ว่าที่ร้อยตรีบรรจุใหม่

ตอนที่ 1

ณ พื้นที่สีแดงอันห่างไกลสุดปลายด้ามขวาน กลิ่นควันปืน เสียงระเบิดยังคงคุกรุ่นมายาวนานนับสิบปี เพราะความขัดแย้งที่ยังหาข้อยุติกันไม่ได้ จังยังมีการใช้กำลังอาวุธเข้าห้ำหั่นกัน และสังเวยชัวิตไปมากมายทั้งทหาร ชาวบ้าน และผู้ก่อการร้าย ทำให้ดินแดนแห่งนี้ยังคงด้อยพัฒนากว่าที่อื่น ผู้คนไม่กล้าเข้ามาเที่ยว หรือทำการค้าขายมากเท่าที่ควร พื้นที่ส่วนใหญ่ยังเป็นป่า และสวนยาง ที่รกทึบเหมาะแก่การซ่อนตัวของผู้ก่อความไม่สงบ ทางการก็พยายามเข้าควบคุมพื้นที่ และปราบปรามคนเหล่านั้น ด้วยกันตั้งฐานปฏิบัติการกระจายออกไปตามพื้นที่ทุรกันดารและเสี่ยงอันตรายเพื่อจะได้ป้องปรามการซ่องสุมของผู้ก่อการร้าย ทหารที่ไปประจำการก็ต้องเสี่ยงอันตรายอยู่ตลอดเวลา เพราะมีคนจ้องจะมาทำร้าย หรือแม้แต่เข้าทำลายฐานเพื่อปล้นอาวุธไปสู้กับทางการอย่างไม่มีหยุด

และด้วยความเสี่ยงอันตรายของงานที่นี่ จึงมักใช้คนในพื้นที่มาบรรจุและฝึกเป็นทหารพราน และมีทหารประทวนที่มีประสบการณ์และความสามารถได้เลื่อนฐานะมาเป็นหัวหน้าฐาน โดยบรรดานายทหารที่จบจากโรงเรียนนายร้อยก็ผลัดเปลี่ยนกันมาลงพื้นที่บ้างคนละสองสามเดือน แต่ไม่มีใครมาลงตำแหน่งอยู่ประจำในฐานปฏิบัติการย่อยๆ มาก่อนเลย เพราะผู้ใหญ่ในกองทัพเห็นว่าจะเป็นการเสี่ยงอันตรายที่จะส่งหัวหน้าที่ไม่มีประสบการณ์ในพื้นที่มากพอไปอยู่ที่นั่น แต่ในปีนี้กลับมีข่าวว่าจะมีผู้หมวดใหม่จาก รร.นายร้อยมาบรรจุเป็น ผบ.หมวดที่ฐานทหารพรานด้วย ทหารในหน่วยฮือฮากันใหญ่และรู้สึกไม่ค่อยพอใจที่กองทัพส่งเด็กจบใหม่มาเป็นหัวหน้าทหารที่มีประสบการรบโชกโชนอย่างพวกเขา

โต่ยเองก็รู้ตัวดีว่าเขาต้องเจอกับความยากลำบากในชีวิตการทำงานไปอีกนานจนกว่าจะหาทางย้ายไปที่อื่นได้ แต่ด้วยความจำเป็นที่ต้องหาเลี้ยงครอบครัวพ่อแม่ที่เป็นเกษตรกรธรรมดาๆ ชีวิตลุ่มๆ ดอนๆ ขึ้นกับดินฟ้าอากาศ เขาจึงตั้งใจเล่าเรียนจนสอบเข้ามาเป็นนายร้อยเพื่อหวังจะเลี้ยงดูพ่อแม่ให้อยุ่สุขสบายและมีหน้ามีตาในสังคมมากกว่าที่เป็นอยู่ แต่ชีวิตที่ดูเหมือนจะราบรื่น ด้วยความสามารถทั้งเรื่องเรียนและการฝึกของโต่ยทำให้เขาเป็นคนที่โดดเด่นติดอันดับท็อปๆ ของรุ่นต้องเลือกบรรจุในหน่วยดีๆ มีอนาคตแน่นอน จนปีสุดท้ายของการเรียนที่ชีวิตเกิดพลิกผันจากหน้ามือเป็นฝ่าเท้าก็ว่าได้ ทุกอย่างที่เขาตั้งใจทำมาตลอดก็ถูกทำลายลงอย่างสิ้นเชิง ต้องอยู่ในโรงเรียนอย่างไร้ศักดิ์ศรีเรียนจบ และยังโดนบีบให้เลือกเส้นทางชีวิตที่แสนยากลำบาก แต่ก็ยังดีที่เพื่อนรักร่วมชะตากรรมของเขาอีก 3 คนนั้นรู้เรื่องชีวิตครอบครัวของโต่ยเป็นอย่างดีจึงสละให้เขาเลือกตำแหน่งที่ดูดีที่สุดและยังมีเงินค่าเสี่ยงภัยเพิ่มพิเศษให้ด้วย โต่ยจะได้มีเงินเก็บส่งไปจุนเจือครอบครัวได้ โต่ยซาบซึ้งในน้ำใจที่เพื่อนเขามอบให้เป็นอย่างมากและสาบานว่าพวกเขาจะเป็นเพื่อนกันไปจนวันตาย จะตั้งใจรับราชการด้วยความตั้งใจเพื่อรับใช้ชาติและมีโอกาสเติบโตไปแก้แค้นคนที่ทำลายชีวิตพวกเขาจนมีอนาคตป่นปี้แบบนี้

ว่าที่ ร.ต.จิรเมธ นาสมบัติ หรือผู้หมวดโต่ย แต่งเครื่องแบบเขียวคอแบะเต็มยศนั่งรถทัวร์หิ้วกระเป๋าลงใต้มารายงานตัวที่กองบัญชาการมณฑลทหารบกแต่เช้าตรู่ ตามคำสั่งบรรจุที่เขาถูกบีบให้เลือก เขาได้เจอกับรุ่นพี่นายร้อยยศพันโทที่เป็นตัวแทนมารับรายงานตัวเพราะพวกผู้ใหญ่ติดภารกิจด่วนที่กรุงเทพ รุ่นพี่ของโต่ยก็พูดคุยกับเขาอย่างเป็นกันเอง ดูประวัติและสอบถามด้วยความแปลกใจว่าเรียนได้เกรดสูงขนาดนี้ทำไมถึงได้เลือกมาบรรจุที่นี่ได้ ตอนที่มีคำสั่งให้เปิดตำแหน่งนี้ให้นายน้อยเลือกบรรจุได้เขายังแปลกใจอยู่เลย โต่ยก็อึ้งไม่รู้จะตอบยังไง แต่พอเขาเปิดไปถึงหน้าคะแนนพฤติกรรมอ่านแล้วก็เงียบไป ก่อนจะเหลือบตาขึ้นมองหน้าโต่ยก่อนจะมีท่าทีเปลี่ยนไป รีบตัดบทบอกว่ามีธุระ เดี๋ยวจะจัดพลขับกับรถไปส่งที่ฐานให้ เพราะว่าพื้นที่ตรงนั้นไม่น่าจะมีรถรับจ้างที่ไหนยอมไป โต่ยก็กล่าวขอบคุณด้วยสีหน้าวิตกกังวล เพราะเขาพอจะเดาได้ไม่ยากว่าพี่เขาเห็นอะไรในใบรายงานผลคะแนนความประพฤติ ว่าตนโดนตัดคะแนนจนหมดด้วยข้อหาแสดงพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศในโรงเรียนนายร้อย ทำให้รุ่นพี่เขารู้สึกรังเกียจจนไม่อยากจะคุยด้วยแต่ก็ยังดีที่พี่เขายังเมตตาจัดรถให้ไปส่งเขาที่ฐานเพื่อรายงานตัว

