แค้นจัดหนัก V2

อาจารย์พลวิทย์

พลวิทย์ อาจารย์หนุ่มหล่อ ที่มีใบหน้าอ่อนเยาว์กว่าอายุจริงที่ผ่านเลขสามไปแล้วถึงสามปี ส่วนหนึ่งเพราะอาชีพครูพละที่ทำให้เขาต้องออกกำลังกายอยู่สม่ำเสมอ ทำให้เขามีรูปร่างที่ดูดีกว่าชายหนุ่มวัยเดียวกันทั่วไป แม้เครื่องแบบประจำตัวชุดพละก็ไม่อาจบดบังกล้ามแกร่ง ทั้งบริเวณอก แขน หน้าท้อง หรือต้นขาได้ ทั้งนี้ยังไม่รวมถึงบั้นท้ายงอนงามที่เบียดตัวนูนจนเห็นเป็นรูปร่าง และกระเปาะเบื้องหน้าที่แลดูเป็นรูปทรงดึงดูดสายตาผู้พบเห็นให้ต้องแอบเหลือบมอง

ชายหนุ่มเพิ่งเดินออกจากห้องอาจารย์ใหญ่ หลังจากที่ถูกเรียกเข้าพบเพื่อแจ้งให้ทราบถึงข่าวดีว่าเขาได้รับเลือกจากบอร์ดบริหารของโรงเรียน ให้รับตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายพลศึกษาของโรงเรียน แทนอาจารย์ปริญญาหัวหน้าคนเก่าที่เพิ่งลาออกไป

พลวิทย์เข้ามาเป็นอาจารย์พละที่โรงเรียนแห่งนี้ได้สิบปีแล้ว หลังเรียนจบจากวิทยาลัยครูแห่งหนึ่ง สุนัยเพื่อนสนิทที่เรียนมาด้วยกัน ได้ชวนให้เขามาทำงานที่โรงเรียนแห่งนี้ เพราะเห็นว่าที่นี่น่าจะเหมาะกับเขามากกว่าโรงเรียนเดิมที่สอนอยู่ เนื่องจากเป็นโรงเรียนที่ไม่ได้เน้นแค่วิชาการเพียงอย่างเดียว แต่ยังสนับสนุนให้เด็กทำกิจกรรมหลากหลายด้าน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือกีฬา เขาจึงคิดว่าน่าจะได้ใช้ความรู้ที่ร่ำเรียนมาให้เกิดประโยชน์สูงสุดที่โรงเรียนแห่งนี้

แรกทีเดียวพลวิทย์พยายามปฏิเสธตำแหน่งนี้ เนื่องจากเขารู้ดีว่าสุนัยเพื่อนรักของเขาเองก็คาดหวังกับตำแหน่งนี้เหมือนกัน และส่วนตัวเขาเองก็คิดว่าสุนัยเหมาะสมที่จะได้รับตำแหน่งนี้มากกว่าเขา เนื่องจากอายุงานที่มากกว่า แต่เมื่ออาจารย์ใหญ่ได้ชี้แจงถึงเหตุผล ที่ชมรมว่ายน้ำซึ่งมีเขาเป็นผู้ดูแลอยู่ มีผลงานดีเด่นเป็นที่น่าพอใจขึ้นเรื่อยๆ ต่างจากชมรมฟุตบอลที่สุนัยดูแล ซึ่งมีผลงานที่ย่ำแย่และตกต่ำลงเรื่อยๆ ชายหนุ่มจึงไม่รู้จะหาเหตุผลอะไรเพื่อแย้งกับมติของบอร์ดบริหารได้ แม้ลึกๆ เขาจะหวั่นใจว่าเพื่อนรักอาจไม่พอใจและส่งผลถึงมิตรภาพอันยาวนานของพวกเขาทั้งคู่

ชายหนุ่มเดินมาจนถึงอาคารฝ่ายพลศึกษา เข้าไปยังห้องพักอาจารย์ เขาเห็นสุนัยกำลังนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะประจำตัว พอรู้ว่าเขาเดินเข้ามา เพื่อนสนิทก็เงยหน้าขึ้นมายิ้มทักทาย

“เป็นไงมั่งวะ อาจารย์ใหญ่เรียกให้เข้าพบเรื่องอะไร”

พลวิทย์ยิ้มตอบเพื่อนได้ไม่เต็มที่นักเพราะยังรู้สึกหวั่นใจอยู่

“เอ่อ...เรื่องหัวหน้าฝ่ายน่ะ อาจารย์ใหญ่บอกว่าบอร์ดบริหารแต่งตั้งให้ข้าเป็นหัวหน้าฝ่ายคนใหม่”

วินาทีนั้นดูเหมือนช่างยาวนาน ทุกอย่างดูเงียบกริบไปพักหนึ่ง ก่อนที่สุนัยจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ตรงมาหาเขา ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ยกมือขึ้นจับมือเขาเพื่อแสดงความยินดี

“ไอ้วิทย์ เอ็งน่ะเหมาะสมที่สุด บอร์ดบริหารเขามองไม่พลาดหรอก ข้ายินดีกับเอ็งด้วย”

“เอ็งไม่เสียใจเหรอวะ จริงๆ แล้วข้าว่าเอ็งน่าจะเหมาะสมมากกว่า แต่เมื่อมันเป็นมติบอร์ดก็ไม่รู้จะขัดได้ยังไง”

สุนัยยังยิ้มแย้มเช่นเดิม “เอ็งอย่าห่วงไม่เป็นเรื่องเลย ไม่ใช่ความผิดของเอ็งสักหน่อย ในเมื่อมันเป็นมติของบอร์ด ขอให้เอ็งเต็มที่กับตำแหน่งใหม่ ข้าจะคอยเป็นกองหนุนให้เอง”

พลวิทย์เริ่มรู้สึกใจชื้นขึ้นมาทันที เมื่อได้ยินคำพูดของเพื่อนสนิท

“ขอบใจเอ็งมาก ไม่ผิดหวังเลยที่เราเป็นเพื่อนกันมานาน”

“เออ อย่าเกรงใจเลย เอาอย่างนี้ดีกว่า วันศุกร์นี้ชมรมฟุตบอลของข้าจะจัดเลี้ยงฉลองตำแหน่งใหม่ให้กับเอ็ง ห้ามปฏิเสธเด็ดขาดนะเว้ย”

พลวิทย์ยิ้มรับ ไม่ปฏิเสธน้ำใจของเพื่อน โดยไม่ได้รู้สึกเอะใจเลยว่า ตำแหน่งใหม่ที่เพิ่งได้รับ จะนำทุกขลาภมาให้ และทำให้ความสัมพันธ์อันยาวนานระหว่างเขากับเพื่อนสนิทมาถึงจุดสิ้นสุด

อาจารย์สุนัย

สุนัย อาจารย์หนุ่มวัย 33 ปี เขามีรูปร่างที่ล่ำสัน บึกบึน สูงใหญ่ ร่างกายเต็มไปด้วยมัดกล้ามแทบทุกสัดส่วน ซึ่งเป็นผลจากความใส่ใจในการดูแลรักษารูปร่าง หมั่นออกกำลังกายอยู่สม่ำเสมอ และด้วยรูปร่างที่ล่ำสันสูงใหญ่ ทำให้นักเรียนต่างรู้สึกเกรงกลัวเขามากกว่าครูท่านอื่นๆ แม้กับเพื่อนครูด้วยกันเองก็ไม่ค่อยมีใครอยากสนิทกับเขามากนัก เพราะความเป็นคนยิ้มยากและพูดน้อยของเขานั่นเอง

เขาเข้ามาเป็นอาจารย์ที่โรงเรียนแห่งนี้ตั้งแต่ช่วงฝึกสอน เมื่อโรงเรียนเห็นผลงานที่เขาเข้าไปมีส่วนช่วยให้ทีมฟุตบอลของโรงเรียนชนะการแข่งขันระดับภาคได้ จึงบรรจุให้เขาเข้าทำงานทันทีที่เรียนจบ แล้วเข้ามาเป็นโค้ชประจำทีมฟุตบอลเรื่อยมาจนทุกวันนี้

แรกที่เข้ามา ทีมฟุตบอลของโรงเรียนมีผลงานที่โดดเด่นอยู่แล้ว เนื่องจากมีคนที่เก่งและตั้งใจอยู่หลายคน เมื่อมารวมกับเทคนิคที่เขาสอนยิ่งทำให้ทีมแข็งแกร่งยิ่งขึ้น จนสองปีต่อมาสามารถฟันฝ่าไปจนถึงตำแหน่งแชมป์ระดับประเทศ และรักษาตำแหน่งอยู่ได้หลายปี จนเมื่อถึงเวลาไม้ผลัดใบ นักกีฬาเด่นๆ ในทีมเรียนจบออกไปทีละคนสองคน และเขาไม่สามารถพัฒนานักกีฬาหน้าใหม่ๆ มาทดแทนได้ทัน ทำให้มาตรฐานของทีมเริ่มลดลงเรื่อยๆ และสุดท้ายกลายเป็นทีมระดับรอง ซึ่งส่งผลต่อความนับหน้าถือตาของเขาภายในโรงเรียนที่ลดลงไปเรื่อยๆ เช่นกัน

หลังจากที่เขามาสอนที่โรงเรียนแห่งนี้ได้สักพัก ตำแหน่งอาจารย์พละได้ว่างลงจากการลาออกของอาจารย์เก่า เขาจึงเสนอชื่อพลวิทย์กับอาจารย์ใหญ่ เนื่องจากเห็นว่าเพื่อนสนิทที่เรียนมาด้วยกันมีทักษะด้านกีฬา น่าจะมาช่วยพัฒนาด้านกีฬาของโรงเรียนได้อีกแรง ซึ่งเมื่ออาจารย์ใหญ่ได้คุยกับพลวิทย์ก็ได้เห็นแววของเขาและบรรจุให้เขาเข้ามาทำงานที่นี่ตามที่สุนัยต้องการ

พลวิทย์ได้รับมอบหมายให้เป็นโค้ชของทีมว่ายน้ำด้วย ซึ่งช่วงแรกผลงานของชมรมไม่สู้ดีนัก แต่ช่วงสี่ถึงห้าปีที่ผ่านมานี้ พลวิทย์สามารถพัฒนาและยกระดับชมรมว่ายน้ำของเขาขึ้นมาจนสามารถผลิตนักกีฬาไปเป็นแชมป์ระดับประเทศ แล้วยังได้รับการคัดเลือกให้เป็นทีมชาติ ยิ่งเพิ่มความโดดเด่นให้ชมรมว่ายน้ำมากยิ่งขึ้น ซึ่งสวนทางกับชมรมฟุตบอลของเขาสุนัยโดยสิ้นเชิง

และเพราะผลจากความโดดเด่นนี้เอง ที่ทำให้วันนี้สุนัยได้รับทราบข่าวร้ายที่สุดตั้งแต่เขาเข้ามาทำงานที่นี่ ตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายพลศึกษาที่เขาตั้งมั่นว่าจะต้องเป็นของเขา เพราะลำดับความอาวุโสของการทำงาน กลายเป็นว่าถูกเพื่อนสนิทที่เขาเป็นคนชักชวนให้เข้ามาทำงานที่นี่ ตัดหน้าคว้าตำแหน่งไปต่อหน้าต่อตาเขา มันเหมือนฟางเส้นสุดท้ายที่เป็นตัวทำลายความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนให้ขาดสะบั้นลงไปจนไม่มีทางเหมือนเดิม

