แค้นจัดหนัก V1

อาจารย์พลวิทย์

อาจารย์พลวิทย์ ชายหนุ่มหน้าตาดี ที่ใบหน้าดูอ่อนเยาว์กว่าอายุจริงที่ผ่านเลขสามไปแล้วถึงสามปี ส่วนหนึ่งเพราะอาชีพครูพละที่ทำให้เขาต้องเอาใจใส่รูปร่าง หมั่นออกกำลังกายอยู่อย่างสม่ำเสมอ ทำให้เขามีรูปร่างสูงใหญ่ อกผายไหล่ผึ่ง กล้ามแขน กล้ามอก กล้ามท้อง ซ่อนตัวอยู่ภายใต้เสื้อโปโลสีขาวขนาดพอดีตัว ส่วนกล้ามแกร่งที่ขาก็ถูกบดบังด้วยกางเกงวอร์มสีเทา ที่กระชับสัดส่วนจนแลเห็นบั้นท้ายงอนงามเบียนตัวจนเป็นรูปร่าง และกระเปาะเบื้องหน้าที่ดึงดูดสายตาผู้พบเห็นให้ต้องแอบเหลือบมอง

ชายหนุ่มเข้ามาเป็นอาจารย์พละที่โรงเรียนแห่งนี้ได้ 10 ปีพอดี หลังจากที่เคยไปฝึกสอนที่โรงเรียนแห่งหนึ่งมาก่อนหน้านี้ พอดีกับที่โรงเรียนแห่งนี้มีตำแหน่งว่าง เพื่อนสนิทที่เรียนมาด้วยกันและได้เข้าทำงานที่นี่ก่อน ได้แนะนำเขากับอาจารย์ใหญ่ เมื่อเขามาก็เห็นว่าที่นี่น่าจะเหมาะกับเขามากกว่าโรงเรียนเดิม เนื่องจากเป็นโรงเรียนที่ไม่เน้นวิชาการเพียงอย่างเดียว แต่ยังสนับสนุนให้เด็กทำกิจกรรมหลายๆ ด้าน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือกีฬา ทำให้เขาคิดว่าน่าจะได้ใช้ความรู้ที่ร่ำเรียนมาให้เกิดประโยชน์สูงสุด

เมื่อชายหนุ่มปรึกษาเรื่องนี้กับ ชลดา ผู้หญิงอันเป็นที่รักของเขา เธอก็สนับสนุนสุดตัว จนเขาอดแซวไม่ได้ว่าที่เธอสนับสนุนเนื่องจากเห็นว่าที่นี่เป็นโรงเรียนชายล้วน เธอจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องลูกศิษย์สาวๆ จะมาทำให้ไขว้เขว หล่อนก็หัวเราะออกมาดังๆ เพราะถูกแทงใจดำ เขากับชลดาคบกันมาตั้งแต่สมัยเรียนครูด้วยกัน ตอนแรกเขาไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรกับเธอนัก แต่เพราะเพื่อนสนิทของเขาต่างหากที่คอยพยายามจับคู่เขากับชลดา จนในที่สุดทั้งสองก็เกิดชอบพอกันขึ้นมาจริงๆ เขาเคยถามเธอว่าทำไมถึงตกลงเป็นแฟนกับเขา ก็ได้รับคำตอบว่า เขาเป็นคนสุภาพ มีความรับผิดชอบ และที่สำคัญที่สุดสามารถปกป้องเธอได้ แม้เขากับชลดาจะยังไม่ได้แต่งงานกันเพราะทำงานอยู่กันคนละที่ แต่เขาวางแผนไว้แล้วว่าสิ้นปีนี้เขาจะขอเธอแต่งงาน

อาจารย์พลวิทย์กำลังเดินจากโรงพละที่เป็นห้องทำงานของเขา ไปยังห้องอาจารย์ใหญ่ที่ตึกหน้าของโรงเรียน หลังจากที่มีโทรศัพท์แจ้งให้เข้าพบ เขาเดินผ่านสนามกีฬาขนาดใหญ่ ช่วงเช้าขนาดนี้ แดดไม่แรงจัดนัก มีนักเรียนกำลังเล่นกีฬากันอยู่ เขาเหลือบไปเห็นเรวัติ เด็กชายท่าทางตุ้งติ้งยืนมองเขาอยู่ พอเห็นเขาสบตาเด็กน้อยก็ย่อตัวไหว้ประหนึ่งท่าไหว้ของนักเรียนหญิงไม่ปาน พลวิทย์ยิ้มรับให้เด็กนักเรียนคนนั้น ดูเหมือนจะเป็นเด็กกลุ่มน้อยในโรงเรียนนี้ที่ไม่สนใจกิจกรรม โดยเฉพาะกีฬา แต่คงเก่งทางด้านอื่น เพราะไม่อย่างนั้นคงไม่สามารถเข้ามาเรียนที่นี่ได้

โรงเรียนแห่งนี้เป็นโรงเรียนเอกชนชายล้วนที่มีชื่อเสียงด้านกิจกรรมมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งฟุตบอล รักบี้ ว่ายน้ำ ได้รางวัลจากการแข่งขันระดับเยาวชนมาหลายรางวัล หลายสมัย ซึ่งทำให้เขาภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำชื่อเสียงให้โรงเรียน โดยเฉพาะว่ายน้ำที่ลูกศิษย์ของเขาคืออาทิตย์เพิ่งสอบโควตาด้านกีฬาเข้ามหาวิทยาลัยชื่อดังที่สุดได้ อาทิตย์เป็นศิษย์เอกที่เขาปลุกปั้นมากับมือเมื่อครั้งเห็นแววตอนเข้ามาคัดตัวโรงเรียน และตอนนี้กำลังพัฒนาไประดับทีมชาติ

เมื่อเลขาหน้าห้องเห็นหน้าพลวิทย์ก็ยิ้มทัก เชื้อเชิญให้เข้าไปพบอาจารย์ใหญ่ ชายหนุ่มนั่งลงบนเก้าอี้หน้าอาจารย์ใหญ่ หล่อนเป็นสาวใหญ่วัยเลยเกษียณไปหลายปี แต่ยังทำงานได้ดีโดยอายุไม่เป็นอุปสรรค หลังทักทายกันตามธรรมเนียมอาจารย์ใหญ่ก็แจ้งข่าวดีให้เขาทราบ ว่าที่ประชุมคณะกรรมการโรงเรียน มีมติให้เขาได้รับตำแหน่งหัวหน้าอาจารย์พละของโรงเรียนแทนอาจารย์คนเดิมที่เกษียณไปแล้ว ชายหนุ่มทั้งดีใจทั้งตกใจ เนื่องจากเขาอายุยังน้อยเกินกว่าจะรับตำแหน่ง และกลัวว่าจะเป็นการก้าวข้ามหน้าเพื่อนร่วมงานที่ทำงานมานานบางคนไป หนึ่งในนั้นก็คือเพื่อนสนิทที่แนะนำให้เขามาทำงานที่นี่

แต่อาจารย์ใหญ่ก็บอกว่านี่คือมติของกรรมการ และทุกคนเห็นความเหมาะสมจากผลงานที่เขาปฏิบัติ และคิดว่าเขาจะสามารถควบคุมนักเรียนให้อยู่ในกฎระเบียบของโรงเรียนได้ ขออย่าให้เขากังวลใจ คิดว่าเพื่อนร่วมงานทุกคนจะเข้าใจ ชายหนุ่มจึงพลอยคลายความกังวลลงไปได้ อาจารย์ใหญ่ยังสำทับอีกว่า หลังจากนี้เมื่อหนังสือแต่งตั้งอย่างเป็นทางการออกมา ขอให้เขาตั้งใจทำงานที่ได้รับผิดอย่างเต็มที่ ทุกคนที่นี่จะให้ความร่วมมือ เพราะในบรรดาอาจารย์ที่มีอยู่ เธอเชื่อมั่นในตัวเขามากกว่าใคร ว่าจะทำให้โรงเรียนแห่งนี้ประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียงกว่าที่เป็นอยู่อย่างแน่นอน

เมื่อออกจากห้องอาจารย์ใหญ่ ชายหนุ่มเก็บความรู้สึกยินดีไว้ไม่ไหว จึงโทรไปบอกให้คนรักของเขาได้ทราบ หญิงสาวแสดงความยินดีและรู้สึกตื่นเพีท ดีใจไปกับเขาด้วย ทั้งสองคุยโทรศัพท์อย่างมีความสุข โดยไม่นึกว่าจะมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันตามมาหลังจากข่าวดีนั้น

อาจารย์สุนัย

อาจารย์สุนัยแทบไม่เชื่อหูตัวเองเมื่ออาจารย์เพชรหรือที่เด็กนักเรียนชอบเรียกลับหลังว่าป้าเพชราบอกกับเขาว่า พลวิทย์คือคนที่ได้ตำแหน่งหัวหน้าอาจารย์ฝ่ายปกครองแทนที่จะเป็นเขา แต่สุนัยก็ยังพอมีสติที่จะแสร้งทำเป็นยินดีกับเพื่อนสนิททั้งที่ใจร้อนรุ่ม ดีที่คนบอกคืออาจารย์เพชรที่มีนิสัยไม่เข้าข้างใคร แต่ชอบเสี้ยมให้คนแตกคอกันมากกว่า เขาจึงไม่ต้องแสร้งปั้นหน้ายินดีทั้งที่ใจผิดหวังมากนัก เพราะรู้ว่ายังไงอาจารย์เพชรก็ดูออกว่าเขาต้องผิดหวัง ไม่เช่นนั้นคงไม่เป็นคนคาบข่าวมาบอกเขาอย่างนี้

อาจารย์เพชรเป็นหนุ่มใหญ่วัยเลขสี่มาหลายปี รูปร่างก็เริ่มจะเผละตามวัย หน้าที่ในโรงเรียนก็ไม่ชัดเจน จะสอนวิชาอะไรเป็นชิ้นเป็นอันก็ไม่มี ส่วนใหญ่จะเห็นแกทำหน้าที่ครูแม่บ้านมากกว่า หน้าที่ประจำจริงๆ ของแกก็คือเป็นผู้เฝ้าตึกนอนสำหรับนักเรียนประจำของที่นี่ ซึ่งจริงๆ มีไม่มากนัก นักเรียนส่วนใหญ่ไม่ชอบแกเท่าไหร่ ยิ่งเป็นนักเรียนตึกนอนยิ่งเอือมระอากับพฤติกรรมที่แกชอบหาเศษหาเลยกับเด็กๆ ด้วยบุคลิกท่าทางที่ใครๆ ก็ดูออกว่าเป็นชายไม่แท้ แม้นักเรียนจะเพียรแจ้งถึงกิริยาที่ไม่สำรวมของแกขนาดไหนก็ไม่มีผลอะไร เพราะใครๆ ก็รู้ว่าแกเส้นใหญ่ เป็นลูกพี่ลูกน้องของเจ้าของโรงเรียน แม้จะเป็นญาติหางแถวก็ตาม

สุนัยเองก็พอรู้กิติศัพท์จากที่เด็กในชมรมฟุตบอลของเขาเล่าให้ฟัง เรื่องที่แกชอบไปเลียบๆ เคียงๆ ที่สนาม หรือไปยุ่มย่ามในห้องพักนักกีฬา คอยเหล่ดูนักกีฬาอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า แต่ก็จนปัญญาที่เขาจะจัดการ เพราะตัวเองก็ใช่จะรอดพ้น มีอยู่ครั้งหนึ่งเขากำลังอาบน้ำเพื่อเตรียมตัวกลับบ้านหลังการซ้อมของทีมฟุตบอลเสร็จสิ้น เด็กๆ กลับบ้านกันหมดแล้ว ขณะที่ออกจากห้องน้ำเขาก็เห็นอาจารย์เพชรนั่งรออยู่ที่ห้องแต่งตัว สายตาแวบแรกที่เห็นเขาออกมาพร้อมหยดน้ำเกาะตามตัวแลดูหื่นกระหาย เพราะกล้ามแกร่งทั้งตัว หน้าท้องเป็นลอนๆ แม้ผิวของเขาจะคล้ำแดดไม่ขาวเหมือนพลวิทย์ แต่อย่างอื่นจัดว่าสูสีพอฟัดพอเหวี่ยงกันทุกอย่าง เป็นสิ่งที่คนวัย 33 อย่างเขารู้สึกภาคภูมิใจที่สุด