ซักพักก็มีผู้หมู่พาพลทหารมาช่วยโต่ยถือของ โดยทำความเคารพเขาอย่างเข้มแข็ง ซึ่งโต่ยก็พึงพอใจมากว่าทหารในจังหวัดห่างไกลแบบนี้ยังมีวินัยดีและหวังลึกๆ ว่าหน่วยที่เขาจะไปประจำการนั้นจะมีทหารที่แป๊ะแบบนี้จะได้ไม่ต้องมาตีบทโหดให้เหนื่อยเหมือนกับเวลาที่เขาเคยเป็นหัวหน้าหมวดฝึกวินัยรุ่นน้องนายร้อย รถจี๊ปทหารขับลัดเลาะออกจากเขตเมืองไปเรื่อยๆ บ้านเรือนผู้คนเริ่มน้อยลงๆ จนเหลือแต่ป่าและสวนยาง บรรยากาศดูเงียบสงัดจนเขาต้องคอยมองซ้าย-ขวา ระวังภัยตลอดเวลา

แล้วเขาก็มาถึงจุดตรวจที่ประตูทางเข้าฐานปฏิบัติการ ซึ่งรายล้อมด้วยบังเกอร์ กระสอบทรายก่อเป็นกำแพงอย่างแน่นหนา สมกับเป็นฐานที่ตั้งอยู่ในแนวหน้าแบบนี้ แต่สิ่งแรกที่เขารู้สึกไม่พอใจคือเวรรักษาการณ์ที่เป็นอาสาสมัครทหารพรานนั่งอยู่ 2 นาย ถือปืนติดกาย แต่กลับแต่งตัวไม่เรียบร้อย คือ ใส่แต่เสื้อยืดรองในตัวเดียวแขวนเสื้อนอกชุดฝึกสีดำไว้ข้างหลัง ซึ่งเหมือนการไม่ให้เกียรติเครื่อองแบบทหารตามที่โต่ยเคยได้รับการสั่งสอนมาจาก รร.นายร้อย ยิ่งเป็นเวรอยู่กองรักษาการณ์แบบนี้ยิ่งต้องแต่งกายให้เรียบร้อยเป็นพิเศษ แต่เขาก็ยังไม่พูดอะไร คิดว่าควรจะรายงานตัวกับผู้กองหัวหน้าฐานก่อนแล้วค่อยจัดการ

พลขับที่พาโต่ยมาก็แจ้งกับเวรที่หน้าประตูให้โดยที่โต่ยนั่งนิ่งๆ มองหน้าด้วยสายตาที่เข้มงวด แล้วเวรยามทั้ง 2 นายก็ลุกขึ้นยืนตรงทำความเคารพผู้หมวดคนใหม่ แล้วพูดด้วยสำเนียงทองแดงแบบคนท้องถิ่นว่า ตอนนี้ผู้กองไปราชการด่วนที่กรุงเทพ 1 อาทิตย์ เชิญผู้หมวดเข้าไปด้านในก่อน เพราะผู้กองสั่งให้จ่าคอยต้อนรับอยู่แล้วครับ โต่ยก็พยักหน้าตอบรับอย่างไม่สบอารม อยากจะสั่งลงโทษมันซะเดี๋ยวนี้ ที่มาพูดกับเขาทั้งๆที่แต่งตัวไม่เรียบร้อยแบบนั้นเข้าเวร แล้วโต่ยก็นั่งรถต่อเข้าไปถึงข้างในซึ่งมีอาคารชั้นเดียวอยู่ 3 หลัง เป็นตึกกองบัญชาการ คลังอาวุธ แล้วก็โรงจอดรถ ที่เหลือเป็นเพิงพักที่ปลูกแบบง่ายๆ เป็นห้องพักของกำลังพลในฐาน

แล้วจ่าอายุ 40 ปลายๆ คนหนึ่งก็เดินออกมาจากกองบัญชาการทำความเคารพผู้หมวด แล้วก็พาเขาเข้าไปนั่งคุยข้างใน ส่วนพลขับก็รีบขอตัวกลับก่อนกลัวว่าจะมืดค่ำและมีอันตรายระหว่างทางมากกว่าเดิม โต่ยก็หันไปขอบใจแล้วแยกเข้าตึกไป จ่าคนนั้นชื่อยะ เป็นคนใต้บ้านอยู่สงขลามาประจำที่ฐานนี้นานแล้ว เป็นคนที่อายุเยอะที่สุดของที่นี่ใครๆ ก็ให้ความนับถือ จ่ายะก็พูดคุยกับผู้หมวดโต่ยอย่างเป็นกันเองพาไปนั่งคุยกันในห้องประชุมของฐาน นั่งอธิบายภารกิจของหน่วย และกำลังพลที่มีอยู่ตอนนี้ 40 นาย ซึ่งน้อยกว่ากองร้อยทหารทั่วไป เพราะเป็นพื้นที่เสี่ยงไม่ค่อยมีคนมาบรรจุ โต่ยก็นั่งฟังนิ่งๆ แล้วก็พูดไปด้วยน้ำเสียงแข็งๆ ว่า ตอนนี้ผู้กองไม่อยู่ จ่าเป็นคนดูแลฐานอยู่ตอนนี้ใช่มั้ย จ่าก็อึ้งที่ผู้หมวดคนใหม่ดูหยิ่งกว่าที่คิดไว้มาก เขาก็เลยต้องเปลี่ยนมาทำตัวเรียบร้อยมากขึ้น แล้วตอบว่า ใช่ครับ โต่ยก็ส่ายหน้าแล้วก็พูดต่อว่า ผมว่าทหารที่นี่วินัยไม่ค่อยจะได้เรื่องเลยนะ วันนี้ผมมาบรรจุเป็นผู้หมวดที่นี่แล้วก็ต้องทำการแทนหัวหน้าฐานปฏิบัติการนี้ จ่าไปเรียกรวมพลทุกคนในหน่วยที่ลานเสาธง ภายใน 5 นาที ผมมีเรื่องต้องทำความเข้าใจกันหน่อย