ความหลังครั้งเก่า

“เอ่อ...เรื่องหัวหน้าฝ่ายน่ะ อาจารย์ใหญ่บอกว่าบอร์ดบริหารแต่งตั้งให้ข้าเป็นหัวหน้าฝ่ายคนใหม่”

สุนัยเหมือนโดนสะกดไปชั่วขณะทันทีที่ได้ยินประโยคนี้หลุดออกจากปากพลวิทย์ เขาเหมือนโดนไม้หน้าสามตีแสกหน้าเข้าอย่างจัง แต่สุดท้ายเขาก็ไม่อาจแสดงความรู้สึกที่แท้จริงออกมาได้ จึงต้องแสร้งแสดงความยินดีต่อข่าวดีของเพื่อนสนิท

ตั้งแต่ที่เขาคบกับพลวิทย์มา นี่ไม่ใช่เหตุการณ์แรกที่ทำให้เขารู้สึกแบบนี้ จากครั้งแรกที่เขาคบเป็นเพื่อนกับพลวิทย์ด้วยความจริงใจมาตลอด แต่มีเหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้ความรู้สึกดีๆ ที่มีให้เพื่อนเปลี่ยนแปลงและมัวหมองไป

เหตุการณ์ครั้งนั้นเกิดตอนที่ทั้งคู่ยังเรียนวิทยาลัยครูด้วยกัน ช่วงนั้นพลวิทย์เป็นที่ชื่นชอบของสาวๆ มากกว่าเขา เพราะผิวพรรณที่ขาวสะอาด และรูปร่างหน้าตาที่ดูดีหล่อเหลา ผิดกับเขาที่ผิวดูคล้ำแดดกว่า แม้เขาจะรู้สึกน้อยใจและเคยอิจฉาเพื่อนบ้าง แต่ก็เป็นความรู้สึกเพียงเล็กน้อย จนเมื่อชลดาเข้ามาในชีวิตทั้งคู่ เธอเรียนที่เดียวกับพวกเขา เขารู้จักเธอผ่านเพื่อนคนหนึ่งที่เรียนด้วยกัน แม้เขาจะพยายามจีบชลดาอย่างไรก็ไม่เป็นผล จนเมื่อบังเอิญเขาพาพลวิทย์ไปเจอเธอ นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ทั้งคู่รักกัน

พลวิทย์ไม่รู้หรอกว่าทุกครั้งเขาต้องจำใจชวนมันไปเที่ยวด้วยเพื่อเป็นตัวล่อให้ชลดาออกมาพบเขา แต่นั่นยิ่งเป็นการกระทำที่ผิด เพราะเป็นการเปิดโอกาสให้สองคนนั้นได้ทำความรู้จักกันมากยิ่งขึ้น แล้วหลังจากนั้นสุนัยก็คือส่วนเกินของความสัมพันธ์นี้ เขาเจ็บปวด เจ็บใจที่โดนเพื่อนรักหักหลัง ไม่นานพวกเขาก็แยกย้ายไปฝึกสอน สุนัยมาฝึกสอนที่โรงเรียนชายล้วนแห่งนี้ ที่ต้องการครูที่มีความสามารถด้านการกีฬาอย่างแท้จริง เขาคิดว่าจะลืมความเจ็บช้ำครั้งนั้นไป แล้วมาเริ่มชีวิตใหม่ที่นี่

จนเมื่อรู้ว่าทางโรงเรียนต้องการอาจารย์พละคนใหม่ เขาจึงรีบเสนอชื่อเพื่อนรักของเขาให้มารับงานนี้ ซึ่งใครๆ ก็คิดว่าเพราะความปรารถนาดีเพื่อช่วยเพื่อน แต่ความจริงที่มีมากกว่านั้นซึ่งไม่มีใครรู้ก็คือ เขาต้องการดึงพลวิทย์ให้ห่างจากชลดา และหวังว่าความห่างไกลนั้นจะทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จืดจางลง ซึ่งก็ได้ผลตามที่เขาคิดเอาไว้ เพราะหลังจากนั้นไม่นานนัก ด้วยภาระหน้าที่ๆ ได้รับมอบหมาย ทำให้พลวิทย์ไม่มีเวลาที่จะเดินทางไปหาแฟนสาวในช่วงวันหยุด จนที่สุดทุกอย่างก็จบลงไป สุนัยจำได้ว่าเขาเองที่เป็นคนปลอบใจพลวิทย์ ในคืนที่พลวิทย์ชวนเขาไปดื่มเหล้าเคล้าน้ำตา ซึ่งพลวิทย์คงไม่ได้เห็นรอยยิ้มอย่างผู้ชนะที่ซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากากของเพื่อนผู้แสนดีอย่างแน่นอน

หลังจากนั้นสุนัยคิดว่าเขาจะกลับมาเป็นเพื่อนสนิทกับพลวิทย์ได้ใหม่ โดยไม่มีอะไรให้ตะขิดตะขวงใจ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ก็ทำให้เขาได้รู้ว่า แก้วที่เคยร้าว บัดนี้มันได้กลายเป็นเศษแก้วที่ไม่มีวันประสานได้ดังเดิมอีกต่อไป

ไกรภพ

เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นทำให้สุนัยได้สติจากความคิดที่กำลังเตลิดไปไกล เขาออกปากอนุญาตให้ผู้เคาะเข้ามาในห้องได้ ผู้ที่เปิดประตูเข้ามาเป็นเด็กหนุ่มร่างกายสูงใหญ่ แต่งกายด้วยเครื่องแบบนักเรียนของโรงเรียนแห่งนี้ สุนัยพยักหน้าแทนคำอนุญาตให้นั่ง เด็กหนุ่มจึงนั่งลงที่เก้าอี้เบื้องหน้าอาจารย์ของเขา

“เอ็งได้ข่าวเรื่องหัวหน้าอาจารย์ฝ่ายพละคนใหม่แล้วใช้ไหมวะ”

ทั้งภาษาและสรรพนามที่เรียกใช้ บ่งบอกถึงความสนิทสนมของทั้งสองฝ่ายได้เป็นอย่างดี

“ครับ” เด็กหนุ่มตอบรับสั้นๆ ตามนิสัยของเขา

“ข้าเลยเสนออาจารย์พลวิทย์ไปว่าวันศุกร์นี้ ชมรมฟุตบอลของเราจะจัดงานเลี้ยงฉลองตำแหน่งใหม่ให้เขา ข้าก็เลยจะให้เอ็งช่วยจัดเตรียมงานนี้ให้ข้าหน่อย”

“ได้ครับ ไม่มีปัญหา”

อาจารย์สุนัยยิ้มน้อยๆ พร้อมฉายประกายความเจ้าเล่ห์ผ่านดวงตา

“แล้วอีกอย่างที่รู้กันเฉพาะเอ็งกับข้า ของสำคัญที่ข้าเคยขอไว้ ขอจากพ่อเอ็งมาให้ข้าด้วย”

เด็กหนุ่มเบื้องหน้ายิ้มเจ้าเล่ห์เป็นการตอบรับคำ แล้วจึงลุกจากเก้าอี้ไป

สุนัยขยับกาย เอามือรองศีรษะแล้วเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ย้อนนึกถึงเด็กหนุ่มที่เพิ่งก้าวออกจากห้องไป

ไกรภพเป็นลูกชายของผู้มีอิทธิพลของเมืองนี้ ด้วยระดับผลการเรียนและความสามารถด้านอื่นๆ คงไม่ทำให้เขาโดดเด่นขึ้นมาในโรงเรียนแห่งนี้ได้ ถ้าไม่ใช้บารมีและเงินทองของผู้เป็นพ่อเข้าช่วย แม้จะขึ้นชื่อเรื่องความอื้อฉาวด้านพฤติกรรม แต่ดูเหมือนอิทธิพลที่แผ่ขยาย และเงินจำนวนมากสามารถปิดเรื่องอื้อฉาวสารพัดให้เงียบกริบได้เหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น ดูเหมือนไกรภพเองก็จะเจริญรอยตามพ่อของเขาทุกกระเบียด แต่ทุกคนก็กลัวเกรงบารมีของพ่อเขาจนไม่อาจจัดการอะไรได้

สุนัยก็เช่นเดียวกัน เขารู้ทั้งรู้ว่าเพราะไกรภพทำให้ชมรมฟุตบอลของเขาตกต่ำลงเรื่อยๆ แต่นอกจากจะไม่สามารถปลดออกจากสมาชิกทีมได้แล้ว ยังต้องมอบตำแหน่งกัปตันทีมให้ไกรภพควบคุมทีมอีกด้วย สมาชิกคนอื่นๆ ก็ดูจะไม่เดือดร้อน เพราะนอกจากจะได้รับการเลี้ยงดูปูเสื่ออย่างดีแล้ว พวกมันยังสามารถใช้ชื่อของไกรภพเพื่อการทำตัวกร่างในโรงเรียนได้อีกด้วย และนั่นเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้ไม่ค่อยมีเด็กเก่งๆ หรือที่สนใจมาขอสมัครเป็นสมาชิกชมรม จนกลายเป็นยุคมืดของชมรมฟุตบอลของโรงเรียนอย่างที่เห็น

สุนัยเองบางครั้งก็ต้องอาศัยพึ่งพาบารมีของพ่อไกรภพ เขาจึงไม่อาจใช้อำนาจที่ตนเองมี จัดการอะไรกับไกรภพได้ ยิ่งนานวันเข้าไกรภพยิ่งเปรียบเสมือนแขนขาที่ช่วยเหลือและดลบันดาลสิ่งที่เขาต้องการได้ สุดท้ายเขาจึงยอมรับโดยดุษฎีในสิ่งที่ชมรมของเขาเป็น

ก่อนหน้านี้เขาเคยคุยกับไกรภพเอาไว้บ้างแล้ว เพราะเริ่มแน่ใจว่าตำแหน่งที่เขาใฝ่ฝันไว้อาจจะไม่เป็นไปตามที่เขาต้องการ เพราะดูเหมือนว่าคณะกรรมการบอร์ดจะรับรู้ถึงอิทธิพลของพ่อไกรภพที่แผ่บารมีไปทั่วโรงเรียน และตัวเขาเองที่ถูกมองว่าเป็นหนึ่งในพวกของพ่อไกรภพ จึงถูกกันไม่ให้มีอำนาจมากไปกว่านี้ โดยดันให้พลวิทย์ขึ้นมาแทนที่เขา โดยเอาเรื่องผลงานของชมรมมาเป็นข้ออ้าง

และเมื่อเหตุการณ์เป็นอย่างที่เขาคาดการณ์ไว้ เขาจึงต้องหาทางเพื่อระบายความรู้สึกคลังแค้นที่มีในจิตใจออกไปบ้าง และเมื่อไม่สามารถระบายแค้นกับเหล่ากรรมการบอร์ดบริหารโรงเรียนได้ เหยื่อของการระบายแค้นของเขาจึงต้องมาลงที่พลวิทย์ เพื่อนสนิทที่มีบัญชีแค้นที่รอการสะสางนั่นเอง

ชมรมว่ายน้ำ

พลวิทย์รู้สึกได้ถึงความเงียบผิดปกติตอนที่เขาเดินเข้าชมรมว่ายน้ำ ตั้งแต่ที่สระด้านนอกที่ไม่มีสมาชิกชมรมคนใดอยู่ที่นั่นเลย แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกเอะใจอะไร จนกระทั่งเมื่อมาถึงห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าของสมาชิกชมรม เขาจึงต้องตกใจกับเซอร์ไพร้ซ์ปาร์ตี้ของเด็กๆ ในชมรมที่ทำให้เขา