อาจารย์เพชรเอาเรื่องงานมาอ้างคุยกับเขา เพื่อดูเขาเปลี่ยนเครื่องแต่งกาย และพอเขาเผลอ แกก็เอามือมาลูบไล้ที่หัวไหล่ กล้ามแขน ยาวมาจนถึงแผงอก ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าการถูกจู่โจมอย่างนั้น ทำให้เขาตื่นเต้นเร้าใจอยู่ไม่น้อย ดีที่เขาไม่เผลอไผลปล่อยตัวปล่อยใจ จึงหาเรื่องเบี่ยงประเด็นจนรอดจากมาได้ อาจารย์เพชรเองก็เหมือนจะรู้ตัวว่าเขาคิดอย่างไร จึงไม่พยายามจะจู่โจมเมื่อรู้สึกว่าสุนัยยังไม่พร้อม

แม้แยกจากอาจารย์เพชรมาแล้ว แต่ความขุ่นเคืองใจของเขาก็ยังไม่หาย สุนัยเดินอย่างรวดเร็วกลับไปที่โรงพละเพื่อกลับไปที่โต๊ะทำงาน เขาแน่ใจว่าตอนนี้พลวิทย์ไม่อยู่ในห้อง พอมาถึงเขาก็ทรุดตัวลงนั่งที่โต๊ะทำงาน สายตาเหลือบไปมองโต๊ะเพื่อนสนิทด้วยความแค้น นี่เป็นอีกครั้งที่พลวิทย์ได้ในสิ่งที่เขาอยากได้ไป เขามองไปที่กรอบรูปที่ตั้งอยู่บนโต๊ะของพลวิทย์ นั่นคือครั้งแรก ในกรอบรูปนั้นมีรูปของพลวิทย์และชลดาถ่ายคู่กันขณะไปเที่ยว ใบหน้าของทั้งสองมีความสุข ดวงตาเปล่งประกาย ไม่ต้องบอกความรู้สึกที่สุนัยเห็นรูปนั้นครั้งแรก ว่าทั้งเจ็บปวดและคั่งแค้นปานใด

สุนัยและพลวิทย์เป็นเพื่อนร่วมห้องกันตอนที่เรียนวิทยาลัยครู ทั้งคู่เอกพละศึกษา ความที่พลวิทย์เป็นหนุ่มทางเหนือผิวของเขาจึงขาวแลดูสะอาดสะอ้าน ผิดกับเขาที่มาจากครอบครัวชาวนา ผิวจึงคล้ำกรำแดด สาวๆ มักจะมองข้ามเขาไปสนใจพลวิทย์เสมอๆ แม้เขาจะรู้สึกน้อยใจและเคยอิจฉาเพื่อนบ้าง แต่ก็เป็นความรู้สึกเพียงเล็กน้อย จนเมื่อชลดาเข้ามาในชีวิตทั้งคู่ เธอเรียนที่เดียวกับพวกเขา แต่เป็นเอกอื่น เขารู้จักเธอผ่านเพื่อนคนหนึ่งที่เรียนด้วยกัน แม้เขาจะพยายามจีบชลดาอย่างไรก็ไม่เป็นผล จนเมื่อบังเอิญเขาพาพลวิทย์ไปเจอเธอ นั่นจึงเป็นจุดเริ่มพีทที่ทำให้ทั้งคู่รักกัน

พลวิทย์ไม่รู้หรอกว่าทุกครั้งเขาต้องจำใจชวนมันไปเที่ยวด้วยเพื่อเป็นตัวล่อให้ชลดาออกมาพบเขา แต่นั่นยิ่งเป็นการกระทำที่ผิด เพราะเป็นการเปิดโอกาสให้สองคนนั้นได้ทำความรู้จักกันมากยิ่งขึ้น แล้วหลังจากนั้นเขาก็คือส่วนเกินของความสัมพันธ์นี้ เขาเจ็บปวด เจ็บใจที่โดนเพื่อนรักหักหลัง ไม่นานพวกเขาก็แยกย้ายไปฝึกสอน สุนัยมาฝึกสอนที่โรงเรียนชายล้วนแห่งนี้ ที่ต้องการครูที่มีความสามารถด้านการกีฬาอย่างแท้จริง ครั้งนี้เขาจากเพื่อนสนิทมาไกลและคิดว่าระยะทางจะช่วยลบล้างความรู้สึกที่มีอยู่ในใจ โชคดีที่หลังเรียนจบ เขาได้รับข้อเสนอให้บรรจุที่โรงเรียนแห่งนี้เลย เขากับพลวิทย์และชลดาจึงถือได้ว่าลาจากกันถาวร

แต่แล้วก็เหมือนโชคชะตาบันดาล เมื่อตำแหน่งอาจารย์พละของที่นี่ว่างลงหนึ่งตำแหน่ง เขารีบเสนอเพื่อนรักของเขาให้อาจารย์ใหญ่พิจารณา ด้วยเหตุผลที่แท้จริงที่ไม่มีใครรู้ เขาต้องการแยกพลวิทย์และชลดาออกจากกัน และต้องการให้พลวิทย์อยู่ในตำแหน่งที่เป็นรองเขา แต่สุนัยก็มีความสุขกับแผนการได้ไม่นาน เพราะแม้จะแยกห่างกัน แต่ความสัมพันธ์ของพลวิทย์กับชลดาที่ทำงานครูอยู่กันคนละที่ กลับยิ่งแน่นแฟ้นไม่มีทีท่าจืดจางจนผ่านมาเป็นสิบปี ด้านการงานของพลวิทย์ยิ่งข้ามหน้าข้ามตาเขาไปไกลเมื่อเข้ามาคุมชมรมว่ายน้ำแล้วสามารถปั้นนักว่ายน้ำหน้าใหม่ให้โรงเรียนจนได้แชมป์เป็นว่าเล่น รวมถึงอาทิตย์ศิษย์เอกของพลวิทย์ที่สอบโควตาเข้ามหาวิทยาลัยดังได้สำเร็จและกำลังจะได้เข้าร่วมทีมชาติ ยิ่งเป็นหน้าเป็นตาให้พลวิทย์ยิ่งขึ้นไปอีก ต่างจากเขาที่ทีมฟุตบอลปีนี้กลับได้แค่ที่สามจากการแข่งขันระดับเยาวชน จากที่เคยเป็นแชมป์มาก่อน แล้วศิษย์เอกของเขาอย่างไกรภพที่สอบโควตาไม่ติด แล้วความหวังทีมชาติยังเลือนราง ทำให้เขายิ่งเครียดและกดดันขึ้น

และหลังจากที่เขารู้ว่าตัวเขาพลาดหวังจากตำแหน่งที่เขาหมายมั่นปั้นมือมานาน ยิ่งเหมือนฟางเส้นสุดท้ายที่ขาดสะบั้นลง และทำให้เขาตัดสินว่าต้องจัดการอะไรลงไปซักอย่างแล้ว เพื่อให้พลวิทย์ได้รับรู้ถึงความแค้นที่สะสมกัดกร่อนกินใจเขามาเป็นสิบปี

ไกรภพ

ไกรภพหรือไอ้โก้นั่งอยู่หน้าโต๊ะทำงานของสุนัย มันถูกเรียกตัวมาทันทันที่สุนัยมาถึงห้อง มันต้องทนนั่งฟังอาจารย์ของมันพรั่งพรูความผิดหวัง เสียใจ ระคนเจ็บแค้นใจที่โดนเพื่อนสนิทตัดหน้าคว้าตำแหน่งหัวหน้าอาจารย์พละไป ทั้งๆ ที่พลวิทย์เข้ามาทำงานที่หลัง และไม่ผิดคาดที่มันจะต้องเป็นส่วนที่ต้องร่วมรับผิดชอบต่อเรื่องนี้ เนื่องจากอาจารย์สุนัยคิดว่าสาเหตุหลักที่ทำให้เขาพลาดจากตำแหน่งเพราะผลงานที่ตกต่ำลงของทีมฟุตบอลที่คุมอยู่ โดยมีมันเป็นกัปตันทีม รวมทั้งการที่ลูกศิษย์คนโปรดของพลวิทย์อย่างอาทิตย์สอบโควตาเข้ามหาวิทยาลัยชื่อดังได้ โดยที่มันไม่ผ่าน ขณะที่มันกำลังอยู่ในห้วงคิดเรื่องที่สุนัยะกำลังพูดถึง อยู่ๆ มันก็โดนดึงกลับเมื่อสุนัยพูดว่า

“กูต้องจัดการอะไรบางอย่างแล้ว ปล่อยให้เป็นแบบนี้ไม่ได้”

มันไม่รู้ว่าจัดการอะไรบางอย่างของสุนัยคืออะไร แต่ที่รู้แน่ๆ คือต้องมีมันเป็นส่วนหนึ่งของแผนการครั้งนี้ด้วยอย่างแน่นอน แม้มันจะไม่รู้สึกแค้นใจอาจารย์พลวิทย์ แต่มันก็เข้าใจความรู้สึกของอาจารย์มันได้ดี เพราะความแค้นใจของมันไปอยู่ที่อาทิตย์ เมื่อมันหลุดปากขอว่าในเมื่อต้องจัดการพลวิทย์แล้ว ขอให้มันมีส่วนได้สั่งสอนอาทิตย์ให้รู้จักความอับอายบ้าง เป็นข้อเสนอที่ทำให้สุนัยระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น

“ต้องอย่างนี้สิ ถึงจะสมเป็นศิษย์เอกของกู”

ไอ้โก้เดินออกมาจากห้องพักอาจารย์ในโรงพละ มันกำลังนึกถึงแผนการของสุนัย และหน้าที่ๆ มันต้องเตรียมการ ก่อนหน้านี้มันไม่เคยมีเรื่องบาดหมางใจอะไรกับอาทิตย์ โลกของทั้งคู่เหมือนโลกคู่ขนานที่ไม่มีวันโคจรมาพบกัน แม้อาทิตย์จะเป็นหนุ่มรูปงาม หล่อเหลา สุภาพ เรียนเก่ง เล่นกีฬาดี แต่มันไม่เคยสนใจ ต่อให้อาทิตย์จะเป็นที่คลั่งไคล้ของรุ่นน้องในโรงเรียน มันก็ไม่สน จะไปสนใจทำไมกับพวกตุ๊ดพวกแต๋วที่ตามกรี๊ดกร๊าดความหล่อเด่นดังของเพศเดียวกัน หรือต่อให้อาทิตย์จะเป็นแชมป์ว่ายน้ำกี่รายการ ความเด่นดังก็ยังคงไม่เท่าทีมฟุตบอลที่ครองแชมป์มายาวนานเป็นสิบสมัยอย่างทีมของเขา

แต่จุดเปลี่ยนเกิดขึ้นเมื่อพวกเขาเป็นพี่ใหญ่สุดของโรงเรียน ชื่อเสียงของอาทิตย์ถือได้ว่าโดดเด่นขึ้นมาทันที นอกจากจะเก่งกีฬาแล้วยังทำคะแนนท็อปในหลายวิชา ขณะที่ทีมฟุตบอลของมันผลงานเริ่มตกต่ำลงหลังจากที่รุ่นพี่ออกจากทีมไปและมีมันขึ้นมาเป็นกัปตันทีมแทน ช่วงที่มันคาดหวังกับตำแหน่งประธานนักเรียน อยู่ๆ อาทิตย์ก็ลงสมัครด้วย แล้วก็มาแรงจนมันตั้งตัวไม่ทัน ยังดีที่พ่อของมันคือผู้มีอิทธิพลที่เป็นผู้บริจาครายใหญ่ของโรงเรียน สุดท้ายด้วยวิธีการใดก็แล้วแต่ มันได้ขึ้นมาเป็นประธานนักเรียนสมใจ แม้ว่าลึกๆ ในใจจะรู้อยู่เต็มอกว่าไม่ใช่ผู้ชนะอย่างแท้จริง แต่เรื่องอะไรที่มันจะสนใจ เพราะมันมีพ่อให้ดูเป็นตัวอย่าง ขอให้ชนะเถอะ จะชนะอย่างไรก็ตาม ขอให้อำนาจอยู่ในกำมือเราเป็นพอ และนี่คืออีกเหตุผลที่อาจารย์สุนัยไม่กล้าทิ้งมัน แม้จะผิดหวังในตัวมันหลายต่อหลายครั้งก็ตาม แต่อย่างน้อยอำนาจที่มันมีก็ยังสามารถนำมาใช้เพื่อต่อรองได้ทุกเรื่องในโรงเรียนแห่งนี้

