองจนควยแข็งแล้วแข็งอีก

เมื่อนึกถึงพี่เดชก็นึกได้ถึงเหตุการณ์การเข้าค่ายลูกเสือครั้งหนึ่ง ตอนนั้นอาจารย์สมศักดิ์เรียกเฉพาะหมู่ของผมกับหมู่ของเพื่อนรวมแล้วประมาณ 20 คน โดยบอกว่าจะเอามาฝึกการรบแบบกองโจร คืนนั้นทุกคนตื่นเต้นมาก เพราะไม่รู้ว่าจะเจอกับอะไร

ตอนนั้นค่อนข้างดึก อากาศกำลังดี พอพวกเราเข้าแถวกันข้างๆ ตึก อาจารย์สมศักดิ์จึงเล่าว่า อยากฝึกให้พวกเรารักชาติและกล้าที่จะสู้เพื่อชาติ และบอกว่าสมมติพวกเราเป็นลูกเสือที่อยู่แถวชายแดน และติดกับเวียดนาม และพอดีมีทหารผ้าเตี่ยวเวียดกงที่ทำตัวเหมือนขอมดำดินโผล่มา พวกเราต้องจับมันให้ได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม อาจารย์สมศักดิ์จะดูซิว่าพวกเราจะร่วมแรงร่วมใจกันได้ไหม

พอทุกคนเข้าใจตรงกัน แกก็แจกเชือกให้หัวหน้าหมู่ 2 คนแล้วก็บอกว่าเมื่อเห็นเวียตกงวิ่งผ่านมาก็รุมกันจับได้เลย

พออาจารย์สมศักดิ์ตะโกนว่า “ไอ้เวียตกงออกมาได้แล้ว”

พี่เดชในชุดใส่กางเกงในตัวเดียวก็วิ่งออกมา พวกเราวิ่งตามกันด้วยความตื่นเต้น ผมตื่นเต้นมาก เพราะไม่คิดว่าจะเจอพี่เดชในสภาพนี้ ถึงพี่เดชจะวิ่งเร็ว แต่พวกเราวิ่งเร็วกว่า และวิ่งมารุมล้อมจนทัน

เพื่อนผมคนหนึ่งคงอินมาก ตะโกนว่า “ไอ้เวียตกง มาให้พวกกูจับซะดีๆ”

ขณะยืนรุมล้อมพี่เดชกันอยู่ พี่เดชก็ทำท่าระมัดระวังตัวเหมือนเวียดกงจริงๆ แต่พอเขาเผลอก็มีคนแอบใช้ฝ่ามือทุบไปที่หลัง เสียงดังสะใจ เพื่อนร้องเหมือนกับเชียร์มวย พอพี่เดชหันไปทางด้านหลัง คนที่อยู่ข้างหน้าก็เอาเท้าถีบไปที่หน้าท้อง พอพี่เดชเซไปทางหลัง ก็เจอเพื่อนอีกคนล็อคไว้

ณ เวลานั้น ก็มีหลายคนมารุมพี่เดช ทั้งชกท้องฟาดอกต่อยไปตามตัว แต่พี่เดชดิ้นจนหลุดมาได้ แต่ก็ยังตกอยู่ในวงล้อมของพวกผม มีเพื่อนคนนึงซาดิสต์มาก ใช้วิธีวิ่งชนจะพี่เดชล้มลง พอล้มเท่านั้น พี่เดชต้องเจอดงตีนนับสิบ รุมเตะไปตามลำตัว แต่พี่แกก็พยายามหาทางลุกหนีมาได้ แล้วพยายามจะวิ่งหนี แต่เพื่อนๆ ผมมันก็เถื่อนได้ใจ วิ่งตามจนทัน อีกคนจึงใช้วิธีคล้ายๆ มวยปล้ำคือ เอาเท้ายันไว้ด้านหลัง แล้วอีกสองคน ประสานมือกันออกแรงวิ่งเอามือไปปะทะที่หน้าอก พี่เดชเสียหลักล้มลง ก็เจอดงตีนอีก พี่เดชดูช้าลงทำให้พวกเราจับเขาได้

เราจับเขานอนคว่ำ มีหลายคนเหยียบหลังกับขาของเขาไว้ ผมกับหัวหน้าหมู่อีกคน ช่วยกันดึงมือพี่เดชมาข้างหลัง แล้วใช้เชือกมัดให้แน่นมากๆ เพื่อพี่เดชจะได้ดิ้นไม่หลุด พวกเราพร้อมใจกันจับพี่เดชมามอบให้อาจารย์สมศักดิ์ อาจารย์สมศักดิ์ สั่งให้พวกเรานั่งลงกับพื้น ไม่ต้องเป็นแถวก็ได้ ส่วนพี่เดชให้ยืนอยู่ด้านหน้า ผมว่าตอนนี้พี่เดชดูเท่มากๆ เขายืนอยู่ มือถูกจับมัด นุ่งกางเกงในตัวเดียว ตามเนื้อตัวเปรอะฝุ่น ทรายพองาม ดูเท่มากๆ ในความคิดของผม

อาจารย์สมศักดิ์พูดประมาณว่าเมื่อเราต่อสู้จนจับศัตรูได้แล้ว ขั้นต่อไปคือต้องกล้าที่จะเค้นความลับออกมา จะใช้วิธีใดก็ได้ แต่ที่ได้ผลที่สุดคือการทรมาน

ผมตื่นเต้นมากกับคำพูดของอาจารย์สมศักดิ์ ส่วนสีหน้าพี่เดชดูฮึกเหิมมาก และที่ผมสังเกต น้องชายพี่เขาตุงมากๆ อยู่ในกางเกงใน

อาจารย์สมศักดิ์พูดต่อว่า “เราต้องการลูกเสือที่กล้าในการทรมานเชลยที่เราจับมาด้วยความยากลำบาก เราต้องกล้าพอและแกร่งพอที่จะทรมานเพื่อเค้นความลับ เราต้องทรมานและถามไปว่าพวกมึงอยู่ที่ไหน ถ้าไอ้เวียตกงตรงหน้าพูดมาว่า เนิน 101 ได้ แสดงว่าพวกเราประสบความสำเร็จ ถึงแม้ว่านี่คือการฝึก แต่เราต้องคิดว่าคนที่ยืนอยู่ตรงนี้คือศัตรูของชาติจริงๆ เพราะฉะนั้น อย่ากลัวมันเจ็บ จะทรมานแบบไหนที่ทำให้มัน สามารถพูดออกมาได้ว่าเนิน 101 ก็ถือว่าใช้ได้ทั้งนั้น”

อาจารย์พูดต่อว่า “ใครจะเป็นรายแรก”

เพื่อนของผมที่มาดนักเลงหน่อยลุกขึ้นไปเป็นรายแรก พี่เดชทำสีหน้าท้าทายมาก แววตาเหมือนพร้อมที่จะรับมือได้กับทุกสถานการณ์ มันเดินเข้าไปหาพี่เดช พร้อมกับฟาดฝ่ามือไปที่หน้าอกพี่เดชติดต่อกันเป็นสิบๆ ที เพื่อนๆ ผมส่งเสียงมันส์เหมือนกับเชียร์มวย แต่พี่เดชก็ยังไม่พูดออกมาว่า เนิน 101 จนไอ้คนแรกเจ็บมือ อาจารย์จึงต้องเรียกคนที่สอง คนที่สองก็เล็งไปที่หน้าท้องก่อนเลย ชกไปสองสามที พี่เดชก็ยังไม่พูดออกมาสักทีว่าเนิน 101 เพื่อนคนที่สามเดินออกไป เขาบีบไข่พี่เดชแรงมาก พี่เดชร้องออกมา แต่ไม่ยอมบอกความลับ

เพื่อนอีกคนจึงตะโกนบอกว่า “มึงบีบไข่มันไว้ก่อนนะ กูคิดอะไรออกแล้ว”

มันเดินไปหยิบไม้หน้าสามมา และฟาดไปที่กลางหลังและหน้าอก พี่เดชก็ยังไม่ยอมพูดอะไรทั้งนั้น จนเพื่อนคนแรกที่ออกมาบอกว่า “พวกมึงอย่าหยุดนะ บีบไข่กับใช้ไม้หน้าสามฟาดมันต่อไป” แล้วเขาก็ไปเอาโซ่ที่หาได้แถวนั้นมาล็อคคอพี่เดช

คราวนี้พี่เดชเริ่มดิ้น พี่เดชคงทนไม่ไหวแล้ว จึงพยายามตะโกนออกมาว่าเนิน 101 เพื่อนทั้งสามจึงเจ้าไปนั่งประจำที่ ผมนึกว่าเรื่องราวต่างๆ มันจบแล้ว แต่อาจารย์สมศักดิ์ยังไม่ยอมจบ แกบอกว่า “พอเผลอบอกไปแล้ว ไอ้เวียตกงก็เลยหนีออกมาจนพบหัวหน้าใหญ่ หัวหน้าใหญ่อย่างกูไม่ยอมให้อภัย มันเลยต้องเจอแบบนี้”