จ่ายะยืนฟังด้วยความไม่พอใจที่ผู้หมวดหน้าอ่อน มาถึงก็วางอำนาจ ถือว่าตัวเองจบมาจากโรงเรียนนายร้อย แล้วไม่ให้เกียรติคนแก่กว่าอย่างเขาเลย แต่เขาก็พูดอะไรไม่ได้ ตอบแค่ได้ครับ แล้วก็รีบเดินออกไปเป่านกหวีดเรียกรวมพล ทหารในหน่วยก็ค่อยๆ เดินมาเข้าแถวแบบไม่เร่งรีบ เพราะปกติเขาก็อยู่กันแบบพี่ๆ น้องๆ แถมยังเน้นทำงานลาดตระเวณช่วงกลางคืน ช่วงบ่ายแก่ๆ แบบนี้หลายคนก็เลยเพิ่งตื่นนอนเดินมารวมพลตามเสียงนกหวีดทั้งชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นที่ใส่นอน โต่ยเดินออกมายืนรอบนแท่นด้วยสีหน้าไม่พอใจเป็นอย่างมาก จ่ายะเองก็เร่งให้เข้าแถวไวๆ ผู้หมวดมายืนรอแล้ว แล้วเขาก็รายงานตัวกับผู้หมวดตรามแบบธรรมเนียมทหาร แต่ท่าทางนั้นไม่มีความเข้มแข็งสง่างามตามแบบทหารที่โต่ยคาดหวัง เขาจึงสั่งซ่อมจ่ายะ ให้วิดพื้น 20 ครั้งตรงหน้าแถว ทำให้ทุกคนในแถวนิ่งไป เพราะไม่คิดว่าผู้หมวดใหม่มาถึงวันแรกก็จะบ้าอำนาจสั่งลงโทษจ่าอาวุโสตรงหน้าแถวแบบนี้

แล้วเขาก็แนะนำตัวเองให้ทุกคนรู้จัก ด้วยเสียงห้วนๆ แบบทหาร ว่า “หมวดชื่อ ว่าที่ ร.ต.จิรเมธ นาสมบัติ จบมาจากโรงเรียนนายร้อย เลือกบรรจุที่ฐานปฏิบัติการแห่งนี้ แต่มาถึงวันแรกก็พบว่า ทหารที่นี่มีวินัยเลวมาก หมวดรับไม่ได้ สงสัยจะหย่อนยานกันมานาน มันต้องดึงให้ตึงกันหน่อย” แล้วโต่ยก็สั่งให้ทุกคนไปแต่งตัวให้เรียบร้อยภายใน 5 นาที แล้วกลับมารวมและฝึกทบทวนวินัยจนถึงเย็น โต่ยรับบทครูฝึกสุดโหดตั้งแต่วันแรก โดยสั่งลงโทษคนทำผิดอย่างเด็ดขาด และกวดขันวินัยในฐานตลอดเวลา สั่งให้เก็บกวาด ซ่อมแซมอาคารต่างๆ ทุกวันจนทุกคนอ่อนล้า ทำให้ทุกคนรู้สึกไม่พอใจที่โดนผู้หมวดหน้าอ่อนมาด่า มาสั่งซ่อม แบบนี้ แต่ด้วยยศและอำนาจที่มีในมือทำให้ไม่มีใครกล้าหือ ได้แต่อดทนรอให้ผู้กองกลับมา


ตอนที่ 2

ตลอด 1 สัปดาห์ที่โต่ยทำการแทนหัวหน้าฐานปฏิบัติการ เขาใช้วิธีการปกครองที่เข้มงวดแบบที่เขาเคยฝึกมาจากโรงเรียนนายร้อย ไม่ให้ความสนิทสนมกับใครเลย วางตัวเป็นหัวหน้าที่เคร่งขรึมกวดขันระเบียบวินัยของกำลังพลทุกนาย และสั่งการให้ช่วยกันทำความสะอาดและจัดข้าวของต่างๆ ในฐานจะเป็นระเบียบเรียบร้อยขึ้นมาก แต่มันกลับสร้างความไม่พอใจให้ก้บทหารที่มียศน้อยแต่ประสบการณ์สูงอย่างพวกเขา และส่วนใหญ่ก็มีอายุมากกว่าหมวดโต่ยกันทุกคน แต่ยังไม่มีใครกล้าทำอะไรมากได้แต่อดทนทำตามคำสั่งทั้งการทำงานและสั่งลงโทษซ่อมวินัยกันจนเหนื่อยแทบทุกวัน ได้แต่เก็บความแค้นไว้รอวันเอาคืน แต่โต่ยนั้นไม่รู้ตัวเลย ด้วยความอ่อนต่อโลกเขาก็คิดว่าทุกคนจะเข้าใจในสิ่งที่เขาต้องทำไปตามหน้าที่ แบบที่เขาเคยโดนฝึกมาตั้งแต่เรียนเตรียมทหารจนถึงนายร้อย แม้ว่าปีสุดท้ายก่อนจบเขาจะโดนใส่ร้ายจนโดนทรมานและเหยียดหยามจนหมดศักดิ์ศรีแต่เขาก็ยังเชื่อมั่นในระบบวินัยทหารที่เขาฝึกมา และไม่โกรธคนอื่นที่ร่วมลงโทษเขาด้วยความเข้าใจผิด เขาคิดว่ามีแต่พี่กิตเพียงคนเดียวที่อยู่เบื้องหลังเรื่องราวทุกอย่าง และไอ้นนเพื่อนทรยศที่สร้างความอัปยศให้กับลูกผู้ชายอย่างเขา โต่ยตั้งใจทำงานตามแบบที่เขาคิดว่าถูกต้อง และมั่นใจว่าผู้กองอดุลย์จะต้องพอใจที่กลับมาแล้วเห็นฐานนี่เป็นระเบียบเรียบร้อยมากขึ้น

ระหว่างที่เขาเดินตรวจความเรียบร้อยกำลังพลหลังเข้าแถวเคารพธงชาติในเครื่องแบบลายพรางที่ตัดมาพอดีตัวเห็นถึงสัดส่วนร่างกายที่กำยำแข็งแกร่ง รูปร่างสูงโปร่ง ประกอบรองเท้าคอมแบทขัดจนเงาวับ สวมหมวกเบเร่ต์ดำหน้าหมวกปักดิ้นทองของสัญญาบัตรอย่างสง่างาม รถของ ร.อ.อดุลย์ฯ ก็แล่นเข้ามา เขาก้าวลงมาจากรถจี๊ป เป็นหนุ่มใหญ่วัย 40 เศษๆ ผิวคล้ำหน้าตาคมเข้มบ่งบอกถึงถิ่นฐานบ้านเกิด และอายุขนาดนี้ก็รู้ได้เลยว่าเขานั้นไม่ได้จบจากโรงเรียนนายร้อย หน้าตาดูอิดโรยเล็กน้อยเพราะเขาเพิ่งกลับมาจากการฝึกธำรงวินัยเพิ่มเติมจากค่ายใหญ่ในเมืองเนื่องจากอาทิตย์ก่อนเขาเตรียมการต้อนรับรัฐมนตรีที่ลงมาตรวจเยี่ยมพื้นที่ไม่เรียบร้อย จนแม่ทัพภาคต้องส่งคนจากส่วนกลางมาดูแลเองและสั่งลงโทษผู้กองอดุลย์ให้ไปฝึกหนัก 7 วันเป็นการลงโทษสถานเบาและไม่เปิดเผยให้ลูกน้องที่ฐานรับรู้