“ยินดีด้วยครับอาจารย์” บรรดาเด็กๆ ในชมรมต่างรุมล้อมร่วมแสดงความยินดีกับเขา

“ขอบคุณ ขอบคุณพวกเธอทุกคนมาก แต่นี่ไม่ใช้ข้ออ้างที่พวกเธอจะโดดซ้อมนะ”

“แหม อาจารย์ครับ เรื่องซ้อมเรื่องเล็ก ขอให้พวกเราร่วมยินดีกับอาจารย์ก่อนนะครับ อาจารย์ไม่ต้องกลัวพวกเราจะโดดซ้อมหรอกครับ เห็นไหมครับว่าเราเตรียมพร้อมกันแล้ว” เด็กหนุ่มหน้าตาดีที่ดูจะเป็นผู้นำกลุ่มกล่าวกับอาจารย์ ให้เห็นว่าพวกเขาไม่ได้ตั้งใจจะงดซ้อม เพราะเตรียมพร้อมในชุดว่ายน้ำกันแล้วทุกคน แล้วทุกคนจึงกรูกันวิ่งออกไปที่สระเพื่อเริ่มการซ้อมในวันนี้

พลวิทย์เข้ามาดูแลชมรมนี้ได้สิบปีแล้ว หลังจากที่อาจารย์ผู้ดูแลชมรมคนเก่าลาออกไป เขาซึ่งเข้ามาเป็นอาจารย์ช่วงนั้นจึงต้องรับหน้าที่ดูแลทีมเรื่อยมา จากครั้งแรกที่ทีมยังไม่แข็งแกร่งนัก เขาค่อยๆ ฝึกฝนสมาชิกในทีมขึ้นมาเรื่อยๆ จนสามารถสร้างนักกีฬาที่มีผลงานโดดเด่นได้ปีละคนสองคน จนตอนนี้ชื่อเสียงของชมรมว่ายน้ำโรงเรียนแห่งนี้ เป็นที่รับรู้ไปทั่ว และมีสมาชิกชมรมที่ได้รับคัดเลือกให้เข้าร่วมทีมชาติด้วย

ในรุ่นล่าสุดนี้ ดูเหมือนอาทิตย์จะเป็นสมาชิกของชมรมที่โดดเด่นที่สุด เขาเป็นผู้ชนะในการว่ายน้ำระดับเยาวชนของภาค และกำลังเตรียมตัวฝึกซ้อมเพื่อลงแข่งขันในระดับประเทศในอีกสามเดือนข้างหน้านี้ พลวิทย์คิดว่าโอกาสในการได้เป็นตัวแทนทีมชาติของอาทิตย์อยู่ไม่ไกล ถ้าเขาจะได้รับการพัฒนาทักษะการกีฬามากกว่านี้ หลังจบการแข่งขันระดับประเทศ เขาจึงคิดจะลองคุยกับครอบครัวของอาทิตย์เพื่อให้จ้างโค้ชพิเศษเพื่อมาสอนทักษะเพิ่มเติมให้กับเขา ซึ่งไม่รู้ว่าจะมีความเป็นไปได้ขนาดไหน เพราะครอบครัวอาทิตย์เป็นครอบครัวชาวจีนที่สนใจแต่เรื่องธุรกิจการค้า ในบรรดาลูกๆ ทั้ง 3 คน มีเพียงอาทิตย์เท่านั้นที่สนใจกีฬา

ส่วนพีระพลที่เป็นหัวหน้าชมรมว่ายน้ำนั้น น่าจะสร้างผลงานที่ดีได้ไม่ยิ่งหย่อนกว่าอาทิตย์ที่เป็นเพื่อนสนิทกัน ถ้าไม่ประสบอุบัติเหตุจากการฝึกซ้อมเมื่อ 2 ปีก่อน จนทำให้ต้องพักฟื้นยาวนานและส่งผลต่อการแข่งขันเพราะการบาดเจ็บที่เรื้อรัง พลวิทย์รู้ดีถึงความตั้งใจอันแรงกล้าของพีระพล จึงไม่อนุญาตเมื่อเขาตัดสินใจขอลาออกจากชมรม แถมยังแต่งตั้งให้เขาเป็นหัวหน้าชมรม เพื่อช่วยเป็นกำลังในการดูแลและฝึกสอนทักษะที่เขามีให้กับรุ่นน้องๆ จนทำให้รุ่นน้องๆ พัฒนาได้เร็วขึ้นจากการดูแลอย่างใกล้ชิดของเขา

พลวิทย์ยืนมองบรรดาลูกศิษย์ในชมรมของเขาต่างตั้งใจฝึกซ้อมกันอย่างแข็งขัน ยิ่งทำให้เขารู้สึกขอบคุณเด็กๆ เหล่านั้นอยู่ในใจ ที่เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยทำให้เขาได้รับตำแหน่งที่น่าภาคภูมิใจ โดยที่ไม่ได้เฉลียวใจถึงภัยร้ายที่กำลังมาเยือนจากตำแหน่งที่ได้รับ

อาทิตย์และพีระพล

เย็นมากแล้ว บรรยากาศที่สระว่ายน้ำคลายความคึกคักลง จากที่เมื่อครู่มีสมาชิกชมรมลงฝึกซ้อมกันอย่างคึกคัก บัดนี้เหลือเพียงร่างเดียวที่กำลังแหวกว่ายอยู่

พีระพลที่นั่งอยู่ริมขอบสระกวาดสายตาตามร่างที่กำลังแหวกว่ายอยู่ไปมาในสระว่ายน้ำขนาดมาตรฐาน พลางหยิบนาฬิกาจับเวลาขึ้นมาดูเป็นระยะ ความมืดเริ่มปกคลุม และอากาศในน้ำเริ่มเย็นมากขึ้น เมื่อผู้ที่อยู่ในน้ำว่ายมาแตะขอบสระ เขาก็ระบายลมหายใจออกมาอย่างยืดยาว

“นึกว่าจะว่ายทั้งคืนซะแล้ว” เขาเปรยกับตัวเองเบาๆ มองหน้าผู้ที่อยู่ในน้ำที่มองมาทางเขา ชายหนุ่มจึงชูนาฬิกาจับเวลาให้พร้อมยักไหล่ ทำหน้าเจื่อนๆ

“เวลาไม่ดีว่ะ”

คนที่อยู่ในน้ำระบายลมหายใจอย่างอ่อนล้า ก่อนจะว่ายมาที่ขอบสระบริเวณที่เพื่อนนั่งอยู่ แล้วค่อยๆ โยนตัวขึ้นมานั่งเคียงข้าง

“สงสัยวันหยุดนี้คงต้องเข้ามาซ้อม อีกสามเดือนก็ต้องแข่งแล้ว แต่เวลาไม่ดีขึ้นเลย ถ้าทำผลงานไม่ดี โอกาสที่จะติดทีมชาติอาจไม่มี”

“เออน่า อย่าใจร้อน ถ้ามึงจะเข้ามาซ้อม เดี๋ยวกูเข้ามาเป็นเพื่อนละกัน”

ชายหนุ่มที่นั่งข้างๆ พยักหน้ายิ้มๆ ก่อนที่จะลุกขึ้นยืน เดินเข้าห้องพักนักกีฬา คนที่นั่งอยู่ก่อนมองตามหลังเพื่อนสนิทที่ลุกเดินไป เขามองด้านหลัง เห็นไหล่กว้าง กล้ามแกร่งจากการโหมว่ายว่ายน้ำมาตั้งแต่เด็ก ผิวที่ขาวจัดจนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นนักกีฬาว่ายน้ำ อาจจะเพราะชายหนุ่มมีเชื้อจีนถึงได้มีผิวขาวใสขนาดนี้ เอวที่คอดกิ่วได้รูป กล้ามแกร่งที่ต้นขา บั้นท้ายกลมกลึงที่ซุกซ่อนตัวอยู่ภายใต้กางเกงว่ายน้ำตัวจิ๋ว ทำให้ผู้มองถึงกับใจสั่น จนระงับอาการตื่นตัวของอวัยวะบางอย่างไว้ไม่ไหว จนสุดท้ายต้องสลัดภาพที่ค้างในหัวทิ้งไป แล้วลุกเดินตามเพื่อนสนิทที่หายเข้าไปในห้องพักนักกีฬาแล้ว

เขาเป็นเพื่อนสนิทกับอาทิตย์มาตั้งแต่ชั้นมัธยมต้น เนื่องจากได้เรียนห้องเดียวกัน และสมัครใจมาเข้าชมรมว่ายน้ำเหมือนๆ กัน แรกทีเดียวทั้งคู่เหมือนจะเป็นคู่แข่งกัน ทั้งด้านการเรียนและกีฬา แต่เมื่อเวลาผ่านไปตัวเขาเองก็ต้องยอมรับว่าสู้เพื่อนสนิทไม่ได้สักเรื่องเดียว ยิ่งหลังจากที่เขาได้รับบาดเจ็บระหว่างการฝึกซ้อมยิ่งทำให้ความสามารถของเขายิ่งห่างชั้นจากเพื่อนมากยิ่งขึ้นไปอีก

แต่พีระพลไม่เคยรู้สึกน้อยใจ เพราะอย่างน้อยเขาก็ได้พบเพื่อนแท้ หลังวันที่เขาได้รับบาดเจ็บ เขาเห็นเพื่อนสนิทยอมงดฝึกซ้อมเพื่อมาเฝ้าเขาหลายวัน ทั้งที่ในขณะนั้นเองอาทิตย์ก็มีโปรแกรมการแข่งขันอยู่ด้วย ไม่เพียงเท่านั้นเขายังเห็นความใส่ใจของเพื่อนสนิทในการดูแลเขาทุกอย่าง โดยไม่รู้สึกรังเกียจ จนรู้สึกตัวอีก เขาก็รู้สึกหลงรักเพื่อนสนิทไปเสียแล้ว ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาพยายามเก็บความรู้สึกเอาไว้ เพราะกลัวว่าถ้าอาทิตย์รู้ความรู้สึกของเขา คราวนี้อาทิตย์อาจจะรังเกียจในตัวเขาจริงๆ ก็เป็นได้

เมื่อเดินเข้ามาที่ห้องพักนักกีฬา เขาไม่เห็นเพื่อนสนิทแล้ว จึงเดินไปที่ห้องอาบน้ำ ได้ยินเสียงน้ำจากฝักบัวดังลอดมาหลังประตูห้องน้ำที่ปิดอยู่ ชายหนุ่มกำลังจะเดินออกไป ก็พลันได้ยินเสียงร้องและเสียงเหมือนคนล้มลงหลังบานประตูนั้น เขารีบวิ่งแล้วผลักประตูเข้าไป เห็นร่างเพื่อนสนิทล้มลงไปกองกับพื้น

“ช่วยกูที เจ็บขา ตะคริวกิน” สีหน้าแสดงความเจ็บปวด พีระพลรีบปิดน้ำฝักบัวที่กำลังราดรดร่างเขาและเพื่อน ก้มลงดูที่ปลายเท้า พยายามนวดคลายเส้นเพื่อให้อาการเกร็งหายไป