พูดจบอาจารย์สมศักดิ์ก็ตบไปที่พี่เดช ทีหนึ่ง ต่อด้วยชกไปที่ท้อง เสียงดังสะใจจริงๆ แล้วก็โดดถีบพี่เดชเซไป พอถีบไปแล้ว ก็เตะไปที่หน้าท้อง สองสามทีซ้อน เสียงดังฟังชัด แล้วอาจารย์ก็บอกกับพวกเราว่า “พวกมึงออกไปก่อน เดี๋ยวกูจัดการเอง”

พวกเราก็เดินออกมาจากห้องชั้นล่าง เสียงอาจารย์สมศักดิ์ซ้อมพี่เดช ยังดังอยู่ แต่พี่เดชยังไม่ร้องสักแอะ

ต่อมาทางโรงเรียนมีงานออกร้าน แต่คนที่มาชมก็ไม่มีใครที่ไหน นอกจากนักเรียนนั่นแหละ มันเป็นงานออกร้านหาเงินที่จัดขึ้นมาในวันเสาร์ แต่ละหมวดก็มาออกร้านหาตังค์กัน จำได้ว่าหมวดวิทย์มาเป่าแก้ว หาตังค์

หมวดการงานอาชีพก็เอาเสื้อที่เย็บเองมาขาย แต่ที่จำแม่นสุดคือหมวดพละกับลูกเสือที่อยู่หมวดเดียวกันโดยการจัดการของอาจารย์สมศักดิ์ แกเรียกว่าซุ้มเชลยศึกมีพี่เดชเป็นตัวชูโรงอีกแล้ว โดยพี่เดชอยู่ในชุดกางเกงพรางขาสั้นไม่สวมเสื้อ โดยจับมัดแบตรึงกางเขนและมีพวกสมุนของอาจารย์สมศักดิ์มาขายถูกพลาสติกบรรจุน้ำประมาณครึ่งถุง แล้วใช้หนังยางมัดจนถุงเต่ง

หลังจากนั้นก็มีคนตะโกนว่า “เอาระเบิดถุงพลาสติกขว้างใส่เชลยศึกมันส์เลยครับ ถุงละบาท”

ตอนแรกก็ไม่มีใครกล้า แต่พอมีคนกล้าซื้อมา 5 ถุง แถมแม่นซะด้วยเล็งไปที่ท้องสอง ที่หน้าสอง และที่เป้า 1 เห็นหน้าพี่เดชแล้วรู้สึกได้ว่าแกเจ็บแต่มัน พอคนเริ่มกล้า ถุงพลาสติกก็ขายดีมากแล้วถุงหลายถุงก็ระดมโดนตัวพี่เดชอย่างต่อเนื่องจนพี่เดชน่วมไปทั้งตัว จุดที่คนชอบเล็งจะมี 4 จุดคือหน้า หน้าอก หน้าท้อง และก็ที่เป้ากางเกง ถ้าโยนพลาด พี่เดชก็ได้พักแต่ถ้าเจอพวกมือแม่นๆ พี่เดชก็เสร็จเหมือนกัน

จนถึงช่วงนาทีทองที่ราคาถุงพลาสติกจะเพิ่มเป็นถุงละ 2 บาทแต่อาจารย์สมศักดิ์มาคุมเอง และก็เพิ่มความโหดด้วยการเอาที่หนีบกระดาษเหล็กสีดำไปหนีบที่หัวนมของพี่เดชทั้งสองข้างสร้างความสะใจแก่คนที่มุงดูเป็นยิ่งนัก ถุงละสองบาทก็มีคนซื้อ แต่ละคนต่างเล็งถุงไปที่หน้าอกกันแบบเต็มๆ สร้างความสะใจให้กับคนที่มุงดูเป็นอย่างยิ่ง งานนั้นหมวดพละจึงได้ตังค์มากกว่าใครเพื่อน

พอผมขึ้น ม.2 รู้สึกว่าความรู้สึกผมจะเปลี่ยนไป มีหลายครั้งที่ผมอยากโดนลงโทษก็เลยแฝงตัวเข้าไปเองผิดกับตอน ม.1 ที่เริ่มจากโดนแกล้ง โดนบังคับ ตอนนี้รู้สึกว่าชื่นชอบการถูกลงโทษมากและพอขึ้น ม.2 ก็ไม่ได้มีเพียงอาจารยบ์สมศักดิ์อีกต่อไป มีทั้งอาจารย์พละ อาจารย์ภาษาไทย อาจารย์วิทยาศาสตร์ และอาจารย์ศิลปะ ทั้งหมดเป็นแก็งของอาจารย์สมศักดิ์ที่เพิ่งจะมาเหนียวแน่นตอนที่ผมอยู่ ม.2 และอาจารย์ทั้ง 4 ยังช่วยกันสอนวิชาลูกเสืออีกด้วย

ครั้งแรกเลยที่โดนคือวิชาวิทยาศาสตร์ อาจารย์ท่าทางโหดมาก แต่ตอนนั้นผมก็กล้าบ้าบิ่นใช่เล่น และยังมีกลุ่มที่กล้าและบ้าเหมือนกัน ผิดกับตอน ม.1 มาก ตอนนั้นจำได้ว่าชั่วโมงวิทย์ อาจารย์ให้ทำการทดลอง แต่กลุ่มผมดันเล่นตะเกียงแอลกอฮอร์ และสุดท้ายก็ทำตะเกียงแตกโดยตั้งใจ

อาจารย์หนุ่มหล่อและบึก แต่ดันมาสอนวิทย์ เรียกพวกผมไปในห้องแล็บอีกห้องและเตรียมที่จะลงโทษพวกเรา อาจารย์หนุ่มหล่อคนนี้เห็นได้ชัดว่าพอเขาเห็นอาจารย์สมศักดิ์ทำอะไรรุนแรงกับเด็กบางกลุ่มได้ เขาจึงอยากลองสัมผัสถึงความรู้สึกแบบนี้ดูบ้าง

ผมจำได้ว่าเขาเข้ามาตอนที่มีการออกร้าน และยืนมองซุ้มเชลยศึกอยู่นานแต่ไม่กล้าทำอะไร จนบ่มอารมณ์ได้ที่จึงซื้อไป 10 ถุง แล้วเอาถุงซัดพี่เดชแบบไม่เหลือซาก ผมจำได้ว่าแกมันจะเล็งที่หน้าอกกับหน้าท้องของพี่เดช

วันนั้นพวกเราสามคนถูกแกเรียกไปลงโทษ และแน่นอนแกบังคับให้พวกเราถอดเสื้อออก พอเสร็จแล้ว ก็ก็เอาที่หนีบหลอดทดลองมาหนีบหัวนมของพวกเราทั้งสอง มันเจ็บมาก ผมนึกไม่ออกว่าแกนึกได้อย่างไร จึงคิดวิธีการลงโทษแบบนี้ หลังจากนั้นแกจึงสั่งสก๊อตจั้มคนละ 20 ที ผมรู้สึกเกิดอารมณ์มากที่โดนแกลงโทษ พอสก๊อตจั้มเสร็จ แกก็ให้พวกเรายืนเฉยๆ แกออกไปข้างนอก บอกว่าพวกเราอย่ายุ่งกับอุปกรณ์วิทย์อย่างอื่น แต่ผมดันหยิบถ้วยตวงมาเล่น และแกล้งทำแตก พอแกกลับมาแกโวยวายใหญ่ ถามว่าใครทำ ตอนแกโมโหมากๆ นี่ แกหล่อมากใจจริง ดูแมนมากๆ แกปล่อยให้เพื่อนทั้งสองคนกลับไปก่อน และกักตัวผมไว้

แกเอาที่หนีบหลอดทดลองออก แต่ยังไม่ให้ผมใส่เสื้อ แกบังคับให้ยืนตรง และก็เอามือมาบิดที่พุง

“ทำไมถึงเอาถ้วยตวงไปเล่น”

ผมไม่ตอบ แกจึงเอามือมาหยิกที่นมผม คาดว่าถึงแกจะดูแมนมากๆ แต่แกน่าจะเป็นเกย์

แกยังถามผมแบบเดิมๆ ซ้ำแล้วซ้ำอีก “ทำไมถึงเอาถ้วยตวงไปเล่น”

ผมไม่ตอบอีก ทำเป็นผู้ร้ายปากแข็ง แกยืนนิ่งสักพัก คงคิดว่าจะลงโทษผมยังไงดีและเมื่อแกคิดได้ว่า นักเรียนอย่างผม ถึงแม้จะโดนลงโทษแบบแปลกๆ ก็คงไม่ไปบอกใคร หรือไปฟ้องคนอื่นจนทำให้แกเดือดร้อน อีกทั้งไอดอลของแกคืออาจารย์สมศักดิ์ แกคงคิดว่าทำไมอาจารย์สมศักดิ์ทำได้และแกจะทำไม่ได้เชียวเหรอ เมื่อแกแน่ใจในตัวผม ว่าจะไม่ทำให้แกเดือดร้อน การลงโทษที่ดุเดือดจึงเริ่มต้นขึ้น

