“การเกณฑ์ทหาร” สำหรับบางคนคือเรื่องที่น่ากลัว สำหรับบางคนคือเรื่องสนุก สำหรับบางคนคือเรื่องของความภูมิใจที่ครั้งหนึ่งในชีวิตลูกผู้ชายจะได้เข้าไปรับใช้ชาติ

สำหรับผม ผมว่ามันก็เป็นอีกรสชาติชีวิตที่ผมอยากลอง

เมื่อผมอายุครบยี่สิบผมจึงตัดสินใจดรอปเรียนที่มหาวิทยาลัยไว้แล้วสมัครเป็นทหารเลยโดยไม่ตับใบดำใบแดง เพราะลึกๆ แล้วช่วงนั้นผมก็เบื่อหน่ายการเรียนวิศวะที่แสนยากลำบากอยู่เหมือนกัน บางทีไปเป็นทหารน่าจะสบายกว่าซะอีก

แต่ผมเชื่อว่าสำหรับคนส่วนใหญ่ คงไม่อยากมีช่วงเวลาจับใบดำใบแเดงกันเท่าไหร่ การเลือกเรียนรักษาดินแดน หรือ รด.เป็นเวลาสามปีเพื่อจะได้ไม่ต้องเกณฑ์ทหารจึงเป็นเรื่องที่เด็กไทยนิยมกันมาก

แต่ช่วงไม่กี่ปีมานี้ มีการสุ่มเรียกตัวอดีตนักศึกษาวิชาทหารเข้าไปฝึกทบทวนกันจนทำให้หลายคนที่ผ่านการเรียน รด.มา และคิดว่าตัวเองน่าจะรอดพ้นแล้วอยู่ไม่ค่อยเป็นสุขเท่าไหร่ แต่เท่าที่รู้ มีน้อยคนมากที่ถูกเรียก ส่วนใหญ่มักจะเป็นพวกที่จับได้ใบดำหรืออดีตทหารเกณฑ์ซะมากกว่าที่จะถูกเรียกไปฝึกทบทวนเป็นเวลา 6 เดือน

ใครจะคิดว่าการถูกเรียกตัวนี้มันจะเกิดขึ้นกับอาจารย์ระดับด็อกเตอร์วัย 32 ปีประจำภาควิชาวิศวกรรมแมคคาทรอนิกส์และหุ่นยนต์ในคณะและมหาลัยของผม

“อาจารย์ ดร.พีรกิตต์ เลิศวิทยา”

ผมได้เห็นตัวจริงของอาจารย์ ดร.พีรกิตต์ หรือ “อาจารย์พี” ครั้งแรกตอนผมอยู่ ม.6 ที่โรงเรียนประจำจังหวัดแห่งหนึ่งในภาคเหนือตอนล่าง อาจารย์เขามาพูดแนะนำการสอบเข้ามหาวิทยาลัยให้น้องๆ ม.หกที่โรงเรียนทุกปีในฐานะศิษย์เก่าที่เรียนเก่งและเป็นที่ภาคภูมิใจของโรงเรียนมาก ถึงขนาดอาจารย์เขาจบไปแล้วยังมีถ้วยรางวัลการแข่งขันทางคณิตศาสตร์และฟิสิกส์ของเขาตั้งอยู่เต็มตู้โชว์ของโรงเรียน

อาจารย์ในชุดเสื้อเชิ้ตขาวผูกไทด์วันนั้นดูน่าเชื่อถือมาก เป็นหนุ่มวัยสามสิบที่ดูดี หน้าตาจัดว่าดีเลยทีเดียว ตี๋ๆ แนวลูกคนจีน คิ้วเข้ม ผิวขาวจั๊วะ มีไรเคราที่ผ่านการโกนมาอย่างเนี๊ยบขึ้นอย่างมีเสน่ห์ รูปร่างสูงประมาณ 170 กว่าๆ หุ่นกำลังดี บุคลิกดูเรียบร้อย แต่ก็มั่นใจใน (ความเก่ง) ของตัวเอง

แต่พอผมได้มาเรียนกับอาจารย์ที่คณะจริงๆ แล้วพบว่าแกเป็นคนที่ค่อนข้างดุเลยทีเดียว ขรึม และออกข้อสอบยากมากกกกกกกกกกก จนนักศึกษาสอบตกวิชาแกกันระนาว

เคยมีอาจารย์ผู้ใหญ่คนอื่นไปบอกแกว่าให้ออกข้อสอบให้ง่ายกว่านี้หน่อย เด็กทำไม่ได้ แกก็สวนหลับมาว่า “ข้อสอบของผมออกตามหลักการ ถ้านักศึกษาทำข้อสอบผมไม่ได้ ก็ไม่ควรจะจบเป็นบัณฑิต ถ้าผมยังเป็นอาจารย์ที่นี่ ผมไม่ยอมให้มีบัณฑิตไม่มีมันสมองหลุดออกไปจากคณะนี้แน่นอน”

แถมบางทีแกยังเถียงอาจารย์ผู้ใหญ่ในคณะอีกเพราะบางคนก็ไม่ได้จบถึง ดร. เหมือนกับแก แก้เลยมั่นใจในความรู้ของตัวเองมาก

และนั่นก็เป็นสาเหตุที่นักศึกษาไม่ค่อยปลื้มแกเท่าไหร่ ยกเว้นพวกนักศึกษาสาวๆ ที่มองข้ามเรื่องความเข้มทางวิชาการไปได้ ยอมให้อภัยเพราะว่าอาจารย์แกหล่อนี่แหละ แล้วก็เป็นดร.ที่ยังหนุ่มมมาก เพราะแกได้ทุนจากมหาลัยเรียนรวดเดียวจบเลย

แถมบางทีแกก็ชอบทำสายตาเจ้าเสน่ห์มาที่นักศึกษาสาวๆ สวยๆ ให้ละลายเล่น แกเคยมีข่าวว่าคบกันแบบลับๆ กับนักศึกษาที่เป็นดาวมหาลัยด้วยแต่ก็ยังไม่มีใครรู้ว่าจริงหรือไม่จริง แต่ที่แน่ๆ คือนักศึกษาหนุ่มๆ หมั่นไส้แกกันแทบทุนคน ยกเว้นพวกเด็กเนิร์ดหัวกะทิที่ทำข้อสอบแกได้และมีแกเป็นไอดอล


ตอนผมอยู่ปีสาม ช่วงต้นปี ตอนนั้นผมอายุ 20 และถึงเวลาเกณฑ์ทหาร เพื่อนหลายคนที่ต้องเกณฑ์ทหารส่วนใหญ่เลือกที่จะผ่อนผัน แต่ผมกลับเลือกที่จะดรอปเรียนแล้วไปสมัครเป็นทหารเลย เพราะผมเหนื่อยกับการเรียนมาก โดยฉพาะในวิชาของอาจารย์พีที่ผมสอบเท่าไหร่ๆ ก็ไม่ผ่านสักทีจนผมท้อ

จนวันหนึ่งที่ผมไปติดต่อเจ้าหน้าที่ของคณะเพื่อทำเรื่องดรอปเรียนผมก็ได้ยินเจ้าหน้าที่ของคณะคุยกันว่าช่วงนี้อาจารย์พีรกิตต์สุดหล่อดูเครียดๆ ไปเพราะพึ่งมีจดหมายจากสัสดีจังหวัดส่งมาให้แก เพื่อเรียกแกซึ่งเรียน รด.ครบสามปีกลับไปฝึกทบทวนวิชาทหารเป็นเวลาหกเดือน

ด้วยความเสือก ผมเลยเข้าไปร่วมวงด้วย

“แล้วอาจารย์พีเขาต้องไปจริงๆ เหรอครับ”

“พี่ก็ไม่รู้นะน้อง ตอนนี้พี่เห็นอาจารย์เขาก็พยายามหาเส้นสายที่จะช่วยอยู่ ไม่รู้จะได้เรื่องรึเปล่า”

“แต่พี่เห็นอาจารย์ผู้ใหญ่เขาก้ไม่ค่อยวิ่งเต้นให้เท่าไหร่นะ สงสัยจะเป็นเพราะอาจารย์พีแกเคยปากดีไว้เยอะ”

พอพูดประโยคนั้นจบ เพื่อนอีกคนก็รีบเอามือมาสะกิดให้หยุกพูดเพราะอาจารย์พีแกเดินเปิดประตูเข้ามาในห้องพอดี หน้าตาดูเคร่งเครียด

ผมยกมือสวัสดี แต่แกไม่ได้ตอบสนองใดๆ มีแค่หันไปบอกเจ้าหน้าที่ด้วยเสียงเข้มๆ ว่า “เอากาแฟไปให้ผมด้วย” แล้วแกก็เดินไปที่โต๊ะ

หลังจากวันนั้น ผมก็เจอแกบ้าง เจอทีไรแกก็หน้าเครียด แถมตอนสอนนักศึกษาก็ดูอารมณ์เสียกว่าเดิม จนช่วงเดือนเมษายนปีนั้นผมก็ดรอปเรียนมาจัดการเรื่องทหารของผมให้เรียบร้อย

จนวันที่ผมได้เจอกับอาจารย์พีอีกทีนึงคือช่วงเดือนถัดมา วันนั้นผมแต่งตัวสบายๆ ตัดผมเกรียนทรงลานบินเรียบร้อย ไปรายงานตัวที่ค่ายทหารที่อยู่ในจังหวัด (ทั้งโรงเรียนเก่า มหาวิทยาลัย และค่ายทหารอยู่ในจังหวัดเดียวกัน เพราะเป็นจังหวัดใหญ่ทางภาคเหนือตอนล่าง)

เพื่อนทหารเกณฑ์สามร้อยกว่าคนที่มารายงานตัวต่างคุยกันเสียงดัง บางคนที่ญาติมาส่งก็ร้องก่มร้องไห้กอดกัน ก่อนที่ครูฝึกยศจ่าในชุดลายพรางจะเรียกให้ทุกคนมานั่งรวมกันที่ลานหน้าตึดบัญชาการ แล้วแยกออกเป็นสองส่วนคือส่วนที่มาจากในจังหวัด กับส่วนที่มาจากจังหวัดอื่น ซึ่งส่วนทหารในจังหวัดของผมมี 80 นาย พอทุกคนมานั่งรวมกันแล้วครูฝึกก็ตรวจเช็คดูแล้วตะโกนเสียงดังว่า

“เฮ้ย ไอ้เชิ้ตขาวคนนั้นอ่ะ ออกมานี่ดิ๊!”

ทุกคนหันไปมองตามเสียงครูฝึก ทันใดนั้นจ่าอีกคนที่อยู่ใกล้ๆก็เข้าไปดึงเสื้อให้พลทหารใหม่ที่ถูกเรียกลุกขึ้นมา

“อาจารย์พี!!!!”

ผมตกใจมากเพราะไม่คิดว่าจะเจออาจารย์พีรกิตต์ที่นี่

อาจารย์ในชุกกางเกงแสล็กขายาว เชิ้ตขาว รองเท้าหนังลูกครูฝึกดึงตัวออกมาที่หน้าแถว สีหน้าเลิ่กลั่กไม่เหมือนอาจารย์พีคนเก่งที่ผมเคยรู้จัก

“แต่งตัวมายังกะจะไปประชุมที่ไหนเลยมึง ไม่ได้ดูชาวบ้านชาวช่องเขาเล้ยยย แล้วทำไมไม่ตัดผมมาให้เหมือนชาวบ้านเค้า”

ครูฝึกถาม อาจารย์พีตอบว่าผมแค่มาฝึกทบทวนไม่ได้มาเป็นทหารเกณฑ์ไม่นึกว่าจะต้องตัดด้วย

ครูฝึกเลยหันไปเช็ครายชื่อ จึงได้รู้ว่าอาจารย์พีเป็นใคร

“ดร.พีรกิตต์ เลิศวิทยา โห ผลัดนี้มีระดับ ดร.มาด้วยว่ะ จำไว้นะว่าที่นี่ค่ายทหาร ไม่ใช่โรงเรียน ไม่ใช่มหาลัย ไม่มี ดร.อะไรทั้งนั้น ทุกคนคือทหารเหมือนกันหมด คุณเข้ามาคุณก็ต้องเป็นพลทหารเหมือนกับคนอื่นๆ อย่ามาถือตัวว่าเป็น ดร.ในนี้เข้าใจไหม”

จากนั้นอาจารย์พีก็ถูกสั่งให้ตะโกนดังๆ หน้าแถวว่า “เข้าใจครับผม”

แล้วครูฝึกก็บอกว่า “พวกมึงทุกคนไม่ยอมเตือนเพื่อนคนนี้ให้ตัดผม งั้นพวกมึงก็ต้องนั่งตากแดดไปจนกว่าไอ้นี่จะตัดผมเสร็จ”

แล้วครูฝึกก็สั่งให้อาจารย์พีวิ่งไปลากเก้าอี้จากในตึกมาตั้งข้างหน้าแถว

“ถอดเสื้อมึงออก แล้วนั่งลง”

ผมไม่คิดเลยว่าจะได้เห็นคนอย่าง ดร.พีรกิตต์ มาถูกทหารยศจ่าสั่งให้ถอดเสื้อต่อหน้าเหล่าวัยรุ่นเด็กแว๊นในจังหวัด อาจารย์พีค่อยๆ ปลดกระดุกเชิ้ตออกแล้วถอดโชว์ผิวขาจั๊วะต่อหน้าทหารใหม่ทุกคน ผมจึงเห็นว่านอกจากจะขาวแล้วอาจารย์ยังซ่อนรูปไม่เบา เพราะถึงกล้ามเนื้อจะไม่ชัด แต่โครงไหล่ แขน หน้าอก และหน้าท้องที่เรียบแบนเกือบจะเห็นซิกแพ็คก็ถือว่าหุ่นดีมากเลยทีเดียว แถมยังมีขนหน้าอกเล็กๆ ให้เห็นด้วย แถมขนใต้สะดือก็ดกดำลากยาวลงมาถึงขอบกางเกง

อาจารย์พีถอดเสื้อแล้วนั่งบนเก้าอี้หน้าแถวก่อนจะถูกครูฝึกจับจิกผมรองทรงของแก้อย่างแรงจนหัวโยกแล้วเอาปัตตาเลี่ยนไถให้เป็นทรงทหารเกณฑ์ สิ่งมีชีวิตที่ยศที่ต่ำที่สุดในวงการทหาร

อาจารย์พีหน้าเหยด้วยความเจ็บแล้วก็คงอายด้วย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมให้พวกครูฝึกตัดผมไปท่ามกลางสายตาเพื่อนทหารเกณฑ์ที่อายุน้อยกว่าสิบปีที่มองอยู่

พอตัดผมเสร็จแล้วครูฝึกก็ให้อาจารย์พีเดินกลับเขาไปในแถวโดยที่ยังเปลือยท่อนบนโชว์หุ่นขาวไม่ใส่เสื้อเพื่อเป็นการลงโทษ ก่อนที่จะเรียกให้ทหารทั้งหมดยืนแล้วฝึกท่าระเบียบแถวเล็กน้อยกลางแดดเป็นเวลาเกือบหนึ่งชั่วโมง

ผมมองไปที่อาจารย์พี เห็นว่าแกเหงื่อไหล่ท่วมตัว ผิวขาวของแกเริ่มแดงไหม้เพราะแดด

จะว่าผมสงสารแกไหม ก็คงจะนิดหน่อย เพราะยังไงแกก็เป็นอาจารย์ผม ผมคิดว่าแกไม่สมควรมาโดนทำอะไรแบบนี้

แต่อีกใจนึงผมก็รู้สึกตื่นเต้นเหมือนกันที่ได้เห็นอาจารย์พีในอีกมุมนึง มุมที่อาจารย์จะมาแสดงอำนาจเหนือผมไม่ได้

เพราะตอนนี้เราคือ “พลทหาร” เหมือนกัน

หลังจากโดนสั่งฝึกระเบียบแถวกันพอหอมปากหอมคอเพื่อถ่วงเวลารอทหารเกณฑ์อีกกลุ่มตรวจความเรียบร้อยเสร็จ (อีกกลุ่มมีคนไม่ตัดผมมาเยอะ เลยใช้เวลานาน เพราะมาจากคนละจังหวัด ไม่เหมือนจังหวัดผมที่ครูฝึกบอกไว้ก่อนเลยตั้งแต่วันจับใบดำใบแดงว่าให้ตัดผมมาทุกคน จึงไม่มีใครพลาดนอกจากอาจารย์พีที่ไม่รู้เรื่อง)

ครูฝึกก็ให้พวกเราเดินไปแถวเรียงเดี่ยวไปที่บริเวณลานด้านในค่ายฝึกซึ่งห่างจากที่ที่อาจารย์พีถูกตัดผมเกือบหนึ่งกิโลเพื่อไปรวมกับพวกทหารกลุ่มที่มาจากต่างจังหวัด ซึ่งพอรวมกันแล้วอาจารย์พีก็เด่นมากเพราะเป็นคนเดียวที่โดนสั่งให้ถอดเสื้อเดินมาจากด้านหน้าค่ายจนเป็นจุดสนใจของทุกคน

พอทุกคนมารวมกัน พวกเราก็ถูกส่งต่อให้ผู้ช่วยครูฝึกซึ่งเป็นทหารเกณฑ์รุ่นพี่มาจัดการแบ่งทหาร 300 กว่านายออกเป็น 3 กองร้อย ซึ่งกองร้อยของผมมีอยู่ 100 คนพอดี

แล้วเราก็ได้ถูกแนะนำให้รู้จักกับผู้ช่วยครูฝึกประจำกองร้อยอีกทีเพื่อแบ่งกองร้อยออกเป็นสามหมวด และแบ่งแต่ละหมวดออกเป็นสามหมู่โดยเรียงตามลำดับความสูง

ซึ่งโชคชะตาและความสูงของผมที่สูงไล่เลี่ยกับอาจารย์พีก็ทำผมมายืนต่อแถวที่หมู่เดียวกับอาจารย์พี โดยอาจารย์พีเป็นคนที่สูงที่สุดของแถวจึงอยู่หน้าสุด ส่วนผมสูงรองลงมาจึงอยู่หลังอาจารย์พอดี ทำให้ผมเห็นแผ่นหลังขาวชุ่มเหงื่อของอาจารย์พีอย่างใกล้ชิด

ผมตัดสินใจสะกิดอาจารย์พีจนอาจารย์พีหันมาเจอผม แล้วผมก็ยกมือไหว้ อาจารย์มีท่าทางตกใจนิดๆ แกคงจำชื่อเด็กหลังห้องอย่างผมไม่ได้หรอก แต่แกก็คงคุ้นหน้าบ้างเพราะแกก็สอนผมมาสองสามปี แถมเคยด่าผมว่าโง่เพราะตกวิชาแกซ้ำซาก

วันนี้มาเห็นแกในสภาพถูกถอดเสื้อผมสั้นเกรียนติดหนังหัวก็สะใจผมดีลึกๆ เหมือนกัน จะว่าไปผมทรงนี้ก็เหมาะกับหน้าหล่อๆ ของอาจารย์ไม่น้อย

“อาจารย์จำผมได้ไหม ผมธีรเทพ ปีสามอ่ะคับจารย์”

อาจารย์พียังไม่ทันตอบอะไร แต่ผมเห็นได้ชัดว่าอาจารย์หน้าเริ่มแดงและดูเครียดกว่าเดิม แกคงจะอายที่มีลูกศิษย์ที่มหาลัยมาเห็นแกในสภาพนี้

“เฮ้ย คุยไรกันวะ” เสียงผู้ช่วยครูฝึกทำให้อาจารย์พีหันกลับไปและไม่หันมาหาผมอีก

จากนั้นผู้ช่วยครูฝึกก็สั่งให้ทหารทุกนายในกองร้อยถอดเสื้อผ้าออกให้เหลือแค่กางเกงในแล้วให้เดินถือเสื้อผ้าพร้อมกับของมีค่าทุกอ่างในตัวรวมทั้งโทรศัพท์มือถือมาใส่กล่องด้านหน้าแล้วฝากไว้ที่กองร้อยตลอดการฝึก ก่อนที่ทุกคนจะได้รับแจกถุงยังชีพที่ประกอบไปด้วยชุดต่างๆ ที่ต้องใช้ตลอดการฝึก กางเกงในผ้ายืดสีน้ำตาลอ่อนคนละหกตัว ขันน้ำ แปรงสีฟัน ผ้าเช็ดตัวและผ้าปูที่นอน

จากนั้นก็ให้ทุกคนเดินถือของขึ้นไปบนโรงนอน วางของไว้บนเตียงแล้วมายืนท่าตรงในชุดกางเกงในตัวเดียวที่ปลายเตียงของตัวเอง โดนเตียงของผมอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเตียงอาจารย์พี เลยได้ยืนประจันหน้ากันพอดี

อาจารย์พีที่ยืนอยู่ตรงหน้าห่างจากผมไม่ถึงสอก้าวตอนนี้ ไม่ใช่อาจารย์พีที่ใส่เสื้อเชิ้ตผูกเนกไทด์อย่างที่ผมเยชินที่มหาวิทยาลัย แต่เป็นอาจารยพีที่ยืนตรงเอามือแนบลำตัวตามคำสั่งของทหารเกณฑ์รุ่นพี่ที่มีอายุน้อยกว่าแกถึงสิบกว่าปี และแน่นอนว่าการศึกษาของแต่ละคนต่ำกว่าแกมาก บางคนอาจเรียนไม่จบ ม.หกด้วยซ้ำ

บนร่างกายอาจารย์พีมีเพียงกางเกงในสีฟ้าอ่อนตัวเดียวปกปิดของลับของแกเอาไว้ มองจากข้างนอกผมคิด่าของอาจารย์คงใหญ่พอสมควรเพราะมันช่างนูนอูมออกมาอย่างชัดเจน

อาจารย์พีเป็นคนตัวสูงรูปร่างผอมแต่ก็พอมีกล้ามเนื้อให้เห็นกำลังสวยงาม หน้าท้องแบนราบไม่มีพุง อาจเป็นเพราะแกชอบเล่นเทนนิสเป็นประจำอย่างที่ผมเคยเห็นที่คอร์ดของมหาลัยตอนเย็นบ่อยๆ หัวนมสีน้ำตาลอ่อนบนผิวขาวของแกก็กลมเกลี้ยงน่ามอง ขนรักแร้ของแกน่าจะเยอะมากเพราะขนาดตอนนี้อาจารย์พียืนตรงหุบแขนยังสามารถเห็นขนรักแร้ที่ฟูโผล่แพลมออกมาจากวงแขนของแกได้ชักเจน เช่นเดียวกับขนใต้สะดือที่ขึ้นครึ้มลากลงไปถึงขอบกางเกงใน ที่มีหมอยโผล่แพลมออกมจากขอบขากางเกง ขนต้นขาที่ขนหน้าแข้’ของอาจารย์ก็ดกมาจนผมมั่นใจว่าหมอยของอาจารย์คงดกมากอย่างแน่นอน

ผมมองหน้าอาจารย์แต่อาจารย์แกพยายามหลบสายตา เพราะแกคงอายที่มาอยู่ในสภาพนี้ต่อหน้าผมซึ่งเป็นนักศึกษาที่แกสอน ไม่นานผู้ช่วยครูฝึกซึ่งเป็นทหารรุ่นพี่ก็สั่งให้ทหารใหม่ทั้งหมดยืนตรงแล้วทำไมวันยาหัตถ์ทำความเคารพหัวหน้าครูฝึกประจำกองร้อยที่เดินก้าวเข้าห้องมาในชุดทหารลายพราง

“สวัสดี ทหารใหม่ทุกนาย ผมจ่าสิบเอกอนุรักษ์ หรือจ่าแชมป์ จะเป็นหัวหน้าครูฝึกที่รับผิดชอบการฝึกตลอดระยะเวลาที่พวกคุณอยู่ในกองร้อยนี้ ขอให้ทุกคนเชื่อฟังคำสั่งและทำตัวให้ดี ผมไม่ใช่คนโหด แต่ถ้าใครนอกคอกล่ะก็ อย่าหาว่าผมไม่เตือน”

จ่าแชมป์พูดพร้อมกับเดินไล่มองหน้าทหารเกณฑ์ผลัดใหม่ทุกคนที่ยืนตรงใส่กางเกงในตัวเดียวอยู่ที่ปลายเตียงของตัวเอง จนมาถึงเตียงคู่ในสุดซึ่งเป็นของผมกับอาจารย์พี แกมองหน้าผมแค่ไม่กี่วินาทีแล้วก็เดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าอาจารย์พี

“อ้าว กองร้อยเรามีคนสำคัญอยู่ด้วย ไงด็อกเตอร์ จำเพื่อนเก่าได้ไหม”

“ไอ้แชมป์” อาจารย์พีมีสีหน้าตกใจเล็กน้อย จะว่าดีใจก็ไม่เชิง แต่ทันใดนั้นอาจารย์พีก็ต้องสะดุ้งตัวเพราะเสียงตะโกนของจ่าแชมป์

“กูเป็นเพื่อนเล่นมึงเหรอ อยู่นี่มึงทุกคนต้องเรียกกูว่าครูแชมป์ ไม่ว่ามึงจะเป็นใครมาจากไหน ที่นี่กูใหญ่สุด เข้าใจมั๊ย โดยเฉพาะมึง พลทหารพีรกิตต์ กูถามว่าเข้าใจไหม”

อาจารย์พีไม่ตอบแต่ผมเห็นอาจารย์พีกัดฟันแน่น มือที่แนวลำตัวของแกเริ่มกำเหมือนกำลังโกรธ

ตอนนั้นผมไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ต่อมาก็ได้รู้ว่าความจริงแล้วอาจารย์พีกับจ่าแชมป์เป็นรุ่นพี่ศิษย์เก่าของผมที่โรงเรียนประจำจังหวัดทั้งคู่ โดยเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันและอยู่ห้องเดียวกัน

ในขณะที่อาจารย์พีเป็นเด็กเรียนสอบติดคณะวิศวะและได้เรียนจนจบปริญญาเอกกลายเป็นอาจารย์สอนมหาลัย แต่จ่าแชมป์ที่เป็นเด็กสมองช้า ถึงจะพยายามแค่ไหนก็สอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้ ที่บ้านก็จนไม่มีปัญญาไปสมัครมหาลัยเอกชนดีๆ จ่าแชมป์เลยออกมาทำการค้าขายหลายอย่างแต่ก็ไปไม่รอด จนตัดสินใจสมัครทหารตอนอายุ 20 แล้วก็อยู่ในกรมทหารเรื่อยมาจนได้ยศจ่าสิบเอกและได้เป็นครูฝึกทหารเกณฑ์ที่นี่

จนโชคชะตาได้พามาเจอกับอาจารย์พีกิตต์เพื่อนเก่าอีกครั้ง จึงไม่แปลกว่าอาจารย์พีจะรู้สึกเสียหน้าและโกรธมากที่ถูกเพื่อนเก่าที่ในอดีตไม่มีอะไรสู้เขาได้เลยมาออกคำสั่งในฐานะครูฝึกกับทหารเกณฑ์ ซึ่งคนอย่างอาจารย์พีไม่ควรจะต้องตกมาอยู่ในสถานะนี้ถ้าไม่ถูกเรียกฝึกทบทวน

“หัวดื้ออย่างนี้ สงสัยหมวดนี้จะต้องละลายพฤติกรรมกันเยอะหน่อย พลทหารทุกคนฟัง เนื่องจากหมวดของเรามีทหารที่ถูกเรียกฝึกทบทวนมาด้วย คือไอ้นี่!!”