ขณะกำลังเดินครุ่นคิดอยู่นั้น มันเหลือบไปเห็นไอ้เอกลูกสมุนคนสนิทของมันนั่งรออยู่ ไอ้เอกเป็นเด็กรุ่นเดียวกับมัน พ่อของไอ้เอกเคยได้รับความช่วยเหลือจากพ่อของเขา จึงให้ไอ้เอกมาเป็นผู้รับใช้เพื่อทดแทนบุญคุณ พ่อของมันจึงส่งเสียให้ไอ้เอกได้เข้ามาเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้ด้วย เพื่อคอยดูแลและรับใช้ลูกชายคนเดียว ไอ้เอกเป็นผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์เป็นอย่างมาก ไม่ว่ามันจะสั่งการเรื่องอะไร เลวร้ายขนาดไหน ไอ้เอกไม่เคยปริปากบ่น ยินดีและเต็มใจทำทุกอย่าง ซึ่งหมายรวมไปถึงแผนการที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันนี้ด้วยแน่นอน

อาทิตย์

อาทิตย์หรืออาทนักเรียนดีเด่นของโรงเรียนที่เก่งทั้งเรื่องเรียนและกิจกรรม ถ้าโรงเรียนแห่งนี้เป็นโรงเรียนสหศึกษา แน่นอนว่าเขาคงเป็นรุ่นพี่ที่เป็นที่ชื่นชอบและหลงไหลของรุ่นน้องสาวๆ แต่ถึงแม้จะไม่เป็นอย่างนั้น แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีรุ่นน้องที่ชื่นชอบเขา เพราะมีรุ่นน้องที่ชื่นชมในความเก่งกาจและยึดเขาเป็นแบบอย่างในการใช้ชีวิต และแน่นอนที่ต้องมีรุ่นน้องที่ภายนอกเป็นชายแต่กิริยาท่าทางการแสดงออกไม่ใช่มาหลงไหลคลั่งไคล้ปลาบปลื้มเขา

เพราะอาทไม่ได้มีแค่ความเก่ง แต่รูปร่างหน้าตาของเขายังจัดว่าดีกว่าใครๆ ทั้งหมดในโรงเรียน นอกจากหน้าตาของเขาจะดีเลิศกว่าใครแล้ว รูปร่างของเขายังสวยงามได้รูป เนื่องจากเขาเป็นนักกีฬาว่ายน้ำของโรงเรียน รูปร่างที่ดีเกินกว่าเด็กมัธยมปลายหลายๆ คน ทำให้หนุ่มๆ รุ่นเดียวกันอิจฉาตาร้อนกันเป็นแถบ เพราะมันทำให้สาวๆ ในโรงเรียนหญิงล้วนที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลต่างกรี๊ดกร๊าด และพยายามจะเข้ามาเพื่อทำความรู้จักกับอาทเพื่อหมายพัฒนาความสัมพันธ์ แต่ตอนนี้อาทคิดเพียงแค่เรื่องเรียนและการว่ายน้ำที่เป็นชีวิตจิตใจของเขาเท่านั้น แม้ธรรมชาติความเป็นหนุ่มจะเรียกร้องและโหยหาบางสิ่งบางอย่างอยู่บ้างก็ตาม

ครอบครัวของอาทเป็นครอบครัวคนชั้นกลางที่ไม่เดือดร้อนเรื่องการเงิน ที่บ้านมีกิจการโรงงานน้ำแข็งเล็กๆ พ่อทำหน้าที่ควบคุมกิจการที่เป็นมรดกตกทอดร่วมกับคุณอาของเขาอีก 2 คน แม่ของเขาทำหน้าที่แม่บ้านดูแลบ้านและลูกๆ 3 คน เขาเป็นลูกคนกลาง มีพี่สาวหนึ่งคนและน้องชายหนึ่งคน ทั้งพี่สาวและน้องชายอายุห่างจากเขา 3 ปี ไม่รู้เป็นความบังเอิญหรือความตั้งใจของพ่อกับแม่

ที่บ้านไม่มีใครเป็นนักกิจกรรมเหมือนเขา เอ้พี่สาวกำลังเรียนหมอในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ส่วนอั๊ตน้องชายที่กำลังเรียนชั้นมัธยมพีทยังไม่รู้ว่าจะเอาดีทางด้านไหน แต่เขาก็รู้สึกว่าน้องชายมีเขาเป็นแบบอย่างและอยากเจริญรอยตาม เพราะมักชอบตามเขาไปฝึกว่ายน้ำด้วยบ่อยๆ ด้วยความเป็นลูกคนกลาง อาทจึงไม่ค่อยคลุกคลีกับคนในบ้านมากนัก เขาไม่ได้สนใจกิจการของครอบครัว นอกจากการเรียน กิจกรรม เวลาว่างของเขามักจะออกไปผ่อนคลายด้วยการดูหนัง หรือท่องเที่ยวทางธรรมชาติ โดยมีเพื่อนสนิทไปด้วยสองสามคน หนึ่งในนั้นคือพีระพลหรือพีท เพื่อนที่สนิทกับเขามาตั้งแต่เรียนมัธยมพีทเพราะอยู่ชมรมว่ายน้ำด้วยกัน

อาทเห็นพีทครั้งแรกก็รู้สึกถูกชะตา ตอนนั้นชมรมว่ายน้ำยังมีสมาชิกไม่มากนัก เพราะผลงานยังไม่ดีเหมือนปัจจุบัน ปีนั้นมีเด็กใหม่มาสมัครประมาณ 40 กว่าคน หลังจากที่อาจารย์พลวิทย์ลองให้น้องใหม่ว่ายแข่งขันเพื่อแสดงฝีมือ อาทและพีทที่มีผลงานดีกว่าใครจึงได้ขึ้นมาเป็นดาวเด่นของชมรมทันที อาจารย์ให้ความสำคัญกับการซ้อมของทั้งสองคนมาก โดยมักจับคู่ให้ซ้อมด้วยกัน จึงทำให้ทั้งคู่สนิทกันเร็วยิ่งขึ้น และในปีนั้นเมื่ออาจารย์ลองให้ทั้งคู่ลงแข่งขันกีฬาระดับเยาวชนพวกเขาก็ไม่ทำให้ชมรมต้องผิดหวัง เพราะต่างก็ได้รับชัยชนะในประเภทที่ลงแข่งด้วยกันทั้งคู่ จนชมรมว่ายน้ำเริ่มมีชื่อเสียงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งหมายความถึงจำนวนสมาชิกที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในแต่ละปี น้องใหม่ที่เข้ามาต่างมองอาทและพีทเป็นแบบอย่างที่ดีที่ควรเอาอย่าง

แต่โชคไม่เข้าข้างพีท หลังการฝึกซ้อมหนักเพื่อป้องกันแชมป์ พีทได้รับบาดเจ็บจนพลาดตำแหน่งแชมป์ไป และดูเหมือนอาการบาดเจ็บจะเรื้อรังยาวนานกว่าที่คิด พีทจึงต้องเปลี่ยนเป้าหมายในชีวิตไป จากที่เคยทุ่มเทเวลาเกือบทั้งหมดให้ชมรม พีทเริ่มหันกลับมาใส่ใจการเรียนมากขึ้น เพราะรู้ดีว่านี่คือหนทางเดียวที่เหลือให้เขาเดิน แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่สามารถตัดใจออกจากชมรมได้ เพราะมันเป็นทางเดียวเช่นกันที่จะทำให้เขาได้อยู่ใกล้ชิดกับเพื่อนสนิทของเขา เพื่อนสนิทที่ไม่เคยล่วงรู้ความรู้สึกที่แท้จริงในใจของเขาเลย

พีระพล

วันนี้ชมรมว่ายน้ำพักการซ้อม เพราะมีการจัดเลี้ยงภายในฉลองตำแหน่งใหม่ให้โค้ชของพวกเขา แต่กระนั้นอาทก็ไม่อาจละเลยการฝึกซ้อมของเขาได้ด้วยข้ออ้างเพียงเท่านี้ อาทมาถึงสระว่ายน้ำก็เปลี่ยนชุดว่ายน้ำเดินมาที่สระ แล้วก็ต้องแปลกใจที่เห็นมีคนกำลังว่ายน้ำอยู่ พอเดินเข้ามาใกล้ก็จำได้ว่าคือเพื่อนสนิทของเขานั่นเอง อาทกระโจนลงไปในสระว่ายน้ำ แล้วว่ายตามเพื่อนสนิทไปติดๆ ตอนนี้เกิดการแข่งขันกันขึ้นระหว่างชายหนุ่มสองคนในสระว่ายน้ำ สุดท้ายเป็นอาทที่ว่ายมาแตะขอบสระได้ก่อน

“มีงไม่ไปฉลองตำแหน่งใหม่โค้ชวิทย์เหรอวะ” อาทถามขณะเดินนำหน้าเพื่อนสนิทกำลังกลับเข้าห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า เขาไม่ได้หันมามองเพื่อนสนิทที่เดินตามหลัง ไม่อย่างนั้นคงจะเห็นสายตาเพื่อนที่กำลังโลมเลียเขาอยู่ เบื้องหลังของอาทดูบึกบึนสมชาย ด้วยช่วงไหล่กว้างอย่างนักว่ายน้ำมืออาชีพ แขนทั้งสองข้างมีกล้ามล่ำนิดๆ ต่างจากเอวที่คอดกิ่ว รูปร่างของอาทแตกต่างจากเด็กชายวัยเดียวกันอย่างชัดเจน พีทอดชำเลืองสายตามองต่ำกว่าเอวที่คอดนั้นไม่ได้ อาทสวมกางเกงว่ายน้ำตัวเล็กจิ๋ว แตกต่างจากเวลาที่ลงแข่งที่จะใช้ชุดที่ผลิตเพื่อการแข่งขัน ก้นอันงอนงามของเขากำลังเบียดเสียดกันอยู่ภายในกางเกงว่ายน้ำที่ปิดอะไรแทบไม่อยู่

“ไม่ล่ะ กูอยากมาออกกำลังมากกว่า ยิ่งวันนี้ไม่มีคนด้วยยิ่งเป็นโอกาสที่ดี”

อาทชะงักหันมามองเพื่อนที่เดินตามหลังมา ดีที่พีทปรับเปลี่ยนสายตาทัน ไม่อย่างนั้นเพื่อนสนิทคงรู้ว่าเขากำลังให้ความสนใจกับอะไรอยู่ พีทเห็นเพื่อนทำหน้างงงงก็พูดต่อว่า

“ที่จะได้ลองแข่งกับเพื่อนอีกสักที เราไม่ได้ว่ายแข่งกันมานานแล้วนะ แล้วกูก็ยังแพ้มึงอยู่เหมือนเคย”พูดจบก็เดินเบี่ยงตัวแยกไปที่ล็อกเกอร์ส่วนตัว หยิบอุปกรณ์ของตัวเองเสร็จก็เดินเข้าห้องอาบน้ำไป

พีทปล่อยให้ความคิดฟุ้งซ่านเขาทำงานต่อไป ขณะที่สายน้ำหลั่งไหลราดรดไปทั่วทั้งตัว อยู่ๆ เขาก็รู้สึกเจ็บแปลบที่ปลายเท้า ตะคริว หรืออาการบาดเจ็บมันกลับมาเล่นงานเขาอีกแล้ว ชายหนุ่มรีบปิดน้ำ หยิบผ้าเช็ดตัวมาพันกาย เปิดประตูห้องน้ำ เขย่งปลายเท้าออกมาแต่ยังไม่ทันจะก้าวพ้นประตู ตัวเขาก็ล้มลงกองที่พื้น

“พีท เป็นอะไรรึเปล่า เสียงอะไรวะ” เสียงอาทถามจากในห้องน้ำ

“กูเป็นตะคริวว่ะ” พีทตะโกนตอบไป สิ้นเสียงของตัวเองพีทได้ยินเสียงล็อคประตูห้องน้ำคลายออก พร้อมกับอาทที่รีบวิ่งออกจากห้องน้ำตรงมาที่เขา

