แค้นจัดหนัด V3

ภีรภัทร

ภีม ภีรภัทรได้ชื่อว่าเป็นนักแสดงดาวรุ่งแห่งปี จากผลงานแสดงชิ้นเปิดตัวที่ทำให้ใครต่อใครต้องจับตามอง นิตยสารชื่อดังทั้งหลายต่างแย่งกันขอคิวเพื่อให้ได้เขามาขึ้นปก สินค้าทั้งหลายต่างแย่งชิงตัวเขาเพื่อให้มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ สาวแท้สาวเทียมต่างไปรุมมุงดูยามที่เขาไปปรากฏตัวตามงานอีเว้นท์ต่างๆ ความโด่งดังถาโถมจนแม้แต่เจ้าตัวเองก็ไม่คาดฝัน

“พี่ภีม ยิ้มหน่อยค่า มองกล้องนี้นะคะ” เสียงหญิงสาวมากหน้าหลายตาที่รุมล้อมขอถ่ายรูปร่วมกับเขาอยู่ ภีมหันมองกล้องนั้นกล้องนี้ตามเสียงเรียกทั้งหลาย ก่อนที่จะมีคนมาดึงตัวเขาฝ่าวงล้อมของเหล่าแฟนคลับออกไป

“เรื่องแฟน ไม่มีจริงๆ ครับ ตอนนี้ผมเพิ่งอายุ 20 เอง ยังไม่รีบร้อนเรื่องนี้ครับ ตอนนี้ขอเน้นที่เรื่องงานและเรื่องเรียนเป็นหลักก่อน อย่างน้อยก็ขอให้เรียนให้จบก่อนแล้วค่อยคิดเรื่องแฟนแล้วกันครับ”

ภีมทำหน้าหล่อตอบคำถามสื่อมวลชนที่ห้อมล้อมรอบตัวเขาอยู่ คำตอบของเขาเรียกเสียงชื่นชมจากบรรดาแฟนคลับทั้งหลายที่รอฟังคำตอบจากเขาอยู่ ป้ายชื่อภีมถูกชูสูงขึ้นเพื่อให้กำลังใจชายหนุ่ม ตามด้วยเสียงเรียกชื่อเขาจากผู้ติดตามทั้งหลาย ภีมส่งยิ้มโบกมือทักทาย นัยน์ตาเป็นประกายเปี่ยมสุขที่มีคนชื่นชมมากมาขนาดนี้

“ชุดว่ายน้ำเหรอครับ คงไม่ถ่าย ผมอายุยังน้อย รูปร่างก็ไม่ได้ดีอะไร อยากเน้นที่ฝีมือมากกว่าขายรูปร่างหน้าตา และอยากเป็นตัวอย่างที่ดีให้น้องๆ ด้วยครับ”

ภีมนั่งอยู่ในรถที่มีศักดาทำหน้าที่ขับรถให้ ศักดาเป็นผู้จัดการส่วนตัวของภีมมา 2 ปีแล้ว ตั้งแต่เมื่อครั้งที่ภีมยังไม่มีชื่อเสียงอย่างวันนี้ เขายังจำได้วันแรกที่พบกัน เขามองเห็นประกายความดังเฉิดฉายอยู่รอบตัวภีม แต่ก่อนที่จะได้ภีมมาดูแล เขาต้องทุ่มเงินเป็นจำนวนไม่น้อยเพราะภีมติดสัญญากับผู้จัดการคนก่อน ที่เขารู้ว่ามีความสามารถไม่พอที่จะส่งภีมให้โด่งดังขึ้นได้ ตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา ศักดาทำทุกทางเพื่อให้ภีมได้มีชื่อเสียงโด่งดัง ซึ่งสุดท้ายก็สมใจเขา

“ตอบคำถามได้ดีนี่” ศักดาเอ่ยชม ภีมยิ้มเหยียดๆ ตอบไปว่า

“ก็ไม่ได้ยากอะไรนี่ครับ เพราะไม่ต่างอะไรกับการท่องบทเล่นละคร”

“เธอเริ่มเป็นมืออาชีพขึ้นเรื่อยๆ แล้ว ต่อไปฉันคงไม่ต้องห่วงอะไรอีกแล้ว” ศักดาปล่อยมือซ้ายที่จับพวงมาลัยรถ เปลี่ยนมากุมที่หัวเข่าของภีมแทน ภีมเบนสายตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างรถ เหมือนเหตุการณ์นี้เป็นเรื่องปกติที่เขาพบเจอทุกวัน

ตอนที่ศักดามาเจอเขาเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ภีมเข้าประกวดนายแบบของผับเกย์แห่งหนึ่งอยู่ ตอนนั้นคนที่ชักนำเขาเข้ามาประกวดคือเจ๊โก้ สาวประเภทสองที่เขาพบในบาร์ขณะที่ไปเที่ยวกับเพื่อนๆ เจ๊โก้เข้ามาทักและนัดเขาไปดูตัว บอกว่าจะส่งเข้าประกวดนายแบบในผับแห่งหนึ่ง เขาให้เจ๊โก้ถ่ายภาพเปลือยเพราะถูกหว่านล้อมว่าจำเป็นต้องใช้เพื่อดูรูปร่าง แล้วเขาก็ถูกเจ๊โก้พามาที่ผับเกย์ ที่นี่เต็มไปด้วยผู้ชายที่ดูหื่นกระหายในเรือนร่างของผู้ชายด้วยกัน เขาทั้งตื่นเต้นทั้งรู้สึกกลัว ไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน ท่อนลำของเขาผงาดตุงเป็นลำในชุดว่ายน้ำตัวจิ๋วที่ใส่ประกวด ตอนที่ขึ้นเวทีนั่นเองที่เขาได้พบศักดา ชายหนุ่มที่ไม่เหมือนใครในที่นั้น

ศักดาไม่ได้มาเที่ยวหรือมาเพื่อหวังอะไรเหมือนชายอื่นในที่นั้น ตอนนั้นเขามาคุยธุรกิจกับป๋าใหญ่เจ้าของผับ ตอนที่เขาสบตาศักดา เขาเห็นแววตาตื่นตะลึงของอีกฝ่าย หลังจากที่เขาลงเวที เจ๊โก้ก็เข้ามาบอกเขาว่า ไม่ต้องขึ้นประกวดอีกแล้ว และต่อไปนี้ศักดาจะเป็นคนดูแลเขาแทน ศักดาเดินเข้ามาหาเขา หนุ่มใหญ่วัย 40 ปีคนนี้ดูสุภาพ หล่อเหลาสมวัย แววตาที่เขาจ้องมองมาทำให้ภีมยิ่งตื่นตัวมากกว่าเดิม เขาส่งเสื้อผ้ามาให้ภีมเปลี่ยน แล้วหลังจากวันนั้นชีวิตของภีมก็เปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง

ศักดาขยับกายลุกขึ้นจากเตียง เรือนร่างของเขาเปลือยเปล่า แม้วัยจะเลย 40 ปีมาแล้ว แต่รูปร่างของเขายังกำยำล่ำสันไม่ต่างอะไรกับตอนหนุ่มๆ บ่งบอกถึงการใส่ใจสุขภาพของเจ้าตัวเป็นอย่างดี เขาหันมามองคนที่นอนเคียงข้างบนเตียง ใบหน้าของภีมยังบริสุทธิ์สดใสเหมือนวันแรกที่เขารู้จัก ศักดาเดินไปเก้าอี้ที่เขาถอดเสื้อสูทพาดเอาไว้ ล้วงหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ แล้วเดินพาร่างเปลือยเปล่าไปยืนที่ระเบียงคอนโด ห้องพักสุดหรูที่มีชื่อเขาเป็นเจ้าของนี้ ส่วนหนึ่งคือน้ำพักน้ำแรงของเขาเอง อีกส่วนคือรายได้ส่วนแบ่งจากความโด่งดังของชายที่นอนหลับอยู่บนเตียง

ศักดาจุดบุหรี่สูบ อากาศยามเช้านี้ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย หนุ่มใหญ่ปล่อยใจให้คิดไปถึงเหตุการณ์ก่อนที่เขาจะเจอภีม คิดไปถึงใครคนหนึ่งซึ่งเขาเคยดูแลก่อนที่จะพบกับภีม

ตอนนั้นเขายังอยู่ห้องชุดเก่าๆ โทรมๆ ไม่หรูหราเหมือนตอนนี้ ภาวัตรคือชายหนุ่มที่เขาดูแลเป็นคนแรก ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยมีประสบการณ์ด้านนี้มาก่อน แต่ความที่คลุกคลีอยู่ในวงการตั้งแต่ยังเรียนไม่จบทำให้เขารู้จักคนมากมาย และช่วยฝากฝังหางานให้ภาวัตรได้บ้าง ทั้งคู่ใช้เวลาอยู่หลายปี จนภาวัตรมีชื่อเสียงสมดังใจ แต่หลังจากโด่งดังภาวัตรกลับเปลี่ยนแปลงไป แยกตัวออกไปอยู่ต่างหากโดยอ้างว่าไม่สะดวกและไม่อยากเป็นขี้ปากคนที่ต้องอยู่ในห้องพักเก่าๆ โทรมๆ แบบนี้ หลังจากนั้นก็เริ่มรับงานเองโดยไม่ผ่านความเห็นชอบจากเขา และสุดท้ายชายหนุ่มก็ขอยกเลิกสัญญาและไปอยู่กับผู้จัดการคนใหม่ที่มีชื่อเสียงในการทั้งผลักทั้งดันดาราแถมยังมีคอนเนคชั่นกับคนในวงการมากกว่าเขา