จ่าแชมป์พูดพร้อมเอามือลากอาจารย์พีออกมาให้อยู่ตรงกลางช่องที่ปลายเตียงสองฝั่งหันชนกันเพื่อให้ทหารเกณฑ์ทุกคนในโรงนอนนั้นเห็นกันให้ชัด จากนั้นก็สั่งให้อาจารย์พีแนะนำตัว

“พลทหาร รายงานชื่อ อายุ อาชีพว่าทำอะไรอยู่ที่ไหนให้ทุกคนฟัง ปฏิบัติ”

จ่าแชมป์ออกค่ำสั่งกับเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันนานให้รายงานตัวต่อหน้าพลหารทุกนายในชุดกางเกงในตัวเดียวอย่างไม่ให้เกียรติอาจารย์พีเลย ซึ่งตามเหตุผลผมก็สงสารอาจารย์พี เพราะผมคิดว่ายังไงอาจารญืเขาก็ผ่านการเรียน รด. มาแล้วแค่ถูกเรียกมาฝึกทบทวน ไม่น่าทำกันขนาดนี้ แต่ถ้าตามอารมณ์ผมก็ตื่นเต้นและอยากเห็นเหมือนกันว่าคนที่มีอีโก้สูงมากๆ ที่มหาวิทยาลัยอย่างอาจารย์พีมาเจอแบบนี้แล้วจะเป็นยังไง

อาจารย์พีคงทำใจไม่ได้ที่ถูกอดีตเพื่อนสั่งแบบนี้เลยไม่ยอมรายงานตัวตามที่จ่าแชมป์สั่ง จ่าแชมป์เลยพูดว่า

“มึงจะรายงานตัวตรงนี้ หรือจะไปรายงานตัวกลางแดดหน้าตึก เลือกเอา แล้วเพื่อนๆ มึงก็ต้องลงไปตากแดดฟังมึงรายงานตัวด้วย”

พอจ่าแชมป์พูดจบพวกทหารเกณฑ์ก็เริ่มมีเสียงโวยวายไม่พอใจจนผู้ช่วยครูฝึกสั่งให้เงียบ พอโดนขู่แบนั้นอาจารย์พีเลยยอมทำตาม

“ผม ดร.พีรกิตต์ เลิศวิทยา อายุ 32 ปี ปัจจุบันเป็นอาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมแมคคาทรอนิกส์และหุ่นยนต์ คณะวิศวะกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยxxxx ครับผม”

“ลืมอะไรไปรึเปล่าวะ ตอนนี้มึงไม่ได้มีตำแหน่ง ดร.อย่างเดียวแล้วนะเว้ย มีมียศผลทหารด้วย เวลรายงานตัวใส่เข้าไปหน้าชื่อมึงด้วยดิไอ้เวร เอาใหม่ เสียงดังกว่านี้ อ่อ แล้วคราวนี้ โทษฐานที่มึงพูดรอบเมื่อกี้ผิด ถอดกางเกงในออกด้วย แก้ผ้ารายงานตัวให้เพื่อนพลทหารมึงทุกคนได้รู้จักมึงทุกซอกมุมหน่อย ถอดออกให้ทุกคนเห็นควยด็อกเตอร์กันหน่อยดิ๊ ปฏิบัติ!!!”

อาจารย์พีทำหน้าอึ้งไป กำหมัดแน่น ในใจคนแค้นมากแตาก็คงไม่กล้าเถียงกลับ แต่ก็ไม่ทำตามที่จ่าแชมป์เพื่อนเก่าสั่ง จนจ่าแชมป์ขู่ว่า “ถ้าไม่ยอมถอดตรงนี้ก็จะให้ไปถอดกลางแจ้งข้างนอก และถอดกันหมดทั้งกองร้อย จะเอายังไง”

ผมรู้สึกว่ามันเริ่มจะไปกันใหญ่แล้วและผมก็ไม่อยากจะต้องออกไปแก้ผ้าข้างนอก ด้วยความที่ผมอยู่ใกล้ๆ ตรงที่อาจารย์พียืนพอดีผมเลยพูดเสียงเบาๆ ใส่อาจารย์พีไปว่า

“ยอมถอดเหอะจารย์”

จนลืมคิดไปว่ายังไงจ่าแชมป์ก็ต้องได้ยิน

จ่าแชมป์หันมาที่ผมทันทีก่อนที่จะบอกให้ผมเงียบ ก่อนที่จะทำหน้าเหมือนนึกอะไรขึ้นได้จึงถามผมว่าไอ้ด็อกเตอร์นี่เป็นอาจารย์มึงเหรอ ผมก็ตอบว่าใช่ครับผมผมเป็นนักศึกษาที่เรียนกับเค้าที่คณะ

จ่าแชมป์ยิ้มแบบมีเลศนัยก่อนจะพูดว่า

“ในเมื่อมึงไม่ยอมถอดดีๆ เดี๋ยวกูจะให้ลูกศิษย์มึงเป็นคนถอดให้”

แล้วก็ให้ผู้ช่วยครูฝึกสองคนมาจับข้อมือทั้งสองข้างของอาจารย์พีคนละข้างแล้วชูขึ้นโชว์ขนรักแร้ที่ฟูเต็มวงแขนให้ทุกคนดู

อาจารย์พีพยายามบอกว่า “พอแล้วเดี๋ยวถอดเอง ยอมถอดเองแล้ว”

แต่จ่าแชมป์ก็ไม่เปลี่ยนใจ แกสั่งให้ผมเดินมาข้างหลังอาจารย์พีแล้วถอดดางเกงในของอาจารย์พีลงไปกองที่ข้อเท้า

ผมเองไม่นึกไม่ฝันเลยว่าวันนึงจะต้องมาเป็นคนถอดกางเกงในอาจารย์พีให้คนอื่นดูในค่ายทหาร อาจารย์พีเองก็คงไม่นึกเหมือนกันว่าวันนึงจะถูกลูกศิษย์ตัวเองถอดกางเกงในจนแกได้ยืนโชว์ควยต่อหน้าเด็กวัยรุ่นกากเดนนับสิบคนโดยคำสั่งของเพื่อเก่าที่ต้องนี้มีสิทธิทำอะไรก็ได้เพราะเป็นครูฝึกของเขาซึ่งกลายมาเป็นพลทหาร

อาจารย์พีหน้าแดงตัวแดงไปทั้งตัวเพราะคงจะอายมาก ควยของอาจารย์พีกึ่งแข็งกึ่งอ่อนอยู่ในดงหมอยดกฟูไม่แพ้ขนรักแร้ที่ยังถูกผู้ช่วยครูฝึกยกแขนชูให้โชว์เอาไว้

จ่าแชมป์เดินมาดูสภาพของอาจารย์พีชัดๆ แล้วยิ้มอย่างพอใจ

“หมอยดกดีนี่หว่า ไม่นึกเลยว่ากูจะมาเจอมึงอีกครั้งในสภาพนี้ อุส่าห์ตั้งใจเรียนเป็นถึงด็อกเตอร์เป็นครูบาอาจารย์ แต่ยังดวงซวยมาให้กูฝึกมาให้กูจับแก้ผ้าโชว์หมอยโชว์ควยให้ไอ้พวกเด็กทหารเกณฑ์มันดูถึงในนี้ สะใจกูจริงๆ ว่ะ เป็นไงบ้างวะโดนลูกศิษย์ตัวเองจับแก้ผ้า ฮ่าๆๆ”

จ่าแชมป์กระซิบข้างหูอาจารย์พี ซึ่งผมอยู่ใกล้พอที่จะได้ยินพอดี

จากนั้นจ่าแชมป์ก็ให้ผู้ช่วยครูฝึกปล่อยแขนอาจารย์พีลง ให้อาจารยืพียืนในท่าตรงแล้วรายงานตัวอีกครั้ง คราวนี้ในสภาพแก้ผ้าล่อนจ้อน!!!

“ผม พลทหาร ดร.พีรกิตต์ เลิศวิทยา อายุ 32 ปี ปัจจุบันเป็นอาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมแมคคาทรอนิกส์และหุ่นยนต์ คณะวิศวะกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยxxxx ครับผม!!”

“พวกมึงทุกคนดูเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นด็อกเตอร์ มีเงิน มีการศึกษาสูงแค่ไหนหรือเป็นเหี้ยอะไร ตอนนี้พวกมึงก็เป็นแค่พลทหารที่ต้องปฏิบัติตามคำสั่งทุกอย่าง เข้าใจไหม”

“เข้าใจครับผม!!” พลทหารทุกนายตอบพร้อมกัน

หลังจากนั้นจ่าแชมป์ก็สั่งให้อาจารย์พีกลับเข้าไปยืนที่ปลายเตียงของตัวเองในสภาพที่ยังแก้ผ้าล่อนจ้อนอยู่ แล้วบอกว่าเนื่องจากพลทหารนายนี้ไม่ยอมเชื่อฟังคำสั่งตั้งแต่ทีแรกเพราะถือตัวว่าเป็นด็อกเตอร์ เพราะฉะนั้นหมวดนี้คงต้องมีการละลายพฤติกรรมกันเข้มข้นกว่าหมวดอื่นสักหน่อย แล้วก็สั่งให้พลทหารในหมวดทุกนาย (30 นาย) ที่อยู่ในโรงนอนนั้นถอดกางเกงในออกให้หมดทุกคนจนทุกคนเหลือแค่ตัวเปล่าโชว์ควยไม่ต่างจากอาจารย์พี มีตั้งแต่ควยขาว ดำ เล็กใหญ่ละลานตามากมาย แต่ผมแทบไม่ได้จ้องควยใครเลยนอกจากควยของอาจารย์พีที่เเป็นลำยาวกึ่งแข็งกึ่งอ่อนอยู่ในดงหมอยตรงหน้าผมเพราะไม่ใช่ทุกคนหรอกที่จะมีโอกาสได้เห็นควยอาจารย์ระดับด็อกเตอร์ ฮ่าๆ

จากนั้นจ่าแชมป์ก็ประกาศว่าการฝึกต่อจากนี้ทุกคนจะต้องมีบัดดี้เป็นคู่หูกัน ช่วยเหลือกันตลอดการฝึก ซึ่งก็คือตรงที่อยู่ตรงข้ามของแต่ละคนในตอนนี้

ผมมองหน้าอาจารย์พี และอาจารย์พีก็มองหน้าผมตอบด้วยแววตาที่ผมก็มองไม่ออกว่าแกรู้สึกยังไง แต่มันไม่น่าจะใช่ความดีใจแน่ๆ ที่ได้มาเป็นบัดดี้ในค่ายทหารกับนักศึกษาที่สอบตกวิชาแกแทบทุกเทอม

พอทุกคนรู้บัดดี้ของตัวเองแล้วจ่าแชมป์ก็ให้แต่ละคู่ก้าวออกมาข้างหน้าตัวเองคนละ 1 ก้าวจนบัดดี้แต่ละคู่หันหน้าเข้าหากับแบบตัวแทบจะชนกัน ตอนนี้ควยผมและควยของอาจารย์พีอยู่ห่างกันแค่ไม่กี่คืบ จนมีคำสั่งต่อมาคือ ให้แต่ละคนเอามือจับควยบัดดี้ของตัวเองแล้วผลัดกันชักผลัดกันปั่นจนกว่าจะแข็ง

“ผลัดกันปั่นควยเข้า จะได้ไม่อายกัน ปั่นเอาให้ของคู่ตัวเองแข็งโด่เลยนะเว้ย แต่ห้ามแตกเลอะเทอะนะมึง ใครทำเพื่อนแตกเดี่ยวมึงซวย”

ซึ่งระหว่างปั่นจ่าแชมป์ก็ให้แต่ละคนแนะนำตัวทำความรู้จักกับบัดดี้ของตัวเองไปขณะที่ปั่นควยให้ด้วยว่าเป็นใครมาจากไหน ซึ่งหลายคู่ก็ดูจะเขินๆ ปนเสียวที่ต้องมาทำความรู้จักกันในขณะที่กำลังปั่นควยให้กันแบบนี้

ส่วนอาจารย์พีแกไม่คุยกับผมเลย แกจับควยผมชักตามคำสั่งของจ่าแชมป์แต่พยายามเบี่ยงหน้าไปทางอื่น ส่วนผมก็เอื้อมมือไปจับท่อนเอ็นของแกแล้วชักเข้าชักออกจนของแกเริ่มแข็ง ผมแทบไม่เชื่อตัวเองเลยว่าจะมีวันนี้ นี่ผมกำลังชักว่าวให้อาจารย์พีอยู่เหรอนี่!!!

เหมือนจ่าแชมป์จะสังเกตได้ว่าคู่ผมกับอาจารย์พีไม่คุยกันเลย เลยเดินมาบอกให้คู่ของผมหยุดก่อนส่วนคู่อื่นให้ทำต่อไป จนทุกคู่ทำเสร็จก็ให้แยกออกไปยืนปลายเตียงใครเตียงมันเหมือนเดิมในสภาพควยแข็งโด่กันทุกคน เสร็จแล้วก็ให้คู่ของผมกับอาจารย์พีมายืนตรงกลางแล้วให้ผมจับควยอาจารย์พี อาจารย์พีจับควยผมแล้วผลัดกันปั่นแข็งต่อหน้าเพื่อนทหารทุกคน แถมยังสั่งให้คุยแนะนำตัวกันดังๆ ให้ทุกคนในโรงนอนได้ยินด้วย

ผมเริ่มก่อนโดยแนะนำว่าผมชื่อธีรเทพ หรือเทพ เป็นนักศึกษาปีสามที่คณะที่อาจารย์สอนอยู่ ต่อด้วยอาจารย์พีก็พูดกับผมแบบโดนบังคับว่าเป็นอาจารย์สอนผมอยู่ แล้วพวกครูฝึกก็หัวเราะ และบอกว่า

“พวกมึงดูสิวะ อาจารย์กับลูกศิษย์ชักว่าวให้กัน ภาพแบบนี้จะหาดูได้ที่ไหนถ้าไม่ใช่ในค่ายทหาร”

ทำให้ผมรู้สึกอาย แต่คนที่อายและเสียศักดิ์ศรีกว่าผมแน่นอนว่าต้องเป็นอาจารย์พี ผมเห็นหน้าแกแดงลงไปถึงหน้าอก ตัวมีเงื่อซึมทั่ว แกกัดกรามแน่นน่าจะทั้งด้วยความแค้นที่ถูกเหยียดหยามเกียรติศักดิ์ศรีอย่างที่ไม่เคยโดนมาก่อน และผสมกับความเสียวที่ผมกำลังจับแกชักว่าวปั่นแข็งให้อยู่ ผมเองก็เสียวไม่น้อย จนในที่สุดควยผมก็เป็นฝ่ายแข็งก่อน อาจารย์พีแกคงอายมากเลยไม่แข็งเต็มที่สักที

จ่าแชมป์ถึงให้อาจารย์พีหยุกชักให้ผมแล้วแกก็สั่งให้อาจารย์พีหันหน้าไปทางพลทหารทั้งหมด ยกมือประสานท้ายทอยไว้แล้วให้ผมอยู่ด้านหลังอาจารย์พีแลวเอื้อมมือมาชักว่าวให้อาจารย์พีข้างหน้า ทำให้ตอนนี้กลายเป็นอาจารย์พีกำลังถูกลูกศิษย์ตัวเองจับชักว่าวโชว์ ยิ่งน่าอายเข้าไปกันใหญ่ แทนที่อาจารย์พีจะแข็งก็เลยยิ่งอ่อนตัวลงด้วยความอาย พวกครูฝึกเลยเชียร์ให้ผมเอาควยที่กำลังแข็งเข้าไปถูร่องตูดของอาจารย์พีแล้วให้ผมเอาหน้าไปซุกไซร้ที่ซอกคออาจารย์พีเพื่อทำให้เกิดอารมณ์เหมือนในหนังโป๊ด้วย ส่วนมือก็ยังคงชักให้อาจารย์พีต่อเนื่องไม่หยุด

อาจารย์พีกัดฟันแน่น หน้าแดง ตัวแดง เหงื่อผุดเป็นเม็ดพรายท้งตัวจนในที่สุดผมเลยตัดสินใจใช้อีกมือ้อมไปเล่นที่พวงไข่ของอาจารย์ด้วยจนอาจารย์พีเริ่มแข็งขึ้นมาท่ามกลางสายตาที่ลุกวาวของทุกคนเพราะควญของอาจารย์พีที่แข็งขึ้นมานั้นมันเชิดหัวโค้งขึ้นเป็นลำยาวกว่า 9 นิ้วซึ่งใหญ่กว่าควยทุกคนในห้อง!!

จ่าแชมป์ยิ้มดูพอใจกับผลงานการทำลายศักดิ์ศรีของเพื่อนเก่าตัวเองในครั้งนี้มากและแซวอาจารย์พีว่า “ไอ้ด็อกเตอร์ควยใหญ่ เห็นเนิร์ดๆ อย่างงี้ ที่แท้คงขี้เงี่ยนจนชักว่าวทุกวันควยถึงได้ใหญ่ขนาดนี้”

แล้วก็เอื้อมมือไปจับควยอาจารย์พีและดีดให้มันเด้งขึ้นเด้งลง เรียกเสียงหัวเราะแห่งความสนุกสนานของเหล่าทหารเกณฑ์ผลัดใหม่ได้มาก ส่วนอาจารย์พีได้แต่ยืนหลับตาเหมือนอยากหายไปจากโลกที่ถูกย่ำยีเกียรติขนาดนี้ พอจ่าแชมป์ดีดควยให้เด้งที อาจารย์พีก็กัดฟันคิ้วขมวดและสะดุ้งตัวด้วยความเสียว

พอจ่าแชมป์ได้เล่นควยเพือนเก่าสมัยมัธยมอยู่สักพักจนหนำใจแล้วแล้วก็ให้ผมกับอาจารย์พีกลับไปยืนที่เดิมและบอกว่า “นอกจากจะรู้จักบัดดี้แล้ว ทุกคนก็ต้องรู้จักกันให้หมด จากนั้นก็ให้อาจารย์พีเป็นหัวแถว เดินพับแถวมาหาคนข้างๆ แล้วใช้มือจับควยซึ่งกันและกันและพูดแนะนำตัวแต่ละคน”

ซึ่งวิธีการเดินพับแถวนี้จะทำให้ทุกคนทั้งสามสิบคนได้เลื่อนไปประจันหน้ากันจนครบทุกคน ดังนั้นทุกคนจึงได้มีโอกาสจับควยของเพื่อนได้ครบทั้งหมด สำหรับคนอื่นคงไม่เป็นไร แต่ผมเชื่อว่าคนอย่างอาจารย์พีคงรู้สึกแย่แน่นอนที่วันนี้ควยของแกจะต้องมาถูกเด็กอายุยี่สิบทั้งยี่สิบเก้าคนจับ

บางคนเห็นควยอาจารย์พีใหญ่ก็จับแล้วเขย่าแรงๆ บางคนก็ไม่จับธรรมดาแต่ชักไปด้วย บางคนที่เป็นเกย์ก็จับลูบคลำไปมาอย่างโรคจิตเพราะอาจารย์พีตอนนี้ไม่ใช่แค่หน้าตาดีอย่างเดียว แต่ควยยังใหญ่ และยังมีโปรไฟล์เป็นึงด็อกเตอร์ด้วย เลยโดนเล่นงานหนักกว่าทุกคน จนเมื่อครบทุกคนแล้วผมก็สังเกตเห็นได้ชัดเลยว่าควยควยอาจารย์พีมีน้ำหล่อลื่นเยิ้มออกมาเต็มหัวควย!