พีทเบิกตาโพลงกับภาพเพื่อนสนิทที่เห็น อาทวิ่งออกมาทั้งที่ไม่มีอะไรพันกายสักชิ้น ดูเหมือนอาทจะตกใจและรีบร้อนออกมาดูเพื่อนจนไม่ได้สนใจตัวเอง เขาวิ่งมาถึงก็นั่งยองๆ จับขาเพื่อนสนิทที่ล้มลงดู ปากก็ถามเพื่อนตลอดว่าเจ็บตรงไหน ถ้าเขาจะสนใจสายตาเพื่อนสนิทสักนิดคงจะเห็นว่าตอนนี้สายตาเพื่อนเขานั้นจับจ้องอยู่ที่จุดเดียวที่เด่นล้ำออกมาจากส่วนอื่นๆ

ดูเหมือนควยของอาทจะตื่นตัวเล็กน้อย มันคงไม่คุ้นชินกับการออกมาชมโลกภายนอก โดยเฉพาะเห็นคนกำลังจ้องอยู่ตาแทบไม่กะพริบ สีของมันขาวสวยไม่แพ้เจ้าของแต่ดูเหมือนจะซีดเพราะโดนน้ำไปมาก ที่ปลายหัวเปิดเล็กน้อย มันมีสีชมพูสวย ต่ำลงมามีไข่สองใบห้อยอยู่ เหนือขึ้นไปเขาเห็นพงหญ้าปกคลุมพวกมันอยู่ พงหญ้านั้นเปียกลู่ตามทางน้ำ ทุกอย่างที่ประกอบรวมกันมันช่างสวยจนพีทไม่อาจละสายตาไปจากมันได้

“ว่าไงวะ ดีขึ้นไหม” อาทยังนวดขาเพื่อนสนิทต่อไป คำพูดของเขาช่วยปลุกสติของเพื่อนรักให้กลับคืนมา พีทรู้สึกดีที่ก่อนออกจากห้องน้ำเขาหยิบผ้าเช็ดตัวมาปิดท่อนล่างไว้ทัน ไม่งั้นควยของเขาคงได้แสดงแสนยานุภาพเพื่อสู้กับควยเพื่อนสนิทเป็นแน่

“ดีขึ้นแล้วว่ะ กูไม่เป็นไรแล้ว” พีทพยายามยันกายลุกขึ้น

“เฮ้ย ไหวแน่นะ กูพยุงมึงออกไปดีกว่า” อาทขยับเข้ามาช่วยพยุงเพื่อน พีทขยับลุกตาม พอลุกขึ้นได้มือเจ้ากรรมของเขาดันขยับไปกุมจุดสำคัญของเพื่อนสนิท ทั้งลำ ทั้งไข่ ทั้งขน ทุกอย่างอยู่ในอุ้งมือเขา ดูเหมือนเหตุการณ์จะหยุดเคลื่อนไหวไปชั่วครู่ พีทใจเพีทแรง ไม่กล้าสบตาเพื่อนรัก ฉับพลันนั้นเขารู้สึกถึงการขยายตัวของสิ่งที่อยู่ในอุ้งมือ

เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ

ภาพของอาทกำลังนั่งยองๆ อยู่กลางสายน้ำจากฝักบัว จับขาของพีทพลิกไปมาแล้วช่วยบีบนวดให้หายจากอาการเจ็บ

ภาพของพีทที่นั่งให้อาทบีบนวดที่ขาเพื่อให้คลายอาการตะคริว แต่สายตาจับจ้องที่กึ่งกลางลำตัวของเพื่อนสนิท

จนเมื่ออาทพยุงให้เขาลุกขึ้นแล้วเกิดเหตุที่ไม่คาดฝันขึ้น สิ่งที่เขารอคอยอยากเป็นเจ้าของมาตลอดมาอยู่ในอุ้งมือ พีทรู้สึกประหม่า ซึ่งไม่ต่างจากอาท เขารู้สึกว่าควยของอาทกำลังขยายตัวรับมือของเขา มันใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนเมื่อมันขยายจนขีดสุด มือข้างเดียวของพีทก็ไม่อาจเอามันอยู่ พีทเหลือบสายตามองหน้าเพื่อนสนิท เห็นเขาหลับตาอยู่ ลมหายใจระบายออกมาอย่างสั่นเครือ พีทค่อยๆ ขยับข่อมือชักสิ่งที่อยู่ในอุ้งมือตัวเองขึ้นลงๆ เป็นจังหวะ เริ่มจากช้าๆ นุ่มนวล แล้วค่อยๆ เพิ่มความแรงขึ้น หูของเขาได้ยินเสียงครางของเพื่อนสนิท แม้เสียงน้ำจากฝักบัวที่เปิดทิ้งไว้ก็ไม่อาจกลบเสียงนั้นได้ จังหวะมือของพีทเริ่มแรงขึ้น เรื่อยๆๆๆ พร้อมอาการเกร็งตัวของอาทที่เพิ่มมากขึ้นตามแรงข้อมือเขา อาทจ้องมองหน้าเพื่อนสนิท อาทยังไม่ลืมตา มีเพียงเสียงครางและเสียงลมหายใจที่บอกให้รู้ความรู้สึก

พีทค่อยๆ ดันอาทให้เดินถอยหลังจนไปชิดกำแพง เขาเอาปากประกบปากเพื่อนสนิท หวังกลบเสียงครางที่ดังถี่ มือของเขาปล่อยสิ่งที่อยู่ในอุ้งมืออกเพราะไม่ถนัด เขารู้ว่าเพื่อนกำลังอามรณ์เตลิด ปากที่กำลังบดกันคลายออก พีทค่อยๆ ไล่เลี่ยริมฝีปากต่ำลงมาที่แผงอกใหญ่ของอาท มาถึงหัวนมสีชมพู เขากัดขบมันอย่างหมั่นเขี้ยวไปทีละข้าง เสียงของอาทยังครางดังอย่างต่อเนื่อง มือของอาทจิกดึงที่ผมเขา เมื่อริมฝีปากเรื่อยลงมาที่หน้าท้อง ลิ้นของพีทสัมผัสที่กล้ามท้องที่กำลังเกร็งของเพื่อนสนิท มือที่จิกดึงผมเริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ

พีทเลียลิ้นวนทั่วสะดือ ไล่ลงมาที่กลุ่มขนดกดำหนา เขาสูดลมหายใจดมกลิ่นกายที่ปรารถนา จนสุดท้ายก็มาถึงจุดหมายปลายทางที่แข็งชูชันเหมือนจะท้าทายผู้มาเยือน พีทครอบปากลงไปควยเพื่อนสนิท ใช้ลิ้นตวัดเลียอย่างชำนาญ ทั้งๆ ที่นี่คือครั้งแรกของเขา อาจจะเพราะผ่านตาจากบรรดาการสาธิตผ่านคลิปนั้นคลิปนี้จนช่ำชอง ท่าทางพีทจึงช่ำชองชำนาญอย่างที่ใครก็คาดไม่ถึง พีทดุนดันดุ้นนั้นในปาก ก่อนจะขยับหัวขึ้นลงเป็นจังหวะ แรงขึ้นเรื่อยๆ สายน้ำที่หลั่งไหลพรั่งพรูไม่สามารถดับความร้อนรุ่มจากทั้งจิตใจและแก่นกายของคนทั้งคู่ลงได้ แรงขยับขับเคลื่อนของพีทเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนที่สุดเขารู้สึกได้ว่ามีน้ำเหนียวๆ คาวๆ กระแทกไหลเข้าไปในคอของเขา เป็นจำนวนมาก เมื่อพีทถอนปากออกมามันก็ยังหลั่งไหลไม่หมด แรงจนกระเซ็นเต็มหน้าเขาจนเขาต้องหลับตาลงเพื่อป้องกันการไหลเข้าตา

เมื่อลืมตาขึ้นพีทพบว่าของเหลวสีขาวกระเซ็นมาเปรอะใบหน้าของเขา ชายหนุ่มระบายลมหายใจยาวนาน ตัวที่เกร็งเริ่มผ่อนคลาย สิ่งที่มือสัมผัสเริ่มหดลงเมื่อพิษที่สะสมไว้ถูกรีดออกไปจนหมด ชายหนุ่มปล่อยมือจากแก่นกายของตัวเอง ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบกระดาษทิชชู่ที่หัวเตียงมาเช็ดรอยคราบขุ่นข้นของตัวเองให้หมด ทั้งตามตัวและที่กระเด็นแรงจนเปรอะใบหน้า แล้วจึงค่อยๆ ลุกขึ้นจากเตียง บรรยากาศในห้องมืดสนิท เขาหยิบผ้าเช็ดตัวขึ้นมาพันกาย เปิดไฟที่หัวเตียงเพื่อหาทางเดินเข้าห้องน้ำเพื่อทำความสะอาดร่างกายของตัวเอง สายน้ำค่อยๆ หลั่งไหลราดตัวเขา ชายหนุ่มหลับตาย้อนคิดถึงเหตุการณ์เมื่อตอนเย็น เมื่อมือของเขาเกาะกุมที่ควยของอาท เขาเห็นอาทชะงักงันด้วยความตกใจไปสักพัก เช่นเดียวกับตัวเขา แต่เป็นอาทที่ได้สติขึ้นมาก่อน

“มึงยืนรอกูแป๊บนึงนะ เดี๋ยวมา” อาทผละจากไป เขาไม่กล้าหันตามไปดูว่าเพื่อนรักทำอะไร ได้ยินแต่เสียงน้ำจากฝักบัวหยุดไหล สักพักอาทก็กลับมาช่วยพยุงเขาเหมือนเดิม แต่สิ่งที่ต่างไปคือตอนนี้กลางลำตัวอาทมีผ้าเช็ดตัวพันปากปกปิดความเป็นชายแล้ว พีทค่อยๆ กระเผกขาตามการนำของเพื่อนสนิทไป

น้ำจากฝักบัวยังไหลแรงอยู่ต่อไป แต่ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ใต้สายน้ำดูเหมือนจะไม่สนใจ ตาเขายังคงปิดแน่นนิ่งสนิท หากแต่ในจิตใจสับสน ปวดร้าว เฝ้าแต่ครุ่นคิดว่าหลังจากนี้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเพื่อนสนิทจะเป็นอย่างไรต่อไป

เริ่มแผนการ

โก้ในชุดนักเรียนเดินมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องพักอาจารย์ฝ่ายพละ เขาเอามือเคาะประตูสามครั้งก่อนที่จะได้ยินเสียงจากภายในอนุญาตให้เข้าไปในห้อง โก้เปิดประตูเข้าไปเห็นสุนัยนั่งรอเขาอยู่ที่โต๊ะประจำตัว โก้จึงเดินเข้าไปหาอาจารย์ของเขาโดยผ่านโต๊ะอาจารย์อีกสี่ตัวที่ตอนนี้ไม่ปรากฏเจ้าของโต๊ะนั่งอยู่ หนึ่งในนั้นคือโต๊ะของพลวิทย์ที่ตอนนี้มีป้ายบอกตำแหน่างหัวหน้าอาจารย์พลศึกษา

“ได้ของที่ต้องการแล้วครับอาจารย์ พ่อไม่มีปัญหา”

โก้เห็นรอยยิ้มน้อยๆ ปรากฏที่ใบหน้าอาจารย์ของเขา มันเป็นรอยยิ้มที่แสดงความถูกใจเมื่อได้ของที่ต้องการ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มเจ้าเล่ห์เมื่อนึกไปถึงแผนการที่จะเกิดขึ้นต่อจากนั้น

“ดี กูจะได้เริ่มงานตามแผนที่วางไว้ ช่วงวันหยุดยาวอาทิตย์หน้าถึงเวลาที่ไอ้พลวิทย์กับศิษย์รักของมันจะได้รับรู้ถึงความแค้นที่พวกเรามี แต่มันจะเป็นแค่การเริ่มพีท เป็นแค่ปฐมบทของการแก้แค้นเท่านั้น แล้วกูจะค่อยๆ ให้มันได้ซึมซับความเจ็บปวด ทรมานขึ้นเรื่อยๆ”