ศักดาไม่ได้รั้งคนที่ไม่มีใจ แต่เขาก็เจ็บปวด เพราะทุ่มเททุกอย่างลงไปไม่ใช่น้อย เขาคอยเฝ้ามองความเติบโตของภาวัตรอยู่ห่างๆ แต่ดูเหมือนว่าการตัดสินใจไปอยู่ในความดูแลของนักปั้นที่มีเด็กในคอนโทรลมากมายจะเป็นความคิดที่ผิด เพราะหลังจากพยายามดันอยู่นาน แต่ชื่อเสียงของภาวัตรก็ไม่กระเตื้องขึ้นมาเท่าไหร่ รัศมีความเป็นพระเอกค่อยๆ มอดลง จนสุดท้ายต้องลดบทบาทไปเป็นตัวรองหรือตัวร้าย ประกบพระเอกรุ่นน้องในสังกัดที่กำลังโด่งดัง และตอนนั้นเองที่เขาได้พบภีม หนุ่มน้อยที่เข้ามาเปลี่ยนชีวิตเขา

ภีมลืมตาตื่นขึ้นมา เขาเห็นศักดายืนเปลือยเปล่าสูบบุหรี่อยู่ที่ประตูระเบียง ม่านสีขาวช่วยปกปิดไม่ให้ภายนอกมองเข้ามาเห็นเขาได้ ภีมสะบัดผ้าห่มที่คลุมกายแล้วเดินพาร่างเปลือยเปล่าตรงไปหาศักดา เขาใช้แขนทั้งสองข้างโอบรอบไหล่กว้างของหนุ่มใหญ่ เขาเห็นศักดาสะดุ้งเล็กน้อย

“คิดอะไรอยู่ครับ” ภีมเอ่ยถาม

“เรื่อยเปื่อยน่ะ ไม่มีอะไรพิเศษหรอก” ศักดาหันมาหาภีม บรรจงประทับรอยจูบที่ริมฝีปากพระเอกดัง ก่อนจะไล้มาที่ซอกคอ จนภีมใจสั้น เขาปล่อยความรู้สึกไปตามการนำพาของศักดา จากซอกคอค่อยๆ ไล่เรื่อยมาที่หัวไหล่ หน้าอก หัวนมทั้งสองข้าง มือของภีมเกร็งแน่น ไขว่คว้าไปทั่วจนไปดึงให้ม่านหน้าต่างเปิดกว้างออก แสงแดดส่องเข้ามาภายในทำให้ห้องสว่างขึ้นมาในพริบตา แต่ก็ไม่อาจดับอารมณ์กำหนัดของคนทั้งสองลงได้

ภีมเปลี่ยนบทบาทเป็นฝ่ายจู่โจมบ้าง เขาบดขยี้ริมฝีปากกับแผงอกกำยำของหนุ่มใหญ่ ใช้ลิ้นตวัดเลียที่หัวนมที่ชูช่อทีละข้างอย่างหื่นกระหาย ก่อนที่จะใช้ลิ้นลามเลียลงไปเรื่อยๆ จนถึงท่อนลำที่แผดผงาดของศักดา ภีมใช้ริมฝีปากดูดกลืนท่อนลำนั้นอย่างชำนาญ จนศักดาปล่อยเสียงครวญครางบิดตัวเกร็งด้วยความเสียวซ่าน และไม่ทันที่ภีมจะตั้งตัว ศักดาก็ก็จับชายหนุ่มพลิกนอนคว่ำไปกับพื้นห้อง ก่อนจะยกก้นโด่งเนียนสวยของภีมขึ้นมา แล้วจับท่อนลำแผดผงาดของตัวเองกระแทกใส่รูตูดของพระเอกดังที่แอ่นรออยู่เบื้องหน้าแล้ว แม้จะผ่านการทำศึกกันมาหลายครั้งแล้ว แต่ภีมก็ยังรู้สึกเจ็บอยู่ดี เมื่อโดนศักดากระแทกท่อนลำเข้ามา ทำให้ชายหนุ่มปล่อยเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ซึ่งยิ่งทำให้ศักดาเร่งเครื่องของตัวเองให้แรงยิ่งขึ้นไปอีก