แล้วเขาก็ต้องตกใจกับภาพที่เห็น เพื่อนสนิทนั่งชันเข่าอยู่เบื้องหน้า ตอนนี้ไม่มีสิ่งปกปิดร่างกายเหลืออยู่เลยแม้สักชิ้นเดียว

เพื่อนสนิท คิดไม่ซื่อ

พีระพลมองใบหน้าเพื่อนที่แสดงให้เห็นว่าอาการเจ็บปวดเริ่มทุเลาลง มือยังคงนวดเพื่อช่วยให้เพื่อนสนิทผ่อนคลาย สายตาเริ่มไล่เรื่อยลงมาเรื่อยๆ จากใบหน้านั้น ช่วงคอและไหล่กว้างที่มีหยดน้ำเกราะพราว ผิวขาวสะอาดขับให้หัวนมที่เต่งตึงมีสีชมพูสวยสดยิ่งขึ้น ดูเหมือนอาทิตย์จะไม่ค่อยมีขนตามตัวมากนัก ตามสไตล์หนุ่มตี๋ทั่วไป แต่นั่นยิ่งเป็นตัวเพิ่มเสน่ห์ให้กับเขาเพราะความเกลี้ยงเกลาของหนั่นเนื้อหนุ่ม

สายตาของพีระพลยังไล่ลงมาเรื่อยๆ ถึงสะดือ ตำลงมาเป็นกลุ่มขนกลุ่มใหญ่ที่ขัดกับผิวบริเวณอื่น กลุ่มขนที่ไว้สำหรับปกป้องของสงวนนั้นดกดำไล่เรื่อยลงไปถึงโคนแก่นกายความเป็นชาย ที่ตอนนี้ดูเหมือนจะมีอาการตื่นตัวเล็กน้อย แท่งทวนนั้นอวบสวย แม้จะไม่ยาวมากเพราะยังไม่แข็งตัวเต็มที่ ความขาวไม่ต่างจากผิวหนังบริเวณอื่น ยกเว้นที่ส่วนปลายอวัยวะที่เปิดให้เห็นสีชมพูสวยสด เหมือนเจ้าของไม่เคยใช้งานมันมาก่อน

เรื่อยลงไปเขาเห็นปากทางเข้าถ้ำที่ปิดสนิท มีสีชมพูสวยสดไม่แพ้ที่ปลายหัวเปิด เป็นเครื่องยืนยันว่ายังไม่เคยมรสิ่งใดกล้ำกลายเข้าไปในดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์นั้น ส่วนหนึ่งอาจจะด้วยกลุ่มไรขนอ่อนๆ นั้นที่ช่วยกันการรบกวนจากทุกๆ สิ่ง ชายหนุ่มไม่เคยคิดว่าจะมีโอกาสได้เห็นสิ่งที่เขาเฝ้าฝันมานาน ทุกอย่าง ในระยะใกล้ชิดแบบสัมผัสถึงได้แบบนี้

“ช่วยพยุงกูออกไปข้างนอกทีดิวะ อยากยืดแข้งยืดขาบ้าง”เสียงนั้นเรียกสติเขาให้กลับคืน พีระพลรีบลุกขึ้นแล้วพยุงปีกเพื่อนสนิทให้ลุกออกจากห้องน้ำ แล้วพาเพื่อนไปนั่งที่ม้านั่งยาวบริเวณห้องแต่งตัว อาทิตย์ถือโอกาสนอนลงกับมายาว แก่นกายส่วนกลางลำตัวของเขาจึงได้โอกาสชูชันท้าทายสายตาคนที่กำลังจ้องมองอยู่ พีระพลเริ่มกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก มองไปทีใบหน้าเพื่อนสนิทตอนนี้เขาเห็นอาทิตย์นอนเอาแขนหนุนท้ายทอย หลับตาอยู่บนม้านั่ง

พีระพลเริ่มเอามือนวดที่ปลายขาเพื่อนสนิทอีกรอบ ก่อนที่จะไล่สูงขึ้นมาเรื่อยๆ ที่ปลีน่อง จนมาสุดที่ต้นขา ตอนนี้สายตาของเขาปะทะเข้ากับแก่นกลายกลางลำตัวที่กำลังชูชันอย่างเต็มที่ เขาค่อยๆ ไล่ปลายนิ้วขยับขึ้นไปเรื่อยๆ จนตอนนี้สามารถกำแก่นกายอย่างเต็มที่ไว้ได้เต็มกำมือ

เขาค่อยๆ รูดขึ้นรูดลงช้าๆ ก่อนที่จะค่อยๆ เพิ่มความถี่ขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเห็นว่าคนที่นอนหลับตาอยู่มีตอบสนอง ร่างที่นอนอยู่เริ่มบิดไปมา และเผลอส่งเสียงคราง พีระพลเริ่มเคลื่อนตัวโน้มไปคร่อมที่ตัวเพื่อนสนิทไว้ ก่อนที่จะย่อตัวลงไปที่แก่นกลางลำตัว แล้วใช้ริมฝีปากครอบลงไปที่แก่นกายที่กำลังชูชันนั้น แล้วเร่งเร้าอารมณ์คนที่นอนอยู่ให้แตกกระเจิง

“เสียวว่ะพีท ทำไมมึงใช้ปากเก่งอย่างนี้วะ กูจะทนไม่ไหวแล้ว”

เสียงครางกระเส่าของอาทิตย์ยิ่งทำให้คนที่กำลังใช้ปากเพิ่มความเร็วมากยิ่งขึ้น มือของอาทิตย์เริ่มเคลื่อนมาเกาะกุมและจิกทึ้งที่บริเวณผมของเพื่อนสนิท

“ไม่ไหวแล้ว กูขอออกในปากมึงนะ”

พูดยังไม่ทันขาดคำพีระพลก็รู้สึกถึงแรงกระฉูดของน้ำข้นๆ เหนียวๆ ที่สาดใส่จนร่างของเขาเปรอะเปื้อนไปทั้งหมด ชายหนุ่มเริ่มคลายความหอบเกร็งหลังได้ปลดปล่อยความอัดอั้นบางอย่างออกไปจนหมดตัว ค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้า ทุกอย่างรอบตัวแลดูมืดสนิท จนเมื่อสายตาชินกีบความมืด เขาจึงรู้ว่าที่นี่ไม่ใช่ห้องแต่งตัวที่ชมรมว่ายน้ำ แต่มันเป็นห้องนอนของเขาเอง ไม่มีอาทิตย์อยู่ในห้อง มีเพียงอาทิตย์ในจินตนาการด้านมืดของเขาเท่านั้น

เขาเอื้อมมือคว้ากล่องกระดาษทิชชู่มาทำความสะอาดร่างกาย ก่อนจะค่อยๆ ลุกเข้าห้องน้ำ เปิดฝักบัวเพื่อให้สายน้ำความสะอาดร่างกายและความคิดคำนึง นึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อตอนเย็นที่เขาช่วยเพื่อนจากอาการเป็นตะคริว การได้เห็นสัดส่วนซ่อนเร้นของเพื่อนสนิทแบบใกล้ชิดเต็มตาเป็นครั้งแรก ทำให้เขาเก็บเอามาจินตนาการถึง และปลุกสัญชาตญาณดิบที่ซุกซ่อนในตัวเขาให้เตลิดไปไกล

ดำเนินแผนการ

ไกรภพกำลังจัดเตรียมห้องพักนักกีฬาของชมรมฟุตบอลเพื่อจัดงานเลี้ยงฉลองตำแหน่งใหม่ให้อาจารย์พลวิทย์ โดยมีลูกทีมช่วยอยู่สองสามคน

“ทำอะไรกันอยู่วะโก้” เสียงที่ถามขึ้นทำให้ไกรภพละมือจากการยกสิ่งของ หันมองตามเสียงที่เรียก เขาเห็นยอดเพื่อนสนิทร่วมทีมของเขาเป็นผู้ถามขึ้น ยอดเป็นชายหนุ่มหน้าตาดีพอใช้ รูปร่างสันทัดแต่บึกบึน เขามีตำแหน่งเป็นศูนย์หน้าตัวทำคะแนนให้กับทีม แต่พักหลังๆ เหมือนแรงของยอดจะหดหาย ไม่แข็งแกร่งเหมือนที่เคยเป็น ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะคนที่ยืนอยู่ข้างกายยอดขณะนี้ก็เป็นได้

วิทยาหรือวิทนีย์แฟนหนุ่มไม่ใช่ สาวไม่เชิงของยอดนั่นเอง เด็กหนุ่มท่าทางกระตุ้งกระติ้ง กิริยาท่าทางจัดจ้านเจนโลก แม้จะเห็นอยู่ว่าอายุเพิ่งผ่านการทำบัตรประชาชนมาไม่กี่ปี หล่อนเกาะแขนข้างขวาของยอด แสดงอาการเป็นเจ้าของผู้ชายคนนี้อย่างไม่ปิดบัง จนผู้ที่พบเห็นเอือมระอา

คนในชมรมไม่มีใครรู้รสนิยมว่ายอดเป็นแบบนี้ อยู่ๆ เมื่ออาจารย์สุนัยรับแม่วิทนี่ย์คนนี้เข้ามาในชมรมเพื่อให้เป็นผู้ดูแลความเรียบร้อยภายในทีม ไม่นานหลังจากนั้นทุกคนในทีมก็ได้เห็นทั้งคู่เป็นเงาตามตัวซึ่งกันและกัน แรกๆ ทุกคนก็แปลกใจ รับไม่ได้กับพฤติกรรมชวนขนลุกของทั้งคู่ แต่ก็ไม่รู้จะเอ่ยปากห้ามปรามได้อย่างไร สุดท้ายก็ต้องปล่อยเลยตามเลย แล้วหลังจากนั้นทุกคนต่างก็ชินชากับภาพที่เห็น และรับได้กับพฤติกรรมราวผัว เมียกันของทั้งคู่

“กำลังเตรียมงานจัดปาร์ตี้ฉลองตำแหน่งใหม่ให้อาจารย์วิทย์”ไกรภพตอบ แล้วเสริมว่า”มึงก็มาช่วยกันหน่อย เดี๋ยวไม่ทันการ”

“ต๊าย อาจารย์พลวิทย์จะมาชมรมเราเหรอคะพี่โก้”

ไกรภพแม้จะรำคาญความดัดจริตของรุ่นน้องสุดเยอะนางนี้ แต่ก็ไม่อยากมีปัญหากับเพื่อน จึงพยายามเงียบไม่เสวนาด้วยเพื่อตัดปัญหา

”แหม พูดด้วยก็ไม่พูดด้วย ไปแต่งสวยก่อนดีกว่า อาจารย์วิทย์จะมา จะได้มีสิ่งเจริญหูเจริญตาไว้ให้อาจารย์มอง เผอิญชมรมนี้ก็มีแต่ผู้ชายถึกๆ” ว่าแล้วแม่วิทนี่ย์ก็สะบัดหัวเกรียนเดินจากไป

“อาจารย์สุนัยสั่งเหรอวะ แกนึกยังไงถึงจัดงานนี้” ยอดลงมือช่วยเพื่อนจัดเตรียมของ แต่ปากก็ชวนคุยไปด้วย เขาอดสงสัยไม่ได้ว่าคนอย่างอาจารย์สุนัยจะจัดงานเลี้ยงฉลองให้กับคนที่มาตัดหน้าคว้าตำแหน่งที่ใครๆ ก็คิดว่าจะเป็นของเขาได้ยังไง