โก้รู้สึกว่าอาจารย์ของเขาเจ้าคารมจนน่าจะสอนภาษาไทยมากกว่า แต่เขาก็ไม่ได้ขัดอะไรยังปล่อยให้อาจารย์พูดถึงแผนการที่จะเกิดขึ้นต่อไป

อาทิตย์หน้ามีวันหยุดราชการติดต่อกันสองวัน รวมกับวันหยุดสุดสัปดาห์ก็จะเป็นเวลาสี่วัน ช่วงหยุดยาวขนาดนี้นักเรียนประจำส่วนใหญ่เลือกที่จะกลับบ้านมากกว่าจะค้างที่โรงเรียน ส่วนคนที่อยู่นั้นอาจจะได้มีส่วนร่วมในการชำระแค้นครั้งนี้ อาจารย์ใหญ่ส่งหมายกำหนดการจัดงานภายในของโรงเรียนมาให้อาจารย์พลวิทย์เตรียมงานในโรงพละที่จะใช้เป็นหอประชุมหลักของงานนี้ อาจารย์สุนัยเสนอตัวอยู่ช่วยงาน โดยเสนอว่าจะให้พวกของไกรภพมาช่วยด้วยเนื่องจากเป็นประธานนักเรียน อาจารย์พลวิทย์จึงเสนอว่าจะดึงเด็กๆ ในชมรมว่ายน้ำที่เขาคุมอยู่มาช่วยงาน ซึ่งหมายรวมถึงอาทิตย์ด้วยแน่นอน เมื่อโอกาสเปิดให้ขนาดนี้อาจารย์สุนัยจึงไม่รอช้าเริ่มคิดแผนการที่จะแก้แค้นอาจารย์พลวิทย์ในช่วงวันนั้นทันที หนึ่งในแผนการนั้นคือการขอสิ่งๆ หนึ่งมาจากพ่อของไกรภพ เขารู้ว่าสิ่งนี้พ่อของไกรภพคงหาให้ได้ไม่ยาก ดีไม่ดีอาจจะมีติดตัวอยู่แล้วด้วยซ้ำ เพราะกิตติศัพท์ที่ร่ำลือถึงพ่อไกรภพในเรื่องนั้น นับว่าหนาหูจนไม่น่าจะเป็นแค่เรื่องพูดเล่นๆ

“ต่อจากนี้มึงเตรียมรอรับคำสั่งจากกูแล้วกัน ตอนนี้กูขอรวบรวมคนช่วยงานก่อน”

“ครับ” โก้พูดจบก็ลุกเดินออกจากห้องไป แต่แล้วเขาก็ชะงักเมื่อถูกอาจารย์ของเขาเรียกเอาไว้ โก้หันหลับมามองอาจารย์ของเขา

“แล้วเรื่องภารโรงเดชล่ะวะ”

“ผมคุยเรียบร้อยแล้วครับ รับรองไม่มีปัญหา ภารโรงเดชคือคนของพ่อผมเอง”

“มันจะช่วยเราได้แน่นะ”

“รับรองครับอาจารย์ เห็นแกเป็นแบบนั้น แต่อาจารย์คงไม่เชื่อว่าแกเคยทำอะไรมาบ้าง”

คิ้วของอาจารย์สุนัยขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย คราวนี้เขาเป็นฝ่ายได้เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของลูกศิษย์บ้างแล้ว หลังโก้เดินออกไปจาห้อง สุนัยต่อสายไปหาอาจารย์เพชร รบกวนให้มาพบเพราะมีเรื่องจะปรึกษาที่ห้องพักชมรมฟุตบอลตอนเลิกเรียน

เมื่อใกล้เวลาเขาเดินออกจากห้องพักอาจารย์เพื่อตรงไปยังอาคารของชมรมฟุตบอล วันนี้เขาสั่งงดการซ้อมเพราะมีเป้าหมายสำคัญ เดินผ่านโรงอาหารเขาเห็นภารโรงเดชกำลังกวาดเศษขยะอยู่ สายตาทั้งคู่สบกัน ภารโรงเดชยิ้มน้อยก้มศีรษะให้เขา ภารโรงเดชเป็นชายวัยฉกรรจ์อายุกลางๆ สี่สิบปี แต่ผิวที่คล้ำ กรำแดดทำให้แลดูแก่กว่าที่ควรจะเป็น ใบหน้าที่เปื้อนยิ้มนั้นแลดูอ่อนโยน แต่ถ้ามองดีๆ ในแววตานั้นแฝงความหยาบกระด้างบางอย่าง แม้ภายนอกเขาจะดูเป็นผู้ใหญ่ใจดี จนสร้างความนับถือให้นักเรียนจนเรียกว่าลุงเดชได้ จนไม่มีใครเคยสนใจว่าลุงเดชคนนี้เคยผ่านอะไรในชีวิตมาบ้าง จนสุนัยอดคิดถึงคำพูดของไกรภพไม่ได้

“เห็นแกเป็นแบบนั้น แต่อาจารย์คงไม่เชื่อว่าแกเคยทำอะไรมาบ้าง”

รางวัลแรกก่อนเริ่มงาน

อาจารย์เพชรเปิดประตูห้องชมรมฟุตบอลเดินเข้ามา บรรยากาศเงียบงันจนคิดว่าไม่น่าจะมีสิ่งมีชีวิตอะไรอยู่ สายตาพยายามกวาดหาบุคคลที่นัดเอาไว้ แต่ไม่พบใคร จึงเดินเข้าไปเรื่อยๆ ถึงห้องพักโค้ช

“มาแล้วเหรอครับอาจารย์”

เสียงเรียกที่ดังจากด้านหลังทำเอาอาจารย์เพชรสะดุ้งตกใจ

“อาจารย์สุนัย เล่นมาเงียบ...” ปากที่กำลังจะพูดต่อเงียบลงฉับพลันเมื่อหันไปเห็นอาจารย์สุนับปรากฏกายในชุดผ้าเช็ดตัวพันกายผืนเดียว เผยให้เห็นกล้ามแกร่งทั้งแขน ไหล่ หน้าท้องที่เป็นลอนเต็มไปด้วยไรขนที่หายเข้าไปในปมผ้าเช็ดตัวผืนนั้น แม้ผิวจะคล้ำกรำแดดแต่กลับดูเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของอาจารย์สุนัย ยิ่งเมื่อมีหยดน้ำเกาะเต็มตัว ยิ่งชวนให้คนที่มองใจเต็นรัวด้วยความกระสัน

“กำลังอาบน้ำอยู่พอดี ไม่นึกว่าอาจารย์จะมาเร็วอย่างนี้”

“ฉันก็มาตามเวลานัด”

อาจารย์สุนัยหัวเราะเบาๆ เดินเข้าไปจนใกล้ ยิ่งทำให้อาจารย์เพชรเตลิดยิ่งขึ้นไปอีก

“เป็นความผิดผมเองแหล่ะครับ ไม่น่าอาบน้ำตอนนี้”

“ก็ไม่เป็นไรนี่ ไม่ถือ ว่าแต่มีธุระอะไรเหรอถึงตามมาพบ”

“มีเรื่องขอร้องอาจารย์เกี่ยวกับวันเตรียมงานที่โรงพละ รู้ว่าอาจารย์ใหญ่ให้อาจารย์เป็นผู้จัดการเรื่องต่างๆ แทน ผมมีเรื่องจะขอร้องเพราะกะจะทำอะไรสนุกๆ ในวันนั้น”

“เรื่องสนุกอะไรที่ว่า”

“อาจารย์อย่าเพิ่งรู้เลยครับ แค่รู้ว่างานนี้เกี่ยวกับอาจารย์พลวิทย์ อาจารย์จะได้เล่นสนุกกับอาจารย์พลวิทย์อย่างเต็มที่จนหายอยากแน่ ผมรู้นะว่าอาจารย์สนใจอาจารย์พลวิทย์อยู่ แค่อาจารย์รับรองว่าหลังงานจบ อาจารย์จะช่วยจัดการทุกอย่างให้เงียบกริบและเรียบร้อย อาจารย์จะได้ทุกอย่างที่อยากได้ อาจจะรวมถึงนายอาทิตย์ศิษย์เอกของอาจารย์พลวิทย์ด้วย”

อาจารย์เพชรทำสีหน้าตริตรองข้อเสนอ แม้จะรู้ว่างานนี้เสี่ยงแต่เมื่อนึกถึงข้อเสนอก็ยากที่จะปฏิเสธ

“จะไม่เกิดอะไรตามมาใช่ไหม”

“รับรองครับ เรื่องนอกโรงเรียนพ่อนายไกรภพช่วยเราได้ แต่เรื่องในโรงเรียนผมของอาจารย์เป็นผู้ช่วย จะตกลงไหมครับ”

สีหน้าอาจารย์เพชรลังเล ใจหนึ่งยังกลัว แต่ก็อดตื่นเต้นกับข้อเสนอไม่ได้ ถ้าผ่านเหตุการณ์นี้ไป คงไม่มีโอกาสแบบนี้ย้อนมาอีก

“ผมมีข้อเสนอเพิ่มประกอบการตัดสินใจครับ” นำเสียงอาจารย์สุนัยเริ่มกระเส่า อาจารย์เพชรมองหน้าเขา เห็นสายตาเขามองต่ำลงไป จึงแลเลยตาม

ที่มุมห้องไอ้โก้กำลังมองอาจารย์ของมันสนทนาอะไรบางอย่างกับอาจารย์เพชรอยู่ มันไม่ได้ยินว่าทั้งคู่คุยอะไรกัน แต่คาดเดาได้ไม่ยากว่าเกี่ยวกับเรื่องอะไร จริงๆ มันไม่ได้รับเชิญให้เข้ามารู้เห็นเป็นพยานในเหตุการณ์ครั้งนี้หรอก แต่มันเดินผ่านมาเห็นอาจารย์เพชรเดินเข้าไปในชมรมในวันที่อาจารย์สั่งงดซ้อม จึงคิดว่าน่าจะมีเรื่องผิดสังเกตอะไรสักอย่างแน่นอน

มันไม่เห็นหน้าอาจารย์ของมัน เห็นเพียงด้านหลัง อาจารย์มันในชุดผ้าเช็ดตัวผืนเดียวช่างแข็งแกร่ง บึกบึน สมชายจริงๆ มันรู้ว่าอาจารย์แต่งตัวเพื่อยั่วอาจารย์เพชร เพื่อให้ตกลงในสิ่งที่ต้องการ มันแลเห็นสีหน้าเหี้ยนกระหายของอาจารย์เพชรที่แลลงไปตามเนื้อตัวอาจารย์มัน โดยที่ไม่ทันตั้งตัวสิ่งที่มันคาดไม่ถึงก็บังเกิด ผ้าเช็ดตัวที่พันกายอาจารย์มันเพียงสิ่งเดียวก็ถูกดึงออกโดยเจ้าตัวเอง เผยให้เห็นบั้นท้ายงอนงามที่มันไม่เคยเห็นมาก่อน

ไอ้โก้ตกใจกับภาพที่เห็น ไม่แพ้อาจารย์เพชรที่เบิกตาโพลงกับภาพตรงหน้า ต่างกันที่สิ่งที่อาจารย์เพชรเห็นไม่ใช่ก้นงอนของอาจารย์ แต่เป็นควยทั้งดุ้นของอาจารย์มัน ไอ้โก้รู้สึกอยากเปลี่ยนไปอยู่ในตำแหน่งของอาจารย์เพชรบ้าง อยากจะเห็นว่าควยของอาจารย์มันจะดุ้นงามและเขื่องขนาดไหน มันเคยเห็นควยอาจารย์กวัดแกว่งในกางเกงวอร์ม มั่นใจได้ว่าเมื่อขยายตัวจะไม่สร้างความผิดหวังให้ผู้พบเห็นแน่นอน

มันเห็นอาจารย์ค่อยๆ ช้อนร่างอาจารย์เพชรที่ตกตะลึงอยู่ไว้ในอ้อมแขนกำยำ อาจารย์เพชรแม้จะรูปร่างอ้วนป้อม แต่ไม่หนักหนาเกินกล้ามแขนกำยำของอาจารย์สุนัยจะยกไว้ได้ มันเห็นอาจารย์มันพาอาจารย์เพชรหายเข้าไปในห้องพักโค้ช เสียงประตูปิดสนิทปิดกั้นทุกอย่างไว้ในนั้น มันวิ่งไปที่ประตูพยายามหาร่องรูที่จะมองเข้าไปภายในได้ แต่ก็ต้องพบกับความผิดหวัง เมื่อไม่มีร่องหลืบใดให้สายตามันมองเข้าไปไดเลย ได้ยินแต่เสียงครางด้วยความเสียวกระสันของทั้งคู่ดังลอดออกมา