ศักดายืนมองภีมที่กำลังบันทึกเทปสัมภาษณ์รายการโทรทัศน์ชื่อดังอยู่ รายการเน้นความบันเทิง พิธีกรมีอยู่หลากหลายคน ทำหน้าที่รับส่งมุกกันอย่างสนุกสนาน แต่ดูเหมือนภีมจะไม่สนุกนัก อาจจะเพราะเขายังใหม่ และไม่คุ้นเคยกับผู้ดำเนินรายการ ระหว่างนั้นมีข้อความถูกส่งมาที่มือถือของเขา หนุ่มใหญ่เห็นเบอร์โทรที่คุ้นตาส่งข้อความมาเพื่อขอนัดพบกับเขาตอนนี้

ศักดาเดินเข้ามาภายในร้านอาหารหรู ผู้คนค่อนข้างน้อย เขาเห็นคนที่นัดเขามาพบนั่งหลบมุมอยู่ด้านในสุดของร้าน ศักดาจึงเดินตรงเข้าไปหา

“รู้ได้ยังไงว่าผมอยู่ที่นี่” ศักดาเอ่ยถาม ชายตรงหน้าสวมแว่นกันแดดหนาพยายามปกปิดหน้าตาไม่ให้คนจำได้

“ก็ไม่ได้เป็นความลับอะไรไม่ใช่เหรอ” ฝ่ายนั้นตอบ

“มีธุระอะไรให้ผมได้รับใช้ครับ”

“ไม่ต้องมาทำเสียงเหินห่างกันขนาดนั้นหรอก รู้อยู่ว่าเราเคยเป็นอะไรกันมาก่อน”

“โอ..พูดอย่างนี้ระวังจะเป็นข่าวนะครับ เดี๋ยวจะเสียเกรดดาราใหญ่ของคุณหมด”

“เลิกแดกดันเสียทีได้ไหมคุณศักดา จะต้องให้ผมก้มกราบขอโทษในสิ่งที่ทำเอาไว้ไหม” น้ำเสียงอีกฝ่ายเริ่มสั่นเครือ ศักดาอดรู้สึกสะท้อนใจไม่ได้

“งั้นคุณก็ว่าธุระของคุณมาเถอะภาวัตร”

ภาวัตรเอื้อมมือมากุมมือหนุ่มใหญ่ ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ้อนวอน

“ผมอยากกลับมาอยู่กับคุณ ให้คุณช่วยดูแลผมเหมือนเก่า”

“อ้าว คุณอั๋นเขาเป็นผู้จัดการคุณอยู่ไม่ใช่เหรอ จะกลับมาอยู่กับผมได้ยังไง เขาเส้นใหญ่จะตาย ระวังเถอะจะโดนแบล็กลิสต์เอา”

“ถึงไม่โดนก็เหมือนโดนอยู่แล้ว เขาแทบไม่ป้อนงานให้ผมเลย หรือถึงมีงานก็เป็นงานเกรดต่ำๆ เด็กใหม่เขาเยอะแยะ ไม่มาสนดาราตกกระป๋องอย่างผมหรอก”

“ผมไม่อยากทำร้ายคุณซ้ำนะ แต่ภาวัตร ผมคงช่วยคุณไม่ได้ ผมไม่อยากมีปัญหา ถ้าคุณกลับมาผมจะพลอยเดือดร้อนไปด้วย ในเมื่อคุณตัดสินใจไปจากผมแล้ว ก็ขอให้เราจบกันแค่ตรงนี้เถอะ คุณก็รู้ว่าผมมีคนที่ดูแลใหม่แล้ว ผมไม่อยากรับภาระเยอะ จะทำให้งานออกมาไม่ดี”

“ใช่สิ ไอ้เด็กใหม่นั่นมันทั้งสด ทั้งหน้าตาดี แถมกำลังดัง อยากรู้นักว่าคุณทำกับมันอย่างที่ทำกับผมรึเปล่า คงเหมือนกันล่ะสิ หน้าใสขนาดนั้นคุณคงไม่ปล่อยไว้หรอก”

“อย่าดูถูกคนอื่นแบบนั้น แล้วอย่าตัดสินคนอื่นจากกระทำของตัวเอง ไม่อย่างนั้นคุณจะลำบากกว่านี้”ศักดาลุกจากโต๊ะไปโดยไม่หันมาสนใจชายหนุ่มที่นั่งตะลึงงันกับคำพูดของเขา ไม่น่าเชื่อว่าเวลาไม่นานศักดาจะเปลี่ยนไปขนาดนี้ จริงอยู่ว่าเขาเองก็มีส่วนผิด แต่ภาวัตรคิดว่าที่ศักดาเปลี่ยนไปแบบนี้ส่วนหนึ่งเป็นเพราะไอ้ดาราดังภีมนั่นแน่ๆ ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น ยิ่งเกลียดชัง เขาจะจัดการยังไงกับเรื่องนี้ดี