พอทำความรู้จักกันหมด จ่าแชมป์ก็ประกาศว่า “ตอนนี้หมวดอื่นกองร้อยอื่นกินข้าวกันเรียบร้อยแล้ว เพราะฉะนั้นมื้อเย็นวันนี้พวกมึงก็อดกินข้าวกันไปซะ”

พลทหารทุกคนรู้สึกไม่พอใจมากที่ไม่ได้กินข้าวเย็น และทุกคนก็คงต้องโทษอาจารย์พีแน่ๆ ว่าเป็นตัวต้นเหตุที่ทำให้ทุกคนอดกินข้าว แผนการของจ่าแชมป์ที่จะเล่นงานเพื่อนเก่านี่มันช่างแสบกว่าที่ผมคิดไว้

จากนั้นพวกเราก็ถูกสั่งให้หยิบผ้าเช็ดตัว ขัน แปรงสีฟันและยาสีฟันของแต่ละคนมาถือไว้ แล้วเดินลงไปอาบน้ำที่ห้องอาบน้ำที่อยู่ห่างจากโรงนอนประมาณ 100 เมตร โดยจ่าแชมป์ให้พวกเราทุกคนเดินเรียงหนึ่งเป็นแถวตอน ถืออุปกรณ์อาบน้ำด้วยมือซ้าย ส่วนมือขวาก็จับควยที่ยังแข็งโด่ของเพื่อนข้างหลังจูงกันเป็นแถวลงบันไดไปยังห้องน้ำ ซึ่งระหว่างไปพวกเราก็เจอเพื่อนทหารหมวดอื่นที่นุ่งผ้าเช็ดตัวเดินออกจากห้องน้ำมาเพราะพึ่งอาบน้ำเสร็จ เจอครูฝึกของหมวดอื่นที่จ้องมองดูพวกเราอย่างตลกขบขัน

“แม่งโดนตั้งแต่วันแรกเลยเว้ยหมวดนี้ ถ้าพวกมึงอยากจูงควยเพื่อนแบบนี้ก็ทำผิดวินัยให้มันเยอะๆ รับรองพวกมึงได้โดนแน่” ครูฝึกหมวดอื่นพูดกับทหารเกณฑ์ใต้บังคับบัญชาของตน

ผมเองถึงแม้จะเป็นเด็กห่ามๆ แต่พอมาเจอแบบนี้ผมยอมรับเลยว่าผมก็อายเหมือนกัน แต่ผมคิดแล้วความอายของผมคงสู้ของอาจารย์พีตอนนี้ไม่ได้

เพราะตัวเองอายุก็สามสิบแล้ว เรียนจบเป็นถึงด็อกเตอร์ แต่ตอนนี้วิชาความรู้กลับช่วยอะไรไม่ได้จนต้องมาเดินแก้ผ้ารั้งท้ายแถวโดยมีผมซึ่งเป็นนักศึกษาที่แกสอนเดินจูงควยใหญ่ๆ ของแกให้เดินตามแถวทหารไปอาบน้ำ ท่ามกลางสายตาของทหารเกณฑ์และครูฝึกอีกนับร้อยคนซึ่งทุกคนมีการศึกษาและฐานะทางสังคมที่ต่ำกว่าแกทุกคน

“ไอ้คนหลังตูดขาวจังเว้ยยยย พวกมึงดูดิ” ครูฝึกอีกกองร้อยตะโกนและชี้ให้ทหารกองร้อยตัวเองดูก้นเปลือยของอาจารย์พีที่แก้ผ้าเดินอยู่รั้งท้ายสุด จากนั้นก็มีเสียงหัวเราะเฮฮาจากพวกทหารใหม่ตามมาอย่างสนุกสนาน

ผมไม่ได้หันไปมองอาจารย์พีแต่ก็สัมผัสได้ว่าแกคงจะอายมากที่คนระดับแกต้องมาถูกกระทำแบบนี้

พอถึงห้องน้ำ จ่าแชมป์ไม่อยู่แล้วแต่เป็นผู้ช่วยครูฝึกสองสามคนที่มาคุมพวกเราอาบน้ำในวันนี้ ลักษณะของห้องอาบน้ำที่นี่เป็นห้องสี่เหลี่ยมผีนผ้ากว้างขวาง มีบ่อสี่เหลี่ยมก่อด้วยปูนอยู่ตรงกลางสี่บ่อ เวลาอาบน้ำก็จะให้ทหารยืนรอบๆ บ่อแล้วตักน้ำอาบ โดยตักตามเสียงนกหวีด 1 ปรี๊ดคือ 1 ขัน ซึ่งในวันนั้นพวกเราได้รับอนุญาตให้อาบกับแค่ 10 ขันเท่านั้นโดยไม่ฟอกสบู่ เสร็จแล้วก็ให้เดินจูงควยกันขึ้นไปที่โรงนอนก่อนจะให้เปลี่นชุดเป็นเสื้อยืดคอวีสีเขียวกับเกงเกงขาสั้นแล้วเข้านอนแต่หัววันเพื่อเตรียมพร้อมกับการเริ่มต้นฝึกวันพรุ่งนี้เป็นวันแรก


สำหรับคนที่คิดว่าหลังจากนี้ผมหรืออาจารย์พีหรือพลทหารในหมวดของเราจะโดนอะไรแปลกๆ พิศดารล่ะก็ ต้องบอกว่าคงจะผิดหวังครับ เพราะหลังจากวันนั้นการฝึกทุกอย่างก็เป็นไปโดนปกติดี

กิจวัตรประจำวันของพวกเราคือการตื่นตั้งแต่ตีห้า ใส่ชุดเสื้อคอวีสีเขียวกางเกงขาสั้นที่ใช้นอนออกไปวิ่งออกกำลังกายรอบๆ ค่าย ขณะวิ่งก็จะร้องเพลงไปด้วยเหมือนในละครที่ผมเคยดูเลย เสร็จแล้วทุกคนก็จะมารวมกันที่ลานหน้าตึกแล้วทำท่ากายบริหารหนึ่งชั่วโมงจนถึงเกือบเจ็ดโมงเช้า แล้วก็ไปอาบน้ำ ซึ่งมีเวลาอาบให้แค่ 5 นาที ซึ่งพวกเราก็ใส่กางเกงในอาบกันทุกคน ไม่มีการแก้ผ้าเหมือนวันแรกเกิดขึ้นอีก

จากนั้นก็ช่วยกันทำความสะอาดโรงนอนเปลี่ยนเป็นชุดพรางเขียว กางเกงขายาวรองเท้าคอมแบตไปกินข้าวเช้า พอล้างถ้วยล้างชามกันเสร็จก็ออกมาเข้าแถวเคารพธงชาติกันตอนแปดโมง ก่อนที่จะฝึกจนถึงเที่ยง กินข้าวเที่ยง ฝึกต่อภาคบ่าย มีพักครึ่งชั่วโมงสำหรับเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัว ขี้ให้เต็มที่ ก่อนที่จะออกกำลังกายโดนการวิ่งรอบค่ายช่วงเย็น กินข้าวเย็นแล้วมาเข้าแถวเคารพธงชาติอีกครั้ง

หลังจากนั้นก็จะเป็นการอาบน้ำและเข้านอนแต่หัวค่ำ บางครั้งก็มีการฝึกภาคกลางคืนด้วยแต่ไม่บ่อยนัก

การฝึกช่วงแรกๆ จะเน้นที่การฝึกระเบียบแถว ท่าสวนสนาม และท่าต่างๆ ที่ทหารใช้กัน เช่น ท่านั่งยิง ซึ่งเป็นธรรมดาว่าจะต้องมีโดนแดกบ้าง แต่การแดกส่วนมากก็ไม่ได้พิศดารมาก เป็นการลงโทษทั่วไปเช่นนั่งนั่ง ดันพื้น แทงปลาไหล คลานต่ำ ซึ่งก็คงเหมือนกับคนที่เรียน รด.มาเคยโดน

พวกเราถึงจะเหนื่อย เครียดบ้าง แต่มันก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด เพราะนับวันพวกเราในกองร้อยก็สนิทกันมากขึ้นจนมีเรื่องคุยกันเฮฮาสนุกสนาน คลายความเครียดและเหนื่อยล้าจากการฝึกได้บ้าง มีแต่อาจารย์พีที่แกไม่ค่อยสุงสิงกับใครและไม่มีใครไปยุ่งกับแก ขนาดผมยังไม่ค่อยอยากจะไปยุ่งเพราะแกดูใช้ชีวิตทุกวันด้วยความเครียดและกดดันตลอดว่าทำไมชีวิตของคนอย่างแกถึงต้องมาทำอะไรแบบนี้ในตอนนี้ ทั้งๆ ที่แกควรจะสอนหนังสืออยู่ที่มหาวิทยาลัย

แกเครียดคิ้วขมวดทุกวัน ทำตัวไม่เป็นมิตร จนอดรู้สึกไม่ได้ว่าแกไม่อยากมายุ่งกับพวกเราเพราะแกคิดว่าแกอยู่คนละระดับกับพวกเด็กทหารเกณฑ์ที่แม้แต่ปริญญาตรีก็ยังเรียนไม่จบแบบพวกเรา

แกจะทำท่าทางเหมือนรังเกียจทุกครั้งที่จะต้องทำอะไรร่วมกับพวกเรา อย่างเช่น บางครั้งเราถูกลงโทษเพราะเสียงดังเวลากินอาหารก็จะถูกออกไปตั้งแถวใหม่ แล้วกลับเข้ามากินโดนแต่ละคนจะได้กินจานที่เพื่อนกินเหลือไว้ ไม่ใช่จานของตัวเอง ซึ่งก็มีคนเห็นว่าอาจารย์พีแกทำหน้าสะอิดสะเอียนมาก

ขนาดตอนนี้เวลาผ่านมาเกือบหนึ่งเดือนแล้วก็ดูเหมือนว่าแกยังลดอีโก้ของแกลงไม่ได้ จนไม่มีใครอยากยุ่งกับแก แถมแกยังเป็นคนที่มักจะทำให้เพื่อนทหารในกองร้อยถูกทำโทษตลอดเพราะถึงแม้แกจะเป็นคนอายุวัยเลขสามที่ร่างกายแข็งแรงทนการฝึกไม่แพ้เด็กหนุ่มๆ อย่างพวกเรา แต่ความเครียดของแกทำให้แกไม่มีสมาธิอยู่กับการฝึก เวลาฝึกระเบียบแถวหรือทำท่าอะไรแกก็มักจะทำผิดบ่อยจนทำให้เพื่อนโดนทำโทษทั้งกองร้อย

และเหตุการณ์ที่ทำให้พวกเราไม่ชอบอาจารย์พีมากที่สุดคือในเย็นวันหนึ่งที่วันนั้นการฝึกหนักหน่วงมากทั้งวัน พวกเราเหนื่อยกันมาก และวันนั้นอาจารย์พีก็คงยังมัวแต่เครียดไม่มีสมาธิกับการฝึกเหมือนเคย ทำท่าไม่ถูกบ้าง ทำช้าบ้าง ทำให้พวกเราทุกนโดนลงโทษไปด้วยตลอดทั้งวัน

จนในที่สุดเพื่อนในหมวดคนหนึ่งที่ชื่อไอ้ตั้ม ก็ตัดสินใจที่จะเข้าไปคุยกับอาจารย์พี ไอ้ตั้มเป็นหนุ่มตัวอ้วนๆ ดำๆ มีรอยสักที่แขนตามประสาเด็กโรงเรียนช่างเดินเข้าไปหาอาจารย์พีที่กำลังนั่งพักหน้าเครียดอยู่แบบไม่ได้ปรึกษาใคร

“เฮ้ยนาย” ไอ้ตั้มเริ่มบทสนทนา

“ตั้งใจฝึกหน่อยดิ พวกเราโดนทำโทษเพราะนายมาเยอะแล้วนะเว้ย จะทำคนอื่นเดือดร้อนไปถึงไหน”

อาจารย์พีเงยหน้าขึ้นมามอง แล้วก็หันไปหยิบหนังสือภาษาอังกฤษที่เกี่ยวกับฟิสิกส์ที่แกวางไว้บนโต๊ะเพื่ออ่านแก้เครียดขึ้นมาอ่านอย่างไม่สนใจไอ้ตั้ม ทำให้ไอ้ตั้มเริ่มของขึ้น มันหยิบหนังสือออกจากมืออาจารย์พีแล้วกระแทกลงบนโต๊ะ

“เฮ้ย หัดสนใจคนอื่นเขาบ้างนะเว้ย พวกกุรู้ว่ามึงเป็นผู้ใหญ่กว่าพวกกู เป็นด็อกเตอร์มีการศึกษาสูงกว่าพวกกู แต่อยู่ที่นี่มึงก็เป็นพลทหารเหมือนกับพวกกู ระดับเดียวกัน ไม่มีใครสูงต่ำกว่าใครหรอก เดี๋ยวอีกห้าเดือนมึงก็ได้ออกไปใช้ชีวิตด็อกเตอร์ของมึงตามเดิมแล้ว แต่ตอนนี้ทำหน้าที่พลทหารของมึงให้ดีก่อนเถอะว่ะ หยุดถือว่าตัวเองเป็นด็อกเตอร์ห่าเหวอะไรนี่ซักที พวกกูจะได้ไม่เดือดร้อน”

ไอ้ตั้มพูดเสียงดังจนพวกเราทุกคนหันมองและเชื่อว่าทุกคนต่างเห็นด้วยกับไอ้ตั้มกันทั้งนั้น

“คุณไม่ต้องมาสอนผม” อาจารย์พีสวนด้วยน้ำเสียงวางอำนจไม่ต่างกับที่แกชอบทำกับนักศึกษาที่มหาวิทยาลัย

“พวกคุณกับผมมันคนละระดับกัน พวกคุณไม่เข้าใจผมหรอก ผมอุตส่าห์เรียน รด สามปีเพื่อจะได้ไม่ต้องมาเป็นทหาร หน้าตาในสังคมผมก็มี แต่ดูสิ สุดท้ายผมก็ต้องมาอยู่ที่นี่ มาโดนฝึกกับพวกคุณ แทนที่ผมจะได้ไปทำอะไรที่เป็นประโยชน์กว่าการฝึกโง่ๆ นี่ ผมไม่ใช่เด็กไม่มีอนาคตอย่างพวกคุณที่ไม่ยอมวางแผนเรียน รด แต่แรก เพราะคุณคงคิดว่าการมาเป็รทหารเกณฑ์คงมีประโยชน์ที่สุดในชีวิตคุณแล้ว เพราะพวกคุณมันทำได้แค่นี้ไง พวกคุณสมควรอยู่ในนี้ ถูกฝึกแบบนี้ เพราะถึงออกไปพวกคุณก็ทำอะไรดีๆ ให้สังคมข้างนอกเหมือนที่ผมทำไม่ได้ แต่ผมไม่ใช่ ผมไม่ควรอยู่ในนี้ คุณเข้าใจไหมวะ”

ไอ้ตั้มฟังอาจารย์พีพูดแบบนั้นยิ่งเดือดแต่ก็ยังพยายามใจเย็น

“เฮ้ยมึงพูดแบบนี้ได้ไง” เพื่อนทหารอีกคนที่เรียนอยู่ที่เดียวกับไอ้ตั้มลุกขึ้นมาพูด

“มึงจะดูถูกพวกกูมากไปแล้วนะเว้ย การศึกษาพวกกูก็มี แต่พวกกูก็ภูมิใจกับการรับใช้ชาติ”

“การศึกษาเหรอวะ ผมจะบอกให้นะ อาจารย์ที่วิทยาลัยพวกคุณอ่ะ แม่งโง่กว่าผมทุกคน”

ยังไม่ทันที่อาจารย์พีจะพูดอะไรมากไปกว่านี้ ไอ้ตั้มก็ประเคนหมัดใส่หน้าอาจารย์พีเต็มๆ จนอาจารย์พีหน้าหงาย พอตั้งตัวได้อาจารย์พีก็จะลุกขึ้นมาสวนหมัดกลับแต่เพื่อนๆ ทหารที่อยู่ตรงนั้นเข้ามาจับตัวห้ามทัพไว้ได้ก่อน ผมเข้าไปล็อคอาจารย์พีไว้ เพื่อนๆ อีกส่วนก็เข้าไปจับไอ้ตั้มให้แยกออกจากกัน

“จับกูทำไม กูจะสั่งสอนไอ้เหี้ยด็อกเตอร์นี่ให้มันรู้สำนึกว่าอยู่ในนี้มันก็พลทหารเหมือนกูนั่นแหละเว้ย ดูถูกคนอื่นอยู่ได้”

“มึงมาดิ กูจะได้แจ้งความข้อหาทำร้ายร่างกาย มึงมา”

อาจารย์พีโกรธหน้าแดง นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็อาจารย์พีขึ้นมึงกูกับใคร แกคงโกรธมากที่โดนเด็กเมื่อวานซืนอย่างไอ้ตั้มต่อยจนผมต้องบอกว่า “จารย์ใจเย็นๆ”

“มึงขอโทษเดี๋ยวนี้นะเว้ย ที่มึงด่าไปถึงอาจารย์กู”

ไอ้ตั้มไม่ยอมง่ายๆ

“กูไม่ขอโทษ กูพูดจริง อาจารย์พวกมึงก็โง่กว่ากูหมดและวะ”

ผมคิดว่าทั้งไอ้ตั้มทั้งจารย์พีคงไม่ยอมกันง่ายๆ แน่เลยให้พวกเพื่อนๆ จับแยกไปคนละทางก่อนที่ครูฝึกจะมาเห็นแล้วจะเดือดร้อนกันหมด

นับจากนั้นเป็นต้นมาก็ไม่มีใครอยากยุ่งกับอาจารย์พียิ่งกว่าเดิม แม้แต่ผมเองก็ยังเบื่อหน่าย ส่วนไอ้ตั้มและเพื่อนผมไม่รู้ว่ามันจะแค้นอาจารย์พีมากรึเปล่า ผมหวังว่ามันจะไม่ถือสาอะไรแกมาก เพราะผมก็เข้าใจทั้งสองฝ่าย ทั้งไอ้ตั้มและอาจารย์พี แต่กลายเป็นว่ามันไม่เป็นอย่างที่ผมหวัง เพระเหตุการณ์นี้คือชนวนที่ทำให้เกิดเรื่องที่อาจารย์พีจะไม่มีวันลืมในชีวิตตามมา


วันนั้นเป็นวันพุธหลังจากท่พวกเราฝึกมาได้เดือนกว่าๆ มันดูเหมือนจะเป็นวันธรรมดาๆ วันหนึ่งที่พวกเราฝึกระเบียบแถวกับท่ายิงตามปกติในช่วงเช้า แต่พอกินข้าวเที่ยงเสร็จ จ่าแชมป์เพื่อเก่าอาจารย์พีก็ปรากฏตัวขึ้นแล้วเรียกทหารเกณฑ์หมวดของเราพร้อมกับผู้ช่วยครูฝึกขึ้นไปบนโรงนอน

จ่าแชมป์ให้พวกเรายืนตามระเบียบพักในชุดพรางเขียวที่ปลายเตียงของแต่ละคน ผมงงมากว่าเกิดอะไรขึ้นเพราะหมวดเราเป็นหมวดเดียวที่โดนเรียกขึ้นโรงนอนตอนกลางวันแสกๆ แบบนี้

“มีผู้ช่วยครูฝึกรายงานผมว่า ทหารเกณฑ์หมวดนี้ มีคนแอบดูดบุหรี่ พวกมึงรู้กันอยู่แล้วว่ามันเป็นกฏของกองทัพที่ห้ามพวกมึงดูดบุหรี่ในระหว่างฝึก แต่มันก็ยังมีคนดื้อ”

ผมยิ่งงงเข้าไปใหญ่เพราะตั้งแต่อยู่กันมาผมยังไม่เคยเห็นใครดูดบุหรี่หรือได้กลิ่นบุหรี่จากที่ไหนเลย

“กูจะให้โอกาส ใครแอบปุ๊นบุหรี่ ยอมรับมา แล้วโทษมึจะไม่หนัก ใคร!!” จ่าแชมป์ตวาดเสียงดัง แต่ทุกคนยืนนิ่งไม่มีใครยอมรับ

ในเมื่อไม่มีใครยอมรับจ่าแชมป์เลยสั่งให้ผู้ช่วยครูฝึกช่วยกันค้นล็อกเกอร์เก็บของของทหารเกณฑ์ทุกนายทีละเตียง ไม่นานนักผู้ช่วยครูฝึกซึ่งเป็นรุ่นพี่ทหารเกณฑ์ตัวผอมขี้ก้างผลัดก่อนหน้าพวกเราก็เจอกับของกลางในตู้ล็อกเกอร์ของอาจารย์พีเป็นบุหรี่กองทิพย์ห้าซอง

“เจอแล้วครับ โหไอ้ด็อกเตอร์นี่เอง เห็นหน้าเด็กเรียนไม่นึกว่าจะเสี้ยนบุหรี่ไอ้สัส กูบอกแล้วว่าไม่ให้สูบ ไม่ให้สูบ”

หัวหน้าครูฝึกคนนั้นโยนบุหรี่ลงที่เตียงแล้วเอามือตบหัวอาจาย์พีซ้ำๆ เกือบสิบทีจนอาจารย์พีหัวคว่ำ ผมไม่นึกเลยว่าคนระดับด็อกเตอร์อย่างแกจะต้องมาถูกเด็กเดนติดทหารที่อายุน้อยกว่าเป็นสิบปีมาตบหัวแล้วสั่งสอนว่าห้ามสูบบุหรี่แบบนี้

“ผมไม่ได้ดูด มีคนเอามาใส่ในตู้ผม” อาจารย์พีตอบกลับ แต่ก็โดนจ่าแชมป์เดินมาตบหัวอีกป๊าปจนหน้าทิ่ม

“ไม่สูบแล้วมันจะอยู่ในตู้มึงได้ไงไอ้เหี้ยย เสียดายเรียนจบซะสูง วุฒิภาวะก็มี รด. ก็เรียนมาสามปี ดันทำตัวเหี้ยๆ ยิ่งกว่าพวกเด็กจับใบดำใบแดง”

“ผมไม่ได้สูบ” อาจารย์พียังยืนยันทำเดิมแต่น้ำเสียงเริ่มสั่น ไม่ผยองเหมือนที่เคย

ผมคิดว่าอาจารย์คงจะกลัวและรู้ว่าตัวเองคงถูกเล่นงานแน่ๆ ผมเองก็ไม่มีทางเชื่อเด็ดขาดว่าอาจารย์พีแกจะสูบบุหรี่ในค่าย เพราะขนาดที่มหาลัยเวลาแกเห็นนักศึกษาคนไหนสูบบุหรี่แกจะจับทำทัณฑ์บนและเชิญผู้ปกครองเลยทันที ดังนั้นมันต้องมีคนใส่ร้ายเพื่อจะเล่นงานอาจารย์พีแน่ๆ แต่ผมก้ไม่รู้จะช่วยแกยังไง เพราะจ่าแชมป์ก็ดูเหมือนอ่จจะมีส่วนเอี่ยวในแผนการครั้งนี้ด้วย

“ไม่ยอมรับใช่มั๊ยมึง งั้นมานี่ไอ้สัดดด”

จ่าแชมป์กระชากคอเชื้อชุดพรางของอาจารย์พีจนตะเข็บขาดดังแคว้กกกแล้วลากคอเสื้อถูลู่ถูกังอาจารย์พีออกจากโรงนอนลงไปยังกลางลานฝึกข้างล่าง ซึ่งตอนนี้เป็นเวลาบ่ายโมง แดดในหน้าร้อนร้อนเปรี้ยงขนาดฆ่าควายได้ทั้งตัว ลานฝึกที่นี่จะเป็นลานปูนขนาดกว้างที่ล้อมสามด้านด้วยตึกสามตึก คือตึกอาคารเรียนวิชาทหาร ตึกบัญชาการ และดึกเอนกประสงค์ ส่วนด้านหน้าของลานจะเป็นเสาธงและสนามฟุตบอลที่ปกคลุมด้วยหญ้าสีเขียว

อาจารย์พีถูกจ่าแชมป์ลากมากลางลานปูนแล้วสั่งให้ยืนตรง ตอนนี้หน้าอาจารย์พีซีดเป็นไก่ต้ม ส่วนพวกเราและบรรดาทหารเกณฑ์กองร้อยอื่นๆ ที่ยังไม่ถึงเวลาเรียกรวมก็มามุงดูกันเต็มไปหมด

และนอกจากพวกทหารเกณฑ์และครูฝึกแล้ว ในวันพุธช่วงบ่ายแบบนี้ก็จะมีนักศึกษาวิชาทหารเข้ามาเรียน รด. ในค่ายด้วย เนื่องจากค่ายนี้เป็นค่ายใหญ่ประจำจังหวัด สมัยที่อาจารย์พีเรียน รด. ตอนอยู่โรงเรียนประจำจังหวัดก็เรียน รด.ที่ค่ายนี้เพื่อจะตอ้งไม่โดนเกณฑ์ทหาร

แน่นอนว่านักศึกษาวิชาทหารที่มาฝึกในรอบบ่ายของวันนี้ ก็เป็นนักเรียนชาย ม.หก ของโรงเรียนประจำจังหวัด หรือเป็นทั้งรุ่นน้องโรงเรียนเดียวกับทั้งผม จ่าแชมป์ และอาจารย์พีนั่นเอง โดยตอนนี้พวกเด็ก รด.พึ่งเดินทางมาถึงเพื่อเตียมตัวฝึกภาคบ่าย ก็นั่งรอในอาคารเรียนที่เป็นห้องประชุมใหญ่ชั้นล่างติดกับลานฝึก ซึ่งตอนนี้ก็ต่างชะโงกหน้ามาดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างอยากรู้อยากเห็น

“จะยอมรับมั๊ยว่ามึงแอบดูดบุหรี่ไอ้เหี้ย”

จ่าแชมป์ตวาดเสียงดังลั่นลานฝึก อาจารย์พีหน้าซีดแต่ปากยังยืนยันว่าไม่ได้สูบ

“ทำผิดแล้วไม่ยอมรับผิดใช่มั๊ยมึง เดี๋ยวกูจะทำให้มึงหายปากแข็งเองพลทหาร!!”

จากนั้นจ่าแชมป์ก็ออกค่ำสั่งให้อาจารย์พีถอดรองเท้าคอมแบตและชุดพรางออกจนเหลือแค่เสื้อยืดคอวีเขียวข้างในและกางเกงในสีน้ำตาลอ่อนที่ได้รับแจกจากกองทัพ แต่จ่าแชมป์ยังไม่พอใจสั่งให้อาจารย์พีถอดเสื้อยืดออกจนเหลือแต่กางเกงในตัวเดียวกลางลานฝึกท่ามกลางสายตาของทั้งพวกครูฝึก ทหารเกณฑ์ และนักเรียน รด. ซึ่งมองกันอย่างตั้งใจมาก บางคนหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรุปถ่ายคลิป ซึ่งผมมั่นใจว่าเด็กพวกนีต้องรู้จักอาจารย์พีแน่ๆ เพราะแกเป็นศิษย์เก่าคนดังของโรงเรียนที่อาจารย์มักจะยกมาชื่นชมให้ลูกศิษย์ทุกรุ่นฟังบ่อยๆ แถมไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้อาจารย์พีพึ่งถูกเชิญไปแนะแนวเรื่องการเข้ามหาลัยให้รุ่นน้อง ม.หก ฟังซึ่งรุ่นน้องพวกนั้นก็ต้องเป็นไอ้เด็กพวกนี้อย่างแน่นอน!