โต่ยรีบสั่งแถวทำความเคารพหัวหน้าอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย แล้วเขาก็รายงานตัวที่่หน้าแถวทหารตามแบบแผนอย่างสง่างาม แต่สายตาที่ผู้กองมองหน้าเขากลับดูไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย แล้วก็เอ่ยปากพูดว่า “ผู้หมวดที่เพิ่งจบนายร้อยมาบรรจุใช้ทุนที่นี่ใช่มั้ย ท่าทางหยิ่งยะโสพอตัวเหมือนกันนะเรา ไม่รู้ว่าทำกลบเกลื่อนอะไรหรือเปล่า” โต่ยเข้าใจความหมายและหน้าชาด้วยความอับอายพูดอะไรไม่ออก ผู้กองก็พูดต่อไปว่า “แล้วได้ข่าวว่ามาถึงวันแรกก็โชว์พาวเล่นใหญ่ด่าลูกน้องกูซะไม่ไว้หน้าเลยหรอ”

โต่ยรีบบอกว่า “ก็ผมเห็นว่าผู้กองไม่อยู่ แล้วพวกลูกน้องมันหละหลวม วินัยหย่อน ผมก็เลยจำเป็นต้องจัดดารครับ”

“หุบปาก! นี่มึงด่าว่ากูสอนลูกน้องไม่ดีหรอไอ้หน้าอ่อน เพิ่งจบมาได้แบบเส้นยาแดงผ่าแปดยังมาอวดเก่งอีกนะ พวกจบนายร้อยอย่างมึงมันไม่เคยมาลำบากแบบนี้จะไปรู้อะไร นั่งชี้นิ้วสั่งลูกน้องอย่างเดียว ที่นี่ไม่เคยมีนายร้อยเจ้ายศเจ้าอย่างแบบมึงมาอยู่เพราะว่ามันลำบาก มันเสี่ยง มีแต่พวกขี้ข้าอย่างกูมาอยู่กันเขาก็เลยอยู่กันแบบพี่น้อง ตั้งใจทำงานออกไปเสี่ยงลาดตระเวณเป็นสิบๆ กิโลมันเหนื่อยนะเว้ย กลับมาฐานก็ควรจะได้อยู่กันแบบผ่อนคลาย ไม่ใช่นั่งเก็บกวาดใบไม้ใบหญ้า ฝึกแถวบ้าบอแบบที่พวกมึงชอบทำกันหรอก”

โต่ยโดนตวาดเสียงดังจนไม่กล้าเถียงออกมา เพราะไม่อยากจะมีเรื่องกับหัวหน้าตั้งแต่วันแรกที่เจอหน้ากัน เขาเลยเลือกจะขอโทษผู้กองที่ทำอะไรไปโดยพลการณ์ ผู้กองดุลก็เลยบอกว่าเขาให้อภัยโต่ย แต่เขาเพิ่งมาบรรจุใหม่ที่นี่จะต้องผ่านขั้นตอนการรับน้องเหมือนกับทุกคน เพื่อจะได้ทดสอบกำลังใจ ให้ลูกน้องมันยอมรับ โต่ยก็รู้สึกไม่พอใจ เพราะตามธรรมเนียมนายร้อยไปบรรจุที่หน่วยจะไม่มีการรับน้องให้เสียเกียรติ ถ้ามีก็จะเป็นรุ่นพี่นายร้อยมาสั่งออกกำลังกายกันแบบเล่นๆ ลับหลังลูกน้อง เพื่อรำลึกความหลังสมัยเรียนกันพอหอมปากหอมคอ แต่นี่ผู้กองไม่ได้จบนายร้อย แถมจะยังให้รับน้องเข้าหน่วยเหมือนกับพวกพลทหาร หรือนายสิบ แต่ตอนนี้โต่ยเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา ถ้าหัวหน้าสั่งเขาก็ต้องทำตามวินัยทหาร เขาเลยตอบไปว่า ได้ครับ

โต่ยต้องวิ่งออกไปยืนรอที่หน้ากองรักษาการณ์ของฐาน เเหมือนกับการมารายงานตัววันแรก ผู้กองก็นัดแนะกับจ่ายะซึ่งเป็นเเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่เรียนนายสิบ แต่ดุลเรียนเก่งกว่าเลยสอบเลื่อนฐานะได้ตั้งแต่ยังหนุ่ม แต่ก็ยังคงเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมแม้ว่าจะเป็นหัวหน้ากับลูกน้องกันแล้ว โต่ยยืนรอนิ่งในท่าตามระเบียบพักมีเหงื่อซึมเล็กน้อยเพราะอากาศที่ร้อนอบอ้าว ซักพักผู้กองก็นั่งรถออกมาพร้อมด้วย่ายะและลูกน้องอีก 4 คน แล้วเดินลงมายืนตรงหน้าให้โต่ยตะโกนรายงานตัว “กระผมว่าที่ ร.ต.จิรเมธ นาสมบัติ จบการศึกษาจาก รร.นายร้อย มาบรรจุในตำแหน่งผู้บังคับชุดปฏิบัติการภาคสนาม กองร้อยทหารพราน ขออนุญาตรายงานตัวเข้าหน่วยครับ !”

ผู้กองก็ตอบไปว่า “ยังไม่ให้เข้าจนกว่าจะไดรับการยอมรับจากคนที่นี่ซะก่อน ผู้หมวดจะต้องพิสูจน์ตัวเองว่ามีความแข็งแกร่งทั้งร่างกายและจิตใจมากพอจะทำงานที่นี่หรือไม่ ทราบ !”

“ทราบครับ !” โต่ยต้องตอบออกไปอย่างจำใจ

“เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา ขอมอบหมายให้จ่ายะ พาผู้หมวดไปแนะนำพื้นที่ที่อยู่ในความดูแลของฐานเราหน่อย แต่แถวนี้มันอันตรายต้องมีรถวิ่งอารักขาไปด้วย ส่วนผู้หมวดก็ต้องทำตามที่จ่ายะเค้าสั่งให้ทำนะ เค้ามีประสบการณ์ในพื้นที่มาก่อน ทราบ!”