คืนนั้นภาวัตรนอนไม่หลับ ความขุ่นเคืองใจสุมแน่นอยู่ในอก จึงขับรถออกจากคอนโดไปหาเหล้าดื่มย้อมใจ หลังจากที่เขามาอยู่ในความดูแลของคุณอั๋นผู้ปั้นดาราดังมามากมายหลายคน ด้วยความหวังว่าจะมีชื่อเสียงโด่งดังสมใจ แต่เหมือนบุญมีแต่กรรมบัง เขาได้รับบทพระเอกละครอยู่ 2 เรื่อง ซึ่งทำเรตติ้งได้ย่ำแย่ทั้ง 2 เรื่อง ทำให้งานที่กำลังรุ่งโรจน์ต้องชะงักไป กว่าจะมีละครเรื่องใหม่เขาต้องรอนานเกือบปี แถมยังถูกลดชั้นไปเป็นพระเอกคู่รอง เพื่อดันดาราหน้าใหม่ในสังกัดให้ขึ้นมาเป็นพระเอกอีก โชคดีที่ละครเรื่องนี้ทำเรตติ้งดี ทำให้เขาพอมีงานบ้าง แต่ดูเหมือนโอกาสจะกลับมาเป็นพระเอกนำจะเลือนรางลงไปทุกที สิ่งที่เขาทำได้ตอนนี้คือการรักษาระดับไม่ให้โดนลดบทบาทไปมากกว่านี้

ตอนที่เขาไปอัดเทปรายการโทรทัศน์ที่นำนักแสดงจากละครเรื่องดังที่เขาเล่นประกบ ภูมิชาย พระเอกใหม่ในสังกัดเดียวกันมาสัมภาษณ์ คุณอั๋นเดินเข้ามาหาพวกเขาบอกว่า

“คุณโจจากหนังสือ อิมเมจิ้น โทรมาขอคิวถ่ายแบบเธอ 2 คนแน่ะ คงเห็นกระแสละครดี ยังไงก็ฟิตหุ่นรอได้เลยนะ เขานัดถ่ายอาทิตย์หน้า”

ภาวัตรรู้สึกดีใจ อย่างน้อยการถ่ายแบบครั้งนี้คงสร้างกระแสที่ดีให้เขาได้บ้าง อย่างน้อยคงจะมีงานถ่ายแบบอีกหลายเล่มตามมา แต่แล้วเขาก็ต้องผิดหวังอีกครั้ง เพราะมีเพียงภูมิชายเท่านั้นที่ได้ขึ้นปกอวดกล้ามแกร่ง ส่วนตัวเขาเป็นแฟชั่นเซ็ตใน ซ้ำร้ายยังต้องถ่ายชุดว่ายน้ำอีกด้วย

“ผมไม่ถ่ายชุดว่ายน้ำ คุณอั๋นไม่ได้บอกเหรอครับ”

“อ้าว ก็พี่ตกลงกับคุณอั๋นไว้แล้วนี่ ว่าวัตรถ่ายเซ็ตใน เป็นชุดว่ายน้ำบิกีนี่ทั้งเซ็ต คุณอั๋นยังเรียกค่าตัวสูงกว่าเรตถ่ายแบบธรรมดาด้วยนะ”

เมื่อไม่สามารถปฏิเสธได้เขาจึงจำใจถ่ายชุดว่ายน้ำลงหนังสือเล่มนั้น หลังจากนั้นคุณอั๋นก็รับงานแนวนี้ให้เขาติดๆ กันอีก 3 เล่ม ทั้งกางเกงใน ไปจนถึงจีสตริงที่ถ่ายเห็นก้นชัดเจน เขาต้องจำใจฝืนถ่ายเพราะไม่อยากถูกดองงาน แต่นั่นทำให้งานละครไม่เข้า และงานที่มีให้เขาทำตอนนี้ก็มีแค่งานเดินแบบชุดว่ายน้ำในห้างสรรพสินค้าและตามผับเท่านั้น

“คุณภาวัตรใช่ไหมครับ” เสียงทักทายดังแทรกเสียงเพลงที่เปิดลั่นในคลับส่วนตัว คนทักคงไม่ค่อยแน่ใจเพราะมุมที่ภาวัตรนั่งอยู่ค่อนข้างมืด

“ใช่ครับ” ภาวัตรยิ้มให้ เขารู้สึกดีที่ยังมีคนจำได้

“ผมชอบคุณมากเลย นี่มาเที่ยวคนเดียวเหรอครับ ผมขอนั่งเป็นเพื่อนได้ไหม”