จ่าแชมป์มองดูร่างชายหนุ่มวัย 32 ซึ่งเป็นเพื่อนเก่าของเขา ซึ่งตอนนี้ยืนล่อนจ้อนอยู่กลางแดดบ่ายร้อนจ้า มีเพียงกางเกงในตัวเดียวเท่านั้นที่ปกปิดร่างกาย ดร.พีรกิตต์ อาจารย์คณะวิศวะสุดหล่อท่ามกลางสายนับร้อยๆ คู่ของบรรดาครูฝึก ทหารเกณฑ์ และนักศึกษาวิชาทหาร

อย่างที่ผมบอกครับว่าขนที่สะดือและขนเพชรของอาจารย์แกค่อนข้างดกมากๆ เวลาแกเหลือกกน.ตัวเดียวหมอยแกเลยแพลมออกมาจากของกางเกงในทั้งสองข้างเลยซึ่งดูน่าอายสุดๆ เวลาอยู่ในที่สาธารณะแบบนี้

จ่าแชมป์เริ่มสั่งลงโทษ พลทหาร ดร.พี เพื่อนเก่าโดนสั่งให้แกทำท่าวิดพื้นที่เตรียมสักพัก แล้วมั่งให้วิดพื้นยี่สิบที

“ยี่สิบที” อาจารย์พีพูดทวนตามที่ถูกฝึกมาแต่พูดเบาไปไม่เป็นที่พอใจของจ่าแชมป์ จ่าแชมป์เลยเพิ่มให้เป็นสามสิบที แต่อาจารย์พีก็ยังพูดทวนเบาไป จ่าแชมป์เลยสั่งใหมาที่หนึ่งร้อยที คราวนี้อาจารย์พีตะโกนดังลั่น คงเพราะกลัวโดนเพิ่มอีก

อาจารย์พีวิกพื้นกดหน้าอกเปลือยลงบนพื้นปูนที่ร้อนฉ่าเหมือนพื้นกระทะ และนับเสียงดังตามคำสั่งของจ่าแชมป์อย่างทรมาน พอครั้งหลังๆ อาจารย์พีคงทนไม่ไหวที่ต้องวิดพื้นลงไปสุดเพราะพื้นปูนตอนบ่ายมันร้อนมาก ขนาดตอนที่พวกเราใส่ชุดฝึดยังร้อนแต่นี่อาจารย์พีใส่แค่กกน.ตัวเดียว ผมไม่อยากจะจินตนาการถึงความรู้สึกเลย อาจารย์พีก็คงทนไม่ไหวจึงกดหน้าอกลงไปไม่ติดกับพื้น จ่าแชมป์เห็นอย่างนั้นก็เลยเอารองเท้าคอมแบตของตัวเองเหยียบไปที่หลังขาวๆ ของอาจารย์พีแล้วเหยียบกดให้หน้าอกอาจารย์พีติดกับพื้นในทุกๆ ครั้งที่อาจารย์พีทำ หน้าจ่าแชมป์แกตอนนี้ดูยิ้มอย่างสะใจและน่ากลัวมากๆ

พอครบร้อยทีอาจารย์พีถึงกับหมดแรงนอนลงไปกับพื้น จ่าแชมป์ก็เอารองเท้าคอมแบตของแกวางเหยียบไปบนหัวของอาจารย์พีแล้วถุยน้ำลายใส่ก่อนจะด่าอย่างหยาบคายว่าอาจารย์พีเป็นพลทหารผิดระเบียบ เหี้ย สัด ไม่มีวินัยยิ่งกว่าหมา แล้วก็จิกหัวอาจารย์พีลุกขึ้นมาให้ยืนตามระเบียบพัก ซึ่งตอนนี้อาจารย์พีแกเหงื่อท่วมตัว หน้าอกแกแดงเหมือนรอยไหม้ หน้าตาแกเริ่มออกอาการเหนื่อยและร้อน

แต่จ่าแชมป์ก็ยังคงสั่งลงโทษต่อ คราวนี้แกให้อาจารย์พีเอามือสองข้างวางบนหัวเล้วสั่งสก็อตจัมพ์สองร้อยที นับเสียงดังท่ามกลางสายตาทุกคนที่มองอยู่

พอครบแล้วก็ต่อด้วยการให้อาจารย์พีทำท่าปั๊มน้ำ โดยให้นั่งยองๆ แล้วเอามือของข้างจับข้อเท้าแบบไขว้กันแล้วให้ลุกนั่งในท่านั้นอีกห้าสิบทีจนอาจารย์พีเหนื่อยแทบจะทรงตัวไม่อยู่ แกเลยให้อาจารย์พี ‘นอนชายหาด’ ซึ่งเป็นการนอนหงายไปกับพื้นแล้วกางแขนกางขารับแดดเดต็มๆ

ตอนนี้พวกเราบางกองร้อยเริ่มถูกเรียกฝึกภาคบ่ายกันแล้ว ซึ่งก็ฝึกที่สนามปูนข้างๆ ที่อาจารย์พีถูกลงโทษอยู่นั่นแหละครับ ทำให้ดูเหมือนตอนนี้พวกเราก็ไม่มีสมาธิฝึกเพราะทุกคนอยากดูการลงโทษของคนที่สูบบุหรี่ในค่าย ส่วนครูฝึกเองก็ดูอยากจะดูการลงโทษเหมือนกัน การฝึกช่วงบ่ายจึงเป็นการฝึกแบบเบาๆ มีนั่งพักเยอะมากซึ่งเวลาพักก็ไม่ได้ทำอะไรนอกจากนั่งมองการลงโทษที่เกิดขึ้น

ส่วนพวกเด็กนักศึกษาทหารวันนี้พวกมันมีเรียนบรรยานในห้องประชุมนั่นแหละครับ ซึ่งพวกมันที่นั่งริมหน้าต่างนี่เห็นได้ชัดว่าไม่ได้ตั้งใจเรียนเลย แต่เหลือบมามองอาจารย์พีที่ถูกลงโทษอยู่กลางสนามตลอด

ในระหว่างที่อาจารย์พีถูกให้นอนชายหาดกางแขนกางขาอยู่นั้นจ่าแชมป์ก็เอารองเท้าคอมแบตมาเหยียบไปตามตัวอาจารย์พีอย่างสะใจ ไม่ว่าจะเป็นหน้าอก ท้อง บางทีก็กระทืบจนอาจารย์พีจุกตัวงอแต่ก็ถูกสั่งให้นอนกางแขนกางขาใหม่ให้ดีๆ จ่าแชมป์ยังเอาคอมแบตเหยียบงไปที่เป้าของอาจารย์พีแล้วคลึงจนมันเริ่มสู้ตีนทำให้กางเกงในเริ่มตุงออกมาซึ่งการที่อาจารย์พีอยู่ในท่านอนหงายราบกับพื้น มก็ทำให้คนอื่นที่มองมาจากข้างๆ เห็นกางเกงในที่ตุงขึ้นชี้ฟ้าอย่างชัดเจน

จากนั้นอาจารย์พีถูกสั่งให้เปลี่ยนท่าจากนอนชายหาดเป็นท่า ‘กางมุ้ง’ โดนนอนหงายกับพื้นแล้วยกแขนยกขาส้งสี่ชี้ขึ้นฟ้า ในระหว่างนั้นจ่าแชมป์ก็ใช้รองเท้าคอมแบตเตะไปที่ก้นของอาจารย์พีซ้ำๆ จนเวลาผ่านไปก็ให้อาจารย์พีเปลี่ยนเป็นท่า ‘โหม่งโลก’ ซึ่งอาจารย์พีต้องทำตัวเป็นสามเหลี่ยม เอาขาสองข้างยันพื้นไว้ ขาตรง ตูกโก้งโค้งชี้ขึ้นฟ้า แล้วก้มตัวเอาหัวโหม่งลงไปวางกับพื้นปูน ส่วนมือทั้งสองข้างไพล่หลังเอาไว้

พอทำท่านี้จะเห็นได้ชัดว่าอาจารย์พีตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับคนพึ่งอาบน้ำมา เพราะตัวของแกเปียกซ่กไปด้านเหงื่อที่ไหลหยดลงพื้นปูนเหมือนกับน้ำ ผิวขาวเนียบของแกตอนนี้แดงทั้งตัวสะท้อนแดดเป็นมันวาวอย่างน่าดู กางเกงในสีน้ำตาลอ่อนผ้ารบายความร้อนเนื้อบางตอนนี้ชุ่มเหงื่อจนแบนกับตูดและร่องตูดของอาจารย์พีอย่างชัดเจน

จ่าแชมป์เดินหายไปสักพัก ปล่อยให้อาจารย์พีทำท่าโหม่งโลกไว้แล้วกลับมาพร้อมกิ่งไม้ขนาดย่อมๆ ในมือสี่ห้ากิ่งแล้วแกก็ประเคนฟาดทีละกิ่งลงไปที่ก้นที่ชี้โด่ของอาจารย์พีแล้วให้อาจารย์พีตะโกนนับครั้งเสียงดัง ซึ่งอาจารย์พีคงทรมานมากเพราะคำที่อาจารย์พีตะโกนออกมามันฟังไม่เป็นตัวเลขแล้ว แต่มันเหมือนเสียงร้องของสัตว์ที่กำลังทุกข์ทรมานซะมากกว่า

จ่าแชมป์ฟาดก้นอาจารย์พีอย่างเมามันจนกิ่งไม้หักกระเด็นไปคนละทิศละทาง ฟาดไปก็ด่าไป จนกิ่งไม้หักครบห้าอันจ่าแชมป์จึงให้อาจารย์พียืนตรง ซึ่งตอนนี้อาจารย์พียืนหอบแฮ่กๆ หน้าตาเหยแกด้วยความเหนื่อยทรมานอย่างสุดชีวิต เนื้อตัวชุ่มเหงื่อไปทั้งตัว

ตอนนี้ขนาดแกจะลืมตายังลืมไม่ขึ้นเพราะเหงื่อแกไหลมากจนมันผ่านทะลุคิ้วลงไปเข้าตาทั้งสองข้างของแก จนแกทำได้แค่กระพริบตาถี่ๆ อย่าทรมานและแสบตา จะเช็ดก็เช็ดไม่ได้เพราะถูกสั่งให้ยืนตรง กางเกงในเปียกจนปนบไปกับก้นกับควยจนแทบจะเห็นเป็นรูปร่างชัดเจน ควยอาจารย์พีดูเหมือนจะยังอ่อนปวกเปียกในตอนนี้เพราะแกคงเหนื่อยจัด ไม่มีอารมณ์จะแข็ง (ก็แนล่ะ โดนขนาดนั้น)

แต่จ่าแชมป์แกก็ยังไม่หยุด แกออกคำสั่งให้อาจารย์พีม้วนหน้าไปข้างหน้ากับพื้นปูนเรื่อยๆ ไปรอบสนาม พออาจารย์พีทำท่าจะม้วนหน้าต่อไปไม่ไหวจ่าแกก็ใช้คอมแบตเตะอาจารย์พีให้ม้วนหน้าต่อไปอย่างไร้ความปราณี

จนในที่สุดอาจารย์พีแกคงไม่ไหวจริงๆ ตาเหลือกลอยอย่างน่าเวทนาจ่าแชมป์เลยสั่งให้หยุดแล้วให้อาจารย์พีกลิ้งตัวไปกับพื้นปูนเพื่อเข้าไปในร่มของต้นมะขามที่ข้างสนามฟุตบอล แล้วเรียกให้ทหารเกณฑ์สองคนก็คือไอ้ตั้มกับเพื่อนของไอ้ตั้ม คู่กรณีทั้งคู่ของอาจารย์พีมาหิ้วปีกทั้งอาจารย์พีให้ลุกขึ้นแล้วเอาเชือกมามัดข้อมือทั้งสองข้างของอาจารย์พีเข้าหากันแล้วโยงขึ้นไปห้อยกับต้นมะขาม ให้อาจารย์พีชูแขนโชว์ขนรักแร้ดกดำของแกต่อหน้าสาธารณชนในท่ากึ่งนั่งกึ่งยืนอย่างทรมาน

อาจารย์พีถูกมัดแขวนทิ้งอยู่อย่างนั้นสักพัก โดยที่ไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่ง จนถึงเวลาประมาณบ่ายสามโมง จ่าแชมป์ก็เดินไปเรียกไอ้ตั้มกับเพื่อนคนเดิมให้ไปที่ต้นมะขามแล้วแก้มัดอาจารย์พีลงมา ซึ่งอาจารย์พีตอนนั้นอยู่ในสภาพอิดโรยเหงื่อไหลท่วมตัว กางเกงในสน้ำตาลเปียกเหงื่อและเปรอะเปื้อนไปด้วยขี้ฝุ่นขี้ดินจากพื้นสนาม

ไอ้ตั้มกับเพื่อนช่วยกันหิ้วปีกสองข้างของอาจารย์พีขึ้นบนไหล่ แล้วพาเดินไปหาจ่าแชมป์ที่รออยู่ในห้องประชุมใต้อาคารที่ใช้สอนนักศึกษาวิชาทหาร ซึ่งขณะนี้คาบเรียนของน้องๆ นศท. ได้จบลงแล้ว จ่าแชมป์จึงขออนุญาตครูฝึกผู้บรรยายแล้วเดินเข้าไปพูดเกริ่นบางอย่างกับนักศึกษาวิชาทหารประมาณสองร้อยกว่าคนที่อยู่ภายในห้องเสร็จแล้วจึงบอกให้พลทหารตั้มและเพื่อนหิ้วปีกอาจารย์พีซึ่งเป็นรุ่นพี่ศิษย์เก่าของโรงเรียนเข้ามายืนหน้าห้องต่อหน้าน้องๆ ทุกคน ซึ่งทันทีที่ร่างของอาจารย์พีถูกนำเข้ามาก็เกิดเสียงฮือฮาขึ้นจากบรรดานักเรียน รด. ในห้องกันใหญ่ เพราะนักเรียน ม.หกโรงเรียนนี้ทุกคนต่างรู้จักอาจารย์พีในฐานะ อาจารย์ ดร.พีรกิตติ์ เลิศวิทยา อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมแมคคาทรอนิกส์และหุ่นยนต์ คณะวิศวะกรรมของมหาวิทยาลัยชื่อดังของประเทศไทย รุ่นพี่ศิษย์เก่าคนเก่งที่อาจารย์ทั้งโรงเรียนปลื้มนักปลื้มหนาถึงขนาดเชิญมาแนะแนวการศึกษาให้น้องๆ ม.หก ฟังทุกปี

“เห็นปะกูบอกแล้วว่าใช่”

“เออ แม่งใครจะนึกว่าใช่วะ ก็พี่เขาเป็นอาจารย์ เป็นด็อกเตอร์เลยนะเว้ย”

“เมื่อไม่กี่เดือนก่อนยังไปพูดแนะแนวพวกเราที่โรงเรียนอยู่เลยนี่หว่า ทำไมตอนนี้มาเป็นงี้ได้วะ”

พวกน้องๆ นักศึกษาวิชาทหารต่างวิพากวิจารณ์กันใหญ่จนจ่าแชมป์สั่งให้ทุกคนเงียบ อาจารย์พีในตอนแรกก็ยังงงๆ อยู่ แต่ไม่นานแกคงสังเกตเห็นตราสัญลักษณ์โรงเรียนเก่าที่แกรักที่แขนเสื้อของน้อง นศท เท่านั้นแหละแกก็เริ่มออกอาการหน้าเหยด้วยความอายและทำท่าจะขัดขืนให้ไอ้ตั้มและเพื่อนปล่อยแกอย่างชัดเจนแต่ก็ถูกจับล็อคหิ้วปีกเอาไว้

“ไหน นศท.คนไหนรู้จักไอ้นี่บ้าง”

นศท.ทุกคนยกมือแทบจะพร้อมกันทำให้อาจารย์พียิ่งหน้าเสียมากขึ้นไปอีก

“ดีมาก นี่ไอ้นี่มันดังขนาดทุกคนรู้จักหมดเลยเหรอวะ ไหนรู้จักมันได้ไง” จ่าแชมป์ถาม นศท.คนหนึ่งซึ่งนั่งจ้องร่างอาจารย์พีอย่างอยากรู้อยากเห็นอยู่แถวหน้า

“อาจารย์เขาเคยไปบรรยายแนะแนวการศึกษาให้ที่โรงเรียนเมื่อสามเดือนที่แล้วครับ เขาเป็นรุ่นพี่ศิษย์เก่าโรงเรียนผม”

จ่าแชมป์พยักหน้าแล้วพูดต่อ

“งั้นวันนี้กูจะให้พวกมึงทุกคนรู้จักมันในฐานะคนใหม่ไฉไลกว่าเดิม... ทหารรรรรรรร ตรง!!”

จ่าแชมป์สั่งให้ไอ้ตั้มและเพื่อนปล่อยอาจารย์พีแล้วสั่งให้อาจารย์พียืนในท่าตรงต่อหน้ารุ่นน้องกว่าสองร้อยคนในห้อง

อาจารย์พียืนตรงตัวสั่น น่าจะเป็นผลจากความอ่อนล้าของร่างกายปสมปนเปกับความกลัวและอายที่ต้องมายืนต่อหน้ารุ่นน้องโรงเรียนตัวเองที่แกพึ่งไปแนะแนวการศึกษามาเมื่อไม่นานมานี้ ตอนนั้นแกไปในฐานะอาจารย์ และรุ่นพี่ศิษย์เก่าคนเก่ง ใส่เชิ้ตกางเกงและเข็มขัดรองเท้าราคาแพง ใครจะคิดว่าตอนนี้ในอีกไม่กี่เดือนต่อมา แกจะต้องมายืนอยู่ต่อหน้าผู้ฟังกลุ่มเดิมในสภาพใส่กางเกงในตัวเดียวและถูกเพื่อนเสเพลที่ไม่มีอะไรสู้แกได้เลยในโลกข้างนอกออกคำสั่งให้ปฏิบัติตามอย่างไร้เกียรติ

“สั่นทำไม ยืนนิ่งๆ พลทหาร อกผายไหล่ผึ่งให้สมเป็นลูกผู้ชายหน่อย มึงชอบเป็นตัวอย่างให้กับน้องๆ ตั้งแต่สมัยเรียนแล้วไม่ใช่เหรอนี่กูก็ทำตามที่มึงชอบอยู่ไง ยืนดีๆ”

จ่าแชมป์พูดพร้อมจิกหัวอาจารย์พีให้เงยหน้าขึ้นมองน้องๆ

“ตามระเบียบบบ พัก!”

“แถววววว ตรง!!”

“ตามระเบียบบบ พัก!”

จ่าแชมป์สั่งอาจารย์พีให้สลับแถวตรงตามระเบียบพักไปเรื่อยๆ เป็นการวอร์ม จากนั้นก็สั่งให้อาจารย์พีแถวตรงอีกครั้ง

“พลทหาร รายงานตัว ปฏิบัติ!!”

อาจารย์พีรู้ว่าไม่มีประโยชน์ที่จะขัดขืน ดีไม่ดีแกอาจโดนหนักขึ้นอีก แกเลยต้องฝืนใจทำตามคำสั่งของไอ้แชมป์เด็กเรียนห่วยเพื่อนเก่าที่สั่งหใ้แกทำต่อหน้ารุ่นน้องไม่ว่าแกจะอายมากก็ตาม

“ผม พลทหาร..”

“เฮ้ยย เชี่ย มึงรายงานตัวเป็นป่ะเนี่ย พอกูสั่งมึงต้องพูดตอบรับกูว่าครับผมก่อนดิ มึงนี่เป็นอาจารย์เป็นด็อกเตอร์จริงป่ะวะเนี่ย ทำไมแม่งโง่ดักดานชิบหายขนาดนี้วะ ฝึกมาเป็นเดือนและ ไอ้พวกเด็กช่างกลเด็กจบมัธยมแม่งยังรู้เรื่องกว่ามึงเลยมั้ง เอาใหม่ รายงานตัว ปฏิบัติ!”

“ครับผม!”

ป้าปปปปป!!!!

จ่าแชมป์เอามือโบกหัวอาจารย์พีอย่างแรงจนหน้าเกือบทิ่มอีกหนึ่งดอกจน นศท บางคนถึงกับสะดุ้งด้วยความตกใจที่อาจารย์พีโดนครูฝึกยศจ่าตบหัว

“เสียมีแค่นี้เหรอไอ้ชิบหาย ทำไมมึงนี่แม่งถึงได้สมองควายขนาดนี้วะ กินหญ้าเป็นอาหารเหรอมึง ฝึกเท่าไหร่ไม่ยอมจำ เอามือประสานท้ายทอยแล้วลุกนั่งลงไปสามสิบปี ปฏิบัติ!”

อาจารย์พียกแขนขึ้นประสานท้ายทอยโชว์ขนรักแร้ให้น้องๆ ดูแล้วเริ่มต้นการลงโทษที่จ่าแชมป์มอบให้อีกครั้ง พอเสร็จแล้วจ่าแชมป์ก็ออกคำาสั่งให้อาจารย์พีเอามือค้างไว้ที่ท้ายทอย

“ดมจักแร้ตัวเอง ปฏิบัติ!”

ไม่เพียงแต่อาจารย์พีเท่านั้นที่อึ้งกับคำสั่งของจ่าแชมป์ แต่พวกนักศึกษาวิชาทหารก็อึ้งไปด้วย

อาจารย์พีมองหน้าจ่าแชมป์เหมือนจะถามว่า “สั่งแบบนี้จริงๆ เหรอ” แต่เมื่อเห็นสายตาดุดันและเต็มไปด้วยความสะใจไร้ความเมตตาของจ่าแชมป์แล้ว อาจารย์พีรู้ดีว่าเขาไม่มีทางเลือกนอกจากชุกจมูกลงไปที่ดงขนรักแร้ทั้งสองข้างของตัวเองท่ามกลางสายตาของรุ่นน้องทุกคนที่จ้องมองอยู่

“หอมมั๊ย” จ่าแชมป์ถาม

“หอมมั๊ย ตอบบ!!”

อาจารย์พีส่ายหน้า หลับตาไม่อยากสบตาใคร

แต่จ่าแชม์ก็จิกหัวอาจารย์พีให้เงยหน้าขึ้นแล้วถามซ้ำ

“ไม่ครับ!!” อาจารย์พีตอบเสียงสั่นตาเริ่มแดงเหมือนจะร้องไห้”

“อะไรนะ ตอบดังๆ หอมมั๊ย!!”

“ไม่หอมครับบ!!”

“หึหึ ด็อกเตอร์ห่าอะไร โง่เหมือนควายแล้วยังตัวเหม็นอีกไอ้เหี้ย เอ้า เอาลิ้นเลียทำความสะอาด ปฏิบัติ!!”

อาจารย์พีไม่มีทางเลือก แกจึงค่อยๆ ชุกหน้าลงแล้วแลบลิ้นออกมาเลียรักแร้ตัวเองทั้งสองข้าง ผมไม่นึกเลยว่าคนอย่างแกจะต้องมายืนใส่กางเกงในตัวเดียวเลียจักแร้ต่อหน้ารุ่นน้องโรงเรียน ผมคิดว่าถ้าเป็นผผมเองซึ่งเป็นรุ่นพี่ศิษย์เก่าโนเนมที่ไม่มีรุ่นน้องคนไหนรู้จัก โดนแบบนี้ก็คงอาย แต่สำหรับอาจารย์พี ทุกคนรู้จักแกหมด ผมจึงไม่สามารุจินตนาการได้เลยว่าอาจารย์แกจะรู้สึกยังไงในตอนนี้

พอเลียรักแร้เสร็จ จ่าแชมป์ก็สั่งให้อาจารย์พียืนตรงและรายงานตัวอีกครั้งโดยการรายงานตัวครั้งนี้อาจารย์พีต้องเพิ่มข้อมูลตามที่จ่าแชมป์ต้องการด้วย

“ผม พลทหาร ดร.พีรกิตติ์ เลิศวิทยา อายุ 32 ปี ศิษย์เก่ารุ่นที่ 57 โรงเรียน xxxวิทยาคม ปัจจุบันปกิบัติงานเป็อาจารย์อยู่ที่คณะวิศกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยxxxครับ!!”