โต่ยสบตาจ่ายะ ก็รับรู้ถึงความสะใจที่วันนี้จะได้แก้แค้าเขาแล้ว แต่นายร้อยที่ผ่านการฝึกเคี่ยวกรำมาอย่างหนักมีแรงเหลือๆ อยู่แล้ว และมาถึงขนาดนี้แล้วเขาก็ต้องอดทนเพื่อให้ผู้กองและลูกน้องในฐานยอมรับเขาให้ได้ แล้วผู้กองก็กลับไปพักผ่อนที่ฐาน ปล่อยให้หมวดโต่ยโดนจ่ารับน้องแบบไม่เกรงใจดาวบนปกเสื้อเลย

โต่ยวิ่งตามรถที่จ่ายะนั่งอยู่ ที่คอยหันมามองและสั่งเร่งให้วิ่งเร็วๆ และข้างหลังก็มีรถอีกคับที่มีพวกพลทหารติดอาวุธครบมือวิ่งตามอารักขา แต่พวกนั้นกลับนั่งมองและตะโกนแซวเขาเหมือนรถตามควบคุมเชลยมากกว่า โต่ยวิ่งมาประมาณ 5 กิโล จนเหงื่อชุ่มอยู่ภายใต้เครื่องแบบฝึกที่เขาใส่ แต่แค่มันสบายมากสำหรับเขา พอมาถึงหมู่บ้านเล็กแห่งแรกจ่ายะก็สั่งให้หยุด แล้วให้โต่ยไปตะโกนแนะนำตัวให้ชาวบ้านได้ยิน ก็มีคนออกมาดูเล็กน้อย เพราะเป็นเรื่องธรรมดาที่เวลามีทหารย้ายมาประจำที่ฐานนี้ก็จะวิ่งมาแนะนำตัวแบบนี้อยู่ตลอด แต่คราวนี้เป็นถึงผู้หมวดสุดหล่อจบจากโรงเรียนนายร้อยจึงเป็นที่สนใจของสาวๆ เป็นพิเศษแล้วจ่ายะก็สั่งผู้หมวดวิดพื้น และพุ่งหลังโชว์ความแข็งแรงให้สาวๆ ดู โต่ยก็ทำได้อย่างสบายๆ แต่เครื่องแบบสุดหล่อของเขามันเริ่มเปียกชุ่มและสกปรกมอมแมม แต่สาวๆ ยังคงชื่นชมในความหล่อและแข็งแรงปรบมือให้กำลังใจผู้หมวดคนใหม่เป็นระยะๆ

เมื่อจ่าพอใจก็เอาน้ำมาให้โต่ยกิน ก่อนจะออกวิ่งไปหมู่บ้านต่อไป แต่ระหว่างทางมีคลองเล็กๆ จ่าก็เลยสั่งให้โต่ยลงไปวิดพื้นในคลองจนตัวเปียกชุ่ม และควักขี้โคลนสีดำๆ ขึ้นมาพรางหน้าจนมอมแมมไม่เหลือสภาพผู้หมวดสุดหล่อให้สาวๆ กรี๊ดอีกแล้ว และอากาศก็ค่อยๆ ร้อนขึ้นเรื่อยๆ โต่ยก็เลยโดนสั่งให้ถอดเสื้อนอกออกเหลือแต่เสื้อรองในสีเขียว ที่หน้าอกมีตราหัวเสือจู่โจมที่เขาชอบใส่ด้วยความภาคภูมิใจ จ่ายะพาโต่ยไปแนะนำตัวตามหมู่บ้านต่างๆ อีก 5 แห่งจนเขาเริ่มเหนื่อยมากขึ้น แต่ก็ต้องกัดฟันทำต่อไปเพราะกลัวเสียหน้า และความสกปรกจากขี้โคลนฝุ่นดินก็เกาะตามเสื้อจนเต็มไปหมด จนจ่าสั่งให้ถอดเสื้อก่อนพาวิ่งเข้าตัวอำเภอซึ่งมีคนอยู่หนาแน่นที่สุด เพื่อจงใจให้โต่ยได้โชว์หุ่นแบบเต็มๆ

พอมาถึงหน้าอำเภอก็มีชาวบ้านมามุงดูการรับน้องของผู้หมวดคนใหม่ด้วยความสนอกสนใจ เพราะหุ่นล่ำลีนกล้ามชัดของนักเรียนนายร้อยจบใหม่อย่างโต่ยมันโดดเด่นสะดุดตากว่าคนอื่นๆ มาก

จ่ายิ่งเห็นคนมาเยอะก็ยิ่งสั่งซ่อมตามรายทางหนักมากขึ้น ทั้งกลิ้ง ม้วนหน้า ม้วนหลัง แบกโลก หัวปัก ตามหน้าสถานที่สำคัญต่างๆ และมาหยุดที่หน้าตลาดซึ่งคนมุงดูมากที่สุด จ่าก็สั่งให้ทำท่าหัวปักแยกขาออกกว้างๆ จนกางเกงชุดพรางที่ตัดมาพอดีตัวของโต่ยนั้นรับไม่ไหว จนเป้าขาดออกเป็นรูกว้างซึ่งเป็นเรื่องปกติที่ต้องเจออยู่แล้วในเวลาที่ฝึก แต่ที่นี่มันคือหน้าตลาดกลางเมืองที่ผู้คนมากมาย ได้เห็นผู้หมวดรูปหล่อหุ่นล่ำ โดยจ่ารับน้องสั่งซ่อมจนเป้าแหกเป็นรูโบ๋มองทะลุเข้าไปเห็นกางเกงในสีขาวเป้าฟิต

ชาวบ้านพากันเอามือถืออถ่ายรูปถ่ายคลิบกันอย่างตื่นเต้น ทำให้โต่ยอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี แต่ความอับอายมันกลับทำให้เขาตัวร้อนผ่าว หัวใจเต้นรัว เหงื่อแตก และควยค่อยๆ พองและแข็งตัวขึ้นมาจนตั้งเป็นลำชัดเจน โต่ยพยายามอดกลั้นห้ามไม่ให้มันแข็งขึ้นมาอวดสายตาชาวบ้าน แต่เขาก็ต้านไม่ไหวเพราะเขาโดนแอบวางยาสมุนไพรกระตุ้นกำหนัดในน้ำที่เอาให้กินมาตลอดทาง จนมาออกฤทธิ์ที่หน้าตลาดแห่งนี้ เพื่อแกล้งให้โต่ยต้องอับอายต่อหน้าชาวบ้านทั้งเมือง แบบหนีไปไหนไม่ได้

พวกพลหทารที่ตามมาก็ชี้ไปที่รอบเป้าขาดตะโกนว่า “ผู้หมวดเป้าตุงจังเลย ฮ่าๆๆ” ชาวบ้านก็ยิ่งสนในและอมยิ้มไปตามๆ กัน ทำให้โต่ยยิ่งอับอายจนไม่กล้าสู้หน้าใคร จ่าก็ยิ่งแกล้งสั่งให้โตยทำท่าที่เน้นเป้า ทั้งกางมุ้ง และแบกโลก จนชาวบ้านทั้งสาวแท้สาวเทียม ได้ดูบ้องข้าวหลามของผู้หมวดป้ายแดงกันจนชุ่มฉ่ำ แถมน้ำหล่อลื่นยังไหลเยิ้มออกมาเลอะกางเกงในจะทะลุออกมาเป็นวงบนกางเกงลายพราง แต่คนที่เห็นก็นึกว่าเป็นเหงื่อ มีแต่เจ้าตัวเท่านั้นที่รู้ว่านี่คือน้ำอะไร แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้ พอจ่ายะได้ประจานโต่ยจนพอใจแล้วก็พาวิ่งกลับไปที่ฐานทั้งๆ ที่กางเกงเป้าขาดแบบนั้น