ภาวัตรพยักหน้าเชื้อเชิญ

“ผมมาเที่ยวกับเพื่อนๆ น่ะ” เขาหันหน้าไปทางโต๊ะที่ห่างไปไม่มากนัก โต๊ะนั้นมีชายหนุ่มนั่งอยู่เต็มโต๊ะ แต่ดูท่าทางจะไม่ใช่หนุ่มแท้ แม้ท่าทางแต่ละคนจะดูแมนมากๆ

“สนใจจะไปร่วมวงกับเราไหมครับ”

“ไม่ดีกว่าครับ ผมไม่ชอบคนเยอะๆ ”

“แหม น่าเสียดายจัง อ้อ เพื่อนผมมันฝากมาขอลายเซ็นด้วยครับ” ชายตรงหน้าหยิบหนังสือฉบับหนึ่งที่เพิ่งวางแผงขึ้นมา เปิดไปที่หน้าที่เขาถ่ายแบบ พร้อมหยิบปากกาออกมาส่งให้ภาวัตร

ภาวัตรรู้สึกหน้าชา หน้าที่เปิดขึ้นมาเป็นรูปถ่ายแบบชุดว่ายน้ำของเขา เขาสวมชุดว่ายน้ำแบบจีสตริงหันหลังโชว์ก้นเต็มๆ

“เซ็นต์ตรงก้นขาวๆ นี่ได้เลยครับ ไม่ต้องเกรงใจ อ้อ รูปนี้ด้วยครับ เป้ากางเกงว่ายน้ำของคุณรูปนี้โคตรตุงเลย ผมชักอยากเห็นของจริงซะแล้วสิ”

ชายหนุ่มหยิบแผ่นกระดาษออกมาจากกระเป๋า ยื่นให้ภาวัตร เขารับมาเปิดดู มันเป็นเช็คที่มีมูลค่า 5 หมื่นบาท

“คงไม่น้อยไปนะ กับการที่เราจะได้สนุกด้วยกัน ผมเปิดห้องไว้ที่ชั้นบน นี่เบอร์ห้อง ตามผมไปนะ”

ชายหนุ่มลุกขึ้นจากโต๊ะของภาวัตร แล้วเดินฝ่าความมืดขึ้นชั้น 2 ของคลับแห่งนั้นไป ภาวัตรเหลือบไปมองชายกลุ่มใหญ่นั้น ตอนนี้พวกเขากำลังสนุกสนานเฮฮาจนไม่ได้สนใจเขาแล้ว ภาวัตรจึงค่อยๆ ลุกจากที่นั่ง เดินตามชายคนนั้นขึ้นชั้น 2 ไล่ดูตามเบอร์ห้อง เมื่อถึงห้องที่นัดหมาย เขาลองบิดลูกบิดประตู มันไม่ได้ล็อกเอาไว้ เขาจึงเปิดเข้าไป ภายในห้องมืดสนิท ทันทีที่เขาเดินเขาปิดประตู แสงไฟในห้องก็สว่างขึ้น แล้วร่างหนึ่งก็สวมกอดเขาจากด้านหลังโดยไม่ทันได้ตั้งตัว เขารู้สึกว่าร่างนั้นไม่มีเสื้อผ้าปกปิดกาย ท่อนลำชูชันเบียดเสียดที่ยั้นท้ายของเขา เสียงพูดดังขึ้นอย่างหื่นกระหาย

“ผมคิดไม่ผิดว่าคุณต้องมา”

ว่าแล้วชายหนุ่มก็กระชากกระดุมเสื้อเชิ้ตของภาวัตรจนขาดออกจากกัน ทำให้ท่อนบนของชายหนุ่มเปลือยเปล่า เผยให้เห็นกล้ามแกร่ง หลังจากนั้นเขาก็คุกเข่าลง ดึงเข็มขัดที่รัดเอวชายหนุ่มทิ้งไป ก่อนจะกระชากกางเกงแสล็คนั้นให้หลุดร่นลงมากองที่ปลายเท้า มือของเขาลูบคลำกางเกงในทรงบิกินี่ที่บวมเปล่งของภาวัตรเอาไว้ ปากก็พร่ำบอกว่า

“ตุงเหมือนตอนถ่ายแบบเลย แสดงว่าคุณไม่ได้ยัดอะไรไว้จริงๆ ”

แล้วหนุ่มแปลกหน้าก็ดึงกางเกงชั้นในภาวัตรลงไปกองกับพื้น แล้วดุนลิ้นโลมเลียท่อนลำนั้นอย่างหื่นกระหาย

“สะใจจริงๆ ได้ดูควยดารา แต่จะสะใจยิ่งกว่าถ้าได้เย็ดดาราด้วย”