อาจารย์พีถูกสั่งให้รายงานตัวแบบนี้ต่อหน้าน้องๆ สามรอบด้วยเสียงที่ดังขึ้นเรื่อยๆ ตามคำสั่งของจ่าแชมป์จนคอแทบแตก ผมคิดว่า เสียงของอาจารย์พีคงได้ยินไปถึงข้างนอกสนามฟุตบอล ซึ่งทำให้จ่าแชมป์พอใจมาก

“พวกมึงดูแล้วจำเอาไว้ ว่าต่อไปนี้อย่าคิดว่าที่พวกมึงเรียน รด.สามปีแล้วพวกมึงจะรอดไม่ต้องมาเป็นทหาร ดูรุ่นพี่มึงตัวนีไว้เป็นตัวอย่าง ถึงมันจะเรียน รด.สามปี มีหน้าที่การงานเป็นถึงอาจารย์เป็นถึงด็อกเตอร์ที่มหาลัยใหญ่โตที่พวกมึงอยากไปเรียน แต่พอถูกหมายเรียก มันก็ต้องมาเป็นทหาร ต้องมาถูกฝึกให้อยู่ในระเบียบวินัยแบบนี้ ไม่มีข้อยกเว้น”

พวก นศท แต่ละคนถึงกับคอตกเพราะส่วนใหญ่ที่มาเรียน รด.กันก็เพราะไม่อยากเป็นทหาร แต่พอเห็นสภาพอาจารย์พีตอนนี้แล้วทุกคนต่างวิตกกับอนาคตตัวเองไปต่างๆนาๆ”

“แต่พวกมึงไม่ต้องตกใจ ถึงพวกมึงจะถูกเรียก พวกมึงก็ไม่ต้องมาโดนแบบนี้หรอก ถ้าพวกมึงทำตัวให้ดี มีระเบียบมีวินัย ทำตัวให้อยู่ในกฏ ... แต่ไอ้ด็อกเตอร์นี่ไม่ใช่ เสียดายเป็นอาจารย์มหาลัยใหญ่โตมีการศึกษา แต่ดันเสือกเสี้ยนแอบดูดบุหรี่ในกรม กูเลยต้องเอามันมาจัดการให้พวกมึงดู มันจะได้จำและอายในการกระทำชั่วๆ ของมันบ้าง ขนาดพวกเด็กช่างมันยังไม่ทำเลย อายเค้ามั๊ยไอ้ด็อกเตอร์ขี้เสี้ยน!”

อาจารย์พีเงียบ ไม่ยอมรับว่าแกแอบดูดบุหรี่ตามที่ถูกใส่ร้าย

“หลักฐานมีให้เห็นขนาดนี้ยังไม่ยอมรับอีกเหรอ ทำไมมึงหน้าด้านจังวะไอ้พลทหารด็อกเตอร์ ดูอยากรู้ว่ายางอายมึงนี่ยังมีอยู่ไหม ถอดกางเกงในมึงออก พลทหาร ปฏิบัติ!!”

เริ่มมีเสียงฮือฮาจากเหล่านักศึกษาวิชาทหารเกิดขึ้นหลังสิ้นคำสั่งของจ่าแชมป์ อาจารย์พีหน้าเหวอไม่ยอมทำตามคำสั่ง จ่าแชมป์เลยสั่งให้พลทหารตั้มและเพื่อนที่ยังยืนอยู่ข้างๆ เข้าไปจับแขนอาจารย์พีคนละข้างล็อคไว้ซึ่งตอนนี้อาจารย์พีดิ้นสุดกำลังพร้อมตะโกนแหกปากร้องรอความช่วยเหลือ

“อย่าา อย่าทำแบบนี้ อย่าาา ปล่อยกู กูเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยะเว้ย พวกมึงจะทำแบบนี้กับกูไม่ได้ ช่วยด้วยครับ ช่วยด้วยครับบบ”

อาจารย์พีตะโกนพร้อมกับดิ้นและจัวิ่งหนีออกจากห้องแต่ก็ถูกไอ้ตั้มและเพื่อนช่วยกันจับเอาไว้

“ที่นี่ค่ายทหาร กูเป็นหัวหน้าครูฝึก ไม่มีใครใหญ่กว่ากู กูคือปฏของที่นี่ กูสั่งอะไรทุกคนก็ต้องทำ ไม่ว่าจะเป็นใครมาจากไหน รวมทั้งมึงด้วยไอ้พลทหาร และนี่คือสิ่งที่มึงต้องโดนวันนี้ เฮ้ย พวกมึงจับมันไว้แน่นๆ!!”

ผ่าง!!!!!!!

ไม่ทันขาดคำ จ่าแชมป์ก็เดินไปกระตุกของกางเกงในเปียกเหงื่อสีน้ำตาลอ่อนจนมันลงมากองที่ข้อเท้าของอาจารย์พี เผยท่อนเอ็นมหึมาที่นอนสงบนิ่งในพงหญ้ารกสู้สายตาของนักเรียนม.หกในชุดนศท.ร่วมสองร้อยคน จ่าแชมป์ยังสั่งให้ไอ้ต้นและเพื่อนพาอาจารย์

พีรกิตติ์ที่แก้ผ้าล่อนจ้อนแล้วขึ้นไปยืนบนเวทีบรรยายยกระดับด้านหน้าห้องเพื่อให้นักศึกษาวิชาทหารทุกคนได้เห็นควยของรุ่นพี่ศิษย์เก่าโรงเรียนกันอย่างทั่วถึง

ตอนนี้นักศึกษาวิชาทหารแต่ละคนต่างวิพากวิจารณ์กันอย่างสนุกปาก ในขณะที่อาจารย์พียืนหลับมาไม่อยากสู้หน้าใคร หน้าตาแกเหยเกเหมือนจะร้องไห้ แถมผิวหน้าลงมาถึงช่วงหน้าอกที่ยังชุ่มไปด้วยเหงื่อของแกตอนนี้ยังแดงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดคงจะด้วยความอับอายที่เกิดขึ้นอย่างไม่ได้คากคิดมาก่อน

แกพยายามบิดตัวเพื่อหลบท่อนเอ็นของแกจากสายตาน้องๆ ในห้องและพยายามเอามือลงมาปิดบังเอาไว้ แต่ก็ถูกไอ้ตั้มและเพื่อนจับมือและแขนทั้งสองข้างให้กางออกจากลำตัว แถทยังใช้หัวเข่าดันก้นอาจารย์พีให้หัวเหน่าอาจารย์พีแอ่นระแน้ออกไปข้างหน้า โชว์ท่อนเอ็นของรุ่นพี่ระดับด็อกเตอร์ที่ตกอับมาเป็นพลทหารให้น้องๆ ดูอย่างถึงอารมณ์

“ไงไอ้พลทหารด็อกเตอร์ รู้สึกไงบ้างที่ได้มาแก้ผ้าโชว์ไข่ให้น้องๆ ที่มึงเคยไปแนะแนวดูกันแบบนี้”

อาจารย์พีไม่ตอบ เอาแต่หลับตาและส่ายหน้าไปมาด้วยความอาย จ่าแชมป์เลยอ้อมไปข้างหลังแล้วจิกหัวอาจารย์พีให้เงยหน้าขึ้นแล้วสั่งให้ลืมตามองน้องๆ ซึ่งพออาจารย์พีลืมตาขึ้นก็เห็นน้องๆ ทุกคนกำลังมองมาที่ตัวเองซึ่งแก้ผ้าล่อนจ้อนอยู่บนเวที ทำให้เกิดความอายมากขึ้นไปอีกจนน้ำตาลูกผู้ชายของอาจารย์ไหลออกมา

“สารภาพออกมาว่ามึงเสี้ยนสูบบุหรี่ในค่าย พูดออกมาให้น้องๆ มึงรู้ว่าด็อกเตอร์อย่างมึงมันเชี่ยแค่ไหน สารภาพออกมา”

ถึงตอนนี้ผมซึ่งดูเหตุการณ์อยู่ข้างนอกอยากจะเดินเข้าไปบอกอาจารย์เหลือเกินว่า “สารภาพไปเหอะอาจารย์ไ่งั้นไอ้จ่าแชมป์มันเล่นจารย์มากกว่านี้แน่” แต่ผมรู้ดีว่ายังไงจารย์พีแกคงไม่ยอมสารภาพ เพราะอย่างที่ผมบอก ตอนอยู่มหาลัยแกเคร่งครัดเรื่องการสูบบุหรี่กับนักศึกษามาก แถมแกยังเป็นอาจารย์คนแรกที่รณรงค์ให้ตั้งบทลงโทษนักศึกษาที่แอบสูบบุหรี่ในมหาวิทยาลัยอย่างเป็นทางการขึ้นมาอีก ดังนั้นคงเป็นเรื่องยากสำหรับแกที่จะบังคับให้แกสารภาพเรื่องแบบนี้ แกคงยอมถูกแก้ผ้าซะดีกว่า เพราะถ้าแกยอมสารภาพออกไป ต่อไปแกจะมีหน้าไปบอกนักศึกษาได้ยังไงว่าไม่ให้สูบบุหรี่ ซึ่งแน่นอนว่าพวกนักเรียน รด.ที่กำลังจ้องมองแกอยู่ตอนนี้ปีหน้าก็คงมีจำนวนไม่น้อยที่ได้เข้าไปเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยและคณะวิศวะที่แกสอนซึ่งเป็นคณะยอดฮิตของเด็กนักเรียนชาย พูดง่ายๆ คือจะต้องมีว่าที่ลูกศิษย์ของแกอยู่ในกลุ่มนักศึกษาวิชาทหารกลุ่มนี้อย่างแน่นอน

“ปากแข็งนักใช่มั๊ย ไม่เป็นไร.... แถวตรง!!!”

จ่าแชมป์สั่งให้ไอ้ตั้มและเพื่อนปล่อยแขนอาจารย์พีแล้วให้อาจารย์พียืนแก้ผ้าแถวตรงอกผายไหล่ผผึ่งแบบทหาร ซึ่งตอนแรกๆ อาจารย์พีก็เอามือมาปิดควยด้วยความอายแต่ก็ถูกจจ่าแชมป์ถีบจนหงายท้องแล้วสั่งให้ยืนตรงใหม่จนในที่สุดอาจารย์พีก็คงคิดว่าไหนๆ พวกน้องๆ ก็เห็นกันซะขนาดนี้แล้วคงไม่มีประโยชน์อะไรที่จะปิดอีกต่อไปเลยยอมยืนตรงโชว์หุ่นโชว์ควยล้อนจ้อนอยู่กลางเวทีต่อหน้าน้องๆ

จากนั้นจ่าแชมป์ก็เรียกหัวหน้ากองร้อยกับรองหัวหน้ากองร้อยของนักเรียน รด. ออกมา ซึ่งที่อยู่ในห้องประชุมมีทั้งหมดสองกองร้อย จึงมี นศท ออกมาทั้งหมด 4 คน

“พวกมึงรู้จักไอ้พลทหารนายนี้กันหมดใช่มั๊ย”

จ่าแชมป์ถาม ทั้งสี่คนที่ออกมาพยักหน้าแล้วตอบว่าครับผมพร้อมกัน

“ดี วันนี้กูจะให้พวกมึงสี่คนเป็นตัวแทน ขึ้นไปบนเวทีแล้วช่วยกัน ทำยังไงก็ได้ให้ควยไอ้พลทหารคนนี้มันแข็งขึ้นมา กูให้สามนาที ถ้าหมดเวลาแล้วควยไอ้พลทหารรุ่นพี่มึงยังไม่แข็ง พวกมึงจะโดนทำโทษกันทั้งหมด เริ่มจับเวลา!”

ไอ้พวกหัวหน้าและรองหัวหน้ากองร้อยทั้งสี่คน เมื่อได้รับคำสั่งแล้วมันก็มองหน้ากันแบบงงๆ ชายแท้อย่างพวกมันพอได้รับคำสั่งให้มาปั่นควยคนอื่นต่อหน้าคนเยอะๆ แบบนี้มันก็คงจะมีเขินๆ บ้าง แต่ลึกๆ ในใจพวกมันแล้วก็นึกสนกเหมือนกัน มันจะมีโอกาสแบบนี้ได้อีกที่ไหนที่จะได้จับควยคนอื่นปั่นให้แข็ง โดยเฉพาะคนที่เป็นระดับด็อกเตอรือาจารย์มหาวิทยาลัย

พวกมันรีบเดินขึ้นไปบนเวทีเพื่อไม่ให้เสียเวลา พอไปถึงตัวอาจารย์พีซึ่งยืนตรงเหงื่อแจกหน้าเสียอยู่มันก็เก้ๆ กังๆ ไม่กล้า ไม่รู้จะทำยังไง จนจ่าแชมป์ต้องย้ำอีกรอบว่าถ้าเวลาหมดก่อนจะโดนทั้งกองร้อย ไอ้หัวหน้ากองร้อยคนนึงเลยรีบยกมือไหว้อาจารย์พี แล้วคนอื่นก็เริ่มยกมือไหว้ตามโดนอัตโนมัติ คงจะเพราะความเคยชินที่เคยไหว้เคยทำความเคารพเมื่อครั้งก่อน พอมาอยู่ในสถนการณ์แบบนี้มันเลยกลืนไม่เข้าคายไม่ออก อาจารย์พีก็เช่นเดียวกัน ไม่รู้ว่าควรจะรับไหว้ดีหรือควรจะยืนตรงเฉยๆ ตามคำสั่งดี ท่าทางมันเลยออกมาประดักประเดิดจนจ่าแชมป์อดขำไม่ได้

“เฮ้ย ไม่ต้องมัวแต่ไหว้กันแล้ว จะไปไหว้มันทำไม ตอนนี้มันก็แค่พลหทารทำผิดระเบียบ กูให้พวกมึงมาเป็นคนทำโทษมัน ไม่ได้ให้มาทำความเคารพมัน รีบจับมันปั่นควยได้แล้ว!”

นศท. ทั้งสี่มองหน้ากันแล้วพยักหน้า ไอ้หัวหน้ากองร้อยคนนึงพูดกับอาจารย์พีว่า

“ไม่โกรธกันนะจารย์” แล้วมันก็เขาไปจับหมับที่ท่อนเอ็นใหญ่สงบนิ่งของอาจารย์พี

อาจารย์พีงอตัวด้วยความอายและรู้สกไม่ดีที่ถูกผู้ชายด้วยกันมาจับควย ยิ่งเป็นรุ่นน้องโรงเรียนที่เคยเจอกันด้วยแล้วมันยิ่งทำให้อาจารย์พีรู้สึกแย่มาก แกเลยงอตัวก้มลงด้วยความอายและพยายามเอามืมาปัดไม่ให้รุ่นน้องจับควยแก นศท.อีกคนเห็นแบบนั้นเลยเข้าไปดึงบ่าของอาจาย์พีให้แอ่นตัวขึ้นแล้วดึงมือทั้งสองข้างของอาจารย์พีให้ยกขึ้นมาวางที่ท้ายทอยแล้วจับไว้เพื่อให้เพื่อนอีกคนจัดการปั่นควยอาจารย์พีได้ง่ายๆ และให้คนอื่นๆ เห็นรูปร่างของอาจารย์พีได้ชัดเจน

“ให้ความร่วมมือหน่อยนะจารย์ ยืนนิ่งๆ คับ”

ส่วนที่เหลืออีกสองคนมันก็เข้ามาจับตัวอาจารย์พีไว้ไม่ให้ดิ้น

“เฮ้ย จับตัวมันคนเดียวพอแล้ว ไปจับทำไมตั้งสามคนวะ อีกสองคยอ่ะหาอย่งอื่นทำบ้าง ให้เพื่อนมึงปั่นอยู่คนเดียวอ่ะควยมันไม่แข็งหรอก”

ไอ้สองคนที่จับตัวจารย์พีอยู่มองหน้ากันเหวอแบบไม่รู้จะทำอะไร แต่ไม่นานก็มีสัญญณจากพวกเพื่อน นศท ด้านล่างที่ช่วยกันทำมือวนที่หัวนม ไอ้รองหัวหน้ากองร้อยคนนึงจึงคิดออก มันเลยไปข้างหลังอาจารย์พีแล้วเอื้อมมือสองข้างผ่านลำตัวอาจารย์พีมาด้านหน้าแล้วจับเข้าที่หัวนมสีน้ำตาลอ่อนทั้งสองข้างของจารย์พีจากนั้นมันก็ลงมือคลึงเขี่ยหัวนมอาจารย์พีอย่างเใามันท่ามกลางเสียหัวเราะเฮฮาของเพื่อนๆ ในน้องและจ่าแชมป์กับพลทหารตั้มและเพื่อน

ส่วนไอ้นศท.อีกคนที่เหลือมันหน้าเครียดอยู่สักพักเพราะไม่รู้จะทำอะไร แต่ไม่นานมันก็คิดออก มันเอามือตบขาอาจารย์พีแล้วพูดว่า “กางขาหน่อยจารย์” แต่อาจารย์พีไม่ยอมกางมันเลยจับขาอาจารย์พีถ่างออกด้วยตนเองแล้วมันก็อ้อมไปข้างหลังแล้วนั่งลง ก่อนที่จะเอามือขวาของมันสอดเข้ามาใต้ขาหนีบอาจารย์พีแล้วจับเข้าที่พวกไข่หรือถุงอัณฑะของด็อกเตอร์สุดหล่อแล้วค่อยๆ คลึงเล่นอย่างมันส์มือ สร้างเสียงเฮฮาอีกระลอกให้กับกลุ่มผู้ชม

ตอนนี้บนเวทีคือภาพของพลทหารการศึกษาสูงวัยสามสิบสองปีกำลังยืนแก้ผ้าล่อนจ้อนถูกจับมือประสานท้ายทอยโชว์ขนรักแร้ดกดำเหงื่อแตกท่วมตัวกำลังแอ่นควยให้นักศึกษาวิชาทหารรุ่นน้องอายุสิบเจ็ดโรงเรียนเดียวกันชักว่าว โดยมีนักศึกาวิชาทหารอีกคนคลึงเล่นที่หัวนมและอีกคนคลึงเล่นที่พวงไข้เพื่อเพิ่มความเสียวสะท้ายให้ท่อยชายของหนุ่มใหญ่วัยเจริญพันธุ์แข็งอวดสายตาทุกคนภายในอีกไม่กี่นาที

อาจารย์พียืนหน้าเหยเกกัดฟันแน่นเหมือนจะขาดใจ ทั้งอาย ทั้งแค้น ทั้งเสียว ทั้งเงี่ยนในเวลาเดียวกัน ไม่นานของรักของหวงของแกก็เริ่มขยายตัวแข็งขึ้น เส้นเลือดรอบๆ ปูดโดนจนเห็นได้ชัด พวกนศท.ที่ดูอยู่ต่างฮือฮากันใหญ่กับภาพที่เห็นเพราะขนาดยังพึ่งเริ่มแข็งมันก็รู้ทันทีว่ามันต้องมีขนาดที่ใหญ่มากไม่ธรรมดาแน่ๆ และก็เป็นจริงตามนั้น ก่อนหมดเวลาไม่นานควยของอาจารย์พีก็แข็งสู้มือรุ่นน้องอย่างเต็มที่ พอจ่าแชมป์เห็นก็รีบเป่านกหวีดให้หยุด

“เฮ้ยๆ หยุดก่อนเดี๋ยวมันก็น้ำแตกคามือพวกมึงหรอก กูให้ปั่นแขงเฉยๆ แม่งมันมือมากจะเอาจนไอ้ด็อกเตอร์แตกเลยเว้ย”

พวก นศท หัวเราะกันใหญ่ พอไอ้หัวหน้ากองร้อยปล่อยมือจากควยอาจารย์พีเสียงเฮก๋เกิดขึ้นอื้อึงทั่วห้องเพราะมังกรขนาดเกือบเก้านิ้วของอาจารย์พีได้ปรากฏสู่สายตาคนนับร้อยอย่างไร้การปกปิดใดๆ ทั้งสิ้น

ดงหมอยดกฟูสีดำรกทึบเบื้องหลังเปรียบเสมือนแผงคอมังกรที่กำลังผงาดหัวชี้โค้งขึ้นด้านบน หัวเปิดแดงมัน มีน้ำหล่อลื่นใสไหลเอ่อที่หัวและหยดยืดลงมาเป็นสายังพื้นเวทีติกย้ำภาพความเงี่ยนของชายวัยกำหนัดได้อย่างสมบูรณ์แบบ อาจารย์พียังคงถูกให้ยืนในท่ากางขาแล้วเอามือประสานท้ายทอยหยน้าเหยยิ่งซึ่งเป็นท่าที่เหมาะที่สุดกับการ ‘ถูกประจาน’

จ่าแชมป์ชอบใจมากจนหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปเอาไว้

แล้วถามนศท.ว่า “เฮ้ยพวกเด็กเรียนโรงเรียนมึงนี่สงสัยจะเก็บกดว่า นึกว่าอ่านแต่หนังสือ ความจริงแม่งขี้เงี่ยนชอบแอบไปชักว่าว ดูดิสงสัยแม่งเรียนเครียดจัดเลยชักว่าวหนักควยแม่งเบ้อเร้อเลย ไอ้ด็อกเตอร์ควยโตเอ้ยย”

พวกนศท.หัวเราะกันใหญ่

“ต่อไปนี้เจอมันที่ไหน ไม่ต้องเรียกมันด็อกเตอร์หรืออาจารย์เฉยๆ แล้วนะพวกมึง ให้เรียกว่าไอ้ด็กอเตอร์ควยโต ไหนพูดดิ๊ พูดพร้อมกัน ปฏิบัติ!”

“ด็อกเตอร์ควยโต!!!” นักศึกษาวิชาทหารทั้งหมดพูดพร้อมกันอย่างเฮฮา ทำให้อาจารย์พีรู้สึกว่าโดนดูถูกจนแทบอยากจะหายไปจากโลกนี้

“ไหนๆ รุ่นพี่รุ่นน้องโรงเรียนประจำจัดหวัดก็อยู่กันพร้อมหน้า นานๆ จะได้เจอกันสักที ผมเองก็ต้องบอกว่าผมก็เป็นศิษย์เก่าโรงเรียนนี้เหมือนกัน ถึงพวกคุณจะจำผมไม่ได้เพราะไม่ได้เจอกับผมบ่อยเหมือนกับที่เจอร์กับไอ้ด็อกเตอร์นี่เพราะผมทำงานอยู่ในกรมทหาร ผมทำงานจริงจัง แต่ผมขอบอกว่าผมภูมิใจในตัวพวกคุณทุกคนและภูมิใจในตัวศิษย์เก่าทุกคนที่จบจากโรงเรียนของ้รา แต่ก็มีศิษย์เก่าบางคนที่มีการศึกษาสูงเป็นถึงด็อกเตอร์ ทำงานมีหน้ามีตาเป็นอาจจารย์ใในมหาวิทยาลัย แต่เสียดาย สันดานเลวระยำทำตัวไร้ระเบียบวินัย มันเลยต้องมายืนแก้ผ้าต่อหน้าทุกคนอยู่ที่นี่ เอ้า โห่มันหน่อย!!!”

“โห่ห่ห่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”

พวกนศท.ช่วยกันโห่อาจารย์พีอ่างสนุกสนาน เหมือนตอนนี้ส่วนใหญ่ไม่สนใจแล้วว่าคนที่ยินตรงหน้าจะเป็นอาจารย์หรือรุ่นพี่ที่พวกมันควรเคารพ เพราะคนที่ควรค่าแก่การเคารพนับถือที่ไหนจะมายืนแก้ผ้าควยโด่น้ำเงี่ยนเยิ้มต่อหน้าทุกคนแบบนี้ สิ่งที่พวกเขาเห็นมันก็แค่พลทหารไร้ระเบียบคนหนึ่งที่กำลังถูกลงโทษอย่างสาสมกับความผิดเท่านั้น!!

ผมซึ่งดูเหตุการณ์อยู่สงสารอาจารย์พีมาก จ่าแชมป์มันร้ายกว่าที่ผมคิดไว้เยอะ ผมไม่คิดเลยว่ามันจะทำชั่วกับอาจารย์พีได้เจ็บแสบขนาดนี้ หน้าของมันกระหยิ่มยิ้มอย่างสะใจที่มันได้เห็นรุ่นน้องช่วยกันโห่อาจารย์พีเพื่อนเก่าที่ประสบความสำเร็จเหนือกว่ามันมาโดนตลอด แต่ตอนนี้กลับถูกมันสั่งให้ยืนแก้ผ้า ถูกใส่ร้ายและถูกโห่อย่างไร้เกียรติ

“เอ้าพอๆ หยุดโห่ก่อน พอพี่น้องร่วมสถาบันมาอยู่ด้วยกันแบบนี้แล้วกูก็รู้สึกว่าเลือดน้ำเงินเทามันเข้มข้นขึ้นมาว่ะ กูอยากฟังเพลงมาร์ชโรงเรียนเราให้มันฮึกเหิมซะหน่อย ไม่ได้ฟังมานานแล้ว กูคิดว่าไอ้พลหทารนี่มันคงรักโรงเรียนมาก เห็นกลับไปปพูดให้รุ่นน้องฟังทุกปี เดี๋ยวกูจะให้มันร้องแล้วพวกมึงช่วยกับปรบมือตามนะเว้ย เข้าใจมั๊ย”

“ครับ!!” พวก นศท. ตอบพร้อมกัน

จ่าแชมป์หันไปที่อาจารย์พี

“เข้าใจคำสั่งแล้วนะพลทหาร ร้องดังๆ ร้องด้วยความภาคภูมิใจ แล้วตอนร้อง ให้ยืนท่านี้แหละ แล้วกระดกไอ้จ้อนมึงตามจังหวะปรบมือของน้องนศท.ไปด้วย เข้าใจมั๊ย กูถามว่าเข้าใจมั๊ย”

อาจารย์พีส่ายหน้าอย่งรับไม่ได้รับคำสั่งของจ่าแชมป์ แต่ก็โดนขู่ว่าถ้าจะไม่ทำก็ได้ แต่จ่าแชมป์จะอนุญาตให้นศท.ทุกคนเอามือถือขึ้นมาถ่ายรูปอาจารย์พีในตอนนี้แล้วเอากลับออกไปให้ใครดข้างนอกกได้ แล้วแต่ว่าอาจารย์พีจะเลือกแบบไหน อาจารย์พีจึงยอมตกลงร้องเพลงมาร์ชและกระดกควยตามจังหวะปรบมือของน้องๆ

อาจารย์พียินถ่วงขาเอามือประสานท้ายทอย้างไว้แล้วเริ่มร้องเพลงมาร์ชที่เขาเยร้องเป็นพันๆ รอบอย่างภาคภูมอใจ แต่ครั้งนี้ด้วยความรู้สึกที่ไม่เหมือนเดิม

“น้ำเงินเทางามสง่า เชิดชูตราวิทยาคมสมเกียรติ อุดมศึกษาเป็นหนึ่งหาใดเปรียบ เราพี่น้องเทิดเหนืออื่นใด....”