“ไม่แปลกนี่ ก็เขาเพื่อนกัน”

“แต่กูว่าต้องมีเบื้องลึกอะไรมากกว่านั้น มึงไม่รู้อะไรจริงๆ เหรอไอ้โก้”ยอดยังพยายามคาดคั้น

“เดี่ยวมึงก็รู้เอง ว่าแต่เมียมึงน่ะ ระวังไว้เอาไว้ให้ดีแล้วงกัน กูกลัวว่างานนี้แม่จะได้ผัวอีกคน เพราะวันนี้มึงจะได้เห็นของเด็ดของอาจารย์วิทย์แน่นอน” ไกรภพหัวเราะเยาะทิ้งท้ายก่อนเดินจากไป ปล่อยให้ยอดงุนงงกับคำพูดที่เป็นปริศนาของเพื่อนสนิท

ด้านวิทนี่ย์ตอนนี้กำลังเสริมสวยเต็มที่ เพราะอาจารย์พลวิทย์เป็นอาจารย์ที่หล่อนแอบปลื้มมานานจะมาที่ชมรม ไม่คิดไม่ฝันว่าวันนี้จะมีโอกาสได้ใกล้ชิดนอกจากในชั้นเรียน ความตั้งใจของหล่อนคือยังไงคืนนี้จะต้องอ่อยอาจารย์พลวิทย์ให้เต็มที่ เผื่อว่าอาจารย์จะสนใจคนสวยแปลกแบบหล่อนบ้าง

ระหว่างเรา

วันนี้อาจารย์พลวิทย์งดการซ้อมของชมรมว่ายน้ำ เพราะต้องไปร่วมงานฉลองตำแหน่งใหม่ที่ชมรมฟุตบอลจัดให้ หลังเลิกเรียนอาทิตย์จึงเตรียมตัวกลับบ้านทันที

“วันนี้มึงไปนอนบ้านกูไหมอาท พรุ่งนี้จะได้ออกมาพร้อมกัน” พีระพลเดินมาถามเพื่อนสนิทที่กำลังเตรียมเก็บของกลับบ้าน อาทิตย์นิ่งงันไปพักหนึ่งเหมือนกำลังชั่งใจว่าจะเอายังไงดี

“เออได้ แต่ขอกูโทรบอกที่บ้านก่อน”

อาทิตย์โทรไปที่บ้านของเขา เพื่อขออนุญาตค้างที่บ้านของพีระพล เพราะช่วงวันหยุดนี้ต้องซ้อมกีฬา แม้ที่บ้านจะไม่ค่อยเห็นด้วยและไม่สนับสนุนให้เขาเอาดีด้านกีฬา เพราะต้องการให้มาสืบทอดกิจการค้าของครอบครัว แต่ก็ไม่รู้จะห้ามได้อย่างไร ส่วนหนึ่งเพราะเกรงใจพลวิทย์อาจารย์ที่โรงเรียน ที่คอยดูแลและสนับสนุนอาทิตย์เป็นอย่างดี ส่วนพีระพลนั้น ทางบ้านก็เห็นว่าเป็นเด็กที่เรียบร้อย มีสัมมาคารวะดี จากการพบเจอตอนที่มาเที่ยวบ้าน จึงไม่เคยห้ามเวลาที่อาทิตย์ขอไปไหนมาไหนกับเพื่อนคนนี้ และรู้สึกอุ่นใจที่มีคนคอยดูแลอาทิตย์อย่างใกล้ชิดด้วย

“ไม่มีปัญหาเรื่องที่บ้านว่ะ แต่มีปัญหาเรื่องชุด พรุ่งนี้กูจะใส่อะไรมาโรงเรียนวะ”

“โถ่ เรื่องแค่นี้ มึงก็ใส่ชุดกูน่ะสิ หรือมึงรังเกียจ”

“แหม ก็ไม่ได้ขนาดนั้น ปกติมึงชวนล่วงหน้ากูก็มีเวลาเอาเสื้อผ้ามาเผื่อด้วย แต่คราวนี้เสือกชวนกระชั้นชิด เตรียมอะไรมาไม่ทันเลย”

“ถ้ายุ่งยากนัก คืนนี้มึงก็แก้ผ้านอน ผู้ชายด้วยกันไม่ต้องอายหรอก ของมึงกูก็เห็นมาแล้ว เมื่อวันก่อนนี้เอง ไม่ต้องอาย” พีระพลได้ทีท้าทายเพื่อนสนิท

“กูไม่อายหรอก ถ้ามึงจะแก้ด้วย” อาทิตย์ท้ากลับบ้าง

“เฮอะ เรื่องอะไร กูไม่ได้ชอบโชว์ เสื้อผ้ากูก็มีใส่ จะนอนเป็นชีเปลือยไปทำไม”

“นึกว่าแน่”

“เอาอย่างนี้ มึงค้างกับกูสองคืนเลย ถ้าคืนนี้มึงแก้ผ้านอนจริง พรุ่งนี้กูจะแก้ด้วย”

“กูก็ยังขาดทุนอยู่ดี แต่ก็เอาเถอะ กูใส่เสื้อผ้ามึงนอนก็ได้ ไม่อยากเป็นชีเปลือย แล้วก็ไม่อยากใส่กางเกงว่ายน้ำตัวเดียวมาโรงเรียน ยังไงพรุ่งนี้กูก็ต้องพึ่งเสื้อผ้ามึงอยู่ดี”

“ก็แค่นั้น ทำเป็นเรื่องเยอะ”

แล้วทั้งคู่ก็ออกจากโรงเรียน มุ่งหน้าสู่บ้านของพีระพล ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับที่อาจารย์พลวิทย์กำลังมุ่งหน้าไปที่ชมรมฟุตบอล เพื่อร่วมงานฉลองตำแหน่งใหม่ของเขา ที่เพื่อนสนิทจัดเตรียมเอาไว้ให้

ส่วนที่ชมรมฟุตบอล บรรดาสมาชิกในทีมร่วมยี่สิบคนอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา ยอดมองไปที่อาจารย์สุนัยที่กำลังซุบซิบอะไรบางอย่างอยู่กับไกรภพ โดยที่ไกรภพคอยพยักหน้ารับคำทุกอย่าง ส่วนอีกด้านวิทนี่ย์กำลังจัดเตรียมอาหารและเครื่องดื่มให้พร้อมสำหรับงานในค่ำคืนนี้ ทุกอย่างชั่งดูอึกทึกครึกครื้น ทุกคนในงานไม่รู้ว่าค่ำคืนนี้จะมีโชว์เด็ดให้พวกเขาได้ตื่นตะลึง รวมทั้งอาจารย์พลวิทย์ที่กำลังเดินทางมา ไม่ได้ล่วงรู้ถึงชะตาร้ายที่ตนเองจะต้องประสบในค่ำคืนนี้

คืนจัดหนัก 1

พลวิทย์เดินเข้ามาในชมรมด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม มีเพื่อนสนิทที่เป็นผู้ดูแลชมรมรอต้อนรับ วิทนี่ย์รีบประจบด้วยการเตรียมเครื่องดื่มไปให้ แต่โดนอาจารย์สุนัยสกัดไว้ว่ายังไม่ถึงเวลา จึงเดินหน้าเจื่อนกลับมานั่งข้างๆ ยอด ที่มองเหตุการณ์ต่างๆ ตลอด และนึกรังเกียจพฤติกรรมของแฟนสาว และรู้สึกเคืองอาจารย์พลวิทย์ขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

สมาชิกในทีมต่างปรบมือต้อนรับและยินดีกับตำแหน่งที่พลวิทย์ได้รับ เพราะทุกคนต่างคิดว่างานที่สุนัยจัดขึ้นในวันนี้เพราะต้องการแสดงความยินดีกับพลวิทย์จากใจจริง พลวิทย์กล่าวขอบคุณสุนัยและสมาชิกในทีมทุกคน และรับปากว่าจะดูแลชมรมฟุตบอลเป็นอย่างดีประหนึ่งเป็นชมรมที่เขารับผิดชอบด้วยตนเอง เรียกเสียงปรบมือจากสมาชิกเป็นการใหญ่

หลังจากนั้นอาจารย์สุนัยก็กล่าวเปิดงาน และให้สมาชิกทุกคนฉลองกันให้เต็มที่ ทุกคนต่างลุกขึ้นตักอาหาร เครื่องดื่มมารับประทานร่วมกัน ส่วนของสุนัยและพลวิทย์นั้น เป็นหน้าที่ของกัปตันทีมคือไกรภพได้เตรียมเอาไว้ให้ต่างหากแล้ว ต่างคนต่างดื่มกิน พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ดูเหมือนสุนัยจะเป็นต้นเรื่องในการพูดคุย เขาเอาเรื่องตั้งแต่สมัยที่เรียนร่วมกันมาเล่าได้เป็นฉากๆ ส่วนใหญ่เป็นเรื่องตลก ชวนขายหน้าของทั้งสองคน เรียกเสียงหัวเราะจากสมาชิกในทีมได้เป็นอย่างดี ด้นพลวิทย์นั้นดูจะถนัดฟังมากกว่า จะพูดทีก็ต่อเมื่อแก้ต่างเรื่องน่าขายหน้าที่สุนัยหยิบมาพูดเท่านั้น

ยอดคอยนั่งสังเกตการณ์ความเป็นไป เขาเห็นท่าทีสนุกสนานอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนของอาจารย์สุนัย เห็นไกรภพคอยทำหน้าที่ดูแลเรื่องอาหารของสุนัยและพลวิทย์โดยไม่ให้คนอื่นแตะต้อง ทั้งที่ควรจะเป็นหน้าที่ของวิทนี่ย์ ซึ่งตอนนี้กำลังนั่งจ้องหน้าทำตาหวานฉ่ำใส่อาจารย์พลวิทย์จนน่าหมั่นไส้ เขากำลังรอดูว่าคืนนี้จะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น

ด้านพลวิทย์นั้น เริ่มรู้สึกมึนๆ ศีรษะและบางครั้งเหมือนควบคุมตัวเองไม่อยู่ มันรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งตัว เขาไม่รู้ว่าเกิดขึ้นเพราะอะไร จะว่าเมาก็คงไม่ใช่ เพราะเครื่องดื่มในค่ำคืนนี้ไม่ได้แก่ดีกรีขนาดนั้น เพราะผู้ร่วมงานส่วนใหญ่เป็นเด็กนักเรียนมัธยมทั้งนั้น เขาไม่รู้ว่าตอนนี้สุนัยกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่ เห็นแต่เพียงท่าทางการเล่าที่สนุกสนาน และสามารถเรียกเสียงหัวเราะจากเด็กๆ ในชมรมได้ตลอดเวลา

แล้วอยู่ๆ สุนัยก็เรียกเด็กคนหนึ่งให้ยืนขึ้น เขาเป็นเด็กหนุ่มชั้นมัธยม 6 รูปร่างหน้าตาดี ชื่อพิพัฒน์ พลวิทย์จำได้เพราะเป็นเด็กที่เขาเคยสอน สุนัยบอกว่าพิพัฒน์เป็นเจ้าของตำแหน่งสมาชิกของทีมที่ควยใหญ่ที่สุดติดต่อกันมาแล้วหลายสมัย โดยได้รับตำแหน่งนี้ตั้งแต่ยังเรียนอยู่ชั้นมัธยม 4 จนตอนนี้เป็นรุ่นพี่ก็ยังไม่มีใครโค่นสถิตความใหญ่ยาวของดุ้นนั้นได้ พลวิทย์รู้สึกว่าสุนัยคำพูดของสุนัยดูลลามกและหยาบโลนขึ้นเรื่อยๆ แต่เหมือนสมาชิกในทีมจะไม่ได้รู้สึกอะไร รวมทั้งเด็กที่ถูกพูดถึงก็ดูจะภูมิใจกับตำแหน่งที่ได้เป็นอย่างดี