เรวัติ

ภาพถ่ายอิริยาบถต่างๆ ของอาจารย์พลวิทย์บนเครื่องมือสื่อสารอันทันสมัยถูกเลื่อนดูไปเรื่อยๆ ภาพแล้วภาพเล่า ภาพทั้งหมดเป็นภาพแอบถ่ายที่มีทั้งภาพเต็มตัว ครึ่งตัว ไปจนเน้นส่วนใดส่วนหนึ่งบนร่างกาย ทั้งใบหน้าอันหล่อเหลา กล้ามแกร่งบริเวณหน้าอกที่เสื้อวอร์มไม่อาจปิดได้มิด กล้ามท้องเป็นลอนที่แอบถ่ายตอนอาจารย์ยกชายเสื้อซับเหงื่อ บั้นท้ายงอนงามที่เห็นเป็นก้อนกลมกลึง หรือเป้าอวบนูนที่บางจังหวะแลเห็นเป็นแท่งทวนที่ชัดเจน แสดงถึงการกะจังหวะของคนถ่ายได้เป็นอย่างดี เมื่อภาพถูกเลื่อนมาจนถึงรูปสุดท้าย เจ้าของเครื่องก็ปิดโปรแกรมลง เก็บเครื่องมือสื่อสารนั้นใส่กางเกงนักเรียน ก่อนจะหยิบกระเป๋านักเรียนมาถือ แล้วเปิดล็อกประตูห้องน้ำเดินออกมา เขาเดินผ่านกลุ่มสมาชิกชมรมว่ายน้ำที่ครั้งหนึ่งเขาเคยมาสมัครเข้าทีม แต่สุดท้ายก็ต้องถอนตัวไปเพราะปัญหาสุขภาพ แต่กระนั้นเขาก็แวะเวียนมาที่ชมรมแห่งนี้บ่อยครั้ง เพราะบางสิ่งที่เขาสนใจ สายตาเหลือบมองไปทางอาจารย์พลวิทย์ที่กำลังขะมักเขม้นสอนลูกทีมอยู่อย่างแข็งขัน

เรวัติจำได้ว่าเมื่อสี่ปีก่อนตอนที่เขาเพิ่งเข้ามาเรียนชั้นมัธยม เขาขอแม่ของเขาเข้าชมรมว่ายน้ำ เพราะอยากออกกำลังกายและมีสุขภาพที่ดีกว่านี้ เนื่องจากตัวเขาเองมีโรคประจำตัวมาตั้งแต่เด็ก แม้มารดาจะไม่เห็นด้วยแต่ก็ไม่สามารถทัดทานได้ เพราะเขาอ้างว่านี่คือสิ่งเดียวที่จะทำให้ชีวิตเด็กประจำของเขามีชีวิตชีวาขึ้น

“หนูเรต้องดูแลตัวเองดีๆ นะลูก ต่อไปอยู่ที่นี่ไม่มีแม่ ไม่มีนมชื่นคอยดูแลหนูอีกแล้วนะ”

เด็กชายเรวัติยิ้มน้อยๆ วันที่แม่มาเยี่ยมและเขาส่งข่าวบอกว่าจะสมัครเข้าชมรมว่ายน้ำ การมาอยู่โรงเรียนประจำของเรวัติไม่ใช่ความสมัครใจของคุณเรณูผู้เป็นมารดา แต่หลังจากหย่าขาดจากพ่อของเรวัติตั้งแต่เขาอายุได้สามปี คุณเรณูก็เลี้ยงเรวัติเหมือนไข่ในหิน แม้เมื่อคุณเรณูไม่อยู่ก็ยังมีนมชื่นคอยทำทุกอย่างให้เขา จนกระทั่งคุณเรณูแต่งงานใหม่กับนายทหารยศสูงที่มีลูกติดมาสองคน การตามใจเรวัติตลอดเวลาจึงมาถึงจุดสิ้นสุด เรวัติที่ไม่เคยได้รับสัมผัสความรักจากผู้ชายเริ่มรู้สึกแปลกแยก ยิ่งเขาเข้ากับพี่ชายที่เป็นนายทหารทั้งสองคนไม่ได้เขายิ่งเหมือนคนหัวเดียวกระเทียมลีบ สุดท้ายเมื่อท่านนายพลพ่อใหม่เสนอให้ส่งเรวัติมาเรียนโรงเรียนชายล้วนที่มีแผนกนักเรียนประจำ เพื่อหวังให้เขารู้จักช่วยตัวเองและฝึกความเป็นลูกผู้ชาย คุณเรณูจึงไม่อาจหาเหตุผลมาทัดทานได้ แต่ดูเหมือนเรวัติเองจะไม่ได้รู้สึกถูกทอดทิ้ง การมาอยู่โรงเรียนประจำอาจจะเหมือนการออกจากกรงขังเดิมมาสู่กรงขังใหม่ แต่เรวัติกลับรู้สึกตื่นใจแปลกใหม่กับสถานที่ จนรู้สึกดีที่ได้ปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตที่ไม่ต้องมีคนคอยประคบประหงมหรือชี้ทางให้เดิน

เมื่อแรกเขารู้สึกเหงา จึงลองหากิจกรรมทำ เรวัติตระเวนไปตามชมรมต่างๆ จนมาถึงชมรมว่ายน้ำ เขาคิดว่าที่นี่น่าจะเหมาะกับเขาที่สุด เพราะไม่ได้เป็นกีฬาที่ใช้แรงหรือต้องปะทะอะไร แต่พอถึงการทดสอบน้องใหม่ประจำทีมที่จบลงที่เขาจมน้ำ เรวัติก็รู้ว่าเขาไม่เหมาะกับที่นี่ ยิ่งถูกมารดายื่นคำขาดไม่ให้เข้าชมรมกีฬาหรือที่ต้องใช้แรง ถ้าไม่เช่นนั้นจะให้เขากลับไปเรียนหนังสือที่บ้าน เรวัติจึงจำยอมแต่โดยดี

เขาเห็นอาจารย์พลวิทย์เหลือบสายตามามองเขาแวบหนึ่ง แม้เพียงไม่นานแต่ก็ทำให้เขารู้สึกดี อาจารย์คงจำไม่ได้แล้ว ภาพเหตุการณ์เมื่อสี่ปีที่แล้ว ที่สระว่ายน้ำแห่งนี้ สายตาคู่นี้ที่เขาเห็นเมื่อแรกลืมตาหลังจมดิ่งสู่ก้นสระ เขารู้ว่าเป็นอาจารย์พลวิทย์ที่ว่ายลงไปช่วยดึงเขาขึ้นมาจากน้ำ เป็นคนที่ช่วยผายปอดให้เขา และเป็นคนที่อยู่เฝ้าเขาจนถึงเวลาที่แม่ของเขามาถึง ความโหยหาที่ไม่ได้สัมผัสความอบอุ่นจากเพศชายมานาน ทำให้เรวัติรู้สึกเหมือนถูกเติมเต็ม หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้นเขาไม่กล้าเข้าหน้าอาจารย์พลวิทย์อีก จนตอนนี้เขาคิดว่าอาจารย์คงลืมเหตุการณ์ครั้งนั้นและจำเขาไม่ได้อีกแล้ว

เรวัติเดินไปตามทางเท้าเพื่อเตรียมกลับตึกนอน ตอนนั้นเองที่เขาเดินผ่านอาจารย์สุนัย เขาหยุดทำความเคารพ อาจารย์สุนัยเรียกเขาเอาไว้ แล้วถามเขาว่าวันหยุดยาวนี้เขาจะกลับบ้านหรือไม่ เมื่อเขาตอบว่าไม่ได้กลับ อาจารย์สุนัยจึงยิ้มน้อยๆ แล้วบอกว่า

“จะให้มาช่วยงานหน่อย เตรียมพื้นที่ทำหอประชุมที่โรงพละ สะดวกไหม”

เมื่อเขาพยักหน้าอาจารย์จึงยิ้มให้ แล้วบอกว่าไม่มีอะไรจะตอบแทนให้นอกจากสิ่งของเล็กๆ น้อยๆ พร้อมกับยื่นถุงกระดาษที่ห่อสิ่งของอย่างหนึ่งให้เขา

“ของเล็กน้อย ให้เอาไว้ดู เอาไปเปิดที่ตึกนอนนะ แล้วก็ห้ามเอาไปให้คนอื่นดูหรือบอกใครนะ ตอนดูก็แอบๆ ดูล่ะ ถ้าทำตัวดีๆ วันงานจะมีให้มากกว่านี้”

เขารับสิ่งของอาจารย์มอบให้อย่างงุนงง แต่ก็รับคำก่อนที่อาจารย์สุนัยจะเดินจากไป เรวัติรีบเดินกลับตึกนอน อยากรู้ว่าสิ่งที่อยู่ในห่อกระดาษคืออะไร เมื่อมาถึงห้องนอนเขารีบล็อกกุญแจห้อง ดีที่แม่ของเขาเสียเงินก้อนโตเพื่อให้เขาเป็นเจ้าของห้องคนเดียว เขาจึงไม่ต้องคอยระแวงระวังใครจะเข้ามาก้าวก่ายเรื่องส่วนตัว

เมื่อหยิบของในห่อกระดาษออกมา มันเป็นแผ่นดีวีดี เขารีบจับมันยัดเข้าเครื่องแล็ปท็อปของเขา เมื่อเปิดดูก็พบโฟลเดอร์ที่ชื่อพลวิทย์ปรากฏอยู่ หัวใจของเรวัติเพีทแรงถี่ขึ้นเมื่อคลิกเข้าไปดูในโฟลเดอร์นั้น รูปภาพจำนวนมากปรากฏต่อสายตาเขา มันเป็นภาพถ่ายของอาจารย์พลวิทย์ในอิริยาบถต่างๆ ที่เขาถ่ายเอาไว้ เรวัติรู้สึกตกใจ ตาของเขาเบิกกว้าง ลมหายใจติดขัด ไม่เข้าใจว่ารูปพวกนี้มาอยู่ในแผ่นซีดีนี้ได้อย่างไร

วันนี้ที่รอคอย

อาทิตย์หอบสัมภาระขึ้นรถพ่อของพีระพลที่แวะมารับเขาที่บ้าน ของในกระเป๋าส่วนใหญ่คือเสื้อผ้าและของใช้จำเป็นสำหรับอยู่ได้สักอาทิตย์หนึ่ง ทั้งอาทและต้อมไม่ได้อยู่ประจำที่โรงเรียน แต่เนื่องจากช่วงวันหยุดยาวนี้พวกเขาต้องมาช่วยอาจารย์พลวิทย์เตรียมสถานที่เพื่อจัดงานโรงเรียน จึงต้องเตรียมเสื้อผ้าเครื่องใช้เพื่อที่จะไปพักที่โรงเรียน

เพราะว่าเป็นช่วงวันหยุดยาว จึงมีนักเรียนประจำเป็นจำนวนมากที่กลับบ้าน อาจารย์เพชรจึงเตรียมห้องที่ไม่มีนักเรียนอยู่เพื่อปรับให้กลุ่มนักเรียนและอาจารย์ที่มาช่วยงานได้พักอาศัยกัน อาทขนสัมภาระของเขาเดินตามอาจารย์เพชรขึ้นตึกนอนไป โดยมีต้อมหอบของเดินตามไปติดๆ ห้องที่เขาได้อยู่ที่ชั้นสอง เกือบริมขวาสุดของตัวตึก ถัดออกไปเป็นห้องห้องน้ำรวมที่เป็นห้องอาบน้ำด้วย ดูเหมือนอาจารย์เพชรจะปรับให้ชั้นนี้เป็นที่พักของคณะทำงานทั้งหมด ถัดจากห้องของอาทละต้อมไป เป็นห้องของพวกไกรภพที่อยู่ติดกันสองห้อง ส่วนเกือบซ้ายสุดเป็นของอาจารย์พลวิทย์และอาจารย์สุนัยคนละห้อง