อาจารย์พีเริ่มร้องด้วยเสียงดังแต่สั่นเครือ เสียงปรบมือให้จังหวะของน้องๆ นศท เริ่มต้นขึ้นพร้อมเพลง พร้อมกับควยอาจารย์พีที่กระดกขึ้นลงหนึ่งทีตามเสียงปบมือหนึ่งครั้งของน้องๆ

“การศึกษา กีฬา สามารถ เกียรติคุณลือชาเกริกไกร

จริยธรรม ะเบียบและวินัย ส่งเสริมให้วิทยาสถาวร..”

อาจารย์พีเริ่มมีน้ำตาไหลออกมาจากตาที่แดงรื้น แต่ก็ยังคงต้องร้องเพลงมาร์ชโรเรียนและกระดกควยตามจังหวะปรบมือของน้องๆ ต่อไปอย่าสุดแสนอัปยศ

“มาเถิดเราชาวพี่น้อง มาร่วมพ้องร่วมพรรคพร้อมหน้า เทิดชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ยิ่งชีวา บูชาเกียรติกอ้งขจรไกล...”

บางช่วงที่อาจารย์พีกระดกวยตามเสียงปรบมือก็จะมีน้ำหล่อลื่นที่เนิ่มลงจากปลายควยตามแรงกระดกยืดลงมาที่พื้นเวทีด้วย ทำให้เพลงมาร์ชครั้งนี้เหมาะจะเป็น ‘มาร์ชอัปยศ’ ที่เป็นเครื่องมือที่จ่าแชมป์เลือกใช้มาประจานศิษย์เก่าของโรงเรียนแทนที่จะเป็น ‘มาร์ชเกียรติยศ’ ที่ใช้รวมน้ำใจพี่น้องและประกาศเกียรติของสถาบันตามจุดประสงค์ของเพลง เรียกได้ว่าจ่าแชมป์เข้าใจเลือกใช้เครื่องมือที่จะมาทรมานจิตใจขิงอาจารย์พีได้อย่างยอมเยี่ยมสมบูรณ์แบบ เพราะคงไม่มีอะไรจะทำให้ศิษย์เก่าที่รักโรงเรียนมากและทำทุกอย่างเพื่อโรงเรียนและรุ่นน้องมาตลอดต้องทรมานใจได้มากเท่ากับการต้องมายืนแก้ผ้าร้องเพลงมาร์ชโรงเรียนบนเวทีต่อหน้ารุ่นน้องนับร้อย แถมยังต้องกระดกควยจนน้ำหล่อลื่นไหลเยิ่มตามจังหวะเสียงปรบมืออีก แถมตอนนี้ตัวเองยังเป็นแค่พลทหารและถูกใส่ร้ายว่าทำผิดระเบียบวินัยซึ่งเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีด้วย

ซ้ำยังมีน้องหลายคนนึกสนุกแกล้งปรบมือไม่ตรงจังหวะ ทำให้อาจารย์พีต้องกระตุกควยซ้ำๆ ติดกันจนเสียวหน้าท้องไปหมด

ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ จ่าแชมป์และครูฝึกอีกหลายคนก็เอามือถือขึ้นมาถ่ายคลิปบันทึกเอาไว้ด้วย

พอจบเพลงมาร์ชรอบแรก ควยอาจารย์พีก็มีน้ำหล่อลื่นเยิ้มแฉะและแข็งมากกว่าเดิม

จ่าแชมป์เลยสั่งให้ร้องอีกรอบ แต่รอบนี้ให้พวกน้องๆ นศท.ช่วยปรบมือและร้องไปพร้อมกับอาจารย์พีด้วย และขอตัวแทนนศท.หนึ่งนายซึ่งเป็นกะเทยตัวอ้วนขึ้นมายืนข้างๆ อาจารย์พีแล้วเอามือกำรอบควยอาจาย์พีเอาไว้หลวมๆ แล้วให้อาจารย์พีเปลื่ยนจากกระดกควยเป็นการกระเด้ามืรุ่นน้อง นศท.ตามจังวะเสียงปรบมือของ นศท ที่เหลือแทนในรอบนี้

“น้ำเงินเทางามสง่า เชิดชูตราวิทยาคมสมเกียรติ อุดมศึกษาเป็นหนึ่งหาใดเปรียบ เราพี่น้องเทิดเหนืออื่นใด....”

เสียงมาร์ชโรงเรียนของเหล่าชายหนุ่มศิษย์ปัจจุบันและศิษย์เก่าของโรงเรียนประจำจังหวัดดังก้องไปทั่วทั้ง่ายทหารแห่งนี้อย่างน่าขนลุก หากใครได้ฟังคงคิดถึงภาพที่พี่น้องร่วมร้องเพลงกันอย่างฮึกเหิมแลัภาคภูมิใจ ใครจะคิดว่าภาพที่แท้จริงจากจุดต้นกำเนิดเสียง คือรุ่นพี่ศิษย์เก่าในฐานะ ‘พลหทาร’ กำลังยืนแก้ผ้าเหงื่อท่วมตัวกางขาเอามือประสานท้ายทอยและถูกบังคับให้ยืนกระเด้ามือของรุ่นน้องศิษย์ปัจจุบันในฐานะ ‘นักศึกษาวิชาทหาร’ ตามจังหวะเสียงปรบมือของศิษย์ปัจจุบันที่เหลือ

พอร้องไปได้ประมาณสามรอบกว่าๆ อาจารย์พีก็เริ่มหน้าเหยหลับตา ส่งเสียงครางในลำคอแล้วงอตัวลงเหมือนกุ้ง จนจ่าแชมป์ต้องสั่งให้ นศท กะเทยอ้วนที่ยืนให้อาจารย์พีกระเด้ามืออยู่จิกหัวเกรียนๆ ของอาจารย์พีขึ้นมาให้ตัวตรงและมองไปที่น้องๆ นศท.ข้างล่างเวที

พวก นศท.ก็เหมือนรู้ดีว่าอาจารย์พีคงเสียวมากจนใกล้ระเบิดความกำหนัดของลูกผู้ชายออกมา เลยช่วยกันร้องเร่งจังหวะเพลงและปรบมือให้เร็วขึ้นเพื่อกระตุ้นให้อาจารย์พีกระเด้ามือของเพื่อนกะเทยแรงขึ้นและเร็วขึ้นไปอีก ซึ่งขณะนี้อาจารย์พีเองก็ถูกความเงี่ยนเข้าครอบงำเรียบร้อยแล้ว แกกัดฟันแน่นแล้วกระเด้าเอวรัวๆ ไปที่มือของรุ่นน้องกระเทยจคนนั้นเหมือนไม่สนว่ามีคนนับร้อยกกำลังมองอยู่

เสียงร้องเพลงของแกเริ่มขาดเป็นช่วงๆ จนสุดท้ายมันก็กลายเปนเสียงครางและคำรามเหมือนกระทิงหนุ่มที่กำลังติดสัดได้ที่ แกคงอยากก้มหย้าหลับตาแต่ก็ถูกรุ่นน้องกะเทยคนนั้นจุกหัวให้เงยหน้ามองเหล่านศท.ตรงหน้า ตอนนี้หน้าของแกเลยอยู่ในลักษณะเหยเกกัดฟันแน่น คิ้วขมวดตาเบิกโพลงถลนค้างถูกจิกหัวให้มองมาที่รุ่นน้องทุกคน เหงื่อแตกจนตัวมันเลื่อมไม่ต่างอะไรกับถูกชโลมด้วยน้ำมัน ไม่กี่อึดใจน้ำสีขาวขุ่นก็ระเบิดพุ่งออกมาจากมังกรใหญ่ของแก ด้วยความที่ควยแกโค้งขึ้นด้านบนมันเลยพุ่งระเบิดเหมือนน้ำพุแล้วกระเซ้กนระจัดกระจายพุ่งมายังด้านหน้าเวที แรงและไกลเกือนเมตรจนเปื้อนน้องนศท.ที่นั่งอยู่ข้างหน้า

น้ำแกพุ่งเป็นสายยาวและทะลักออกมาปริมาณมหาศาลเพราะแกคงเครียดจนไม่ได้ชักว่าวเลบตลอดเดือนกว่าๆ ที่มาฝึกอยู่ที่นี่ จนเวทีผ่านไปเกือบครึ่งนาทีแล้วควยแกก็ยังคงกระตุกพ่นน้ำออกมาจนชุ่มมือของ นศท กะเทยที่จับควยแกอยู่เต็มไปหมด หน้าของแกยังคงตาถลยค้างและกัดฟันนั่นเหมือนกับกำลังอยู่ในสถวะช็อคอย่างสุดขีด เสียงเฮของนักศึกษาวิชาทหารในห้องดังขึ้นเป็นระยะเพื่อเชียร์ในแต่ละครั้งที่น้ำเงี่ยนของอาจารย์พีพุ่งออกมาเหมือนเชียร์มวย

จนเวลาผ่านไปเกือบหนึ่งนาที น้ำช็อตสุดท้ายของอาจารย์พีจึงพุ่งออกมาหมด มันเป็นปริมาณน้ำมหาศาลที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิตว่าผู้ชายคนหนึ่งจะผลิตน้ำเงี่ยนได้มากขนาดนี้ แม้แต่ในหนังโป๊ก็ตาม เมื่อมองไปตรงพื้นเวทีและพื้นล่างเวทีข้างหน้า มันเหมือนกับมีคนลำขวดกาวลาเท็กซ์สักสามขวดหหกเอาไว้มากกว่าที่จะเชื่อว่าเป็นน้ำเงี่ยนจากร่างกายของอาจารย์มหาวิทยาลัยวัย 32 หลังจากที่อาจารย์พีพ่นน้ำหมดแกกตาเหลือกลอยและทรุดตัวลงกับพื้นและเริ่มร้องไห้ จนจ่าปชมป์ต้องให้ไอ้ตั้มแต่เพื่อนขึ้นหิ้วปีกอาจารย์พีให้ยืนขึ้นโชว์ควยที่ตอนนี้อยู่ในสภาพกึ่งแข็งกึ่งอ่อนและเปื้อนน้ำเงี่ยนให้ทุกๆ คนดูอีกครั้ง

“มึงจะสารภาพได้รึยังว่ามึงแอบดูดบุหรี่ พลทหาร สารภาพออกมา”

“อาจารย์พีพยักหน้าอย่างหมดอาลัยตายอยาก เหมือนยอมแพ้กับทุกอย่างบนโลก ก่อนที่จ่าแชมป์จะสั่งให้ไอตั้มและเพื่อนลากตัวพลทหารอาจารย์พีที่พึ่งน้ำแตกออกไปที่หน้าเสาธงข้างนอก และบอกให้นศท.ทั้งหมดตามออกไปตั้งแถวเพื่อเตรียมตัวกลบบ้านและดูการลงโทษของพลทหารที่มันแอบดูดบุหรี่ว่าจะเป็นอย่างไร

“มาเถิดเราชาวพี่น้อง มาร่วมพ้องร่วมพรรคพร้อมหน้า เทิดชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ยิ่งชีวา บูชาเกียรติกอ้งขจรไกล...”


นักศึกษาวิชาทหารทั้งหมดถูกสั่งให้รีบวิ่งออกไปที่ลานข้างนอกเพื่อตั้งแถวตามกองร้อยรอกลับบ้านตามปกติ แต่ที่ไม่ปกติคือวันนี้นอกจากที่ลานหน้าเสาธงจะมีแถวของนักศึกษาวิชาทหารแล้ว พวกเราทหารเกณฑ์ทั้งหมดก็ยังถูกเรียกมาตั้งแถวข้างๆ พวก นักเรียน รด. ด้วย ทำให้ลานกว้างดูแน่นไปขนัดตาด้วยทั้งทหารเกณฑ์และ นศท. รวมแล้ว เกือบห้าร้อยนาย บนแท่นเสาธงที่ด้านหน้าแถวนั้นมีร่างเปลือยของ ดร.วัยสามสิบสองที่เป็นรุ่นพี่โรงเรียนถูกสั่งให้นั่งคุกเข่าโดยให้แยกเข่าออกเพื่อให้ได้โชว์ควยที่พึ่งถูกชักจนน้ำแตกมาให้ทุกคนในที่นั้นได้เห็นกันอย่างเต็มที่ ส่วนมือก็ถูกสั่งให้ยกประสานท้ายทอยไว้อย่างน่าอับอาย

จ่าแชมป์เดินเข้ามาตรงหน้าอจารย์พีพร้อมป่าวประกาศให้ทุกคนรู้ว่าอาจารย์พีกำลังจะถูกลงโทษด้วยข้อหาแอบสูบบุหรี่ในค่ายทหารเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง เสร็จแล้วก็เอาซองบุหรี่ของกลางที่ค้นได้จากล็อกเกอร์ของอาจารย์พีออกมาแกะเทบุหรี่ในซองลงกับพื้น

จากนั้นจ่าแชมป์ก็ให้ไอ้ตั้มและเพื่อนทหารเกณฑ์ช่วยกันขับอาจารย์พี โดยเพื่อนไอ้ตั้มจับแขนซ้าย ไอ้ตั้มจับแขนขวาให้กางออก แล้วใช้เท้าที่ใส่คอมแบตอยู่เหยียบไปที่หลังอาจารย์พีให้ก้มตัวลงพร้อมกับใช้อีกมือหนึ่งที่ไม่ได้จับแขนจิกหัวอาจารย์พีให้เงยขึ้นหาจ่าแชมป์แล้วสั่งให้อาจารย์พีอ้าปาก พออาจารย์พีไม่ยอมอ้าไอ้ตั้มก็ใช้เท้าของมันที่อยู่บนหลังอาจารย์พีเหยียบซ้ำลงไปทำให้อาจารย์พีเจ็บปวดทรมานจนต้องยอมทำตามคำสั่ง

จากนั้นจ่าแชมป์ก็จัดการยัดบุหรี่เข้าไปในปากอาจารย์พีทีละมวนจนไม่นานในปากของอาจารย์พีก็ถูกอัดแน่นไปด้วยบุหรี่เกือบสิบห้ามวนเห็นจะได้ พวกเราถูกสั่งให้นั่งดูการลงโทษที่กำลังเกิดขึ้นอย่างตื่นเต้น และไม่กี่อึกใจต่อมาบุหรี่ทุกมวนในปากอาจารย์พีก้ถูกจุดขึ้นด้วยไฟแช็คในมือของจ่าแชมป์

“อยากดูดนักไม่ใช่เหรอมึง ทีนี้ดูดเข้าไปให้สะใจเลย ดูดเข้าไป”

ตอนนี้อาจารย์พีผู้ไม่เคยสูบบุหรี่กำลังถูกทรมานทั้งกายและใจด้วยการให้แก้ผ้าดูดบุหรี่ทีเดียวสิบห้ามวนจนควันโขมงต่อหน้า นศท และทหารเกณฑ์นับร้อย อาจารย์พีสำลักควันบุหรี่จนน้ำหูน้ำตาไหลเหงื่อแตกเต็มตัว เศษขี้บุหรี่ติดไฟค่อยๆ ร่วงลงมาโดนตามตัวทั้งหน้าอก หน้าท้อง และควยของอาจารย์พีที่นั่งคุกเข่าแก้ผ้าอยู่ทำให้อาจารย์พีทรมานยิ่งขึ้นไปอีก

พออาจารย์พีสำลักควันจนทนไม่ไหวก็ปล่อยบุหรี่หลายตัวร่วงลงมาจากปากจนบุหรี่หลายมวนที่กำลังติดไฟร่วงมาโดนตัวโดนควยจนเกิดรอยไหม้เป็นจ้ำๆ อาจารย์พีกัดฟันร้องในลำคออย่างเจ็บปวด ก่อนจะถูกจ่าแชมป์เอาบุหรี่มวนใหม่ยัดเข้าไปในปากแล้วจุดไฟซ้ำๆ อยู่อย่างนี้นานเกือบสิบห้านาทีจนบหรี่ที่เป็นของกลางหมด

เสร็จแล้วจ่าแชมป์ก็สั่งให้อาจารย์พีหยิบเอาเศษก้นบุหรี่ที่หล่นอยู่บนพื้นขึ้นมาแล้วใส่ปากเคี้ยวแล้วกลืนลงไปให้หมด แต่อาจารย์พีคงทำใจกินบุหรี่ไม่ได้ เลยถูกจับล็อคตัวจิกหัวให้เงยหน้าอ้าปากแล้วเอาเศษก้นบุหรี่ยัดเข้าไปในปากอย่างทารุณพร้อมทั้งโดนจับกรอกน้ำตามให้กลืนลงไปให้หมด อาจารย์พีทั้งแหกปากร้องทั้งดิ้นเพื่อขอให้จ่าแชมป์หยุดการทหามานนี้แต่จ่าแชมป์ดูเหมือนจะยิ่งสะใจมากขึ้นไปอีก

ในที่สุดเศษก้นบุหรี่ทั้งหมดก็ถูกยัดลงไปในท้องของอาจารย์พี สภาพอาจารย์พีตอนนี้สะบักสะบอมยิ่งกว่าหมาข้างถนน แทบไม่เหลือเค้าอาจารย์มหาลัยสุดหล่อที่ผมเคยรู้จักอยู่เลย

จ่าแชมป์สั่งให้อาจารย์พีลุกขึ้นยืนโชว์ควยในท่าตรงอีกครั้งแล้วสั่งให้ตะโกกนดังๆ ซ้ำๆ ไปเรื่อยๆ ต่อหน้าทุกคนว่า “ผมพลทหาร ดร.พีรกิตติ์ เลิศวิทยา ควยน้ำแตก จะไม่สูบบุหรี่อีกแล้วครับ”

จากนั้นก็ค่อยๆ ปล่อยแถวพวกนักศึกษาวิชาทหารให้กลับบ้านด้วยความประทับใจ และปล่อยแถวทหารเกณฑ์ไปกินข้าวเย็นในขณะที่อาจารย์พียังคงถูกให้แก้ผ้ายืนตะโกนสำนึกความผิดที่ตัวเองไม่ได้ก่อต่อไปด้วยความอับอายอีกเกือบสองชั่วโมง นับเป็นการแก้แค้นที่สาแก่ใจไอ้ตั้มและเพื่อน และสร้างความบันเทิงให้กับจ่าแชมป์เพื่อนเก่าของอาจารย์พีเป็นที่สุด

หลังจากถูกทำโทษอาจารย์พีก็โดนลงบันทึกความผิดไว้เป็นภาคทัณฑ์แล้วจึงได้รับอนุญาตให้ใส่เสื้อผ้าแล้วกลับมาฝึกตามปกติ ซึ่งหลังจากวันนั้นอาจารย์พีก็ไม่ทำตัวน่าหมั่นไส้ใส่ใครอีก ตั้งใจฝึกมากขึ้นคงเพราะกลัวความผิดแล้วจะโดนอีก แต่แกก็ยังไม่คุยกับใครเหมือนเดิม ขนาดผมที่เป็นบัดดี้ของแกเดินไปคุยด้วยแกยังเดินหนี

แกคงรู้สึกอายจากเหตุการณ์ที่แกโดนทำโทษแบบนั้นต่อหน้าผมซึ่งเป็นลูกศิษย์ที่มหาวิทยาลัยของแกด้วย ผมเลยไม่ถือโกรธอะไรแก ส่วนทหารเกณฑ์คนอื่นๆ หลังจากวันนั้นก็ล้อเลียนและแซวอาจารย์พีเหมือนอาจารย์พีเป็นตัวตลก อาจารย์พีถูกพวกมันตะโกนใส่หน้าว่า ‘ด็อกเตอร์ควยโต’ บ้าง ‘ด็อกเตอร์น้ำพุ่ง’ บ้าง ‘ด็อกเตอร์แดกบุหรี่’ ก็มี

พวกมันหาคำมาด่าอาจารย์พีสารพัดแต่อาจารย์แกก็ไม่ตอบโต้ แต่ผมเห็นแกกำหมัดแน่นตาขวางเหมือนพวกเก็บกดอย่างน่ากลัวจนผมต้องขอให้ไอ้พพวกเพื่อนๆ มันเบาๆ การแกล้งอาจารย์พีลงหน่อย สงสารแก

นอกจากนั้นผมยังแอบไปรู้มาว่าอาจารย์พีพยายามเข้าพบ ผบ.ค่ายอยู่หลายครั้ง แกจะไปป้วนเปี้ยนแถวตึกบัญชาการทุกวัน แต่ก็ถูกพวหทหารยามที่เฝ้าอยู่ไล่ออกมา บอกว่าทหารเกณฑ์ไม่มีสิทธิเข้าพบถ้าไม่ได้รับอนุญาติ

จนวันหนึ่งที่ค่ายของเรามีพีธีการ ซึ่ง ผบ.ค่ายต้องมากล่าวเปิดในพิธีที่หน้าตึก พวกเราทหารเกณฑ์ยืนเรียงแถว่ามกลางแดดเที่ยงร้อนระอุ ขณะที่ แอ.ค่ายและพวกทหารสัญญาบัติหลายคนที่มาร่วมพิธีถูกจัดให้นั่งในร่มอย่างดี

ทุกอย่างดำเนินไปอย่างเรียบร้อยเป็นระเบียบตามแบบทหาร แต่เมื่อเสร็จพิธี ขณะที่ครูฝึกสั่งให้ทหารเกณฑ์เดินเรียงแถวกลับ สิ่งไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่ออยู่ดีๆ อจารย์พีก็วิ่งออกจากแถวแล้วตรงไปที่เต๊นท์ที่พวกทหารสัญญาบัตรและ ผบ.ค่ายนั่งอยู่

พวกครูฝึกก็ตกใจวิ่งไล่ตามจับอาจารย์พีกัให้วุ่นวายแต่อาจารย์พีก็วิ่งไปถึงเต๊นท์จนได้ พอดีกับที่ครูฝึกรวบตัวอาจารย์พีไว้ได้พอดี

“ผู้กองเมธ ผู้กองเมธ จำผมได้ไหมครับ ผม ดร.พีรกิตติ์ที่เคยเจอกันในงานครบรอบ 40 ปีมหาลัยครับ”

อาจารย์พีตะโกนไปทางนายทหารยศร้อยเอกคนหนึ่งซึ่งมองมาที่อาจารย์พีที่ถูกครูฝึกล็อกตัวไว้อย่างงงๆ พร้อมลุกขึ้นเดินมาดู

“เฮ้ย พวกมึงปล่อยพลทหารมาโวยวายตรงนี้ได้ยังไงวะ” ผบ.ค่ายยศพันเอกแสดงความไม่พอใจ

“ไม่เป็นไรครับท่าน ผมว่าผมรู้จักนายทหารคนนี้” ผู้กองเมธ ผู้กองหนุ่มอายุรุ่นราวคราวเดียวกับอาจารย์พี หน้าตาไม่หล่อมากแต่ร่างใหญ่แบบทหารออกปากแล้วสั่งให้พวกครูฝึกปล่อยอาจารย์พี

“นี่ ดร.พีรกิตติ์ครับ เป็นอาจารย์สอนอยู่ที่มหาลัยเดียวกับลูกพี่ลูกน้องผม เคยเจอกันเมื่อปีที่แล้วที่งานเลี้ยง ไม่นึกว่าวันนี้จะมาเจอกันในสภาพแบบนี้ นี่อาจารย์คงถูกเรียกตัวมาเข้ากรมสินะครับ”