“แต่พวกเอ็งรู้รึเปล่า ว่าเหนือฟ้าก็ยังมีฟ้า ที่ว่าใหญ่ๆ อย่างไอ้เจ้าพัฒน์เนี่ย มันแลดูเด็กๆ ไปเลย ตอนที่อาจารย์เข้าเรียนที่วิทยาลัยครูใหม่ๆ ตอนรับน้องก็มีการตัดเกรดกันแบบนี้แหล่ะ แล้วพวกเอ็งรู้ไหมว่าคนที่ชระเนี่ย เป็นคนที่ใครๆ ก็คิดไม่ถึง เพราะบุคลิกภายนอกที่ทำให้ดูไม่ออกเลยว่า เจ้าตัวจะซ่อนท่อนซุงยักษ์เอาไว้กับตัว”

เสียงฮือฮาจากในห้องดังขึ้น ทุกคนต่างสงสัยว่าใครที่เป็นเจ้าของท่อนซุงยักษ์ที่ว่า

“อยากรู้เหรอว่าใคร จริงๆ พวกเอ็งก็เจอเขาอยู่เกือบทุกวัน อ่ะ ไม่ ไม่ใช่ข้าแน่ๆ ถึงของข้าจะใหญ่พอตัวก็ตาม แต่ควยของเขาผู้นี้พวกเอ็งจะต้องตะลึงแน่ๆ เหมือนที่ข้าเคยตกใจมาแล้วตอนที่ได้เห็น ถ้าพวกเอ็งรู้จักสังเกตกันสักนิด คงจะเคยเห็นอะไรแกว่งๆ ไกวๆ กันบ้างหรอก ใช่ไหมอาจารย์วิทย์”

คืนจัดหนัก 2

ทันทีที่สิ้นเสียงอาจารย์สุนัย เสียงฮือฮาจากสมาชิกชมรมก็ดังขึ้นมาทันที เพราะทุกคนต่างคาดไม่ถึงว่าคนที่อาจารย์สุนัยพูดถึงจะหมายถึงอาจารย์พลวิทย์ คนที่ดูจะเนื้อเต้นมากกว่าใครคือวิทนี่ย์ ที่เผลอเปล่งเสียงออกมาดังๆ ทะลุเสียงอื่นๆ ว่า

“โชว์หน่อย อยากเห็นค่า”

หลังจากนั้นสมาชิกรายอื่นๆ ก็ส่งเสียงฮือฮาตามบ้าง ยอดที่ตอนนี้นั่งสังเกตการณ์เริ่มคาดเดาเหตุการณ์ออกเป็นฉากๆ เขาแอบหยิบเครื่องมือสื่อสารประจำตัวออกมาบันทึกภาพเก็บไส้ เพราะมั่นใจว่าคืนนี้ต้องมีเรื่องเด็ดของอาจารย์พลวิทย์ให้ได้เป็นที่ฮือฮากันแน่นอน

“เฮ้ยวิทย์ เอ็งจะว่าไงวะ สมาชิกเรียกร้องจะขอชมขนาดนี้”

อาจารย์พลวิทย์ยังมีสติพอจะส่ายหน้า พยายามปฏิเสธ

“ไม่ดีหรอกเด็กๆ จะให้อาจารย์เขามาโชว์ควยให้พวกเอ็งดูได้ยังไงกันวะ แต่ถ้าโชว์ควยไม่ไหว โชว์หุ่นให้เด็กๆ มันดูเป็นบุญตาหน่อยเป็นไงวะ เผื่อเห็นกล้ามเอ็งเข้าไป มันจะได้จินตนาการถูกว่าควยเอ็งใหญ่ขนาดไหน”

ได้ยินเสียงของสุนัย พลวิทย์ก็ค่อยๆ ลุกขึ้นยืน ถอดเสื้อวอร์มที่ใส่มาออกจากตัวจนเหลือแต่เสื้อยืดขาว เกิดเสียงเป่าปากจากสมาชิกในชมรมที่เพิ่งได้เห็นกล้ามแกร่งที่มีเพียงเสื้อยืดผ้าบางๆ ปิดบังร่างกายเท่านั้น หลังจากนั้นชายหนุ่มค่อยๆ ถอดเสื้อยืดที่ติดตัวออกช้าๆ ช่วงที่ยกแขนขึ้นเผยให้เห็นขนที่ใต้วงแขนที่ขึ้นรกเรื้อดกดำตัดกับผิวขาวอย่างชัดเจน จนสุนัยต้องเดินมาชูมือเพื่อโชว์ให้สมาชิกในทีมเห็นชัดๆ

“พวกเอ็งเห็นไหมว่าอาจารย์เอ็งเซ็กซี่ขนาดไหน ตอนเรียนด้วยกันพวกเอ็งรู้ไหมว่ามีสาวๆ มาแอบชอบอาจารย์วิทย์ขนาดไหน นี่ขนาดไม่รู้เรื่องท่อนซุงยักษ์นะ” ว่าแล้วมือของสุนัยก็ค่อยๆ ไล่จากแขนที่ชูชันของพลวิทย์ลงมาเรื่อยๆ ที่หัวนมทั้งสองข้าง แล้วค่อยไล่เรื่อยลงมาถึงสะดือ ก่อนที่จะมาหยุดอยู่ที่ขอบกางเกงวอร์ม

ความรู้สึกของพลวิทย์ตอนนี้ช่างเสียวซ่าน จากมือของสุนัยที่ลูบไล้ ปลุกให้ท่อนลำของเขาตื่นตัวดันกางเกงวอร์มขึ้นมาเรื่อยๆ ตอนนี้ทุกคนเห็นเขายืนนิ่ง ใบหน้ามีรอยยิ้มนิดๆ เหมือนเต็มใจ ไม่มีทีท่าขัดขืนการกระทำของสุนัยแต่ประการใด ส่วนสมาชิกในทีมต่างก็ตื่นเต้น ที่งานเลี้ยงที่พวกเขาคิดว่าจะมีเพียงการกิน ดื่ม หรือพูดคุยเฮฮา จะมีโชว์เด็ดดวงจากอาจารย์ที่สอนเขาอยู่ให้เห็นเป็นบุญตา ซึ่งตอนนี้ทุกคนต่างลุ้นให้พลวิทย์ใจกล้าโชว์ท่อนซุงยักษ์ให้เห็นเป็นบุญตาเสียที

“แต่หลังจากนั้นข้าเองก็ไม่มีโอกาสได้ชมควยของเอ็งอีกเลยว่ะ ไม่รุ้ตอนนี้มันจะใหญ่โตกว่าเดิมไปถึงไหนแล้ว วันนี้ของข้าสำรวจดูหน่อยถอะนะ ไหนๆ ก็มีโอกาสแล้ว เพื่อนไม่ว่าอะไรใช่ไหม”

เมื่อไม่มีทีท่าปฏิเสธ มือที่เคลื่อนอยู่บริเวณขอบกางเกงของพลวิทย์ก็ค่อยๆ ล้วงเข้าไป มองจากด้านนอกเห็นรอยมือเคลื่อนต่ำลงไปเรื่อยๆ ๆ

“อาจารย์วิทย์นี่ไม่ได้ดกแค่ขนรักแร้นะ หมอยเอ็งก็ดกดำเต็มกำมือทีเดียว โอ้ เจอแล้ว ท่อนซุงยักษ์ นั่นๆ ดีมาก ค่อยๆ ขายตัวตามมือข้าเลยนะ”

ทุกคนต่างเห็นมือของสุนัยเคลื่อนขยับบางอย่างที่ดันกางเกงให้โป่งนูนขึ้น สุนัยจับมันพาดเอียงจนเห็นลำอย่างชัดเจน เรียกเสียงฮือฮาจากผู้ที่ตั้งใจดูได้ทุกคน

ยอดหันไปมองวิทนี่ย์ที่จ้องมองภาพเบื้องหน้าจนตาค้าง ก่อนที่จะค่อยๆ ลุกยืนขึ้นแล้วเดินไปทางที่อาจารย์ทั้ง 2 คนยืนอยู่

“อาจารย์วิทย์คะ ขออนุญาตให้หนูถอดกางเกงอาจารย์เถอะนะคะ หนูว่าถ้าปล่อยไว้แบบนี้ ท่อนซุงอาจารย์อาจจะขาดอากาศตายได้นะคะ”

สุนัยและสมาชิกในทีมเผลอหัวเราะไปกับสำนวนของแม่วิทนี่ย์ มีเพียงยอดเท่านั้นที่ไม่เห้นขำไปด้วย

“ว่าไงวะไอ้วิทย์ เด็กมันมาขอถึงที่ ถ้าไม่สนองมันจะดูใจร้ายไปหน่อยนะ มีของดีอยู่กับตัว มันก็ต้องอวดกันหน่อยสิวะ”

ยังไม่ทันที่จะมีเสียงตอบอะไรจากพลวิทย์ มือของวิทนี่ย์ก็ค่อยๆ รูดกางเกงวอร์มของอาจารย์ลงหนุ่มช้าๆ จนไปกองที่ตาตุ่ม ตอนนี้ภาพที่ทุกคนเห็นคือพลวิทย์มีเพียงกางเกงในสีขาวตัวจิ๋วชิ้นเดียวปิดร่างกาย ภายในก่งเกงนั้นโป่งนูนด้วยดุ้นเนื้อขนาดยักษ์ที่รอการปลดปล่อย แล้วยังมีมือของสุนัยที่ปลุกปั่นท่อนเนื้อนั้นอยู่ด้วย ความเล็กของกางเกงในตัวจิ๋วแทบจะปิดอะไรไม่มิด รวมทั้งขนดกกำที่เล็ดลอดออกมาจากกางเกงในทั้ง 2 ด้าน เรียกเสียงฮือฮาจากทุกคนได้อีกครั้ง

ความในใจจากเพื่อนสนิท

พีระพลมองกองเสื้อผ้าของอาทิตย์ที่อยู่ตรงหน้าด้วยใจที่เต้นระทึก หลังรับประทานอาหารพร้อมกับคนที่บ้าน เขาให้เพื่อนสนิทเข้าไปอาบน้ำก่อน โดยบอกว่าจะขอทำการบ้านรอ อาทิตย์เปลี่ยนเสื้อผ้า นุ่งผ้าเช็ดตัวที่เขาเตรียมมาให้ แล้วเข้าไปอาบน้ำ ทิ้งกองเสื้อผ้าที่ใช้แล้วไว้ข้างๆ กระเป๋านักเรียน พีระพลเดินเข้าไปหยิบขึ้นมา เขาดมกลิ่นเสื้อผ้าของเพื่อนสนิททีละตัว จากเสื้อนักเรียน เสื้อกล้าม กางเกงนักเรียน ก่อนที่จะหยิบกางเกงชั้นในของเพื่อนสนิทขึ้นมา มันเป็นกางเกงชั้นในสีขาว ค่อนข้างบาง เขาพลิกมันกลับด้าน ก่อนจะค่อยๆ ยกขึ้นมาสูดดมด้วยความหื่นกระหาย มันมีกลิ่นอับของผู้ชาย แต่พีระพลไม่รู้สึกรังเกียจสักนิด ถ้าเป็นไปได้เขาอยากจะเก็บมันไว้เป็นสมบัติส่วนตัวด้วยซ้ำ