โต่ยกลับมาถึงประตูทางเข้าด้วยสภาพเปลือยอก มอมแมมไปทั้งตััว กางเกงเป้าแหกเป็นรอยใหญ่เห็น กกน.ชัดเจน แล้วผู้กองก็ออกมารับรายงานตัวจากโต่ยอีกครั้ง ว่าเขาไปรับการแนะนำพื้นที่จากจ่ายะเรียบร้อยแล้ว ผู้กองก็เลยบอกว่างั้นนที่นี่จะเป็นด่านสุดท้ายก่อนเข้าไปข้างในฐาน หมวดจะต้องเข้าไปข้างในโดยใช้ทางลอดกระโจมลวดหนามให้ทันเวลา 1 นาทีจึงจะถือว่าผ่านการทดสอบ แต่ตอนนี้กางเกงมันขาดรุ่งริ่งหมดแล้ว ถอดทิ้งไปดีกว่าเดี๋ยวมันจะเข้าไปเกี่ยวลวดหนามซะเปล่าๆ โต่ยก็จำใจต้องทำตาม ถอดกางเกงขาขาวลาพรางออกเผยให้คนทั้งค่ายเห็นหุ่นฟิตของเขาแบบเต็มๆ ตา แต่ที่มันเด่นเกินกล้ามบนตัวเขาก็คือลำควยขนาดเขื่องที่เข็งเป็นลำพาดชี้ขึ้นมาจนแทบจะโผล่ออกมานอกของ กกน.สีขาว จนทุกคนหัวเราะเยาะ แล้วแซวว่าผู้หมวดนี่ก็ขี้เงี่ยนเหมือนกันนะ ขนาดพาไปวิ่งเป็นสิบโลแล้วควยยังแข็งได้อีก สงสัยจะเย็ดทนน่าดู 55555

โต่ยอับอายมากแต่ก็ต้องกัดกรามนิ่งเอาไว้ แล้ววิ่งไปที่หน้ากระโจมลวดหนาม พอผู้กองเป่านกหวีดให้เริ่ม เขาก็ต้องแถกตัวคลานต่ำลอดลวดหนามเข้าไป พวกพลทหารก็มาคอยแกล้งเอาน้ำสาด เหยียบลวดหนามให้กดลงต่ำจนเกี่ยวผิวเนียนๆ ของโต่ยจนเป็นแผลเลือดซิบเต็มไปหมด แต่ด้วยความที่เขาไม่รู้ทางที่มัดขึงลวดหนามทำให้เข้าไปติดอยู่ตรงกลางออกไปฝั่งตรงข้ามไม่ได้ จนต้องถอยหลังกลับออกมา ทำให้หมดเวลา 1 นาที จึงโดนผู้กองด่าว่าโง่ เป็นถึงผู้หมวดจบนายร้อยมา แค่นี้ก็ทำไม่ได้ ทำให้โต่ยโกรธจนหน้าแดง แต่ก็ต้องแกล้งยอมพูดขอโทษและขอโอกาสทำใหม่ ผู้กองก็ยอมแต่คราวนี้โต่ยจะต้องนอนหงายแถกตัวไปแทน แล้วเขาก็ได้ทำใหม่อีกครั้ง คราวนี้เขารู้เส้นทางไปแล้วจึงหลีกทางตันออกไปอีกทาง แต่พวดพลทหารก็ตามแกล้งกดลวดให้บาดกล้ามอก กล้ามท้องซิกแพ็คที่เป็นลอน และจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญคือเป้ากางเกงในสีขาว ที่ตอนนี้เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบดินโคลน ที่มันตุงนูนเด่นขึ้นมา จนโดนลวดหนามเกี่ยวทะลุเข้าไปเป็นรอยขาด และมีเลือดไหลซิบๆ

โต่ยตกใจมากรีบเอามือข้างหนึ่งมากุมของรักของเขาเอาไว้กลัวจะเป็นอันตรายอีก มือซ้ายจึงโดยบาดแทนจนเลือดไหล แล้วเขาก็แถกตัวเขามาข้างในฐานได้ทันเวลาพอดิบพอดี จึงถือว่าผ้านการทดสอบแล้ว แต่กลับไม่มีใครมาแสดงความยินดีกับเขาแบบที่คิดไว้ มีแต่ผู้กองที่พูดว่าเขายอมรับผู้หมวดมาเป็นคนในหน่วยนี้แล้ว และให้จ่ายะมาช่วยทำแผลให้ แล้วผู้กองก็ยิงคำถามที่ทำให้โต่ยตกใจว่า “ผู้หมวดควยแข็งมาตลอดทางเลยนะ มีอะไรทำให้เงี่ยนได้ขนาดนั้นหรอ”

โต่ยรีบตอบกลับไปว่า “ผมมีอารมณ์กับชาวบ้านสาวๆ ที่เจอในอำเภอครับ”

ผู้กองก็ยิ้มมุมปากแบบมีเลศนัย แล้วตอบว่า “งั้นเหรอ” แล้วก็เดินจากไป ทิ้งให้โต่ยนั่งเครียด ว่าผู้กองดุลนั้นรู้อะไรมาหรือเปล่า


ตอนที่ 3

โต่ยในสภาพมอมแมมรอยถลอกปอกเปิกเต็มตัว นุ่งกางเกงในสีขาวเป้าตุง เพราะควยของเขาแข็งพาดเป็นลำ กำลังจะเดินกลับไปที่อาบน้ำล้างตัวในห้องพักในอาคารบัญชาการของฐานแต่จ่ายะก็เรียกเขาไว้ แล้วบอกว่าเมื่อกี้นี้ผู้กองคงลืมบอกไปว่า ได้ออกคำสั่งให้ผู้หมวดย้ายมานอนในบ้านพักของกำลังพลในหน่วยก่อน เพราะห้องของผู้หมวดกำลังจะปิดซ่อมแซม และผู้หมวดจะได้เรียนรู้การใช้ชีวิตร่วมกับกำลังพลในฐานให้มากขึ้นจะได้สนิทสนมกันมากขึ้น