อาจารย์พีถือโอกาสนี้เล่าเรื่องที่ตัวเองถูกหมายเรียกมาฝึกทบทวนให้ผู้กองเมธและ ผบ.ค่ายฟัง พร้อมกับฟ้องว่าอาจารย์ถูกใส่ร้ายและลงโทษเกินกว่าเหตุเลยขอให้ ผบ.ค่ายและผู้กองเมธช่วยจัดการให้ด้วย และบอกว่าตัวเองมีความรู้ควรจะกลับไปทำงานได้แล้วไม่ควรจะอยู่ที่นี่เพราะไม่เกิดประโยชน์อะไรเลยขอให้อนุญาตให้ออกจากที่นี่ก่อนครบหกเดือน

พออาจารย์พีพูดจบผู้กองเมธก็หันไปปรึกษากับ ผบ.ค่าย

ผบ.ค่ายบอกว่า เรื่องถูกลงโทษเกินกว่าเหตุเดี๋ยวจะสอบสวนให้ว่าเป็นมายังไงและอาจารย์พีถูกลงโทษเกินกว่าเกตุจริงรึเปล่า แต่เรื่องให้ออกจากกรมก่อน 6 เดือนคงทำไม่ได้เพราะเป็นกฏเขียนไว้ชัดเจน ยังไงก็ต้องอยู่ฝึกต่อให้ครบ

อาจารย์พีได้ยินอย่างนั้นก็หน้าจ๋อย

“งั้นพอจะมีงานอื่นให้ผมไปทำอย่างานเอกสารไหมครับ ผมว่าให้ผมไปทำงานใช้สมองดีกว่ามาฝึกแบบนี้” อาจารย์พีต่อรอง

“ปกติทหารเกณฑ์ถ้าไม่ฝึกก็ต้องทำงาน งั้นเอาอย่างนี้ ไปเป็นทหารรับใช้ที่บ้านผู้กองเมธแทนแล้วกัน เผื่อจะช่วยงานอะไรที่บ้านผู้กองเขาได้ ผู้กองว่ายังไงล่ะ”

“ดีครับท่าน บ้านผมกำลังอยากได้ทหารรับใช้อยู่พอดี ได้คนมีความสามารถอย่าง ดร.พีคนนี้ไปคงจะช่วยงานได้เยอะ” ผู้กองเมธตอบ

“งั้นฝึกวันนี้เป็นวันสุดท้าย พรุ่งนี้เช้าเก็บกระเป๋าไปบ้านพักผู้กองเมธได้เลย เดี๋ยวผมให้ ผบ.กองร้อยจัดการเรื่องให้ ผมไปก่อนนะ นัดออกรอบตีกอล์ฟกับเพื่อนไว้”

“ผมก็ต้องไปเหมือนกันครับมีธุระต่อ ยังไงเจอกันวันพรุ่งนี้ที่บ้านผมแล้วกันนะด็อกเตอร์ ตั้งใจฝึกวันนี้อีกวันนะครับ เฮ้ย พาตัวไปฝึกต่อได้แล้ว” ผู้กองเมธหันไปสั่งครูฝึกที่ตามมาจับตัวอาจารย์พีไว้ก่อนเดินจากไป


เย็นนั้นหลังฝึกเสร็จก่อนจะปล่อยแถว ก็มีนายทหารยศจ่าคนหนึ่งจากตึกบัญชาการเดินมาบอกที่กองร้อยว่า “มีคำสั่งให้พลทหารพีรกิตติ์เดินทางไปรายงานตัวที่บ้านพักของร้อยเอกภูวเมธ ณรงค์สุวรรณ ที่อยู่ในโซนบ้านพักทหารของค่ายวันพรุ่งนี้เช้าเวลา 8 โมงครึ่งและอยู่ปฏิบัติงานที่นั่นจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงคำสั่ง”

พวกทหารเกณฑ์ส่วนใหญ่ต่างอิจฉาและหมั่นไส้อาจารย์พีที่ไม่ต้องฝึกต่อ ใครๆ ก็อยากไปเป็นทหารรับใช้กันทั้งนั้น ทั้งสบายกว่า ได้กินอาหารและพักในที่ที่ดีกว่า แลกกับแค่ช่วยทำงานบ้านตามที่นายสั่ง เรียกว่าเป็นสวรรค์ของทหารเกณฑ์เลยก็ได้

แต่อาจารย์พีกลับไม่ได้มีท่าทางดีใจเลยแม้แต่น้อย ผมเข้าใจว่าที่อาจารย์แกตัดสินใจวิ่งไปหานายทหารผู้ใหญ่ที่เต๊นท์พิธีวันนี้ แกคงต้องการออกไปจากที่นี่เพื่อไปทำหน้าที่ในสังคมปกติของแกเหมือนเดิม แต่สิ่งที่แกได้กลับกลายเป็นว่าแกต้องไปเป็น ‘ทหารรับใช้’ ในบ้านของคนที่แกเคยรู้จัก คนที่แกมีฐานะและมีศักดิ์ศรีเท่าเทียมกันหรือมากกว่าด้วยซ้ำหากอยู่ในสังคมข้างนอก ไม่ใช่ในระบบทหารแบบนี้

ผมก็ได้แต่หวังว่าผู้กองเมธผู้คงจะดูแลอาจารย์เป็นอย่างดีและให้เกียรติแกในฐานะที่เป็น ดร.พีคนนี้เป็นอาจารย์สอนมหาลัยเดียวกันกับญาติของแกและในฐานะคนเคยรู้จักกัน อาจารย์พีแกจะได้หมดกรรมสักที

วันรุ่งขึ้น อาจารย์พีเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเป้สีเขียวที่ได้รับแจกจากกองทัพแต่เช้าแล้วเดินไปขออนุญาตผู้ช่วยครูฝึกเพื่อเดินทางไปรายงานตัวที่บ้านผู้กองเมธ แต่ผู้ช่วยครูฝึกกลับบอกให้อาจารย์พีอยู่ถึงช่วงเคารพธงชาติก่อน เพราะคำสั่งให้ไปรายงานตัวตั้งแปดโมงครึ่ง เคารพธงชาติแล้วเดินไปที่บ้านพัก 15 นาทีก็ถึง

อาจารย์พีจึงต้องอยู่วิ่งรอบค่ายและทำกายบริหารกับพวกผมก่อนในตอนเช้า พอถึงเวลาเคารพธงชาติ ปกติพอเคารพธงชาติเสร็จ ครุฝึกจะปล่อยแถวเลย แต่วันนี้จ่าแชมป์กลับเดินมาที่หน้าเสาธงแล้วพูดสั่งสอนเรื่องระเบียบวินัยยืดยาวจนเวลาล่วงเลยไปเกินแปดโมงครึ่ง

อาจารย์พีทำท่าจะขออนุญาติออกจากแถวไปก่อนหลายครั้งแต่ก็โดนผู้ช่วยครูฝึกรอบๆ สั่งให้ยืนตามระเบียบพักฟังคำสอนของจ่าแชมป์นิ่งๆ เหมือนพลทหารนายอื่น กว่าจ่าแชมป์จะพูดจบก็ปาเข้าไปเกือบเก้าโมง พอปล่อยแถว อาจารย์พีก็รีบขออนุญาติและวิ่งกลับโรงนอนไปเอากระเป๋าเป้และเปลี่ยนจากชุดกายบริหารเป็นชุดพรางเขียวเพื่อไปรายงานตัว

แต่พอกลับไปถึงอาจารย์พีก็ต้อตกใจที่กระเป๋าเป้ของอาจารย์พีหายไปพร้อมกับชุดทั้งหมด อาจารย์พีพยายามหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ พอดูนาฬิกาก็เกือบเก้าโมงครึ่งแล้วอาจารย์พีเลยตัดสินใจรีบวิ่งไปที่บ้านพักผู้กองเมธเพื่อรายงานตัวก่อนเพราะคิดว่าเป็นเหตุสุดวิสัย ผู้กองเมธซึ่งเป็นคนรู้จักกันคงไม่ว่าอะไร แต่ถ้าไปสายมาก มันคงดูไม่ดีและเสียมารยาทมาก เพราะอาจารย์พีเป็นคนที่นึกถือเรื่องความตรงต่อเวลามาเป็นที่หนึ่ง หากนักศึกษาคนไหนเข้าห้องเรียนแกสายแกจะตัดคะแนนทันที มันจึงไม่ใช่เรื่องที่ดีนักหากผู้กองเมธจะเห็นว่าเขาเป็นไม่ตรงต่อเวลา เขาไม่อยากเสียความน่าเชื่อถือเลยแม้แต่นิดเดียว

อาจารย์พีรีบวิ่งจากโรงนอนไปยังโซนบ้านพักทหารที่อยู่ติดกับโซนฝึกยุทธวิธีที่พวกเราอยู่ไม่มากนัก แต่ด้วยแดดที่เริ่มร้อนของตอนสายและความกังวลใจของอาจารย์พีก็ทำให้ตัวของอาจารย์พีชุ่มไปด้วยเหงื่อขณะวิ่ง ชุดเสื้อยืดคอวีสีเขียวและกางเกงขาสั้นและรองเท้าผ้าใบที่แกใส่อยู่เหมาะกับจะเป็นชุดกายบริหารมากกว่าชุดไปรายงานตัวที่บ้านผู้บังคับบัญชาแบบนี้

ในที่สุดอาจารย์พีก็พาตัวเองมาอยู่หน้าบ้านพักทหารซึ่งเป็นบ้านปูนสองชั้นอยู่ติดกับหลังอื่นๆ คล้ายหมู่บ้านขนาดย่อม ที่หน้าบ้านมีป้ายสวยงามเขียนว่า ‘796 ณรงค์สุวรรณ’ ซึ่งเป็นเลขที่บ้านและนามสกุลของผู้กองเมธ

อาจารย์พีกดกริ่งหน้าบ้าน ยืนหอบแฮ่กเหงื่อชุ่มตัว ไม่นานก็มีพลทหารนายหนึ่งหน้าตาเข้มเหมือนคนใต้ ผิวคล้ำ รูปร่างสันทัดในชุดเสื้อยืดคอวีสีเขียวกางเกงขาสั้นแบบที่อาจารย์พีใส่อยู่มาเปิดประตู

“พลทหารพีรกิตติ์ใช่ไหม ทำไมมาเอาป่านนี้ ผู้กองรอจนไม่ไหวต้องออกไปธุระก่อนแล้ว แล้วทำไมใส่ชุดนี้มาวะ หน้าตาก็ดูดีมีอายุทำไมไม่รู้กาลเทศะบ้างว่ามารายงานตัววันแรกควรใส่พรางเขียวให้เรียบร้อย ชิบหาย รีบเข้ามานี่เลยมึง”

พลทหารนายนั้นหน้าตาเคร่งเครียดรีบดึงตัวอาจารย์พีเข้ามาในรั้วแล้วบอกให้อาจารย์พีเดินตามเข้าไปรออยู่ที่หน้าทางเข้าประตูบ้าน ซึ่งในบ้านนั้นมีคนอยู่สองคนนั่งอยู่บนโซฟา คนนึงเป็นเด็กหนุ่มรูปร่างดีในชุดเสื้อยืดคอกลมสีขาวขขลิบแดง กำลังนั่งเล่นเกมในโทรศัพท์มือถือ อีกคนเป็นเด็กหญิงวัยรุ่นหน้าตาดีอายุไล่เลี่ยกันกำลังนั่งซบดูทีวีอยู่ข้างๆ

“คุณปรกครับ พลหทารคนใหม่ที่ผู้กองบอกไว้มาแล้วครับ”

เด็กหนุ่มที่ชื่อปรกคนนั้นบอกให้นำตัวอาจารย์พีเข้ามา ก่อนเข้าไปพลทหารนายนั้นก็บอกอาจารย์พีว่านี่คือคุณปรกหลานชายของผู้กองเมธ เรียนอยู่เตรียมทหารปีสอง ส่วนคุณผู้หญิงอีกคนเป็นแฟนคณปรก ให้อาจารย์พีเข้าไปรายงานตัว

พอเข้าไปตอนแรกอาจารย์พีก็จะพูดแนะนำตัวแบบปกติเป็นกันเองเพราะเห็นว่านายปรกคนนี้เป็นหลานของคนรู้จัก ผู้กองเมธคงจะฝากมาให้อยู่รับแขกแทน แต่ทันทีที่อาจารย์พีเริ่มพูดอย่างเป็นกันเอง นายปรกคนนั้นก็โวยวายขึ้นมาทันที

“ใครสอนให้มึงรายงานตัวแบบนี้วะพลทหาร!”

อาจารย์พีอึ้งไป หันไปมองมหารเกณธ์คนที่พามาอย่างตกใจ ไอ้ทหารเกณฑ์คนนั้นเลยทำท่าบอกใบ้ให้อาจารย์พีทำวันทยาหัตถ์แบบทหาร อาจารย์พีไม่ทันเตรียมใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าจะต้องมาเจอแบบนี้เลยงงจนำอะไรไม่ถูก

“อ่าว เป็นไร งงเหรอไอ้สัด งงนักใช้มั๊ย วิดพื้นยี่สิบ ปฏิบัติ!!”

อาจารย์พีไม่อยากเชื่อหูตัวเองแต่ก็ต้องรีบลงไปวิดพื้นตามคำสั่งของนายปรกซึ่งดูขึงขังสมกับเป็นนักเรียนทหารแม้ว่าจะอยู่แค่ปีสอง พอวิดพื้นเสร็จอาจารย์พีก็ถูกสั่งให้ลุกขึ้นมารายงานตัวในท่าตรงและตะเบ๊ะ

“กระผม พลทหารพีรกิตติ์ เลิศวิทยา มารายงานตัวตามคำสั่ง ครับผม!!”

“เออดี กว่าจะรู้เรื่องนะมึง แล้วคำสั่งให้มากี่โมง”

“แปดโมงครึ่งครับ”

“แล้วนี่กี่โมงวะ”

อาจารย์พีเงียบไปสักพักก่อนตาจะเหลือบไปดูนาฬิกาที่ฝาผนังบ้าน

“เก้าโมงสี่สิบครับ!”

อาจารย์พีเริ่มตัวสั่นด้วยความกลัวกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้น จนสาววัยรุ่นวัยสิบแปดที่เป็นแแฟนนายปรกแซวขึ้นมา

“แหม เธอก็ไม่ต้องดุเค้าขนาดนั้นก้ได้ ดูสิ ตัวสั่นใหญ่แล้ว”

“ไม่ได้หรอก พวกพลทหารไร้วินัยพวกนี้ปล่อยไว้มันก็เก็บไปเป็นสันดานเสียๆ เลยต้องเอามาขัดเกลาในค่ายนี่ไง”

“เอ๊ะ ว่าแต่ทำไมพลทหารคนนี้ดูเป็นผู้ใหญ่จังล่ะปรก ปกติพวกพลทหารจะอายุประมาณยี่สิบไม่ใช่เหรอ” หญิงสาวถามด้วยความสงสัย

“อ๋อ ไอ้นี่มันเป็นพวกขี้ขลาดที่เรียน รด.สามปีเพราะไม่อยากเป็นทหาร แต่แม่งเสือกซวยโดนหมายเรียกกลับมาฝึก แล้วจะบอกไรให้นะ ไอ้นี่แม่งเป็นถึงด็อกเตอร์เป็นอาจารย์สอนคณะวิศวะที่มหาลัยเลยนะเธอ ก็มหาลัยที่เธอเรียนอยู่นั่นแหละ”

“โห นี่อาเธอเอาคนระดับด็อกเตอร์มาเป็นทหารรับใช้ที่บ้านเหรอ แถมยังเป็นอาจารย์ที่มหาลัยเราด้วย พรีเมี่ยมมากอ่ะ”

หญิงสาวแสดงท่าทีตื่นเต้นแล้วถามอาจารย์พีว่า จบอะไรที่ไหนมา อายุเท่าไหร่ ซึ่งอาจารย์พีก็ต้องยืนตรงทำท่าตะเบ๊ะตอบแทบบทหาร ทำให้สาวคนนั้นพอใจอย่างมากที่คนระดับด็อกเตอร์มาทำท่าตะเบ๊ะทำแสดงความเคารพระหว่างที่คุยกับเธอซึ่งพึ่งเข้าเรียนปีหนึ่งคณะศิลปกรรมมหาลัยเดียวกับที่อาจารย์พีสอนอยู่

“แล้วนี่มึงใส่ชุดเชี่ยไรมา มารายงานตัวทำไมไม่ใส่พรางเขียวให้เรียบร้อย เป็นถึงอาจารย์มหาลัยจบปริญญาเอกแต่เรื่องแค่นี้เสือกโง่ มาสายแล้วยังแต่งตัวทุเรศ วอนโดนซ่อมนะมึงอ่ะ เอาไม้ฟาดซะดีมั๊ย”

อาจารย์พีเงียบ ตัวชาไปทั้งตัว ทั้งโกรธทั้งอายที่ต้องมาถูกเด็กเมื่อวานซนอายุยังไม่ถึงยี่สิบว่าด่าสั่งสอนหยาบคายขนาดนี้

“ใจเย็นๆ สิเธอ จารย์เขาพึ่งมาวันแรก ลงโทษเบาๆ ก้ได้ อย่าให้ต้องเจ็บตัวกันเลย นี่เค้าอุส่าห์มาบ้านเตงนะ เค้าไม่อยากเห็นภาพความรุนแรง” สาวนักศึกษาพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน

“นี่เธอรู้มั๊ย การที่พลทหารแต่งตัวชุดนี้มารายงานตัวมันหยามเกียรติเค้ามากนะ เค้าเป็นถึงนักเรียนทหาร มันเป็นแค่พลทหาร มันจะมาทำอย่างนี้ไม่ได้ ยังไงก็ต้องลงโทษให้หลาบจำ”

“งั้นลงโทษเบาๆ แล้วกันนะ ในเมื่อจารย์เขาใส่ชุดมาผิดระเบียบ เธอก็ให้เขาถอดออกสิ” สาวหน้าตาน่ารักคนนั้นบอกนักเรียนทหารหนุ่มคนรักด้วยน้ำเสียงเรียบง่ายแต่น่าขนลุกก่อนที่นักเรียนทหารคนนั้นจะยิ้มอย่างพอใจและชื่นชมหล่อนว่ามีความคิดที่ดี

"ทำไม ตัวเองอยากดูอาจารย์มหาลับเธอแก้ผ้าเหรอ อยากดูจู๋มันอ่ะดิ"

สาวน้อยคนนั้นเอามือตีไหล่ของแฟนหนุ่อย่างขวยเขิน

"บ้า ก็เราเคยได้ยินมาว่าทหารเขามีลงโทษให้แก้ผ้ากัน เราก็แค่อยากรู้ว่าทำได้จริงป่าว อีกอย่างเค้าอยากรู้ด้วยว่าจู๋พวกเด็กเรียที่จบด็อกเตอร์เนี่ย จะใหญ่หรือเล็กจิ๋วขนาดไหน คริคริ"

"อ้าว ได้ยินแล้วใช่มั๊ยวะ ทำตามที่แฟนกูสั่ง ในเมื่อใส่ชุดมาผิดระเบียบ ก็ไม่ต้องใส่ พลทหาร แก้ผ้าออกให้หมด ปฏิบัติ!”

อาจารย์พียืนอึ้ง ก่อนจะรวบรวมสติแล้วบอกไปว่าปรกจะทำแบบนี้ไม่ได้เพราะอาจารย์พีเป็นเพื่อนของผู้กองเมธอาของเขา ไม่เหมือบกับพลทหารคนอื่นๆ ถ้าเขาทำแบบนี้ผู้กองเมธคงจะต้องไม่พอใจมาก แต่ปรกกลับหัวเราะและบอกไปว่าที่นี่ไม่มีใครนับเป็นเพื่อนกับพลทหารหรอก โดยเฉพาะพลทหารที่เป็นทหารรับใช้

แล้วปรกก็เดินเข้าไปกระชากเสื้อยืดคอวีเขียวของอาจารย์พีออกจนขาดแล้วตบหน้าอาจารย์พีฉาดใหญ่พร้อมตะคอกออกคำสั่งเสียงแข็งอีกครั้งให้อาจารย์พีแก้ผ้าไม่อย่างนั้นจะส่งกลับไปฝึก

อาจารย์พีจึงต้องยอมถอกางเกงขาสั้นออกตามด้วยกางเกงในสีเขียวด้วยความอับอาย จนในที่สุดอาจารย์พีก็ยืนแก้ผ้าล่อนจ้อนโชว์ทุกสัดส่วนรวมถึงควยที่ห้อยอยู่ในดงหมอยทึตามคำสั่งของเด็กวัยไม่ถึงยี่สิบ

แม่สาวน้อยต้นความคิดตาลุกวาวมองร่างล่อนจ้อนของอาจารย์มหาลัยหนุ่มอย่างไม่ละสายตา

“สุดยอด ไม่นึกเลยว่าจะสั่งคนระดับด็อกเตอร์ที่เป็นอาจารย์มหาลัยแก้ผ้าได้ เจ๋งสุดๆ”

จากนั้นเธอก็ขอแฟนหนุ่มของเธอให้เธอเข้าไปจับควยอาจารย์พีเล่น ซึ่งแฟนหนุ่ของเธอก็อนุญาต แต่อาจารย์พีขัดขืนด้วยความอาย ปรกจึงสั่งให้พลทหารที่เป็นคนเปิดประตูบ้านให้อาจารย์พีตอนแรกเข้ามาจับอาจารย์พีล็อคแขนไว้ไม่ให้ดิ้นเพื่อให้แฟนสาวของเขาเข้ามาจับควยอาจารย์พีเล่นได้อย่างสะดวก

สาวน้อยคนนั้นเอานิ้วคีบควยอาจารย์พีแล้วพลิกเล่นไปมา เอามือรูดหนังหุ้มควยอาจารย์พีขึ้นลงตามใจชอบ ราวกับว่ามันเป็นของเล่นชิ้นหนึ่ง

“พอแล้ว พวกคุณอย่าทำอย่างนี้ ผมแก่กว่าคุณตั้งหลายปีนะ แถมเป็นอาจารย์มหาลัยที่คุณเรียนด้วย”

“เพราะอย่างนั้นหนูถึงยิ่งต้องเล่นให้คุ้มไงคะจารย์ จะมีโอกาสดีๆ แบบนี้ที่ไหนที่ด็อกเตอร์อย่างอาจารย์จะมาแก้ผ้าให้หนูจับควยเล่น”

สาวน้อยคนนั้นหัวเราะและเล่นควยอาจารย์พีอย่างสนุกสนานจนแฟนหนุ่มของเธอเริ่มหึงแล้วบอกห้เธอพอ เธอหันมายิ้มกับแฟนของเธออย่างอายๆ เหมือนว่าเธอลืมตัวเล่นควยผู้ชายคนอื่นเพลินไปหน่อย

จากนั้นปรกก็สั่งให้ทหารอีกคนเอาตัวอาจารย์พีออกไปยืนแก้ผ้าที่ลานหน้าบ้าน โดยให้อาจารย์พียืนตรงใกล้ๆ กับรั้วเหล็กดัดที่ขวางระหว่างลานหน้าบ้านกับถนน แล้วตะโกนด้วยเสียงดังว่า

“ผมพลทหารพีรกิตติ์ เลิศวิทยา จะไม่มาสายและแต่งกายผิดระเบียบอีกแล้วครับ”

ซ้ำวนไปเรื่อยๆ พอตะโกนไปได้สักพักก็เริ่มมพวกพลทหารรับใช้ที่อยู่บ้านติดๆ กันเดินออกมาดู มีพวกเพื่อนบ้านของผู้กองที่อยู่ในละแวกนั้นออกมาดูแล้วก็ขำกันใหญ่กับสภาพของอาจารย์พีที่ต้องยืนแก้ผ้าล่อนจ้อนโชว์ควยตะโกนสำนึกผิดอยู่หน้าบ้านนาย โดยมีทหารอีกคนเฝ้าไว้

พออาจารย์พีอายมากจะเอามือมาปิดควย ทหารที่เฝ้าก็จะเอาด้ามไม้กวาดมาเขี่ยมืออาจารย์พีออกให้เอาไว้แนบลำตัวในท่าตรง โชว์ควยให้คนอื่นได้เห็นตลอดเวลา โดยนายปรกสั่งให้อาจารย์พียืนต้องแก้ผ้าตะโกนแบบนี้นาน 1 ชั่วโมง 10 นาทีเท่ากับเวลาที่อาจารย์พีมาสาย

อาจารย์พียืนตะโกนตัวสั่นหน้าแดงด้วยความอับอายอย่างที่สุดที่อาจารย์มหาวิทยาลัยอย่างเขาต้องมาตกต่ำกลายเป็นทหารับใช้และถูกเด็กมื่อวันซืนที่เป็นแค่นักเรียนทหารสั่งลงโทษแบบนี้ แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากยืนเหงื่อแตกท่วมตัวแล้วจะโกนโชว์ควยต่อไปให้ครบ 70 นาที