เมื่อเข้ามาถึงห้องพัก ชายหนุ่มทั้งสองนำของออกจากกระเป๋ามาจัดวางให้เรียบร้อยพร้อมใช้ อาจารย์เพชรเมื่อเห็นว่าหมดหน้าที่แล้วก็เดินกลับลงไปด้านล่าง เพราะมีงานที่ต้องทำอีกหลายอย่าง ขณะกำลังจัดของอยู่อาจารย์พลวิทย์ก็เดินเข้ามาในห้อง ทักทายชายหนุ่มทั้งสอง ก่อนจะนัดแนะเกี่ยวกับงานที่ต้องทำในวันนี้

อาจารย์พลวิทย์ลงไปที่โรงอาหารซึ่งอาจารย์เพชรกำลังง่วนอยู่กับการบริการชาวคณะที่ลงมากันก่อนหน้าแล้ว เขาเดินไปนั่งโต๊ะตัวเดียวกับอาจารย์สุนัย ทักทายกันสักพักอาจารย์เพชรก็เอาอาหารมาเสิร์ฟให้ถึงที่

“ทานกันเยอะๆ นะ จะได้มีแรง” ถ้าอาจารย์พลวิทย์จะสังเกตสักนิดก็จะเห็นอาจารย์เพชรสบสายตาอาจารย์สุนัยอย่างมีเลศนัยก่อนที่จะเดินออกไป สักพักอาทและต้อมก็เดินเข้ามาในโรงอาหาร เขาแยกไปนั่งรับประทานอาหารกันสองคน ถัดจากโต๊ะของกลุ่มไกรภพที่นั่งกันอยู่สี่คน

หลังรับประทานอาหารเช้าเรียบร้อยกลุ่มคนทำงานก็เริ่มงานกันทันที เมื่อมาถึงโรงพละทุกคนก็เห็นว่าภารโรงเดชามายืนรอพร้อมอยู่แล้ว ไม่เท่านั้นยังเห็นเรวัติยืนอยู่ที่นั่นด้วย อาจารย์สุนัยเมื่อเห็นเรวัติก็รีบบอกกับอาจารย์พลวิทย์ว่าให้เรวัติมาช่วยเกี่ยวกับงานจัดการเอกสาร ซึ่งอาจารย์พลวิทย์ก็ไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร แต่ละคนถูกมอบหมายงานให้รับผิดชอบแตกต่างกันไปเป็นกลุ่มๆ อาจารย์สุนัยคุมพวกไกรวิทย์ทำงานเกี่ยวกับการขนของที่ต้องใช้แรง ส่วนอาจารยพลวิทย์ดูแลเรื่องการจัดแต่งสถานที่อยู่กับพวกอาทิตย์

ทุกอย่างดำเนินการได้ราบรื่นจนถึงช่วงเย็นอาจารย์พลวิทย์ก็สั่งให้เลิกงานในวันนี้ก่อน แล้วให้ทุกคนกลับไปอาบน้ำแต่งตัวมารับประทานอาหารเย็นร่วมกันตอนหกโมง ทุกคนจึงแยกย้ายกันกลับห้องของตัวเอง อาจารย์สุนัยขอตัวจากอาจารย์พลวิทย์เพื่อไปหาอาจารย์เพชร โดยบอกว่าจะไปขอให้อาจารย์เพชรจัดการเรื่องเครื่องดื่มเพื่อการสังสรรค์กันสักหน่อย อาจารย์พลวิทย์จึงเดินกลับไปที่หอพักเพียงคนเดียว

ดำเนินแผนการ

หกโมงเย็นทุกคนมารวมกันอยู่ที่โรงอาหารอีกครั้ง ซึ่งคราวนี้มีภารโรงเดชและเรวัติร่วมวงอยู่ด้วย อาจารย์เพชรนำอาหารมาเสิร์ฟ ทุกคนแลดูสนุกสนานผ่อนคลายจากการทำงานที่เหน็ดเหนื่อยกันมาทั้งวัน หลังรับประทานอาหารไปได้สักพัก อาจารย์สุนัยก็ลุกขึ้นกล่าวขอบคุณผู้ที่มาช่วยงานทุกคน และบอกว่ามีของรางวัลให้ผู้ช่วยงานทุกคนได้ผ่อนคลายกัน จากนั้นก็กล่าวเชิญอาจารย์เพชรให้นำของรางวัลที่เตรียมไว้มาให้ทุกคน

อาจารย์เพชรเข็นชั้นล้อเลื่อนอะลูมิเนียมที่ใส่ลังขนาดใหญ่ไว้ด้านบนนำมาให้ถึงโต๊ะทานข้าว ก่อนที่จะเปิดฝาถังเพื่อให้ทุกคนในที่นั้นเห็นของที่ใส่อยู่ภายในที่เต็มไปด้วยขวดเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์หลากชนิด ที่มีทั้งที่มีปริมาณแอลกอฮอลล์น้อยๆ ไปจนกระทั่งถึงแบบที่สามารถทำให้คอพับได้จากการดื่มเพียงไม่กี่แก้ว ดูเหมือนกลุ่มของไกรภพจะถูกใจของรางวัลชิ้นนี้เป็นพิเศษ รีบไปรุมเพื่อเลือกขวดที่ตนต้องการกันยกใหญ่ อาจารย์เพชรนำขวดเครื่องดื่มสองขวดเดินมาให้อาจารย์พลวิทย์กับอาจารย์สุนัยคนละขวด ครั้งแรกอาจารย์พลวิทย์พยายามปฏิเสธแต่สุดท้ายก็ทนแรงคะยั้นคะยอของเพื่อนสนิทไม่ไหวจึงรับไปดื่ม ซึ่งขณะที่ดื่มอยู่นั้นทั้งอาจารย์สุนัยและอาจารย์เพชรต่างมองไม่วางตา

โก้หยิบเครื่องดื่มสองขวดเอาไปให้อาทและต้อม ทั้งคู่ไม่ปฏิเสธเพราะถือเป็นน้ำใจของอาจารย์สุนัยและไม่เห็นอาจารย์พลวิทย์สั่งห้ามอะไร เมื่อเครื่องดื่มมึนเมาเข้าปาก ดูเหมือนบรรยากาศการรับประทานอาหารเย็นจะคึกคักขึ้นมาทันที เรวัติเลือกเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมสิ่งมึนเมาค่อนข้างน้อย เพราะปกติเขาไม่ใช่นักดื่มอยู่แล้ว ส่วนภารโรงเดชเมื่อเห็นว่าทุกคนต่างมีเครื่องดื่มเป็นของตัวเองแล้วจึงเดินไปเลือกเครื่องดื่มของตัวเองบ้าง เมื่อมาถึงตอนนี้อาจารย์เพชรก็ละจากงานบริการมาร่วมวงด้วยอีกคน

ดูเหมือนว่าทุกคนจะสนุกสนานกันอย่างเต็มที่ อาจารย์สุนัยดูจะเป็นนักเอนเตอร์เทนเนอร์ที่ดีเพราะเขาขยันหาเรื่องมาทำให้ทุกคนในวงได้หัวเราะกันตลอดเวลา โดยมีอาจารย์พลวิทย์ที่หน้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง คอยเป็นลูกคู่รับมุกตลอดเวลา เพราะเรื่องที่อาจารย์สุนัยเอามาเล่าส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องอำอาจารย์พลวิทย์ทั้งนั้น ในวงสนทนานั้นดูเหมือนคนที่จะมีอาการเมาให้เห็นน้อยที่สุดคือเรวัติ ที่นั่งฟังเรื่องเล่าถึงอาจารย์พลวิทย์ด้วยตาที่เป็นประกาย

“มีอยู่เรื่องนึงที่คิดว่าทุกคนคงไม่รู้” อาจารย์สุนัยเปิดประเด็นขึ้นมา “เชื่อไหมว่าตอนรับน้องที่วิทยาลัยพละ อาจารย์พลวิทย์ของเราเคยชนะรางวัลตัดเกรดไอ้น้องชายด้วยนะ”

เรวัติที่กำลังดื่มน้ำอยู่ถึงกับสำลักเมื่อได้ยินประโยคนี้ของอาจารย์สุนัย ในขณะที่คนอื่นๆ ในวงเริ่มส่งเสียงฮือฮา โดยเฉพาะอาจารย์เพชรที่ถึงกับเอามือทาบอก ทำตาโต อ้าปากค้าง หันไปทางอาจารย์พลวิทย์ที่ตอนนี้กำลังหน้าแดงก่ำ ไม่รู้ว่าด้วยฤทธิ์อะไรกันแน่

“จริงเหรอคะอาจารย์วิทย์”

อาจารยพลวิทย์ได้แต่ส่ายหน้า พยายามหาทางปฏิเสธเรื่องให้พ้นตัว

“อย่าอายเลยไอ้วิทย์ คนกันเองทั้งนั้น ไงเราสองคน อยู่ชมรมว่ายน้ำกับอาจารย์วิทย์ อาจารย์เอ็งเคยอาบน้ำโชว์ให้เห็นมั้ยวะ”

สองหนุ่มหันมองหน้ากัน แล้วส่ายหน้า

“อะไรวะไอ้วิทย์ ข้ายังแก้ผ้าอาบน้ำกับเด็กข้าออกบ่อย นี่ขนาดของดีข้าไม่ใหญ่ยาวเท่าของเอ็งนะเนี่ย”

“แหม คำก็ยาว สองคำก็ใหญ่ ถ้าไม่เห็นกับตาชั้นไม่เชื่อหรอกนะ” อาจารย์เพชรเริ่มท้าทาย อาจารย์สุนัยจึงหันไปหาอาจารย์พลวิทย์

“ไอ้วิทย์ มึงโดนสบประมาทขนาดนี้ได้ไงวะ ยืนขึ้นพิสูจน์เลย”

อาจารย์พลวิทย์ไม่คิดจะพิสูจน์อะไรทั้งนั้น แต่เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเมื่ออาจารย์สุนัยพูดประโยคนั้นจบ ตัวเขาจึงค่อยๆ โงนเงนยืนขึ้น เขาเห็นสายตาคนรอบโต๊ะมองมาที่เขา ทั้งอาจารย์ด้วยกัน ลูกศิษย์ โดยเฉพาะสายตาเรวัติที่จ้องเขม็งตัวสั่นเทา เขาทำอะไรไม่ถูก ไม่อยากตกเป็นเป้าสายตาของใครๆ แต่ไม่อาจบังคับตัวเองให้กลับลงไปนั่งได้ แล้วอยู่ๆ ก็มีมือมาคลำที่เป้ากางเกงวอร์มของเขา

คืนหฤหรรษ์

อวัยวะที่หลบเร้นอยู่ภายใต้กางเกงวอร์มนั้นเริ่มมีอาการขยายตัวโดยที่เจ้าตัวไม่ต้องการ แต่เขาไม่อาจต้านทานอารมณ์ความรู้สึกนั้นได้ ชายหนุ่มก้มลงมองมือที่เกาะกุมควยของเขาอยู่ มันเป็นมือของเพื่อสนิทเขานั่นเอง แท่งทวนของเขาเริ่มขยายตัวตามนิ้วมือของเพื่อนรักที่ลูบกำเพื่อให้ทุกคนได้เห็นขนาดที่ชัดเจนของมัน

“เป็นไงครับ เชื่อรึยังทุกคน” อาจารย์สุนัยหันมามองหน้าทุกคนที่กำลังมองไปยังจุดสนใจจุดเดียวกัน “เรวัติ ครูไม่ห้ามนะถ้าเธอจะทำงานอดิเรกเธอไปด้วย ถือว่าเป็นของรางวัลที่อาจารย์รับปากไว้”

เรวัติเหมือนได้สติรีบหยิบเครื่องมือสื่อสารของเขาออกมาบันทึกภาพเหตุการณ์นั้นเอาไว้ เขาซูมไปที่อวัยวะยาวใหญ่ที่กำลังแข็งตัวเต็มที่ภายใต้กางเกงวอร์ม ก่อนจะเลื่อนไปที่ใบหน้าอาจารย์พลวิทย์ที่มีการเกร็งเสียวจนเผลอครางออกมา คงเพราะมือของเพื่อนรักที่ลูบคลำภายนอก

“ขอลูบบ้างได้ไหมฮะ” อาจารย์เพชรรีบเอ่ยปาก เพราะถือว่านี่คือรางวัลตามข้อตกลงของอาจารย์สุนัยตามที่ตัวเองควรจะได้

“อยากจับข้างนอกหรือข้างในครับอาจารย์เพชร”

“ข้าง...”