ตอนนั้นผมยังไม่แน่ใจว่าแกจะทำอะไรกับผม แกเดินไปเปิดตู้เก็บอุปกรณ์และเลือกดูอยู่พักนึงและแกก็ได้อุปกรณ์ที่อยากได้สมใจ นั่นคือกับดักหนูสองอัน ตอนนั้นในห้องวิทย์หนูเยอะ สิ่งที่มีอยู่ในตู้แน่นอนคือกับดักหนู ตอนแกเอากับดักหนูสองอันมาวางไว้บนโต๊ะ ผมพอจะนึกออกว่าแกจะเอามาทำอะไรแค่นึกเท่านั้น น้องชายของผมก็โด่แล้ว

แกบอกให้ผมเดินมาที่โต๊ะ ให้เข้ามาใกล้ๆ หน่อย แล้วก็ยิ้มให้ผม เป็นรอยยิ้มที่เลียนแบบอาจารย์สมศักดิ์อย่างไม่ต้องสงสัย แล้วแกก็เอากับดักหนูอันแรกมาวางทาบตรงหัวนมซ้ายของผมกะให้เวลามันเด้งมาหนีบ ให้มันตรงหัวนมพอดี

แค่แกทาบไว้ตรงนั้น ยังไม่ปล่อยสลัก ผมก็แข็งน้ำเยิ้มแล้ว คิดในใจว่าแกโหดเหมือนกัน และดันคิดการลงโทษแบบนี้ออกอีก พอแกวางทาบได้ที่แกก็ปล่อยสลักออก พอมันเด้งมาหนีบที่หัวนมซ้ายของผม ผมร้องจ๊ากเลย เพราะเจ็บมาก เจ็บปวดที่สุด และแกก็จะทำอีกข้างกับหัวนมขวาของผม แกหยิบกับดักหนูมาเล็งไว้แล้ว

ผมกลัวมาก เพราะรู้แล้วว่ามันเจ็บทรมานแค่ไหน ที่หนีบอยู่หัวนมซ้ายแกก็ยัง ไม่ได้เอาออก ผมเจ็บมาก และตอนนี้แกก็จะทำอย่างเดียวกันกับหัวนมขวา พอแกปล่อยสลักให้ที่ดักหนูเด้งมาโดนที่หัวนมขวาของผมนั้น มันเจ็บอย่าบอกใครเชียว เจ็บมากๆ เจ็บชนิดที่เป้าตุงมากๆ ด้วย แกคงสังเกตเห็นเป้าผมตุงจึงออกคำสั่งในแบบที่ผมไม่คิดว่าแกจะกล้าสั่งผม

“ถอดกางเกงออกให้หมด”

ผมคิดในใจว่าแกแน่ใจได้อย่างไรว่าผมจะไม่เอาเรื่องนี้ไปฟ้องที่บ้าน และพร้อมจะเก็บเป็นความลับ พอแกสั่ง ผมก็ถอดกางเกงนักเรียนและกางเกงในออก ทำให้น้องชายผมที่แข็งโด่ โผล่ออกมาท้าทายสายตาของอาจารย์วิทย์หุ่นล่ำ

ผมรอดูต่อไปอย่างใจจดใจจ่อว่าแกจะทำอะไรอีก แล้วแกก็เดินไปหยิบขวดน้ำส้มสายชูมา ผมภาวนาให้แกอย่าทำอย่างที่ผมคิดเด็ดขาดเพราะมันจะต้องทรมานมากๆ แต่แล้วแกก็เดินเข้ามาหาผม เปิดขวดน้ำส้มสายชูออก และจับท่อนลำของผมที่กำลังผงาดได้ที่ แล้วก็เอาน้ำส้มสายชูราดไปที่หัวควยที่กำลังแข็งเป็นลำ

ผมร้องเสียงหลง เพราะแสบมากๆๆ แสบที่สุดเท่าที่เคยโดนมา สมกับเป็นอาจารย์สอนวิทยาศาสตร์จริงๆ ผมร้องลั่น ยืนดิ้นพราดๆ เพราะแสบควยมาก

ขณะยืนดิ้นเขย่าตัว กับดักหนูที่หัวนมก็สั่นไปด้วยทำให้ทรมานมากขึ้นไปอีก เจออาจารย์สอนวิทย์วันนั้น ทำเอาผมไม่กล้ากับแกไปหลายวัน

ตอน ม.2 เมื่อลองดีกับอาจารย์วิทย์แล้ว ผมก็เบรกตัวเองสักพัก แต่ก็ไม่ได้เบรดอย่างเต็มที่เพราะ เจออาจารย์สมศักดิ์เล่นแบบไม่ได้ระวังตัวแม้แต่น้อย

วันศุกร์ตอนเย็นอาจารย์สมศักดิ์เรียกผมให้ไปพบ บอกว่าจะออกไปข้างนอก อยากได้คนไปช่วยถือของ ถ้าแกจะเอาผมไป ผมจะยินดีไหม ผมตอบว่าได้ ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไร เพราะนึกว่าแกจะให้ช่วยจริงๆ แต่พอผมตอบรับแล้ว แกดันบอกว่า “แต่จะให้ช่วยถือของเยอะมาก และต้องไปตลาดด้วย ถ้าใส่ชัดนักเรียนไปจะเปื้อนได้ งั้นเอาชุดนี้ไปเปลี่ยนซะ”

แต่ที่แกให้ผมมามันไม่ใช่ชุด แต่มันเป็นกางเกงยีนส์ขาสั้นที่ตัดสั้นมากๆ ผมตกใจมาก แต่ก็ยอมไปเปลี่ยน ตอนนั้นผมคิดแค่ว่าคงเปลี่ยนแต่กางเกง ผมยังใส่เสื้ออยู่ แต่พอเอากางเกงมาฝากแกไว้ แกดันบอกผมว่า “เสื้อถอดไว้ที่นี่ เดี๋ยวเปื้อนเหงื่อ”

ผมตกใจมาก แต่ก็ยอมทำตาม เพราะคิดว่าแกคงเอารถโรงเรียนไป เดินถอดเสื้อไปคงไม่เป็นไร แต่พอแกเดินพาผมออกไปนอกโรงเรียนผมจึงรู้ว่าเราจะไปรถสองแถวกัน แต่ผมไม่เคยขึ้นรถสองแถวในสภาพนี้มาก่อน ผมอายมาก พอขึ้นไปทุกคนมองผมเป็นตาเดียว ผมอายไม่รู้จะอายยังไง แต่ดูแกจะสะใจมากที่ทำให้ผมอายได้

พอไปถึงตลาด คนเยอะมาก และแกก็ซื้อของเยอะมาก ผมต้องถือของเต็มสองมือและก็หนักมากๆ ด้วย ขณะเดินอยู่กลางตลาด คนเยอะๆ แกก็เริ่มหันมาต่อว่าผมว่าเดินช้าบ้างล่ะ ชอบบ่นบ้างล่ะ ทั้งๆ ที่ผมเดินเร็วและไม่บ่นเลย

จนมาถึงที่ๆ คนเยอะมาก และเป็นตลาดที่เราสองคนไม่คุ้นเคย แกก็ด่าผมใหญ่ ยืนด่าตรงนั้น พร้อมกับเอามือมาฟาดหน้าอก และก็ทุบหลัง คนมุงดูกันเยอะมาก คิดว่าผมเป็นลูกแก และพึมพำแค่ว่าพ่อเด็กคนนี้ซาดิสต์จัง แต่คนอื่นก็แค่มองดูเฉยๆ ปากยังด่าผมอีกและใช้มือฟาดหน้าอกผมอีก พอให้ผมเดินนำหน้าก็ใช้มือทุบหลัง จนคนในตลาดคิดว่าผมเป็นเด็กเกเร พ่อถึงต้องดุถึงขนาดนี้

หลังจากวันนั้นผมเข็ดเลย และพยายามหลบแกพักนึง เพราะเดี๋ยวแกมาหาเรื่องผมอีก แต่ดูเหมือนผมจะหนีแกไม่พ้น

ผมถูกบรรจุให้เป็นหนึ่งในคณะสาธิตศิลปะการป้องกันตัวที่ อ.สมศักด์เป็นหัวหน้าและทีมเราต้องไปสาธิตให้โรงเรียนอีก 9 โรงเรียนได้ดูกัน ตอนแรกมีแค่การสาธิตศิลปะการป้องกันตัว แต่อ.สมศักดิ์ บอกให้แทรกความโหดร้ายของจิ๊กโก๋สมัยนั้นให้ดูด้วย เลยกะไว้ว่าก่อนสาธิตต้องมีเหยื่อที่ถูกทำร้ายมาเล่นให้ดูเด็กจะได้กลัว จะได้สนใจศิลปะการป้องกันตัว