หวังแค่ว่าถ้าผู้กองเมธกลับมาทุกอย่างคงจะดีขึ้น

แต่พอครบเวลาที่กำหนด ไอ้ปรกและแฟนของมันก็เดินออกมาและสั่งให้อาจารย์พี ‘ชักว่าว’ ตรงนี้เดี๋ยวนี้! ถ้าไม่ชักเองก็จะให้ทหารอีกคนชักให้ ซึ่งความคิดนี้ก็เป็นความคิดของแฟนสาวของปรกเช่นกันเพราะเธออยากเห็นภาพ ดร.อาจารย์มหาลัยของเธอน้ำแตก เธอจะได้เอาไปเล่าให้เพื่อนๆ ฟังได้

ถึงแม้จะอายเพียงใดแต่อาจารย์พีก็ไม่มีทางเลือก ต้องเอามือขวาขึ้นมากำควยแล้วยืนชักว่าวในท่าตรงต่อหน้าไอ้ปรกกับแฟนสาว รวมถึงทหารและคนที่อยู่บ้านในละแวกนั้นหลายสิบคนที่ต่างเดินออกมาดูการทำโทษของอาจารย์พี

แถมอาจารย์พียังถูกปรกสั่งให้ตะโกนไปเรื่อยๆ ขณะชักว่าวด้วยว่า

“น้ำด็อกเตอร์จะพุ่งแล้วครับ”

“น้ำด็อกเตอร์จะพุ่งแล้วครับ”

“น้ำด็อกเตอร์จะพุ่งแล้วครับ”

ส่วนแฟนสาวนั้นก็พูดแซวอาจารย์พีว่า นึกว่าพวกเด็กเรียนจะอ่านแต่หนังสือจนชักว่าวไม่เป็น ที่ไหนได้ ชักรัวตัวเกร็งไม่แพ้พวกวัยรุ่นเห่อหมอยเลย แล้วก็หัวเราะชอบใจใหญ่ ทำให้ อ.พีอายขึ้นไปอีก

จนในที่สุดเมื่อเวลาผ่านไปเกือบสิบนาที อาจารย์พีก็ปล่อยน้ำว่าวขาวข้นปริมาณเยอะไม่แพ้คราวที่แตกต่อหน้ารุ่นน้อง รด. โรงเรียนตัวเองพุ่งออกมาเต็มกระเบื้องหน้าลานบ้านของผู้กองเมธ สร้างเสียงฮือฮาและเสียงปรบมือให้กับคนที่ดูอยู่เกรียวกราว แฟนสาวของปรกถึงกับกรี๊ดด้วยความตกใจและสาแก่ใจของหล่อน

หลังน้ำแตกแล้วอาจารย์พีอายแทบแทรกแผ่นดินหนี แต่ก็ถูกสั่งให้แก้ผ้าต่อไป ยังไม่ให้ใส่เสื้อผ้า แล้วปรกก็โยนเศษเสื้อคอวีกลมที่ขาดวิ่นของอาจารย์พีมาให้อาจารย์พีเช็ดทำความสะอากน้ำว่าวของตัวเองที่พื้น ก่อนจะลุกขึ้นมายืนตรงแล้วถูกสั่งให้คาบเศษเสื้อที่เปื้อนน้ำว่าวเอาไว้

“ต่อไปนี้คงรู้มากขึ้นนะครับ ดร. ว่าควรทำตัวยังไง อย่านึกว่าเป็นด็อกเตอร์เป็นคนรู้จักของอาเมธแล้วจะทำอะไรก็ได้นะเว้ย ต่อไปนี้จำใส่หัวมึงไว้ว่าตลอดเวลาที่อยู่ในบ้านนี้ มึงเป็นแค่ไอ้ทหารรับใช้ทุกคนที่อยู่ในบ้าน อย่าถือตัวว่าอายุมากกว่าเขา การศึกษาสูงกว่าเขาแล้วจะมีสิทธิพิเศษ จำไว้ อยู่ในระเบียบ ไม่งั้นจะโดนมากกว่านี้ ไอ้สิท พาตัวมันไปเรียนรู้งานที่ต้องทำ แล้วให้เริ่มทำงานได้เลย”

“ได้ครับผม” นายทหารคนที่ชื่อสิทตะเบ๊ะรับคำสั่ง พร้อมกับพาตัวอาจารย์พีที่ตาแดงก่ำในสภาพเปลือยเปล่าเข้าไปที่หลังบ้านเพื่อเรียนรู้งานของ ‘ทหารรับใช้’


“เป็นไงด็อกเตอร์ ได้ข่าวว่าพอมาถึงก็โดนหลานชายผมทำโทษเลยเรอะ”

ผู้กองเมธในชุดเครื่องแบบพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ ขณะกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร บริเวณหัวโต๊ะ ทางขวามือมีผู้หญิงวัยสามสิบรูปร่างท้วมเล็กน้อยซึ่งเป็นภรรยาของผู้กองเมธที่ทุกคนในบ้านนี้เรียกเธอว่า “คุณนาย”

ทางซ้ายเป็น ‘เจ้าปรก’ หลานชายตัวแสบที่กำลังยิ้มเหมือนว่าผลงานที่ตัวเองทำเมื่อเช้ากับลังถูกเอ่ยชมจากผู้เป็นอา

ส่วน ดร.พี นั้นไม่ได้ถูกเชิญให้นั่งโต๊ะ แต่ถูกให้ยืนตรงอยู่ข้างๆ โต๊ะข้างๆ กับไอ้สิททหารรับใช้คนเก่าเพื่อคอยบริการสมาชิกในบ้านระหว่างรับประทานอาหาร ซึ่งตอนนี้ ดร.พีก็อยู่ในชุดกางเกงฝึกสีเขียวขาสั้นและเสื้อคอวีสีเขียวขี้มาแบบทหารรับใช้ที่ไอ้สิทธิเอาให้ใส่เหมือนักับตัวเองทุกประการ

“ทำไมเงียบล่ะด็อกเตอร์ ไม่ต้องเขิน ทหารกับการถูกลงโทษมันเรื่องปกติ ถ้าไม่อยากโดนก็อย่าทำผิดวินัยอีก อ่าว น้ำผมหมดแล้ว มารินน้ำให้ผมหน่อยสิ”

ด็อกเตอร์พีเดินมาหยิบเหยือกรินน้ำให้ผู้กองเมธผู้เคยเป็นคนรู้จักอย่างไม่เต็มใจนักแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ เขาไม่คิดว่าผู้กองเมธจะปฏิบัติกับเขาอย่างไม่ให้เกียรติกันแบบนี้ เขานึกว่าผู้กองเมธจะช่วยเขาด้วยความจริงใจ ไม่ใช่เอามาเป็นคนรับใช้เหมือนทหารคนอื่น

“เดี๋ยวเสร็จแล้วก็ช่วยกันเก็บล้าง แลวเดี๋ยวด็อกเตอร์ช่วยเอารองเท้าคอมแบ็ตของผมมาขัดให้เงาด้วย พรุ่งนี้ผมมีประชุมที่กรม”

ดร.พีหน้าชาขึ้นมาทันทีเมื่อรู้ว่าถูกสั่งให้ขัดรองเท้า เขารู้สึกโดนผู้กองเมธเหยียบย่ำศักดิ์ศรีอย่างมาก แต่ไม่ทันจะได้คิดอะไรก็โดนไอ้สิทธิคู่หูทหารรับใช้ของเขาตอนนี้สะกิดให้ตอบรับว่าครับผมตามคำสั่งของผู้กองเมธ ซึ่ง ดร.พีก็ต้องทำ

“เออ แล้วเจ้าปลั๊กมันไปไหนซะแล้วล่ะ” ผู้กองเมธถาม

“เห็นบอกว่าจะนอนบ้านเพื่อนตามเคย คงติวหนังสือกันล่ะคุณ ช่วงนี้ใกล้สอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว”

ผู้กองเมธพยักหน้าแล้วหันมาทาง ดร.พี

“อีกเรื่องด็อกเตอร์ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ผมมีหลานอีกคนนึงชื่อเจ้าปลั๊ก มันเรียนอยู่ ม.หก แล้วมันอยากจะเข้าคณะวิศวะที่ ดร.สอนอยู่มาก ผมว่าจะให้ ดร.ช่วยสินพิเศษให้มันหน่อย คงไม่เหลือบ่ากว่าแรง ดร.นะ ผมเชื่อว่ามีระดับอาจารย์ของคณะมาติวให้ด้วยตัวเองเนี่ย หลานผมมันน่าจะสอบเข้าได้ไม่ยาก”

คำของผู้กองเมธดูเหมือนคำสั่งมากกว่าคำขอ ผู้กองเมธลุกออกไปจากโต๊ะโดยที่ไม่ทันรอคำตอบจาก ดร.พีเลยด้วยซ้ำ

คืนนั้นเป็นต้นมา ดร.พีถูกจัดให้นอนในห้องใต้บันไดของทหารรับใช้ร่วมกับไอ้สิทธิและต้องทำงานบ้าน งานครัว งานสวน และงานบริการต่างๆ รับใช้คนในครอบครัวผู้กองเมธไม่ต่างอะไรกับทหารรับใช้คนหนึ่งที่ปราศจากอภิสิทธิของคำว่าด็อกเตอร์หรืออาจารย์

ถึงแม้อาจารย์พีจะไม่ค่อยมีความสุขในบ้านนี้อย่างที่คิดไว้เท่าไหร่นัก แต่อย่างน้อยที่นี่เขาก็ได้กลับมาทำในสิ่งที่เขารักและควรจะทำอีกครั้ง นั่นก็คือการสอนหนังสือ

ปลั๊กหลานชายของผู้กองเมธเป็นเด็กหนุ่ม ม.หก รูปร่างผอมบาง ใส่แว่น ดูเรียบร้อยต่างกับปรกอย่างชัดเจน ตลอดเวลาที่ ดร.พี สอนปลั๊กจะนอบน้อมและมีท่าทางเคารพ ไม่มอง ดร.พีเป็นทหารรับใช้เหมือนอย่างที่คนอื่นๆ ในบ้านมอง

แต่สมองของปลั๊กนั้นช่างขัดกับลักษณะเด็กเรียนของเขาเหลือเกิน ปลั๊กเรียนรู้ได้ช้าจนอาจเรียกได้ว่าเป็นเด็กสมองทึบ หรือโง่ อาจารย์พีต้องใช้เวลาและพยายามอธิบายเป็นนานสองนานกว่าปลั๊กจะเข้าใจ จนบางครั้งก็เกือบทำให้อาจารย์พีหมดความอดทน นี่ถ้าปลั๊กเป็นลูกศิษย์ของเขาที่มหาลัย คงถูกเขาด่าและไล่ออกจากห้องตามสไตล์ของ ดร. อย่างเขาไปนานแล้ว

แต่ ดร.พีรู้ดีว่าที่นี่ไม่เหมือนที่มหาลัยที่เขาจะวางอำนาจยังไงก็ได้ เขาคงต้องใช้ความอดทนมากหน่อยเพื่อที่จะไม่ทำให้ตัวเองเดือดร้อน

“ผมขอโทษนะจารย์ ผมหัวช้า ไม่เข้าใจสักที เอางี้ คราวหน้าผมขอพาเพื่อนมาเรียนด้วยได้ป่าวคับ เรียนกันเยอะๆ ช่วยกันตอบ ช่วยกันถาม เผื่อจะทำให้บรรยากาศสนุกเข้าใจง่ายมากขึ้น”

วันต่อมาปลั๊กจึงชวนเพื่อนของเขามาเรียนกับอาจารย์พีอีกห้าคน ซึ่งไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้นเลย เพราะทุกคนโง่เหมือนกันหมด แถมชวนกันคุย บางคนก็เล่นมือถือ จนยิ่งทำให้อาจารย์พีเหนื่อยหน่ายจะชักจะกลั้นอารมณ์ที่ชอบดุด่านักศึกษาที่โง่เขลาอย่างที่เขาชอบทำประจำไว้ไม่ไหว จนในที่สุดอาจารย์พีก็หลุดปากแบบไม่ได้ตั้งใจออกมาว่า

“พวกคุณต้องตั้งใจและขยันอ่านหนังสือให้มากกว่านี้ ถ้าพวกคุณมัวแต่ไร้สาระแบบนี้ ชาตินี้ยังไงพวกคุณก็ไม่มีทางสอบเข้าไปเรียนในคณะของผมได้”

“เฮ้ยจารย์ ทำไมพูดงี้อ่ะ จารย์มีหน้าที่สอนก็สอนไปดิ มาดูถูกพวกผมทำไม”

เพื่อนของนายปลั๊กคนหนึ่งดูไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด

“นั่นดิจารย์ เห็นไอ้ปลั๊กมันบอกว่ามีอาจารย์จากที่คณะวิศวะมาติวให้ฟรี แถมยังเป็นระดับด็อกเตอร์ พวกผมก็อุตส่าห์มา แต่นี่สอนไม่รู้เรื่องแถมยังด่าพวกผมอีก”

“เออ ผมว่าพวกผมไม่ได้โง่หรอก จารย์นั่นแหละสอนไม่รู้เรื่อง นี่เป็นด็อกเตอร์ได้ไงวะ แล้วพวกพี่ที่อยู่คณะวิศวะเขาเรียนรู้เรื่องแล้วก็ทนไหวกันเหรอครับมีอาจารย์สอนไม่รู้เรื่องแล้วยังว่าโทษเด็กแบบนี้”

เพื่อนของปลั๊กค่อยๆ ตอบโต้อาจารย์พีอย่างไม่พอใจ ซึ่งทำให้อาจารย์พีไม่พอใจเช่นกัน

“พวกคุณเป็นแค่เด็ก ม.ปลาย อย่ามาดูถูกผม ถ้าผมไม่เจ๋งจริงผมจลปริญญาเอกมาไม่ได้ ผมเป็นอาจารย์มาเกือบห้าปี สร้างวิศวะกรมาไม่รู้กี่คน ถ้าพวกคุณคิดว่าผมสอนไม่รู้เรื่องก็ดีแล้ว เพราะยังไงผมว่าพวกคุณก็สอบเข้ามาเป็นลูกศิษย์คณะผมไม่ได้อยู่ดี” ดร.พีพูดเสียงเข้มด้วยความโกรธ

“เอะอะอะไรกันวะ” นายปรกที่กลับมาจากโรงเรียนเตรียมทหารพอดีเดินเข้ามาในห้อง

พวกเพื่อนของปลั๊กจึงเล่าเรื่องให้ปรกฟังทำให้ปรกไม่พอใจมาก

“เฮ้ยไอ้ปลั๊ก มึงปล่อยให้ไอ้ทหารรับใช้นี่มันยืนด่ามึงกับพวกเพื่อนๆ อย่างงี้ได้ยังไงวะ ทำไมมึงไม่จัดการ กูบอกแล้วใช่มั๊ยว่ามึงต้องเด็ดขาดกับพวกทหารไร้วินัยในบ้าน”

“แต่เขาเป็นอาจารย์นะพี่ปรก”

“อาจารย์แล้วไง ตอนนี้มันเป็นแค่ทหารรับใช้บ้านเรา มึงมีสิทธิที่จะสั่งลงโทษมันถ้าไม่ทำไม่ดี ถ้ามึงไม่กล้า เดี๋ยวพี่ทำให้ดู .... ทหาร วิดพื้นท่าเตรียม ปฏิบัติ!”

ว่าแล้วปรกก็ออกคำสั่งขึงขังให้ ดร.พีวิดพื้น 50 ทีต่อหน้าทุกคน แถมตอนวิดพื้นปรกยังเอาเท้าไปเหยียบที่หลังของอาจารย์พีตลอด พอเสร็จแล่วปรกก็สั่งให้อาจารย์พียืนตรง

“ถอดเสื้อผ้าออก ปฏิบัติ”

อาจารย์พีถูกสั่งให้ถอดเสื้อยืดคอวีสีเขียวกับกางเกงขาสั้นออกจนเหลือแต่กาเกงใน แต่ก็ยังไม่พอใจปรก ในที่สุดพลทหาร ดร.พีรดิตติ์ก็ต้องอยู่ในสภาพเปลือยกายล่อนจ้อนโชว์หุ่นโชว์ควยต่อหน้าลูกศิษย์ม.ปลายทั้งหกคนของเขาอย่างไม่มีทางปโิเสธเพราะหากปฏิเสธเขาคงจะต้องถุกส่งตัวกลับไปฝึกกับจ่าแชมป์ซึ่งคอยเล่นงานเขาอยู่ตลอดเวลา

“อาเมธอุตส่าห์ไว้ใจให้มึงสอนน้องกู แต่มึงแม่งก็ไม่ตั้งใจสอน ถ้าสอนปกติแล้วไม่รู้เรื่อง งั้นกูจะให้มึงแก้ผ้าสอนแบบนี้ก็แล้วกัน เผื่อจะตั้งใจสอนมากขึ้น”

พวกเพื่อนนายปลั๊กทุกคนต่างยิ้มและหัวเราะอย่างสะใจในขณะที่ ดร.พีหน้าซีดเผือก

อีกไม่กี่นาทีหลังจากนั้น อาจารย์พีก็ถูกสั่งให้เริ่มสอนสิชาฟิสิกส์ให้เด็ก ม.ปลายพวกนั้นใหม่ตั้งแต่แรกในสภาพแก้ผ้าโชว์ควยล่อนจ้อน โดยมีเด็กๆ นั่งดูและถ่ายคลิปไปด้วยอย่างสนุกสนาน

“กูว่าพวกเรามีทางเข้าวิศวะง่ายๆ แล่วว่ะ ไม่ต้องตั้งใจเรียนด้วย” เพื่อนนายปลั๊กคนนึงพูด

“ยังไงวะ”

“ก็ไอ้นี่มันเป็นอาจารย์ในนั้น ยังไงมันก็รู้ข้อสอบตรง มึงก็ให้มันบอกข้อสอบแค่นี้ มึงก็ทำถูกหมดแล้ว”

“เออจริงว่ะ”

“มึงได้ยินแล้วใช่มั๊ยครับอาจารย์ ต่อไปนี้มึงไม่ต้องสอนหลักการเหี้ยอะไรให้พวกกูแล้ว แต่มึงต้องบอกข้อสอบให้พวกกูแบบเน้นๆ แล้วถ้ามึงไม่ยอมบอก หรือแกล้งบอกผิดล่ะก็ คลิปอาจารย์ ดร.พีรกิตติ์คนเก่งแห่งคณะวิศวกรรมศาสตร์แก้ผ้าสอนจะไม่ได้อยู่แค่ในมือถือพวกกูแน่ ฮ่าๆ”

หลังจากสอนเสร็จวันนั้น อาจารย์พรยังโดนลากตัวไปมัดแขนชูโยงกับต้นไม้ใหญ่ที่หน้าบ้านแล้วให้พวกปลั๊กกับเพื่อนเอาไม้เรียวมาตีก้นเปลือยของ อ.พี เป็นการลงโทษ พร้อมให้อาจารย์พีตะโกนว่า

“ผมเป็นอาจารย์สอนไม่รู้เรื่อง เหมาะกับเป็นทหารรับใช้มากกว่าครับ” ไปเรื่อยๆ จนพวกทหารับใช้บ้านอื่นมามุงดูกันเต็มหน้าบ้าน

หลังจากวันนั้น พวกเพื่อนหัวการค้าของนายปลั๊กก็คิดวิธีทำธุรกิจได้ มันประกาศรับสมัครคลาส VIP ติวเข้มเข้าคณะวิศวะของมหาลัยสำหรับเด็ก ม.หก โดยโฆษณาว่ามีติวเตอร์เป็นอาจารย์ระดับด็อกเตอร์ของคณะ รับรองสอบติดชัวร์ 100% ซึ่งก็มีเด็ก ม.ปลายทั้งชายหญิงจากโรงเรียนต่างๆ ที่อยากเข้าคณะวิศวะมาสมัครเกือบ 30 คน ส่วนใหญ่จะเป็นลูกคนรวย เพราะราคาของคอร์สที่ตั้งไว้นั้นแพงเป็นหลักหมื่น ทั้งที่มีเรียนแค่สามวัน วันละสองชั่วโมงเท่านั้น

แต่คอร์สนี้ก็ไม่ทำให้เด็กๆ ที่มาสมัครผิดหวัง พวกนายปลั๊กเอาเงินค่าสมัครที่ได้ส่วนหนึ่งมาเช่าห้องประชุมเล็กๆ ที่ตึกในค่ายทหารเป็นที่จัดคอร์ส ซึ่งผู้สอนคือ ดร.พีรกิตติ์นั้นถูกบังคับให้ออกมาสอนในสภาพแก้ผ้าล่อนจ้อนหน้าห้องต่อหน้านักเรียนร่วมสามสิบคน ตอนแรกพวกนักเรียนก็พากันตกใจ แต่พวกนายปลั๊กก็อธิบายไปตามความจริง พร้อมให้ทุกคนเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ แล้วยังบอกทุกคนว่า ไม่ใช่แค่พวกเราจจะสามารถเข้าคณะนี้ได้เท่านั้น แต่พอเราเข้าไปเป็นนักศึกษาแล้ว เรายังสามารถบังคับให้ไอ้ด็อกเตอร์นี่บอกข้อสอบเราล่วงหน้าเราได้ตลอด แล้วก็บังคับให้มันต้องให้เกรด A กับพวกเราทุกคนในวิชาที่มันสอนทุกวิชา เห็นมั๊ยว่าคลาสนี้มันคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม

อาจารย์พีทั้งอายทั้งทุเรศตัวเองที่ต้องยอมทำงานที่เขาแสนภูมิใจคือการเป็นอาจารย์ในสภาพเปลือยปั่นควยไปตลอดการสอนต่อหน้านักเรียนอย่างแสนทุเรศ ซึ่งก่อนเริ่มสอนในทุกวันเขาต้องแก้ผ้ารายงานตัวแบบทหารในท่าตะเบ๊ะควยแข็ง แล้วพูดว่า

“ผม พลทหาร ดร.พีรกิตติ์ อาจารย์ประจำครธวิศกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยXXX ยินดีต้อนรับนักเรียนทุกท่านเข้าสู่คลาสติวเข้มเข้าวิศวะ VIP ซึ่งข้อมูลทั้งหมด ผมเต็มใจที่จะบอกด้วยตัวเองครับ”

หลังจากนั้นอาจารย์พีก็จะถุกบังคับให้เริ่มสอนในสภาพแก้ผ้าควยแกว่งไปมา ก่อนที่จะถูกเด็กที่นึกสนุกออกคำสั่งให้ สอนไปปั่นควยไปให้ควยแข็งอยู่ตลอดเวลาในขณะสอนบางจังหวะ ดร.พีก็ตัวเกร็งด้วยความเสียวมีน้ำหล่อลื่นไหลเยิ้มออกจากหัวควยหยดลงพื้นหน้าห้องแต่ก็จำใจต้องสอนต่ออย่างน่าเวทนา

ก่อนจะจบคลาสเรียนของทุกวันด้วยการเดินไปให้นักเรียนทุกคนจับควยรอบๆ ห้องแล้วมายืนชักว่าวที่หน้าห้องอีกครั้งจนน้ำแตกกให้ได้อายก่อนจะหมดแรงกายแรงใจจนถูกหามออกไปเป็นอันจบคลาส

คลาสติวเข้มของอาจารย์ ดร.พีรกิตติ์ อาจารย์ประจำคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยดังสอนในสภาพเปลือยกายล่อนจ้อนบอกข้อสอบทีละข้อๆ แถมยังถูกเด็กๆ นักเรียนที่นึกสนุกสั่งให้สอนไปปั่นควยไปจนควยแข็งน้ำเยิ้มหน้าห้องในขณะสอนทั้งสามวันครั้งนี้ถูกบันทึกเทปไว้เป็นดีวีดีบ็อกเซทเรียบร้อย พร้อมกับโดนขู่ว่าให้ ดร.พี ทำตามที่บอกทุกอย่างไม่อย่างนั้นคงรู้นะว่าถ้าดีวีดีการสอนเซทนี้ถูกเผยแพร่ออกไป จะไม่ใช่แค่การที่ ดร.พี ต้องอับอาย แต่การงานอาชีพของ ดร.พีก็จะพังไปด้วยเพราะบอกข้อสอบซึ่งถือว่าผิดกฏมหาวิทยาลัยอย่างร้ายแรง

หลังจากนี้ อ.ดร.พีรกิตติ์คงสามารถถูกจารึกชื่อไว้ได้ว่า เป็นอาจารย์คนแรกของโลกที่มีดีวีดีคลาสสอนของตัวเองในสภาพแก้ผ้าล่อนจ้อน สอนไปควยแข็งไป และแถมฉากน้ำแตกเป็นโบนัสหลังดีวีดีให้ดูส่งท้าย