ว่าแล้วเขาก็ผลักภาวัตรลงไปกองกับพื้น ดึงกางเกงชั้นนอกและในออกจากปลายเท้า แล้วจัดการแหกขาของภาวัตรออก แล้วค่อยๆ ดันแก่นกายที่กำลังแข็งชูชันของตัวเองเข้าไปในร่างของภาวัตร

ชายแปลกหน้าหัวเราะเมื่อเห็นหน้าตาบิดเบี้ยวแสดงความเจ็บปวดของภาวัตร

“อยากให้ทุกคนมาเห็นสีหน้าคุณตอนนี้จัง”

ชายแปลกหน้าเพิ่มแรงกระเด้าขึ้นเรื่อยๆ ภาวัตรรู้สึกเตลิดไปกับรสกามารมณ์ที่ชายแปลกหน้าหยิบยื่นให้ หลังพายุกามโหมกระหน่ำได้ไม่นาน เขาก็รู้สึกถึงแรงฉีดที่ทะลวงเข้าไปในร่างกาย ภาวัตรหายใจหอบถี่ ก่อนจะหมดสติไปโดนไม่รู้ตัว

ภาวัตรตื่นขึ้นมา รอบข้างยังมืดมิด เขามองหาชายแปลกหน้าแต่ไม่พบเจอใคร เดินไปเปิดสวิทช์ไฟ แสงไฟจ้าทำให้เขารู้สึกแสบตา พอสายตาปรับสภาพได้ เขาจึงมองไปรอบห้อง ไม่พบแม้แต่เงาชายแปลกหน้า ที่โต๊ะตัวหนึ่งมีเสื้อผ้าวางอยู่พร้อมกระดาษที่เขียนข้อความทิ้งเอาไว้

“ขอบคุณสำหรับกิจกามที่เราทำร่วมกันในคืนนี้ ผมเตรียมเสื้อผ้าชุดใหม่ไว้ให้คุณเปลี่ยนแล้ว หวังว่าเงิน 5 หมื่นบาทคงไม่มากหรือน้อยเกินไป ขอบคุณที่ทำให้ผมชนะพนันเพื่อนๆ ทั้งกลุ่ม มันไม่เชื่อว่าคุณจะตามผมขึ้นมา มันไม่เชื่อว่าเป้าตุงๆ ในหนังสือนั่นจะเป็นของคุณจริงๆ แล้วก็ยิ่งไม่เชื่อด้วยว่าผมจะได้เย็ดคุณจริงๆ แต่ผมได้ทำครบทุกข้อเมื่อคืน เงิน 5 หมื่นที่ให้คุณไปจึงเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับที่ผมจะได้จากเพื่อนทุกคนในกลุ่ม (ลงชื่อ)สุชาติ”

ภาวัตรรู้สึกเหมือนโดนตบจนหน้าชา เขานึกถึงกลุ่มผู้ชายร่วม 10 คนที่โต๊ะนั้นที่มองมาทางเขาเมื่อคืน ความเจ็บแค้นสุมจนแน่นอก อยากจะชำระแค้นกับทุกคนที่ทำให้ชีวิตเขาต้องเป็นแบบนี้

ภาวัตรสวมชุดใหม่ที่สุชาติทิ้งไว้ให้ลงมาจากชั้น 2 ของคลับแห่งนั้น ผู้คนในคลับยังคงพลุกพล่าน เขาเดินมาหยุดที่โต๊ะของตัวเอง ซึ่งตอนนี้มีคนอื่นจับจองที่นั่งไปแล้ว เมื่อลองถามพนักงานก็ได้ความว่าสุชาติจ่ายค่าเครื่องดื่มให้เขาไปแล้ว ภาวัตรจึงลองถามเรื่องเกี่ยวกับสุชาติจากพนักงาน

“คุณชาติแกเป็นสมาชิกที่นี่ครับ มาบ่อย มาทีไรเป็นต้องจองห้องชั้นบนไว้ทุกที อาจจะเพราะแกหล่อ ดูภูมิฐาน แล้วก็สุภาพ ก็เลยมีเหยื่อมาติดกับแกทุกที ว่าแต่ พี่นี่หน้าคุ้นๆ นะ เป็นดาราหรือเปล่าเนี่ย” พนักงานพยายามเพ่งมองหน้าภาวัตรในความมืด

“เอ่อ ไม่ใช่ หน้าโหลน่ะ มีคนทักบ่อย”

“แต่ผมคุ้นหน้าพี่จริงๆ นะ”

ภาวัตรรีบควักเงินส่งให้พนักงานเพื่อตัดบทสนทนา พนักงานเห็นเงินก็รีบคว้าแล้วกล่าวคำขอบคุณก่อนจะเดินเลี่ยงออกไป แต่ยังไม่วายไปสะกิดเพื่อนร่วมงานให้ช่วยดูเพื่อคลายความสงสัย ส่วนภาวัตรเมื่อเสร็จธุระก็เตรียมจะกลับ แต่ก็โดนเรียกไว้โดยชายปริศนาที่นั่งอยู่