แต่ถ้าใช้เหยื่อผู้หญิงจะดูโหดร้ายเกินไป ควรใช้เหยื่อผู้ชายจะดีกว่า และผมก็ถูกเลือกจากแกในการแสดงเป็นเหยื่อ แต่มันเป็นการแสดงที่เล่นจริงเจ็บจริง เพราะอาจารย์สมศักดิ์ต้องการการแสดงที่เข้มข้นจริงจัง ดังนั้นแกจึงบอกให้ผมต้องถอดเสื้อด้วย

บทก็คือให้นักเลง 2 คนมาดักรอผม อีกคนล๊อคแขน อีกคนฟาดหน้าอก แกเน้นฟาดหน้าอกอย่างเดียว แต่ต้องให้ดังสะใจ เพราะนักเรียนดูการสาธิตเป็นร้อย ต้องฟาดให้ดัง อย่ากลัวผมเจ็บ ต้องเต็มที่หน่อย

นักเลงสองคน แกเลือกนักมวยของโรงเรียนที่มือหนักเต็มที่ พอผมโดนฟาดหน้าอกแล้ว นักเลงจะผลักให้ผมล้มลง แกบอกว่าผมต้องนอนหงาย แล้วให้นักเลงสองคนรุมกระทืบหน้าอกกับหน้าท้อง ต้องกระทืบจริงด้วยให้สมบทบาท ไม่งั้นคนดูจะไม่อินว่าทำไมเขาต้องเรียนศิลปะป้องกันตัวด้วยและเนื่องจากมีตั้ง 9 โรงเรียน แกจึงให้พี่เดชมารับบทเป็นเหยื่อ 4 โรงเรียน ผมเจอ 5 โรงเรียน ที่สำคัญคือ ต้องมีการซ้อมก่อนด้วย และทุกครั้งที่ซ้อม อ.สมศักดิ์จะมาคุมเอง

วันแรกพี่เดชเล่นเป็นเหยื่อ โดนนักเลงจับล็อคแขน พี่เดชถอดเสื้อเรียบร้อย ผมนั่งดูการซ้อมอย่างตั้งใจและตื่นเต้น

คนที่ต้องฟาดหน้าอก ใจไม่ถึงพอ ฟาดไม่แรง อ.สมศักดิ์เลยต้องแสดงเป็นตัวอย่างให้ดู แกฟาดหน้าอกพี่เดชอย่างเต็มแรง เสียงดังสะใจมาก แกเน้นว่าต้องให้ได้ระดับนี้เท่านั้น ไม่งั้นแกจะลงโทษนักมวยทั้งสองของโรงเรียนที่ไม่ตั้งใจแสดง

แกบอกให้นักมวยลองใหม่ อีกคนจึงมาล๊อคแขนพี่เดช คนที่จะฟาดตอนนี้เต็มที่มากๆ เพราะกลัวอาจารย์สมศักดิ์จะจับลงโทษ จึงฟาดหน้าอกพี่เดชไปเต็มแรง อาจารย์สมศักดิ์ชมว่าดีมากแต่ขอเปลี่ยนบทนิดหน่อยคือให้ฟาดหน้าอก 3 ทีซ้อน เอาแบบแรงๆ แล้วก็ค่อยชกไปที่ท้องสัก 2 ทีก่อนจะผลักจนล้มและรุมกระทืบพอหอมปากหอมคอ

ผมตกใจมากกับบทที่เพิ่ม นักมวยมือฟาดเอาใหม่ ฟาดหน้าอกพี่เดชไป 3 ทีซ้อน แรงมากๆ และชกไปที่ท้องอีก 2 ที ก่อนช่วยกันผลักล้ม และรุมกระทืบ

อ.สมศักดิ์ชมว่าเยี่ยมยอดมาก แล้วแกก็สั่งให้ผมซ้อมด้วย ผมถอดเสื้อออก แล้วออกไปยืน โดนนักมวยล๊อคแขน

นักมวยอีกคนฟาดหน้าอกแรงมาก ฟาดมา 3 ทีซ้อน ผมเจ็บมาก แค่นั้นไม่พอยังโดนชกท้องอีก 2 ที ผมจุกจนทรุดตัวลงไปนอนกับพื้นเอง ผมนอนหลายตามบทให้นักมวยสองคนรุมกระทืบอีกคนละทีสองที แค่ซ้อมยังสะใจขนาดนี้ แล้วถ้าเล่นจริง มีคนดูเป็นร้อยละจะเป็นอย่างไร อ.สมศักดิ์ชื่นชมนักมวย 2 คนนั้นมาก แต่ไม่ชมผมกับพี่เดชเลย

ตั้งแต่โครงการนั้น ผมเองรู้สึกว่า ผมเริ่มมีฐานะเทียบเท่ากับพี่เดชมากขึ้นทุกขณะ มีฐานะในที่นี้หมายถึงกลายเป็นเด็กในคอนโทรลของ อ.สมศักด์อย่างไม่รู้ตัว พี่เดชเองคงชอบและคงชิน แต่ผมยังกล้าๆ กลัวๆ ถึงแม้ ม.2 ผมจะชอบกับอะไรแบบนี้ แต่มันก็ไม่ใช่ว่าผมจะชอบไปหมดซะทีเดียว ตอน ม.2 ผมจึงกล้าๆ กลัวๆ ตอน ม.1 นั้นผมกลัว ตอน ม. 2 ผมกล้าๆ กลัวๆ แน่นอนว่าตอน ม.3 ผมจะกล้าอย่างมากเพราะถือว่าเป็นปีสุดท้ายแล้วที่จะได้เรียน ม.ต้น ที่นี่ เพราะที่บ้านต้องการให้ผมเปลี่ยนโรงเรียนอย่างแน่นอน

แต่ก่อนจะถึง ม.3 ตอน ม. 2 ก็ยังมีเรื่องอีกหลายเรื่องที่น่าเล่าในที่นี้

เรื่องนึงคือตอนที่ผมพิสมัยน้ำตาเทียน ก่อนหน้านั้นผมไม่เคยคิด แต่ผมดูตลกสมัยนั้น มุขที่นิยมเล่นกันมากคือ มุขเจ็บตัวด้วยน้ำตาเทียน คณะนึงที่ผมจำแม่น มักจะมีท้องเรื่องเป็นวันลอยกระทงแล้วให้คนบึกๆ แมนๆ มาเล่นเป็นเก้าอี้ เมื่อเป็นเก้าอี้ก็ต้องถอดเสื้อด้วยแล้วก็ทำท่าเหมือนเก้าอี้ ให้พระเอกกับนางเอกนั่ง นางเอกก็จุดเทียนแล้วแกล้งเอาน้ำตาเทียนหยดลงไปที่หลัง หรือบางครั้งก็จุดเทียนที่กระทง เตรียมจะไปลอยกับพระเอก พอพ่อแม่เข้ามาในห้อง ก็เอากระทงไปซ่อนใต้เก้าอี้ล้วนเป็นกระทงที่จุดเทียนแล้ว เอาไปไว้ใต้คนที่เล่นเป็นเก้าอี้ เปลวเทียนก็จะลนตรงหัวนมมั่งตรงหน้าท้องมั่ง คนดูหัวเราะชอบใจกันใหญ่ แต่ผมดูแล้วควยแข็งเลย คืออยากโดนบ้างแต่ก็ไม่กล้าที่จะสื่อสารเรื่องนี้กับใคร

จนมาวันหนึ่ง ตอนเย็นๆ ที่โรงเรียน วันนั้นกระสันมากเลยแอบเข้าไปในห้องวิทย์ ไปหาเทียนได้มาเล่มหนึ่ง บังเอิญเจอเชิงเทียนด้วย ผมเลยเอาเทียนปักบนเชิงเทียนแล้วจุด หลังจากนั้นผมถอดเสื้อออก เดินไปหยิบเทียน และเดินมานอนบนโต๊ะเรียนวิทยาศาสตร์ แต่พอนอน กะว่าจะเอาน้ำตาเทียนหยดลงบนหน้าอก แต่ใจไม่กล้าพอ ตอนนั้นควยแข็งแล้วแต่ใจยังไม่แข็ง

ผมนอนถอดเสื้ออยู่ มือซ้ายถือเทียน แต่ยังไม่กล้าเอาน้ำตาเทียนมาลนที่หน้าอกของตัวเอง มือขวาผมคลำควยที่แข็งอยู่ใต้กางเกง ขณะกำลังนอนทำใจ อาจารย์วิทย์หนุ่มก็เดินเข้ามา ผมพยุงตัวนั่งบนโต๊ะ เมื่ออาจารย์วิทย์เห็นผมในสภาพนั้น แกผงะพักนึง แต่หลังจากนั้นก็เข้าทาง แกพอนึกออกว่าผมกำลังจะทำอะไร แกตะโกนออกมา