โต่ยรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมากแต่ก็พูดอะไรมากไม่ได้เพราะเขารู้ตัวแล้วว่าผู้กองดุลจงใจจะกลั่นแกล้งเขา เขาต้องอดทนไว้ให้ได้ไม่ให้คนพวกนี้มาดูถูกว่าผู้หมวดจบนายร้อยมาแบบเขาเป็นพวกเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ เขาก็ต้องเดินโชว์หุ่นไปขนกระเป๋าเสื้อผ้าออกจากห้องพักตามคำสั่งของผู้กองท่ามกลางสายตาสะใจของพวกนายสิบและพลทหารในฐาน ห้องใหม่ที่โต่ยต้องไปอยู่นั้นเป็นเพิงพักเก่าห้องสุดท้ายที่ว่างอยู่ห้องเดียว สภาพดูซ่อมซ่อเหมือนห้องเช่าในสลัม หลังคาสังกะสีเก่าๆ ผนังห้องเป็นไม้อัดบางๆ เจาะช่องเป็นหน้าต่างที่ไม่มีบานปิดต้องเอาผ้าม่านปิดไว้ เปิดประตูเข้าไปข้างในก็ทีเตียงไม้เก่าๆ ขนาดพอดีตัวอยู่บนพื้นไม้ผุๆ

โต่ยทำใจกับสภาพห้องพักใหม่ของเขา คิดซะว่าเหมือนตอนที่ไปฝึกภาคสนามกลางป่าเขาก็นอนแบบนี้มาแล้ว จ่ายะก็เดินมาถามว่าเป็นไงอยู่ได้มั้ยผู้หมวด โต่ยก็ต้องตอบกลับไปอย่างเสียไม่ได้ว่า แค่นี้สบายมาก แล้วเขาก็เข้าไปทำความสะอาดห้องให้พออยู่ได้ไปก่อน และเตรียมข้าวของไปอาบน้ำในห้องน้ำรวมกับคนอื่นๆ เขานุ่งผ้าขนหนูถือตะกร้าใส่สบู่เดินไป พวกพลทหารก็มองตามเป็นแถว แล้วรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าตามเข้าไปอาบด้วย เพราะทุกคนอยากแกล้งให้ผู้หมวดต้องอับอายที่ต้องใช้ห้องอาบน้ำร่วมกับพลทหาร

พอเดินถึงห้องน้ำทุกคนก็แก้ผ้าอาบน้ำกับอย่างสบายอารมณ์คุยเล่นกันสนุกสนานตามแบบผู้ชาย ซึ่งโต่ยก็เคยทำ แต่นี้เขาต้องมาแก้ผ้าอาบน้ำกับคนแปลกหน้าเหมือนตอนที่เป็นนักเรียนใหม่เตรียมทหาร แต่ต่างกันตรงที่ในวันนี้คนอื่นในห้องน้ำล้วนแต่มียศต่ำกว่าเขา ซึ่งตามธรรมเนียมทหารแล้วสัญญาบัตรจะไม่มาแก้ผ้าอาบน้ำรวมกับพวกประทวนแบบนี้ แต่เขาก็ต้องจำใจเข้าไปอาบน้ำท่ามกลางสายตาที่จ้องมองเขานับสิบๆ คู่

โต่ยค่อยๆ ถอดผ้าขนหนูพาดไว้แล้วดึงกางเกงในลงเผยให้เห็นลำควยขนาดเขื่อที่ยาวกว่า 7 นิ้ว ที่มันยังกึ่งแข็งกึ่งอ่อนด้วยความเงี่ยนจากฤทธิ์ยาที่เขากินไปโดยไม่รู้ตัว เขารีบอาบน้ำให้เสร็จๆ ไปจนมีพลทหารนายหนึ่งทักขึ้นมาว่า ผู้หมวดควยแข็งอยู่แบบนี้ไม่อึดอัดหรอ ชักว่าวในห้องนี้เลยก็ได้นะพวกผมไม่ถือ แล้วก็หัวเราะชอบใจกันทั้งห้อง โต่ยเลยหันไปตะคอกว่า ไม่ต้องมายุ่ง พูดจาอะไรให้เกียรติกันหน่อย กูไม่ใช่เพื่อนเล่น พวกนั้นเลยเงียบกันหมดจนอาบน้ำเสร็จ แล้วก็แยกย้ายกลับไปห้องพัก

พอโต่ยอยู่ในห้องคนเดียวท่ามกลางอากาศร้อนอบอ้าว เพราะหลังคาสังกะสีมันโดนแดดเผามาทั้งวัน คนอื่นๆ ก็จะออกไปนั่งรับลมคุยเล่นกันหน้าห้อง มีแต่โต่ยที่นั่งทายาอยู่คนเดียวในห้องเพราะไม่อยากออกไปเจอหน้าใคร เขายังนุ่งผ้าขนหนูตัวเดียวไม่ใส่เสื้อผ้า เพราะในห้องมันร้อนมาก ควยที่ยังไม่ได้ปลดปล่อยความเงี่ยนมันก็ค่อยๆ แข็งขึ้นมา โต่ยเห็นโอกาสเหมาะเลยเอามือถือที่แอบเก็บรูปสาวๆ รวมถึงคลิบโป๊ที่เขาเคยแอบใช้ชักว่าวในโรงเรียนนายร้อยมาดูและถอดผ้าขนหนูออกแหกขาตั้งท่านอนชักว่าวอย่างสบายอารม เพื่อปลดปล่อยความเงี่ยนที่สะสมมาทั้งวัน เริ่มจากเอามือค่อยๆ เขี่ยคลึงหัวนมจนแข็งชี้ขึ้นมา พร้อมๆ กับควยที่ผงกหัวตอบรับและปล่อยน้ำหล่อลื่นใสๆ ซึมออกมาทีละน้อย

โต่ยเปิดคลิบโป๊สาวญี่ปุ่นตามสเป็ค กำลังร่วมรักอย่างเร่าร้อนแต่ไม่กล้าเปิดเสียงดังมากกลัวคนอื่นได้ยิน แล้วค่อยๆ ลูบไล้ลงมาตามหน้าท้อง จินตนาการว่าเป็นมือนุ่มเรียวๆ ขาวๆ ของสาวญี่ปุ่นในคลิบ เลื่อนลงมาเรื่อยๆ จนถึงควยลำยาวกว่า 7 นิ้ว ที่ตอนนี้แข็งเหมือนท่อนเหล็กเส้นเลือดปูดโปนพันรอบลำ เพราะความเงี่ยนสุดขีดของหนุ่มวัยกลัดมันแบบเขา แล้วก็เริ่มกำรอบลำค่อยๆ ลูบอย่างช้าๆ ความสากของมือยิ่งทำให้เขาเสียวซ่านมากยิ่งขึ้น จนครางเบาๆ ในลำคอ แล้วค่อยๆ เร่งจังหวะชักให้เร็วขึ้นอย่างชำนาญเพื่อเพิ่มความเสียวให้ถึงจุดสุดยอด โต่ยชักว่าวตัวเกร็งด้วยความเสียวจากฤทธิ์ยาที่กินเข้าไปโดยไม่รู้ตัว เขาชักว่าวอย่างต่อเนื่อง ด้วยความเงี่ยนจนหน้ามืดจนส่งเสียงซู๊ดปากด้วยความเสียวมากขึ้นเรื่อยๆ เขาเร่งจังหวะเร็วขึ้นเรื่อยๆ หัวใจเต้นรัว หายใจหอบถี่ใกล้จะแตกเต็มที เสียงครางก็ค่อยๆ ดังออกจากปากอย่างสุดจะกลั้น เพราะว่าเสียวจนห้ามไว้ไม่อยู่