ในห้องน้ำอาทิตย์กำลังสระผมอยู่ สายน้ำที่ไหลรดผ่านร่างของเขาทำให้ความหนุ่มของเขาค่อยๆ ตื่นตัวทีละนิด ชายหนุ่มเคลื่อนมือไปเกาะกุมที่แก่นกายไว้ ค่อยๆ ปลิ้นหนั่นเนื้อหนุ่มออกมาทีละนิด แล้วใช้มือลูบไล้อวัยวะกึ่งกลางลำตัวที่กำลังแผดผงาดขึ้นลงอย่างช้าๆ แล้วค่อยๆ เร็วขึ้นๆ เรื่อยๆ

“อาท ผ้าเช็ดตัว”

เสียงดังจากหน้าประตูไม่อาจหยุดกิจกรรมที่กำลังทำอย่างต่อเนื่องนั้นลงได้ จนกระทั่งเขาได้ยินเสียงเปิดประตูชายหนุ่มจึงจำยอมต้องหยุดกิจกรรมนั้นลง

“ทำอะไรอยู่วะ เรียกไม่ได้ยิน กูเอาผ้ามาให้ จะเปิดมารับซะหน่อยก็ไม่มี”

เขาเห็นเพื่อนสนิทหันหลังให้ โชว์ก้นที่ขาวเนียนแน่นได้รูปให้เห็น

“เออ จะเสร็จแล้ว วางไว้นั่นแหล่ะ เดี่ยวกูหยิบเอง” อาทิตย์พยายามไล่เพื่อนให้รีบออกจากห้องไป เพราะกลัวจะเห็นสิ่งที่กำลังแผดผงาดขยายตัวของเขาอยู่

“อ้าวไอ้นี่ กูอุตส่าห์ทำหน้าที่เจ้าบ้านที่ดีดันมาไล่ ท่าทางจะไม่ได้อาบน้ำอย่างเดียวแล้วมั้งเนี่ย”

พีระพลค่อยๆ เคลื่อนกายเข้าไปใกล้ร่างเพื่อนสนิทที่ยังไงก็ยังไม่ยอมหันหน้ามาหา

“มึงจะเข้ามาทำไม เดี๋ยวเสื้อผ้าก็เปียกหรอก”

“เปียกก็ถอดสิ” ว่าแล้วชายหนุ่มก็ค่อยๆ ถอดเครื่องแบบชุดนักเรียนที่ใส่ออกทีละชิ้น จนตอนนี้ร่างของเขาเปลือยเปล่าไม่ต่างจากเพื่อนสนิทแล้ว

“บ้ารึเปล่าวะไอ้นี่ จะอาบก็รอหน่อยไม่ได้เหรอ เดี๋ยวกูก็เสร็จแล้ว เมื่อกี๊ให้อาบก่อนก็ไม่เอา”

“กูอยากอาบกับมึง ไม่ได้หรือไงวะ”

ว่าแล้วพีระพลก็เดินเข้าไปชิดตัวเพื่อนสนิท แล้วค่อยๆ โอบเข้าไปที่เอว อาทิตย์รู้สึกขนลุกกับการกระทำของพีระพล เขาไม่รู้ว่าเพื่อนสนิทมีเจตนาอะไรจึงทำเช่นนี้

“มึงจะทำอะไรของมึงวะพีท”

“กูจะเข้ามาช่วยมึงเล่นว่าวไง ชักเองมันไม่สนุกหรอก เดี๋ยวกูทำให้ รับรองมึงจะเสียวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนแน่นอน”

มือของพีระพลค่อยเคลื่อนต่ำลงจากเอวเรื่อยๆ จนสุดท้ายมาเกาะกุมที่แก่นกายของเพื่อนสนิทที่แข็งตัวรออยู่แล้ว มือของอาทิตย์ที่พยายามปัดป้องหยุดไปแล้ว

“มึงไม่ต้องเกร็งนะ เดี๋ยวดีเอง เชื่อกู”

ภาพในห้องน้ำขณะนี้ ชายหนุ่ม 2 คนกำลังยืนอยู่ใต้ฝักบัวที่สายน้ำกำลังหลั่งไหลเป็นสาย ชายหนุ่มคนหน้าหันหลัง โดยหนุ่มคนหลังยืนประกบอยู่ มือของคนหน้ายันกำแพงห้องน้ำไว้ทั้ง 2 ข้าง ส่วนชายคนหลังมือข้างขวาเอื้อมมาเกาะกุมความเป็นชายของคนหน้าเอาไว้ ส่วนอีกมือโอบบริเวณคอของคนข้างหน้าเอาไว้ มือขวาที่เกาะกุมแก่นกายค่อยๆ เร่งจังหวะการชักขึ้นลงแรงเรื่อยๆ คนข้างหน้าตอนนี้ไม่เพียงรู้สึกเสียวซ่าน แต่ยังรู้สึกถึงสิ่งที่กำลังแผดผงาดทิ่มแทงที่บริเวณบั้นท้ายของเขาอยู่ด้วย

“อาท กูรักมึงวะ เป็นของกูเถอะนะ” อาทิตย์เบิกตาโลงเมื่อได้ยินคำพูดของเพื่อนสนิท

คืนจัดหนัก 3

พลวิทย์ยืนตัวตรง ใบหน้าของเขาเปื้อนรอยยิ้มนิดๆ ความรู้สึกของเขาเหมือนครึ่งหลับครึ่งตื่น เหมือนจะรับรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทุกอย่าง แต่ไม่สามารถควบคุมอะไรตัวเองได้เลย เขาพยายามรวบรวมความคิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา ทำไมเพื่อนสนิทของเขาจึงทำให้เขาต้องอับอายต่อหน้าเด็กๆ ขนาดนี้ พลวิทย์กวาดสายตามองไปรอบๆ ห้อง สายตาของเด็กที่มองมาทางเขา บางคนขบขัน บางคนสมเพช บางคนเหมือนหมดศรัทธาในตัวเขา และบางคนก็มีแววตาหื่นกระหายในเนื้อตัวของเขา

แล้วฉับพลันสายตาเขาก็มาหยุดที่ไกรภพ ใบหน้าที่เรียบเฉย แต่แววตามีความมาดมั่น มุ่งร้าย ฉายแววความสมเพชเวทนามาทางเขา ทำให้เขาฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เมื่อไม่นานมานี้พ่อของไกรภพถูกร้องเรียนจากหญิงสาวที่เพิ่งเข้าไปฝึกงานว่าถูกมอมยาแล้วข่มขืน แต่ไม่สามารถเอาผิดอะไรพ่อของไกรภพได้เพราะหลักฐานต่างๆ บ่งบอกว่าเป็นความสมยอมของทั้งสองฝ่าย นอกจากนี้ยังไม่พบสารตกค้างที่จะบ่งบอกเจ้าตัวโดนมอมยาจริงๆ หลังจากนั้นข่าวนั้นก็เงียบไปเหมือนสายลม เขารู้สึกว่าเขาอาจจะตกอยู่ในสภาพเดียวกับหญิงสาวคนนั้น พลวิทย์พยายามรวบรวมสติและพละกำลังทั้งหมดที่มีเพื่อจะบังคับร่างกายของตัวเองให้ได้อีกครั้ง

“เอาล่ะทุกคน อย่างที่อาจารย์พลวิทย์ได้บอกกับครูไว้ ว่าวันนี้อาจารย์อยากจะตอบแทนพวกเราทุกคนที่ได้จัดงานเพื่อเลี้ยงฉลองตำแหน่งใหม่ให้อาจารย์ อาจารย์จึงจัดให้พวกเราเต็มที่ ด้วยการจะแก้ผ้าโชว์เปลือยเพื่อให้พวกเราทุกสัดส่วนของอาจารย์อย่างเต็มที่ ซึ่งขอบอกว่านี่เป็นสิทธิพิเศษของชมรมเราเท่านั้นนะ เพราะอาจารย์วิทย์ไม่เคยโชว์ทีเด็ดแบบนี้ที่ไหนมาก่อน แม้แต่ที่ชมรมว่ายน้ำเองก็ตาม เพราะฉะนั้นถือได้ว่าพวกเอ็งโชคดีสุดๆ ที่จะได้เห็นควยของหัวหน้าฝ่ายพละคนใหม่ในค่ำคืนนี้ และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ขอให้สมาชิกชมรมฟุตบอลของเราได้ยลโฉม ควยอาจารย์พลวิทย์ณ บัดนี้”

ทันทีที่อาจารย์สุนัยกล่าวจบ วิทนี่ย์ก็ใช้กรรไกรตัดที่สายกางเกงชั้นในสีขาวตัวจิ๋วของอาจารย์พลวิทย์เพื่อให้ขาดออกจากกัน เสียงโห่ร้องด้วยความตื่นเต้นของทุกคนในห้องดังขึ้น เมื่อกางเกงในตัวจิ๋วลงไปกองที่พื้น และสิ่งที่ทุกคนในห้องอยากเห็นปรากฏต่อสายตาทุกคนแล้วในตอนนี้

ท่อนควยขนาดใหญ่ ดีดผึงออกมาตั้งฉากกับพื้นห้อง สีของมันขาวไม่ผิดกับผิวส่วนอื่น ที่ปลายหัวถูกถอกให้บานโชว์ส่วนปลายที่มีสีแดงอมชมพู น้ำที่ปลายหัวเยิ้มไหลนองลงพื้นเป็นสาย ขนที่ขึ้นดกคำลามเลยมาถึงง่ามขาช่างตัดกับสีผิวของเจ้าตัวยิ่งนัก

“ไอ้ยอด มึงถ่ายควยอาจารย์เก็บไว้ชักว่าวเหรอวะ” เพื่อนร่วมทีมหันมาถามสำเนียงล้อเลียน

“ไอ้โง่ กูไม่คิดแค่นั้นหรอก มึงไม่ถ่ายเก็บไว้เหรอ อย่างน้อยเอาไว้เผื่อต่อรองตอนคะแนนไม่ดี หรือเอาไว้ขายอีพวกตุ๊ดที่มันอยากเห็นควยอาจารย์ กูว่าราคาคงไม่ใช่น้อยๆ หรือไม่ก็เอาไปให้อีพวกชมรมว่ายน้ำมันดู ว่าโค้ชพวกมันมาแก้ผ้าโชว์ควยให้พวกเราได้ดู อยากรู้ว่าพวกมันจะทำหน้ายังไง”

“เออ จริงด้วย มึงนี่ความคิดเลวสุดยอด กูเอามั่ง”

แล้วแต่ละคนก็ควักเครื่องมือสื่อสารของตนมาบันทึกภาพเปลือยของอาจารย์พลวิทย์เป็นการใหญ่ ตอนนี้อาจารย์สุนัยสั่งให้เด็กๆ เก็บโต๊ะหารแล้วทำความสะอาดอย่างดี แล้วค่อยๆ พาอาจารย์พลวิทย์ไปยืนพิงที่โต๊ะเพื่อให้เด็กๆ ได้เก็บภาพอย่างสะดวก