“มึงมาเล่นพิเรนทร์อะไรในนี้ ดูสิ น้ำตาเทียนหยดเปื้อนห้องหมดแล้ว มึงนี่แย่มาก นักเรียนอย่างมึงต้องโดนลงโทษอย่างสาสม” เขาหยิบเทียนจากมือผมแล้วพูดว่า “นอนหงายลงไป”

งานเข้าแล้วผม ตอนแรกอยากลอง แต่ตอนนี้กลัวมาก

อาจารย์วิทย์หนุ่มเดาใจผมถูก แกเอาน้ำตาเทียนหยดลงไปที่หน้าท้องของผม หยดแรกนั้นมันเจ็บมาก แกค่อยๆ หยดจนทั่วหน้าท้อง ผมเจ็บแต่สะใจมาก หลังจากนั้นแกก็ค่อยๆ หยดเลื่อนขึ้นมาจนถึงแถวๆ หน้าอก ตอนนั้นผมกลัวมากและเกรงว่าแกจะเอาน้ำตาเทียนหยดลงไปที่หัวนม แต่อีกใจก็อยากให้แกทำแบบนั้น คือตอนนั้นอารมณ์มันกล้าๆ กลัวๆ บอกไม่ถูกจริงๆ ครับ

อาจารย์วิทย์หนุ่มหยดน้ำตาเทียนจนทั่วหน้าอกของผม แต่ยังเว้นที่หัวนมไว้ แต่อีกไม่นาน แกก็เอาน้ำตาเทียนหยดไปที่หัวนมผมทั้ง 2 ข้าง มันเจ็บมาก ผมร้องเสียงหลง แต่แกไม่สนใจ แกรู้ว่านี่เป็นสิ่งที่ผมต้องการ และแน่นอนว่าผมคงไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกใคร แกจึงเอาน้ำตาเทียนหยดลงตรงหัวนมทั้งสองข้างของผมจนมิด

เท่าที่ผมรู้ แกนำเรื่องนี้ไปบอก อ.สมศักดิ์ อ.พละ อ.ภาษาไทย และ อ.ศิลปะซึ่งอยู่ในแก็งค์ของแก และคงบอกประมาณว่า นักเรียนอย่างผมสามารถที่จะลงโทษมันแบบซาดิสต์อย่างไรก็ได้ เพราะมันชอบเรื่องไม่ถึงโรงถึงศาลแน่นอน

หลังจากนั้นผมรู้สึกว่าตัวเองถูกเลื่อนขั้นให้อยู่เหนือพี่เดชซะแล้ว ปีครึ่งที่ผ่านมา ผมยังกล้าๆ กลัว และ อ.บางท่านยังไม่แน่ใจว่าผมคิดอะไร (แต่ก็ยังโดนมากขนาดนั้น) แต่ปีครึ่งที่เหลือนี่สิ ทุกคนรู้ว่าผมชอบโดนลงโทษและแน่ใจ 1000 เปอร์เซ็นต์ว่าผมจะไม่เอาเรื่องพวกนี้ไปฟ้องใคร มันจึงเป็นเรื่องที่เด็กหนุ่มวัย 13 ย่าง 14 อย่างผมต้องเผชิญและต่อไปนี้ความเมตตาปรานี ความสงสารเห็นใจจะไม่มีอีกแล้ว

ตลอดปีครึ่งในโรงเรียนแห่งนี้เป็นอะไรที่ผมประทับใจมากขึ้นไปอีก นับได้ว่าเป็นตอนที่เข้มขันมากขึ้นอย่างที่ผมก็นึกไม่ถึงเหมือนกัน

เหตุการณ์แรกที่ต้อนรับความรู้สึกแบบนี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในแบบที่ผมเองก็ไม่ทันได้ตั้งตัว

วันนั้นผมมีเรียนพละตอนบ่าย ทุกครั้งผมจะเอาเสื้อพละมาเปลี่ยน ตอนเที่ยงผมจะเอาเสื้อพละวางพาดไว้ที่เก้าอี้ในห้องเรียน วันนั้นหลังจากกินข้าวเที่ยงเสร็จ ผมเดินขึ้นห้องเรียน เห็นอาจารย์วิทย์หนุ่มเดินออกจากห้องผม ผมเห็นในมือของเขาถือเสื้อพละไปด้วย

ผมสังหรณ์เลยเดินไปที่เก้าอี้ ปรากฏเสื้อพละของผมไม่อยู่แล้ว ใครๆ ก็รู้ว่า อ.พละคนนี้ดุมาก ยิ่งถ้านักเรียนชายไม่ได้เอาเสื้อพละมาละก็ อาจารย์คงลงโทษหนักมากเลย และก็ไม่เคยมีใครกล้าลองดีมาก่อน ผมคิดอยู่นานว่าจะโดดดีไหม แต่สุดท้ายผมก็ตัดสินใจไปเรียน

พอเข้าไปในโรงยิมและ อ.พละเห็นผม แกสั่งให้ผมไปยืนหน้าห้อง แกบอกว่าจะลงโทษผมท้ายคาบ ทุกครั้งแกจะสอน 50 นาที แต่วันนี้ 20 นาทีก็ปล่อยแล้ว คงเหลือเวลา 30 นาทีเอาไว้ลงโทษผม พอทุกคนออกจากโรงยิม แกก็ไปล็อคประตูโรงยิม และเรียกผมไปยืนข้างหน้าแก

แกตะคอกใส่อย่างดุดัน “ทำไมมึงไม่ใส่เสื้อพละมา”

ผมนิ่ง ยังไม่ทันตั้งตัว แกก็ตบหน้าผมไปฉาดนึง แรงมาก ตบแบบไม่ปรานี ผมหันกลับมาสู้หน้าแก แกยังตะคอกต่อ

“ทำไมถึงไม่ใส่เสื้อพละมา”

ผมตอบไปว่า “ลืมครับ”

แกไม่พอใจในคำตอบผม เลยตบผมอีกฉาด แกดึงคอเสื้อผมและกระชากเสื้อจนกระดุมหลุดออกหมด แกกระชากแรงมาก พอกระดุมเสื้อผมหลุดหมดแล้ว แกกระชากอีกที เสื้อนักเรียนก็หลุดออกจากตัวผม พอเสื้อหลุดจากตัวแล้วแกก็สั่งให้ผมยืนเอามือประสานไว้ที่ท้ายทอย และกางขาออก ผมก็ทำตามแต่โดยดี

หลังจากนั้นแกก้มายืนข้างตัวผม แล้วเตะไปที่หน้าอกของผม แกเตะแรงมาก จนผมต้องถอยไปก้าวหนึ่ง แล้วแกก็เตะซ้ำอีก ดูแกทำผมแบบไม่ต้องย้ำคิดเลย พอเตะจนสาแก่ใจแล้ว แกก็เอามือฟาดไปที่หลังของผมหลายที จนตอนหลังเปลี่ยนมาเป็นทุบหลัง แกทำผมรุนแรงมากทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ ตอนที่ อ.สมศักดิ์ลงโทษผม แกก็เพียงแต่ยืนมองอยู่ไกลๆ โดยที่ไม่เคยคิดจะแตะต้องผมเลย ต้องเป็นการยั่วยุของอ.วิทย์หนุ่มนั่นแน่ๆ

หลังจากนั้นแกสั่งผมให้ถอดกางเกงในออกแล้วสั่งให้ผมสก๊อตจั้ม แต่แกสั่งให้สก๊อตจั้มแบบโดดขึ้นสูงๆ ผมก็ว่าผมทำดีที่สุดแล้ว แต่แกบอกว่ายังไม่ดีพอ แกจึงสั่งผมว่า “ถอดกางเกงในมึงออก”

ผมหนาวเลย แต่ก็จำใจต้องถอดตามที่แกบอก ตอนนั้นแกเดินไปล็อคโรงยิมไว้แล้ว แล้วแกก็สั่งให้ผมสก๊อตจั้มใหม่แล้วก็กระโดดสูงๆ ด้วย ตอนนั้นด้วยอารมณ์ที่ตื่นเต้นมาก ควยจึงแข็งโด่เลย ตอนกระโดดสก๊อตจั้มไปควยก็เด้งไปด้วย ผมทำจนเหนื่อยแกจึงสั่งให้หยุด

ตอนแรกผมนึกว่าแกจะพอแค่นี้ แต่เปล่าเลย การลงโทษผมยังไม่หยุดอยู่แค่นั้น แกสั่งให้ผมนอนหงายลงไป แล้วให้เอามือรองหัวไว้ แล้วแกก้เดินมาเหยียบที่ควยผม แกเหยียบย่ำลงไป พร้อมกับเตะไปที่ไข่ ก่อนจะมาเหยียบที่หน้าท้องต่อ ต่อมาแกสั่งให้ผมลุก แล้วให้ยืนตามระเบียบพัก แล้วแกก็ชกไปที่ท้องผม แกชกไปเรื่อยๆ จนผมเริ่มจุก แต่ควยก็ยังแข็งยู่ พอแกชกจนสาแก่ใจ แกก้มาบีบไข่ผม มันเจ็บมาก