“ถ้าไม่รีบกลับ เชิญนั่งดื่มด้วยกันสิครับ”

ภาวัตรเพ่งมองชายผู้ชักชวน แต่ความมืดทำให้เห็นหน้าไม่ชัด

“ผมกำลังจะกลับ” ภาวัตรปฏิเสธ

“ราตรีนี้ยังเยาว์ จะรีบกลับไปอมทุกข์อยู่คนเดียวทำไมครับ มานั่งดื่มเหล้าย้อมใจ ให้ชีวิตมีความสุขไม่ดีกว่าเหรอ”

“คืนนี้ผมดื่มมากเกินไปแล้ว”

“หรือจริงๆ ยังมากไม่พอ”

ภาวัตรรู้สึกสงสัยในตัวชายปริศนาที่พยายามคะยั้นคะยอให้เขานั่งดื่มต่อด้วย จึงนั่งลงตามคำเชื้อเชิญเพราะอยากรู้ว่าชายคนนี้ต้องการอะไรจากตัวเขา ชายปริศนาชงเหล้าแก้วใหม่ส่งมาให้เขา ภาวัตรรับมาดื่มเพื่อไม่ให้คนชวนเสียน้ำใจ

“คุณมาดื่มเหล้าคนเดียวอย่างนี้บ่อยเหรอ” ภาวัตรเอ่ยถามชายปริศนา

“ทุกคืน”

“ทำไม”

“ผมมีหน้าที่ที่ต้องทำ”

“หน้าที่อะไร”

“ทำให้ความแค้นมีพลัง”

ภาวัตรสะดุดกับคำพูดของชายปริศนา “ทำยังไง”

“ไม่ยาก ก็แค่หาคนที่กำลังมีความแค้นสุมใจ แล้วช่วยปลดปล่อยความแค้นของเขาออกมา”

“แล้วคืนนี้คุณพบใครคนนั้นแล้วรึยัง”

แม้จะมืดมิด แต่ภาวัตรก็เห็นรอยยิ้มเยือกเย็นที่มุมปากของอีกฝ่าย

“ผมคิดว่าผมเจอแล้ว และคิดว่าคนๆ นั้นก็พร้อมจะเล่าเรื่องทุกอย่างให้ผมได้ฟังแล้ว”

ภาวัตรไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่หลังคำพูดนั้น เรื่องราวความเจ็บแค้นใจต่างๆ ของเขาก็หลั่งไหลออกมาให้ชายปริศนาได้รับฟังจนจบ

“คุณทำดีแล้ว การแก้แค้นเป็นสิ่งหอมหวาน ถ้าคุณต้องการผมช่วยคุณได้นะ”

“ยังไง” ภาวัตรเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“ก็แค่มีสิ่งนี้เท่านั้น” ชายตรงหน้าเอื้อมมือล้วงบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อเชิ้ต มันเป็นซองขนาดเล็กสีน้ำตาล เขาส่งซองนั้นใส่มือภาวัตร เขารับมาแกะดู ภายในซองนั้นมียาขนาดเล็กหนึ่งเม็ดที่บรรจุอยู่ในแผงอย่างชัดเจน ยังไม่ทันจะกล่าวอะไรชายปริศนาก็บอกว่า

“ผมให้คุณเม็ดนึง คุณเอาให้คนที่คุณต้องการล้างแค้นกิน แล้วหลังจากนั้นเขาจะตกเป็นทาสคุณ เชื่อฟังคุณทุกอย่าง แล้วไม่ต้องกังวล คนนอกจะไม่รู้ว่าคุณกำลังควบคุมเขาอยู่ แล้วจะไม่มีใครจับได้เพราะไม่มีสารอะไรตกค้างให้คุณต้องเดือดร้อนทีหลังแน่นอน ผมรับประกันเพราะเคยลองมาแล้ว ข้อแม้เดียวคือยานี้จะมีอายุแค่ 6 ชั่วโมงหลังจากที่คนๆ นั้นกินมันเข้าไป คุณอย่าพลาดที่จุดนี้ ผมขอให้คุณโชคดีและสนุกกับการล้างแค้น”

“แน่นอน ผมจะสนุกกับมันให้เต็มที่เลย” ภาวัตรยิ้มอย่างเหี้ยมเกรียม ก่อนจะลุกจากที่นั่งตรงหน้าชายปริศนา แล้วเดินหายไปท่ามกลางผู้คนที่กำลังดื่มกินกันอย่างสนุกสนาน