ยังไม่ทันที่อาจารย์เพชรจะตอบจบประโยค มือของอาจารย์สุนัยก็ค่อยๆ ปลดกางเกงวอร์มที่ห่อหุ้มเบื้องล่างของอาจารย์พลวิทย์ลง ซึ่งทุกคนที่เห็นต่างคิดว่าอาจารย์พลวิทย์เต็มใจ เพราะไม่มีทีท่าต่อต้านหรือขัดขืนการกระทำนั้น

“กูรู้ว่ามึงอยากโชว์ เงี่ยนล่ะสิ แข็งเต็มที่เลย ปลดปล่อยมันออกมาเถอะ หึหึ” อาจารย์พลวิทย์ส่งเสียงให้อาจารย์พลวิทย์ได้ยิน เจ้าตัวพยายามบังคับตัวเองให้หยุดการกระทำนี้ แต่ดูเหมือนแรงต่อต้านจะมีแรงแค่ด้านใน แต่ภายนอกเขาไม่สามารถทำอะไรได้เลย ชายหนุ่มได้แต่ร้องตะโกนขอความช่วยเหลืออยู่ในใจ เขาพยายามมองลูกศิษย์ของเขาทั้งสองเป็นเชิงขอร้องให้ช่วย แต่ตอนนี้ดูเหมือนลูกศิษย์เขาจะสนใจมองที่ช่วงกลางลำตัวของเขามากกว่า

มือของเรวัติเริ่มสั่นจนทำให้ภาพที่กำลังบันทึกสั่นเทา ภาพเบื้องหน้าอาจารย์สุนัยดึงกางเกงอาจารย์พลวิทย์มาถึงหัวเข่าแล้ว ควยของอาจารย์พลวิทย์หลุดออกมาอวดโฉมทั้งยวง ทุกคนต่างอ้าปากคางกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า ท่อนควยยาวใหญ่จนกะขนาดความยาวไม่ถูก มันน่าจะมีขนาดเกือบๆ สองกำมือเลยทีเดียว ปรากฏให้ทุกคนได้เห็น สีของมันขาวสวย ปลายหัวเปิดเล็กน้อยมีสีแดงอมชมพูสวยงาม ความขาวของมันทำให้มองเห็นเส้นเอ็นที่ขยายตัวไปตามการแข็งตัวขึ้นเรื่อยๆ ไข่สองใบด้านล่างกลมกลึง ส่วนขนด้านบนนั้นขึ้นปกคลุมสวยงาม ดูไม่รกเรื้อจนเกินไปนัก

เรวัติถึงกับอดใจไม่อยู่ค่อยๆ ลุกจากที่นั่งเข้ามาถ่ายใกล้ๆ อาจารย์พลวิทย์เริ่มเกร็งตัวจนด้านบนแทบจะเอนราบไปกับพื้นโต๊ะ ยิ่งทำให้ควยของเขาโด่ขึ้นมาอย่างชัดเจน เรวัติเคลื่อนมืออันสั่นเทานั่นเจาะถ่ายที่ควยอันชูชันนั้น โดยมีมือของอาจารย์สุนัยเข้ามาช่วยถอกตรงหัวเพื่อให้ถ่ายได้ถนัด เรวัติวนไปเวียนมาที่ลำควยก่อนที่จะค่อยๆ เคลื่อนเครื่องมือสื่อสารขึ้นไปด้านบน ที่ขณะนี้อาจารย์สุนัยช่วยดึงชายเสื้อวอร์มที่อาจารย์พลวิทย์สวมใส่ถอดออก

เรวัติหยุดเคลื่อนกล้องที่บริเวณหัวนมสีชมพูรับผิวขาวเนียน ก่อนจะไล่ถ่ายขนที่รกเรื้อเล็กน้อยที่ใต้วงแขนทั้งสองข้าง ก่อนที่จะเลื่อนขึ้นไปถ่ายที่ใบหน้าอาจารย์พลวิทย์ที่ตอนนี้นอนพิงโต๊ะอาหาร หรี่ตา หายใจหอบโยนเพราะความเกร็งเสียว

“อยากถ่ายรูตูดอาจารย์ไว้ดูเล่นด้วยมั้ยล่ะ”

คราวนี้อาจารย์สุนัยลุกขึ้นมาจัดท่าให้อาจารย์พลวิทย์ อาทและต้อมที่ตอนนี้เกร็งเสียวไปกับภาพตรงหน้าเริ่มทำตัวไม่ถูก เขาไม่คิดว่าอาจารย์พลวิทย์จะเต็มใจยอมให้อาจารย์สุนัยทำกับเขาแบบนี้ แต่เขาไม่เห็นการขัดขืนจากอาจารย์เขา แล้วตัวเขาเองก็เหมือนจะไม่มีแรงพอที่จะต่อต้านขัดขืนเหตุการณ์นี้ จึงได้แต่นั่งมองเหตุการณ์ดำเนินต่อไป

อาจารย์สุนัยดึงกางเกงวอร์มออกไปจากปลายเท้าอาจารย์พลวิทย์ ตอนนี้ร่างของอาจารย์พลวิทย์ไม่มีสิ่งใดเหลือปกปิดร่างกายอีกแล้ว เขาค่อยๆ ดันร่างอาจารย์พลวิทย์ขึ้นไปบนโต๊ะอาหาร ก่อนที่จะพยักหน้าเรียกไอ้โก้ให้ลุกขึ้น

“ช่วยกูยกขาไอ้วิทย์ข้างนั้นให้อีกเด็กร่านนี่มันถ่ายรูตูดอาจารย์ที่รักของมันทีเถอะ”

ภาพตอนนี้อาจารย์พลวิทย์ที่ไม่มีเสื้อผ้าติดกาย ถูกอาจารย์สุนัยและไอ้โก้จับขาคนละข้างยันขึ้น เพื่อโชว์รูตูดให้เรวัติบันทึกภาพ

ความรู้สึกของอาจารย์พลวิทย์

อาจารย์พลวิทย์มองภาพเบื้อหน้าด้วยนัยน์ตาที่พร่าเลือน ความชายหนุ่มรู้สึกว่าตัวเขายังมีสติครบถ้วนสมบูรณ์ดี แต่ปราสาทการสั่งการในร่างกายดูเหมือนจะหยุดชะงักขาดห้วงไป สายตาที่มองภาพเบื้องหน้าเห็นเพื่อนสนิทของเขายิ้มเยาะมองมาที่เขา เขาไม่เคยเห็นสายตาที่แฝงด้วยความอำมหิตของสุนัยเช่นนี้มาก่อน นี่มันเกิดอะไรกันขึ้น ทำไมสุนัยจึงทำเช่นนี้กับเขา แล้วที่ร่างกายเขาเกิดอาการชาจนควบคุมร่างกายตัวเองไม่อยู่นี่มันเกิดจากอะไรกันแน่

ปรายตามองเห็นไกรภพที่จับขาเขายกชันขึ้นอยู่ รอยยิ้มนั้นแลดูอำมหิตมี่ต่างจากอาจารย์ของมัน ทำไมไอ้โก้ถึงร่วมมือกับสุนัยทำอะไรแบบนี้ แล้วพลวิทย์ก็นึกถึงอะไรบางอย่างออก เมื่อไม่นานมานี้ ข่าวใหญ่โตเกี่ยวกับพ่อของไกรภพ ที่โดนหญิงสาวคนหนึ่งเข้าแจ้งความ ว่าโดนพ่อของไกรภพหลอกให้กินอะไรบางอย่าง แล้วหลังจากนั้นเธอก็บังคับตัวเองไม่ได้ หญิงสาวกล่าวหาว่าพ่อของโก้ขืนใจเธอ แต่หลักฐานที่ปรากฏจากกล้องวงจรปิดแสดงให้เห็นว่าเธอไม่ได้ขัดขืนและยินยอมทุกอย่างในสิ่งที่พ่อของไกรภพทำ

หรือเขาจะเจอสิ่งเดียวกับที่ผู้หญิงคนนั้นเจอ พลวิทย์รู้สึกคลื่นไส้ ขนลุกเกรียวเมื่อคิดถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นกับเขาต่อไป สายตาเขายังมองเห็นเรวัติกำลังถ่ายภาพเขาอยู่ แล้วจู่ๆ เขาก็เห็นอาจารย์เพชรลุกขึ้นเดินตรงมาทางเขา รอยยิ้มแลดูไม่เป็นมิตร สายตานั้นดูหื่นกระหาย ละจากใบหน้าของเขาเลื่อนต่ำลงไปที่จุดสำคัญพร้อมๆ กับมือนั้นเอื้อมมาสัมผัสแก่นกายเขาพอดี ชายหนุ่มสะดุ้งเล็กน้อย เขาเห็นอาจารย์เพชรกำลังถอกควยของเขา แล้วก้มลงใช้ปากค่อยๆ บรรจงอมแท่งทวนเขาเข้าไปในปากอย่างยากเย็นเพราะขนาดของมัน

ปากของอาจารย์เพชรรูดท่อนลำเขาขึ้นลง เริ่มจากช้าๆ แล้วค่อยเพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อยๆ เขาเผลอครางออกมาตามจังหวะขึ้นลงของอาจารย์เพชร ไม่รู้เพราะอะไรความรู้สึกของเขาค่อยๆ เคลิ้มไปกับลีลาของอาจารย์เพชร

“หวานเหลือเกิน สมกับที่รอคอย ไม่อยากจะเชื่อว่าจะได้มีโอกาสลิ้มรสควยอาจารย์พลวิทย์ที่แสนจะรูปหล่อ” อาจารย์เพชรเงยหน้าขึ้นมาพูดกับเขาก่อนจะกลับไปโลมเลียแท่งทวนของเขาต่อไป

เขาเห็นสุนัยเดินเข้ามาหาเขา แล้วก้มกระซิบที่ใบหู

“อาจารย์เพชรเขาชอบมึงมากนะ พอกูขอให้เขามาช่วยโดยใช้มึงเป็นเหยื่อล่อ เขารีบตกลงรับทันที อ้อ แล้วเขายังมีทีเด็ดที่มึงยังไม่รู้อีกเยอะ แต่อีกไม่นานมึงคงได้รู้แน่ๆ ”

อาจารย์พลวิทย์กัดฟันพยายามเปล่งเสียงออกมาด้วยความแค้นใจ เขาอยากจะถามเหลือเกินว่าเพราะอะไรสุนัยถึงได้ทำกับเขาแบบนี้ ดูเหมือนสุนัยเองก็อ่านสายตาเพื่อนสนิทออก เขายิ้มน้อยๆ ก่อนจะบอกพลวิทย์ว่า

“มึงคงไม่รู้ตัวหรอกว่ามึงแย่งอะไรไปจากชีวิตกูบ้าง ทั้งหน้าที่การงานและความรัก มึงไม่รู้ใช้ไหมว่ากูรักดามาก่อนที่มึงจะเข้ามาแย่งเอาเธอไป ไหนๆ กูก็ไม่มีโอกาสได้เป็นเป็นผัวดาแล้ว กูจะขอเป็นผัวของผัวดาแทนก็แล้วกัน อยากรู้นักว่าถ้าดารู้ว่ามึงต้องมาเป็นเมียกู ดาเขาจะขยะแขยงมึงบ้างไหม ฮ่าๆๆๆ ”

สุนัยคำรามอย่างกราดเกรี้ยว พลวิทย์เบิกตาโพลงกับคำพูดของเพื่อนสนิท ที่ตอนนี้ลุกเดินออกไปสะกิดที่ตัวอาจารย์เพชรที่กำลังก้มๆ เงยๆ ที่ควยของเขา อาจารย์เพชรลุกขึ้นมาอย่างเสียไม่ได้ที่ถูกขัดอารมณ์ แต่ก็ยอมเดินออกไปแต่โดยดี เขาเห็นสุนัยถอดกางเกงวอร์มของตัวเองออกพร้อมกางเกงชั้นใน ตอนนี้ท่อนลำที่แข็งตัวเต็มที่ของสุนัยพร้อมแล้วสำหรับการใช้งาน