แกตะคอกใส่หน้าผมว่า “ชั่วโมงต่อไปอย่าลืมเอาเสื้อพละมาด้วยนะ ไม่งั้นจะโดนหนักกว่านี้”

หลังจากนั้นแกก็ปล่อยผมไป ตอนนั้นผมรู้สึกว่าการลงโทษของ อ.พละเป็นการบอกถึงศักราชใหม่ว่าผมได้ขึ้นมาแทนที่พี่เดชแล้ว เพราะช่วงนั้นผมเริ่มหนุ่มมากขึ้น อายุเกือบ 14 ตัวสูงขึ้น และอาจารย์หลายคนก็แน่ใจว่าถ้าลงโทษผม ผมไม่ไปฟ้องใครแน่นอน

เวลาเหลืออยู่ที่โรงเรียนนี้อีกแค่ปีครึ่ง แต่เป็นปีครึ่งที่น่าตื่นเต้นมากจริงๆ เพราะอะไรจะเกิดขึ้นกับผมนั้น ผมแทบจะไม่สามารถรู้ล่วงหน้าได้เลย

อย่างหลังจากวันนั้น ผมมาสายโดยที่ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ และที่แน่ๆ วันนั้นมีนักเรียนชายมาสายเยอะมาก แต่ อ.ภาษาไทยที่เป็น อ.เวรในวันนั้นกลับกักตัวผมไว้คนเดียว และสิ่งที่ผมโดนโดยไม่ได้คาดคิดคือการโดนเฆี่ยนก้นที่หน้าเสาธง แกเฆี่ยนผม 6 ที แต่ละทีแกลงด้วยแรงแบบไม่ยั้ง เล่นเอาเจ็บก้นมากๆ แถมอายด้วย เพราะคนเห็นทั้งโรงเรียน แค่นั้นยังไม่พอ แกยังบังคับให้ผมถอดเสื้อออกและจะขอริบเสื้อไว้ ให้ผมไปรับคืนได้ตอนเย็นก่อนกลับบ้าน ผมงี้หนาวเลย ไม่เคยคิดเลยว่าจะต้องมาเดินถอดเสื้อทั้งวันในโรงเรียน ผมรู้สึกอายมากๆ แต่มันก็รู้สึกเสียวมากด้วย พอแกบอกว่าจะริบเสื้อไว้ทั้งวันแค่นั้น ควยผมแข็งโด่เลย

นอกจากเจอครูภาษาไทยแล้ว ในวันนั้นผมยังโดนแจ็คพอทอีกสองเด้ง เพราะมีวิชาศิลปะกับวิชาวิทย์ด้วย และบังเอิญว่าวิชานี้มันต่อเนื่องกันในช่วงบ่าย โดยวิชาศิลปะเริ่มก่อน

ผมเองก็เข้ามาเรียนตามปกติ ตกบ่ายก็เริ่มจะชินแล้ว เหมือนกับว่าการถอดเสื้อเป็นเรื่องปกติ แต่ตกบ่ายดันเจออาจารย์ศิลปะเล่นงานผมเป็นครั้งแรกและแกกล้าเล่นจริงๆ เริ่มจากความคิดแผลงๆ ว่าวันนั้นแกจะสอนเรื่องการเพ้นบนตัวคน แกก็ให้ผมเป็นแบบหน้าห้อง แล้วเอาพู่กันจุ่มสีมาละเลงตามตัวตามใจชอบ แกละเลงอย่างเมามันส์แล้วให้ผมเดินรอบห้องให้เพื่อนๆ ดูจนครบ ที่ร้ายไปกว่านั้น แกยังพาผมไปโชว์ห้องเรียนห้องอื่นด้วย ซึ่งวันนั้นผมอายมากๆ เพราะไม่คิดว่าจะถูกทำให้อายได้ถึงเพียงนี้

พอเลิกจากชั่วโมงศิลปะ ผมต้องไปล้างตัวก่อนไปเรียนวิทย์ ซึ่งวิชาวิทย์เป็นวิชาสุดท้ายของวันนั้นพอดี การแวะไปล้างตัวทำให้ผมไปเข้าห้องเรียนสาย และสิ่งที่ผมไม่ได้คาดคิดมาก่อนก็คือ อ.วิทย์สั่งลงโทษผมด้วยการให้ผมไปยืนอยู่ใต้อาคารเรียน โดยให้ยืนกางขาแล้วก็กางแขนไว้ตลอดเวลา แกบอกว่าถ้าแกยังไม่ลงไปหาผม ก็ให้ผมยืนต่อไปอย่างนั้น ผมอายมากเสื้อก็ไม่ได้ใส่ ยิ่งตอนโรงเรียนเลิกแล้ว มีคนลงมาใต้ตึกเพียบเลย ผมยิ่งอายมากๆ นักเรียนบางคนก็มายืนมอง บางคนที่เป็นนักเลงหน่อยก็แอบมาฟาดหลังผม แต่ตอนนั้นผมจะไปทำอะไรได้ โรงเรียนเลิกได้สักพัก อ.วิทย์จึงเดินลงมาแล้วบอกให้ผมไปได้ ผมจึงรีบเดินไปหา อ.ภาษาไทย

ตอนแรกนึกว่าแกจะคืนเสื้อแต่โดนดี แต่มันไม่เป็นเช่นนั้น ตอนนั้นแกกำลังกินขนมปังไส้ครีมอยู่ แกบอกว่าจะให้ผมกินอันหนึ่ง ทีแรกผมนึกว่าเป็นของขวัญปลอบใจที่ผมโดนลงโทษมาทั้งวัน แต่มันไม่ใช่ในแบบที่ผมคิดไว้ แกบอกว่าขนมปังนี่ครีมมันเยอะไปหน่อย แกบอกว่าต้องเอาครีมออกถึงจะให้ผมกินได้ หลังจากนั้นแกก็แบะขนมปังออก แล้วก็เอาด้านที่เป็นครีมมาละเลงที่หน้าของผมจนครีมบางส่วนไหลเปื้อนหน้าอก แกจึงเอาขนมปังส่วนที่เป็นครีมมาละเลงที่หน้าอกของผมต่อ พอละเลงจนสาแก่ใจจึงบังคับให้ผมกินขนมปังชิ้นนั้นจนหมด แกจึงยอมคืนเสื้อให้

คืนนั้นผมนอนคิดแต่สิ่งที่ผมโดนมาทั้งวัน คิดทีไรท่อนลำของผมก็แข็งขึ้นมาทุกที เป็นอันว่าคืนนั้นผมชักว่าวจนเสร็จไปทั้งหมด 3 ครั้ง เยอะแบบไม่เคยทำมาก่อน และผมก็แน่ใจว่า อ.สมศักดิ์ อ.พละ อ.วิทย์ อ.ภาษาไทย และอ.ศิลปะรู้แกวแล้วว่า ผมชอบการลงโทษแบบเจ็บๆ การทำให้ได้อาย และการถูกดูถูกเหยียดหยาม และถ้าพวกเขาทำกับผม แน่นอนว่าพวกเขาจะปลอดภัยและไม่เสี่ยง ทางฝั่งอาจารย์ทั้งห้าท่านกับผมน่าจะคิดลึกๆ ตรงกันว่า ผมต้องไปเรียน ม.4 ที่อื่นแน่ และเหลือเวลาอีกแค่ปีเดียวเท่านั้นคือ ม.3 ที่จะหาเรื่องลงโทษผมได้

ตอน ม.3 จึงเป็นอะไรที่ผมไม่เคยลืมเลย แต่หลังจากปีนั้น ทางโรงเรียนนี้โดนกระทรวงมาตรวจเพราะตอน ม.3 นอกจากมีผมที่โดนลงโทษบ่อยแล้ว ยังมีนักเรียนชายอีกสัก 4-5 คนที่เป็นแบบผมคือโดนแค่ไหนก็จะไม่ไปฟ้องใครเด็ดขาด แต่เนื่องจาก ม.3 เราโดนกันเยอะ และหลายครั้งที่เป็นกลางแจ้ง ทำให้ผู้ปกครองเด็กนักเรียนคนอื่นไปร้องเรียนกระทรวงแทน

โชคดีที่ตอนนั้นผมใกล้จะจบ ม.3เต็มแก่แล้ว เพราะหลังจากนั้นที่นี่ก็เจอตรวจเข้มมาตลอด แต่ก่อนที่กระทรวงจะมาตรวจเข้ม ม.3 ผมก็เจออาจารย์ทั้ง 5 ท่านเล่นเอาเกือบตาย แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่มันส์มากๆ และคิดว่าหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว (แต่ที่ไหนได้ ม.ปลายก็เจออีกและดันหนักกว่าเดิม)