พวกพลทหารที่นั่งเล่นอยู่ข้างหน้าห้องก็เริ่มได้ยินเสียงอะไรแว่วๆ ดังขึ้นมา บึ้ม!!! เสียงระเบิดดังสนั่นขึ้นที่กำแพงกระสอบทรายด้านหลังที่พัก ตามมาด้วยเสียงปืนกลกระหน่ำยิงเข้ามาจากทางเข้าฐาน จนทุกคนต้องรีบหมอบลงแล้วคลานไปหยิบอาวุธ ที่วางไว้ในห้องนอนของตัวเอง ส่วนโต่ยที่กำลังจะถึงจุดสุดยอดใกล้จะน้ำแตกก็ถูกขัดจังหวะกระทันหันด้วยเสียงระเบิดดังสนั่น

จนเขาต้องรีบหมอบลงตามสัญชาตญาณ แล้วรีบคลานไปหยิบเครื่องแบบทหารพรานชุดใหม่ที่เพิ่งจะได้รับมาเมื่อวันก่อนที่ยังอยู่ในห่อพลาสติก สวมใส่อย่างรวดเร็วโดยที่ไม่ได้ใส่กางเกงใน เพราะว่ามันถูกยัดใส่ก้นกระเป๋ามาตอนที่ย้ายของ ในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้เขาจึงไม่ยอมเสียเวลาไปรือหาออกมาใส่ โต่ยรีบแต่งตัวอย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่ถึง 2 นาทีเขาก็อยู่ในชุดเครื่องแบบทหารพรานสีดำที่ฟิตพอดีตัวเนื้อผ้าทั้งสากและแข็งใส่แล้วคันไปหมด ยังไม่มีทั้งป้ายชื่อ และเครื่องหมายใดๆ เลย แล้วรีบคว้าปืนออกไปยิงต่อสู้รวมกับกำลังพลคนอื่น

เสียงปืนยิงกันดังสนั่น สลับกับเสียงระเบิดมือที่ทหารขว้างออกไปสกัดกลุ่มผู้ก่อการร้าย ผ่านไป 15 นาที เสียงปืนก็ค่อยๆ เงียบลง เพราะผู้กก่อการร้ายได้ล่าถอยเข้าสวนยางไป แต่เมื่อตรวจสอบความเสียหายก็พบว่า ที่พวกมันมาโจมตีด้านหลังค่ายนั้นเป็นแผนดึงความสนใจ ให้อีกชุดเข้าจู่โจมสังหารทหารเวรที่กองรักษาการณ์ และลักลอบเข้าปล้นเอาอาวุธปืนที่เพิ่งส่งมาจากส่วนกลางเมื่อตอนบ่ายเก็บไว้ในรถจี๊บจอดอยู่ข้างกองรักษาการณ์ปิดล็อคและปกปิดไว้อย่างมิดชิดและจัดกำลังมาเข้าเวรดูแลรถคันนี้เพิ่มอีก 5 นาย รอให้กรรมการตรวจรับก่อนและขนเข้าไปเก็บในคลังตอนเช้า เพราะกรรมการที่ถูกแต่งตั้งก็คือ ผู้หมวดโต่ย ซึ่งติดภารกิจโดนรับน้องอยู่นั่นเอง

พอผู้กองรู้ว่าโดนปล้นอาวุธไปก็ใจหายวาบ เพราะนี่เป็นความผิดร้ายแรงมาก รีบเรียกรวมกำลังพลทั้งหมดแล้วสั่งการให้ระดมกำลังติดตามผู้ก่อการร้ายเพื่อเอาอาวุธที่ถูกปล้นคืนมาให้หมด แล้วยังไปบอกโต่ยว่านี่เป็นความผิดของโต่ยด้วยเหมือนกันที่เป็นกรรมการตรวจรับแล้วทำงานล่าช้า จนปืนถูกปล้นไปแบบนี้ เขาก็เถียงไม่ออกเพราะเขาเซ็นรับทราบคำสั่งไปแล้ว เขาก็เลยจำใจต้องขอโทษผู้กองดุล และยินดีรับการลงโทษ แต่ผู้กองดุลก็บอกว่าเรื่องนั้นเอาไว้ทีหลัง ตอนนี้ต้องรีบไปเอาปืนที่ถูกปล้นไปคืนมาให้เร็วที่สุด กำลังพลทุกนายก็เตรียมตัวเรียบร้อยทั้งเป้สนามและอาวุธ โต่ยก็เลยต้องรีบไปแบกเป้ที่ยังไม่ได้จัดของออกมาอย่างเร่งรีบ

ผู้กองดุลจึงสั่งการแผนกต่างๆ และสั่งให้จ่ายะเป็นหัวหน้าชุดไปก่อน เพราะหมวดโต่ยยังไม่มีประสบการณ์ ให้นำกำลังแยกไปเป็นชุดระวังหลัง ส่วนผู้กองจะนำกำลังติดตามกลุ่มโจรไปให้เร็วที่สุด และปฏิบัติการติดตามไล่ล่าผู้ก่อการร้ายก็เริ่มต้นขึ้น โดยที่ผู้กองแจ้งไปยังส่วนกลางแค่ว่าออกไปลาดตระเวณตามธรรมดาเพราะกลัวความผิด นี่เป็นการออกปฏิบัติหน้าที่จริงเป็นครั้งแรกในชีวิตทหารของผู้หมวดโต่ย แต่ว่ามันกลับไม่ใช้เรื่องที่น่าภูมิใจเลย เพราะเขาต้องออกไปรบทั้งที่ไม่ได้นุ่งกางเกงใน แถมควยเจ้ากรรมมันก็ยังไม่ได้ปลดปล่อยความเงี่ยน มันก็เลยไม่ยอมอ่อนตัวลงไป ยังค่อยๆ พองตัวผงกหัวปล่อยน้ำหล่อลื่นไหลเยิ้มเพราะอารมณ์ยังค้างจากการชักว่าวใกล้ถึงจุดสุดยอดแต่ไม่ได้แตก แถมกางเกงเครื่องแบบทหารพรานที่เขาใส่อยู่มันก็แข็งและสาก ยิ่งเดินไปมันก็ถูกับหัวควยที่ถูกดันกดให้ชี้ลง จนมันแข็งตัวขึ้นเต็มที่ ยิ่งเดินไปก็ยิ่งถูจนโต่ยเงี่ยนหายใจหอบ เดินเหม่อจนเป๋ซ้ายทีขวาที หมู่ที่เดินตามหลังเริ่มสังเกตเห็นแล้วถามว่าหมวดไหวเปล่า โต่ยรีบตอบไปว่าไม่เป็นอะไร แล้วก็พยายามรวบรวมสติให้เดินตามคนร้ายเข้าป่าไปให้เร็วที่สุด