ตอนขึ้น ม.3 ใหม่ๆ ผมก็กลายเป็นพี่ใหญ่ในระดับ ม.ต้น และที่โชคไม่ดีคือตอนนั้น พี่เดชไม่ได้ทำงานที่โรงเรียนอีกแล้ว และนั้นเป็นช่วงที่ผมคิดว่าผมกับเพื่อนอีก 5 คนขึ้นมาแทนที่พี่เดชเพื่อให้อาจารย์ทั้ง 5 มีนักเรียนชายแมนๆ คอยระบายอารมณ์อย่างสม่ำเสมอตลอดทั้งปี และปีนั้นดันจัดค่ายลูกเสือบ่อยมากเป็นพิเศษ และไม่ได้ไปไหนไกลเลยคือจัดให้ค้างในโรงเรียนเพราะที่กว้าง และการลงโทษในบริบทของลูกเสือย่อมเป็นการปลอดภัย ปีนั้น อ.สมศักดิ์จัดให้มีการเข้าค่ายลูกเสือเทอมละ 2 หน รวมเป็นตลอดปีก็ 4 หนพอดี

การเข้าค่ายลูกเสือกลางเทอมครั้งแรก อาจารย์ทั้ง 5 ล้วนแล้วแต่พร้อมใจกันมาเป็นครูฝึกลูกเสือกันทั้งนั้น และมีการจัดแยกลูกเสือกับเนตรนารีให้แยกกันฝึกคนละฝั่งอีกด้วย ในฝั่งลูกเสือจึงมีแต่อาจารย์ผู้ชายและนักเรียนผู้ชาย ตอน ม.3 ผมอายุ 14 เต็มกำลังหล่อได้ที่ (มีรูปเป็นหลักฐาน) และหุ่นหนาพอประมาณ เรียกได้ว่าถ้าเป็นผลไม้ก็โดนเพาะบ่มจนมาสุกงอมเอาตอนนี้และการเข้าค่ายครั้งแรก ผมก็ได้เป็นหัวหน้าหมู่หมู่หนึ่ง ซึ่งมีลูกน้องประจำหมู่ 10 กว่าคน

การโดนหาเรื่องในค่ายแรกนี้ก็เป็นการหาเรื่องในแบบที่คิดไม่ถึงเช่นเดียวกัน เหตุเกิดประมาณตอนเย็นๆ ตอนเข้าแถวอาบน้ำ อาจารย์ทั้ง 5 อยู่กันพร้อมหน้า ตอนนั้นทุกคนเข้าแถวตอน 5 แถว เพราะมีถังน้ำตักอาบ 5 ถังใหญ่ และทุกคนถูกสั่งให้ถอดเสื้อถอดกางเกงเหลือเพียงกางเกงในตัวเดียว

การเข้าอาบน้ำก็เข้าแถวกันเป็นหมู่ ผมเองตอนนั้นก็ยืนอยู่ในแถวดีๆ ไม่ได้ผิดระเบียบแต่ประการใด แต่ อ.สมศักดิ์ดันดึงแขนผมออกมาให้ยืนข้างนอกบอกว่าหมอนี่ยืนไม่ตรง ต้องโดนกักตัวไว้ลงโทษ ยิ่งเป็นหัวหน้าหมู่ด้วยแล้วต้องโดนหนักเป็นสองเท่า

ตอนนั้นผมอยู่ในสภาพนุ่งกางเกงในตัวเดียว น้ำก็ยังไม่ได้อาบ อ.สมศักด์ปล่อยให้ผมยืนคอยให้เพื่อนทุกคนอาบน้ำจนเสร็จและแต่งชุดนอนกันหมดแล้ว ให้ลงมาเข้าแถวเป็นลงกลมซ้อนกันสองวง แล้วให้ผมซึ่งยังอยู่ในสภาพใส่กางเกงในตัวเดียวและดันเป็นสีขาวซะด้วย ไปยืนข้างในวง เพื่อที่แกจะลงโทษผมให้เพื่อนๆ ดูกัน

ตอนนั้นบอกตรงๆ ว่าอายหลายอย่าง เพราะตอนนั้นผมก็เริ่มแอบรักเพื่อนผู้ชายด้วยกันแล้ว แต่มาดันถูกลงโทษแบบนี้ คืออายกว่าเดิมเป็น 2 เท่า ตอนค่ำๆ แบบนั้นลมก็เริ่มแรง เพื่อไม่ให้เสียเวลา อ.สมศักดิ์เริ่มออกคำสั่งเพื่อที่จะลงโทษผม

อาจารย์สมศักดิ์ออกคำสั่งแบบเบาะๆ ก่อน โดยสั่งให้ผมกระโดดตบ 30 ที ต่อจากนั้นก็สั่งวิดพื้น 20 ที ตามด้วยวิ่งรอบวงด้านในที่เพื่อนๆ นั่งล้อมกันเป็นวงอีก 8 รอบ ถึงช่วงแรกจะเป็นการลงโทษแบบธรรมดา แต่มันก็ไม่ธรรมดา

เมื่อผมต้องอยู่ในสภาพนั้น พอการลงโทษชุดแรกเสร็จแล้วก็มีชุดที่สองต่อมาทันทีแต่คราวนี้คำสั่งคือให้ผมยืนกางขาแล้วเอามือประสานไว้ที่ท้ายทอย ต่อจากนั้นแกเอาไม้ทีมา แล้วเริ่มด้วยการเอาไม้ทีตีไปที่ก้นของผม แกตีประมาณ 6 ที ต่อจากนั้นก็ตีไปที่หลังของผมประมาณ 6 ทีเช่นกัน ตอนนั้นผมคิดว่าแกน่าจะนับอยู่ในใจ แล้วแกก็เดินมาข้างหน้าและใช้ไม้ทีฟาดที่หน้าอกผมอีก 6 ที หลังจากนั้นก็ฟาดที่หน้าท้องอีก 6 ที ตอนนั้นผมควยแข็งแล้ว และแกก็คงเห็นเพราะกางเกงในก็สีขาวด้วย แกก็เอาไม้ทีไปฟาดที่ควยผมอีก 6 ที ตอนนั้นเพื่อนๆ ตกใจกันมาก เพราะไม่คิดว่าแกจะทำถึงขนาดนั้น

จากนั้นแกก็ปล่อยให้ผมไปอาบน้ำ โดยมีอาจารย์พละกับอาจารย์วิทย์ดูแล ตอนผมเดินไปที่ถังอาบน้ำ ผมก็เจอบังคับให้ยืนในท่าเดียวกับที่อาจารย์สมศักดิ์สั่งเมื่อสักครู่ อาจารย์พละและอาจารย์วิทย์มรถังใบใหญ่คนละถัง ขันคนละใบ

ตอนนั้นอาจารย์พละใส่เสื้อกล้าม กางเกงขาสั้น ส่วนอาจารย์วิทย์ใส่เสื้อยืดกางเกงขาสั้น แต่พอจะอาบน้ำให้ผม อาจารย์วิทย์ถอดเสื้อออกทำให้ผมได้เห็นกล้ามสวยๆ ของแกซึ่งกินขาดอาจารย์พละหลายช่วงตัว ตอนนั้นผมคิดว่าแกเซ็กซี่มาก

รูปร่างของแกเหมือนคนที่กำลังเพาะกาย เพราะอกกว้าง หนา และเอวคอด พอเริ่มอาจารย์ทั้งสองท่านก็ตัดขันน้ำแล้วสาดอย่างแรงมาที่ตัวผม อาจารย์วิทย์สาดด้านหน้า อาจารย์พละสาดด้านหลัง พอสาดได้ที่ก็ถึงคราวฟอกสบู่ อาจารย์วิทย์รับอาสาฟอกสบู่ให้ผม แกฟอกทั่วบริเวณหน้าท้อง หน้าอก ลูบวนตรงหัวนมจนน่าแปลกใจและแกก็ล้วงเข้าไปในกางเกงในเพื่อฟอกสบู่ให้ผม

ตอนนั้นควยผมแข็งโป้ก แกเอามือที่เปื้อนสบู่มาลูบมาล้วงให้ ผมเสียวสะท้าน ขนลุกไปทั้งตัวเลย ผมเองชอบมากที่ได้มองเห็นแกชัดๆ ตอนนั้นแกถอดเสื้อ เนื้อตัวกับผมของแกเปียกนิดๆ ตามตัวมีสบู่เปื้อนหน่อยๆ ดูแล้วแกเซ็กซี่มาก พอเห็นแกของๆ ผมก็ตุงมากขึ้น และแกก็ล้วงไปฟอกสบู่ใต้กางเกงในแบบนานมากจนอาจารย์พละต้องบอกว่า “พอได้แล้ว”

เชื่อไหมว่าผมเคยจะตามหาอาจารย์วิทย์คนนี้ในตอนนี้ แต่ก็ต้องล้มเลิกความคิดเพราะกลัวว่าแกอาจตายไปแล้ว ถ้าอยู่อาจไม่หล่อเหมือนเดิม หลังๆ ผมมาคิดว่า คนบางคนควรมีชีวิตอยู่ในความทรงจำแค่นั้นก็พอแล้วเพราะตราบใดที่เรายังมีชีวิตอยู่ พวกเขาก็จะยังคงดุหนุ่มและเซ็กซี่ตลอดไปภายในความทรงจำของเรา

ข้ามมาถึงค่ายลูกเสือตอนปลายเทอมหนึ่ง ของ ม.3 ตอนนั้นคนที่กลับมาช่วยอาจารย์สมศักดิ์กลับเป็นพี่เดช ที่ตอนนั้นกลายเป็นหนุ่มที่หล่อมากและที่สำคัญที่สุดคือ แกดันพลิกบทบาทในแบบที่ผมคิดไม่ถึงเพราะกลับมาคราวนี้ แกกลับกลายเป็นผู้ช่วยของอาจารย์สมศักดิ์

ผลงานของแกตอนแรกเลยที่พวกผมได้เห็นประจักษ์คือตอนที่อาจารย์สมศักดิ์เรียกรวมพล และนั่นก็คือลูกเสือทั้งโรงเรียน ร่วมๆ 300 ร้อยเห็นจะได้ อาจารย์สมศักดิ์บ่นว่าพวกเรามารวมพลกันช้าจึงต้องถูกลงโทษและแกก็โอนอำนาจนี้ให้พี่เดช

โรงเรียนผมไม่ได้ลงโทษนักเรียนชายทั้งระดับมานานแล้ว ครั้งนั้นจึงถือเป็นการลงโทษครั้งใหญ่ครั้งสุดท้ายก่อนผมจะจบ ม. 3

พี่เดชถอดแบบมาจากอาจารย์สมศักดิ์เด๊ะ โดยเริ่มให้พวกเราเข้าแถวหน้ากระดานเรียงหนึ่งแถวละร้อย ต่อจากนั้นก็ให้ลูกเสือทั้งหมดถอดเสื้อออก แล้วก็ให้นอนหงาย หลังจากนั้นแกสั่งให้คนที่อยู่ทางขวากลิ้งทับเพื่อนไปจนสุดแล้วก็ให้ไปนอนหงายต่อเพื่อน

พอคนแรกกลิ้งไปแล้ว คนที่สองก็กลิ้งต่อไปเรื่อยๆ ตอนนั้นจำได้ว่าแกต้องใช้พื้นที่สนามเยอะมาก แต่โรงเรียนของผมก็มีเนื้อที่กว้างพอที่จะให้ใครสักคนมาสั่งลงโทษแบบนี้

พอการลงโทษแบบแรกเสร็จแล้ว ผมนึกว่าจะจบ แต่ไม่จบ ต่อมาพี่เดชให้พวกเราสามแถวๆ ละ 100 เนี่ย กอดคอกันแล้วลุกนั่ง 30 ทีให้พร้อมกันแต่เนื่องจากแถวยาวทำให้พอลุกนั่งไปสักพักก็กอดคอกันล้มระเนระนาดจนต้องเริ่มใหม่

ผมสังเกตว่าอาจารย์สมศักดิ์พอใจมากที่พี่เดชสั่งลงโทษลูกเสือได้ถูกใจแก หลังจากนั้นผมนึกว่าจะจบแล้ว แต่ไม่จบอีก คราวนี้แปรแถวจากหน้ากระดาน 3 แถวเป็นแถวตอน 3 แถว แล้วก็ให้จัดแถวห่างกันพอประมาณ เสร็จแล้วก็สั่งให้นอนคว่ำ เอามือไขว้หลัง แล้วเอาหน้าอกแถกตัวไปข้างหน้า จนกว่าแกจะสั่งให้หยุด

ถ้าใครมาเห็นเด็กกำลังหนุ่มใช้อกแถกตัวไปกับพื้นตั้ง 300 คนคงจะตื่นตาตื่นใจไม่น้อยและที่สามารถทำได้ก้เพราะอยู่ในบริบทของลูกเสือ

พอลงโทษจนหนำใจ พี่เดชก็พอเพียงเท่านั้น แล้วก็สั่งให้ทุกคนใส่เสื้อกัน

อาจารย์สมศักดิ์เดินขึ้นมาพูดออกไมค์ ผมตกใจมากกับสิ่งที่แกพูด ผมคิดไม่ถึงเลยว่าแกจะมีแผนซ้อนแผน แกพูดว่า “เมื่อกี้ครูโอนให้ผู้ช่วยครูคือนายเดชเนี่ยลงโทษนักเรียนแทนครู แต่ครูคิดว่านายเดชลงโทษพวกเราหนักเกินไป ผิดจรรยาบรรณของการเป็นผู้ช่วย ถ้าใครรู้ว่าลูกของเขาโดนลงโทษแบบนั้น ครูคงถูกร้องเรียนตายเลย ครูได้ปรึกษาเพื่อนๆ ของครูแล้ว พวกเราต่างลงมติกันว่าพวกเราจะต้องลงโทษนายเดชให้หลาบจำ และจะได้ไม่ทำผิดซ้ำอีก ลูกเสือทั้งหมดเห็นด้วยไหม”

ลูกเสือทั้งหมดโห่ฮากันอย่างบ้าคลั่ง ตะโกนบอกว่าเห็นด้วย จนตอนท้ายเพี้ยน จนกลายเป็นตะโกนว่า “ฆ่ามันๆ”

พี่เดชเองก็คงคิดไม่ถึงเหมือนกันว่าจะมีแผนซ้อนแผน แกคงตื่นเต้นมากๆ เพราะอารมณ์แบบนี้เป็นใคร ใครก็ต้องตื่นเต้น ผมเองฟังที่อาจารย์สมศักดิ์พูดออกมานี่ควยแข็งเลย อยากหาที่ชักว่าวฉิบหาย แต่ตอนนั้นคงเป็นไปไม่ได้

อาจารย์สมศักดิ์เรียกให้พี่เดชไปยืนกลางสนาม และสั่งให้นักเรียนทั้ง 300 คนมายืนเป็นวงกลมวงใหญ่ๆ ล้อมเอาไว้ แกออกคำสั่งพี่เดชผ่านโทรโข่ง “นายเดช ตอนนี้ขอให้นายถอดเสื้อและกางเกงออกเพื่อพวกเราจะได้ลงโทษนายอย่างสาสม”

พี่เดชทำตามอย่างไม่ขัดขืน พี่เดชถอดเสื้อและกางเกงออกจนเหลือกางเกงในตัวเดียว ผมจำได้ว่าเป็นกางเกงในลุฟที่มีหลายสี ตอนนั้นสังเกตว่าควยพี่เดชตุงได้ที่แล้ว อาจารย์สมศักดิ์สั่งให้พี่เดชยืนในท่าที่เคยสั่งผมคือแยกขาและเอามือประสานไว้ที่ท้ายทอย ผมมักจะเรียกท่าแบบนี้ว่าท่ามาตรฐาน

อาจารย์พละ วิทย์ ภาษาไทย และศิลปะ พร้อมพี่เลี้ยงลูกเสืออีกหลายสิบคน ถือถังกันมาคนละสองใบ ในแต่ละถังมีไข่ดิบอยู่เต็ม

อาจารย์สมศักดิ์สั่งให้ลูกเสือทุกคนช่วยกันปาไข่ไปที่พี่เดช ลูกเสือทุกคนก็กำลังโกรธแค้นที่พี่เดชสั่งลงโทษพวกเขา พวกเขาจึงช่วยกันปาไข่ไปที่พี่เดช ใครยืนอยู่ตรงไหนก็ปาไปตรงนั้นจนทำให้เนื้อตัวของพี่เดชเปรอะเปื้อนไปด้วยไข่ และเวลาที่คนปาไข่แรงๆ ไปโดนตัว มันก็เจ็บมากๆ และวันนั้นพี่เดชน่าจะเจอไข่กว่า 600 ใบ

ตอนนั้นผมไม่ไหวแล้ว ไม่ร่วมปาด้วยหรอก แต่ผมวิ่งขึ้นไปชั้นสามของอาคารเรียน

ตอนนั้นพี่เดชหล่อกว่าเดิมมาก และหุ่นก็ดีกว่าเดิมคือเป็นหนุ่มฉกรรจ์เลยก็ว่าได้ แล้วดันถูกกระทำแบบป่าเถื่อนเช่นนี้ ผมเห็นเหตุการณ์แล้วเกิดอารมณ์มาก แอบหนีขึ้นไปชั้นสามแล้วไปยืนชักว่าวอยู่ตรงนั้น พอยืนชักได้สักพัก ผมก็เมื่อย เลยนั่งลงหลังพิงกำแพง แล้วนั่งหลับตานึกถึงภาพเมื่อตะกี้ แล้วก็ชักว่าวอย่างเมามันส์ ตอนนั้นได้อารมณ์มาก ผมชักจนน้ำแตกกระจาย

พอชักเสร็จผมลืมตาขึ้นและตกใจมากเพราะที่ยืนอยู่ข้างหน้าผมคือ อาจารย์สมศักดิ์กับอาจารย์พละ