กล้องจากเครื่องมือสื่อสารสารพัดชนิดรุมมาที่ตัวพลวิทย์ บางคนไล่จากควยขึ้นมาที่ใบหน้า ก่อนที่จะถ่ายไล่ลงไปที่ควยอีกครั้ง เขาได้ยินเสียงเด็กๆ สั่งให้มองมาที่กล้อง ยิ้ม ชูนิ้ว ไม่รู้ทำไมเขาถึงต้องทำตามคำสั่งของเด็กพวกนี้

“กูว่าอาจารย์วิทย์แม่งเป็นพวกชอบโชว์ว่ะ ปกติแกก็ใส่กางเกงฟิตอยู่แล้ว ยิ่งวันนี้กูยิ่งมั่นใจ ไม่มีอาย ไม่มีเขินหลบกล้องเลย ห่าสิ”

เด็กๆ ต่างขำขันและรู้สึกตื่นเต้นที่ได้มีอำนาจในการสั่งการอาจารย์ที่สอนพวกเขา

“อาจารย์แหกขาหน่อยสิครับ ผมขอถ่ายรูตูดอาจารย์หน่อย อยากเห็นว่าเป็นยังไง”

พลวิทย์เขยิบตัวขึ้นไปนอนบนโต๊ะอาหารทั้งตัว ก่อนที่จะค่อยๆ อ้าขาของตัวเองออก เพื่อให้เด็กๆ ได้ถ่ายรูปรูตูดของเขา ตอนนี้กล้องทุกตัวต่างมารุมถ่ายที่รูตูดของชายหนุ่มอย่างพร้อมเพรียง

“รูตูดอาจารย์แม่งสวยเป็นบ้า สีชมพูสด มีขนนิดๆ เห็นแล้วเสียวเป็นบ้า กูชักอยากลองเสียบแล้วสิ”

ความในใจจากเพื่อนสนิท 2

“มึงล้อกูเล่นเหรอไอ้พีท ไม่ตลกนะ...” ยังไม่ทันที่อาทิตย์จะกล่าวจบประโยค แขนที่โอบรอบคอเขาก็เปลี่ยนมาดันใบหน้าของเขาเอียงหันมา แล้วคนที่อยู่ข้างหลังก็ค่อยๆ บรรจงประกบริมฝีปากของตัวเองกับริมฝีปากของคนที่อยู่ข้างหน้า

อาทิตย์รู้สึกได้ถึงลิ้นของอีกฝ่ายที่ดุนดันเข้ามาในปากของเขา แม้พยายามจะขัดขืน แต่ดูเหมือนร่างกายของเขาจะหยุดทำงานไปชั่วขณะ ตอนนี้เหมือนมันไม่มีแรงต้านทั้งแรงต้านจากภายนอกที่กำลังถูกเพื่อนสนิทคุกคาม หรือแรงต้านจากภายในจิตใจของเขาเอง ที่บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าจะยุติเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทุกอย่าง หรือปล่อยให้มันดำเนินต่อไป

สายน้ำจากฝักบัวยังคงรินไหลผ่านตัวชายทั้งคู่ที่ตอนนี้อารมณ์เริ่มเตลิดไปไกล

พีระพลถอนริมฝีปากออกจากปากคนตรงหน้า แล้วเปลี่ยนมาใช้ลิ้นโลมเลียที่บริเวณใบหูแทน

“ขอกูลิ้มรสตัวมึงให้สมอยากก่อนนะ”เขากระซิบที่ข้างหูของอาทิตย์ ก่อนที่จะลากลิ้นนั้นโลมเลียต่ำลงมาเรื่อยๆ จากคอ มาแผ่นหลัง และไล่ลงมาถึงร่องก้น แล้วโลมเลียมันอย่างหื่นกระหายเป็นพิเศษ

อาทิตย์เผลอครางออกมา เพราะเขาเองก็รู้สึกเตลิดไปกับรสสัมผัสที่ได้จากเพื่อนสนิท มือทั้ง 2 ข้างจิกกำแพงไว้ด้วยความเสียว แล้วอยู่ๆ คนเบื้องหลังก็หยุดการโลมเลีย แล้วเปลี่ยนมาจับตัวเขาพลิกกลับหลังหัน ตอนนี้สิ่งที่อยู่ตรงหน้าของพีระพลไม่ใช่ก้นงอนกลมกลึง แต่กลับกลายเป็นแก่นกายของเพื่อนสนิทแทน

พีระพลมองภาพตรงหน้า ควยแท่งเรียวสวยของอาทิตย์กำลังแผดผงาดอยู่เบื้อหน้าเขา มันกำลังตื่นตัว ชูคอเพื่อท้าทายเขา ชายหนุ่มค่อยๆ ครอบริมฝีปากตัวเองลงไปอย่างยากลำบาก เพราะตอนนี้มันกำลังแข็งตัวเต็มที่จนต้องใช้มือมาช่วยจับเอาไว้

อาทิตยหลับตาพริ้ม ครางออกมาด้วยความเสียวซ่าน ตามจังหวะการขยับปากขึ้นลงของเพื่อนสนิท มือทั้งสองข้างเริ่มจิกดึงทึ้งที่ผมของพีระพล

“ไอ้พีท กูเสียวว่ะ”

คำพูดของอาทิตย์ยิ่งเหมือนเป็นตัวกระตุ้นให้พีระพลใส่ลีลาและเพิ่มจังหวะให้แรงขึ้นกว่าเดิม ซึ่งยิ่งแรงมากขึ้นเท่าไหร่ เสียงครางของอาทิตย์ยิ่งดังขึ้นเท่านั้น พีระพลเริ่มรู้สึกเจ็บผมที่โดนมือของอาทิตย์จิกทึ้งอย่างรุนแรง

“ไม่ไหวแล้ว กูจะออกแล้วนะ”

สิ้นคำพูด มวลน้ำเหนียวข้นจำนวนมากก็พุ่งเข้าปะทะช่องปากของพีระพลอย่างรุนแรง ยาวนาน และมากมายเหมือนไม่มีทีท่าจะหยุดหย่อน อาทิตย์คลายอาการเกร็งตัวลง พร้อมๆ กับสิ่งที่อยู่ในปากของพีระพลก็ค่อยๆ อ่อนตัวลงเรื่อยๆ

พีระพลเอื้อมมือไปปิดฝักบัว เขาลุกเดินตรงไปยังที่วางผ้าเช็ดตัว อาทิตย์ที่นอนแผ่อยู่กับพื้นเหลือบตามอง เขาเห็นว่าท่อนลำของพีระพลยังมีอาการชูชันอยู่ อาจจะเพราะอารมณ์ที่ค้างอยู่และยังไม่ได้รับการปลดปล่อย เขาค่อยๆ ยันกายลุกขึ้น เขาเห็นพีระพลหยิบผ้าผืนหนึ่งขึ้นมาเช็ดศีรษะและเนื้อตัวเล็กน้อย ก่อนจะใช้พากคอ ก่อนที่จะหยิบอีกผืนเดินตรงมาที่เขา แล้วคลี่ผ้าเช็ดตัวออกคลุมที่ผมของเขา แล้วขยี้อย่างนุ่มนวล

“ออกไปกันเถอะ แช่น้ำนานๆ เดี๋ยวจะไม่สบาย”

พีระพลค่อยๆ ประครองอาทิตย์ลุกขึ้น แล้วเดินโอบออกมาจากห้องน้ำ แล้วพามาหยุดตรงมุมที่แต่งตัวที่มีตู้เสื้อผ้าและกระจกบานใหญ่ตั้งอยู่

อาทิตย์มองเข้าไปในกระจก เห็นร่างเปลือยของตัวเขาและอาทิตย์ก็รู้สึกเขินเล็กน้อย แม้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่ต่างฝ่ายต่างเปลือยกายต่อหน้ากัน แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ทั้งคู่มีเวลาใส่ใจต่อเรือนร่างของกันและกันเช่นนี้

พีระพลอ้อมมาอยู่ด้านหลังเขา หยิบผ้าเช็ดตัวที่คลุมศีรษะของอาทิตย์ออกมา แล้วค่อยๆ เช็ดไปตามลำตัวของเพื่อนสนิททีละส่วน อาทิตย์รู้สึกแปลกใจกับพฤติกรรมของเพื่อนสนิท แม้พีระพลจะคอยดูแลเขาอยู่เสมอ แต่ส่วนใหญ่ทำในฐานะของหัวหน้าชมรม นี่เป็นครั้งแรกที่พีระพลใส่ใจเขามากกว่าปกติที่เคยทำมา

“ถ้าวันนี้มึงยังไม่พร้อม กูจะยังไม่เร่งรัดมึง กูแค่อยากจะบอกความรู้สึกของกูที่เก็บเอาไว้มานานให้มึงได้รู้” พูดเสร็จเขาก็เดินผละไปที่ตู้เสื้อผ้า แล้วหยิบเสื้อผ้าของเขามาส่งยื่นให้ อาทิตย์จ้องมองดวงตาของพีระพลที่สบตาเขาอยู่อย่างแน่วแน่ เขาไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเอง ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันรวดเร็วจนเขาไม่ทันตั้งตัว เขารับยื่นไปรับเสื้อผ้าของพีระพลมาถือไว้ในมือ

“แต่งตัวเถอะ กูจะไปรอข้างนอก” เพื่อนสนิทเดินตัวเปลือยเปล่าออกจากห้องไป อาทิตย์มองตามเลยไป เขารู้สึกหวั่นไหวกับการกระทำของเพื่อนสนิทอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

พีระพลเดินออกจากห้องน้ำ มานั่งที่ขอบเตียง เนื้อตัวเขายังคงเปียกน้ำ พอมาโดนแอร์จากในห้องทำให้รู้สึกเย็นวูบที่ผิวหนังจนรู้สึกขนลุก แต่ตอนนี้ใจของเขากลับร้อนรน เพราะไม่รู้ว่าอาทิตย์จะคิดอย่างไรกับเขาและสิ่งที่เขาทำลงไป กลัวว่าเพื่อนสนิทจะรังเกียจ และทำให้ความสัมพันธ์ที่มีมายาวนานจบสิ้นลง ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นเขาคงเสียใจอย่างมาก ทีให้อารมณ์ชั่ววูบมาทำลายความสัมพันธ์ของพวกเขา

ระหว่างที่หัวใจของพีระพละกำลังร้อนรน อาทิตย์ก็เดินออกมาจากห้องน้ำ พีระพลหันไปมองตามร่างเพื่อนสนิทที่เดินตรงมาหาเขา หัวใจที่เต้นแรงอยู่แล้วกลับเต้นรงขึ้นไปอีก เลือดในกายสูบฉีดมาถึงใบหน้า จนมันแดงกล่ำอย่างที่ไม่เคยเป็น เพราะภาพที่เห็นตอนนี้ อาทิตย์เดินตรงมาที่เขาโดยทั้งร่างไม่มีอะไรปกปิดร่างกายเลย

“กูพร้อมแล้วไอ้พีท ทำอะไรก็ได้อย่างที่มึงต้องการเถอะ”

แล้วอาทิตย์ก็เดินอ้อมไปที่อีกด้านของเตียง แล้วล้มตัวลงนอน แก่นกายที่สงบไปแล้วเริ่มออกอาการชูชันขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง

คืนจัดหนัก 4

“ไอ้วิทย์ มึงนี่แน่จริงๆ เมื่อสิบกว่าปีที่แล้วตอนรับน้อง พวกเพื่อนตกตะลึงกับขนาดควยของมึงกันขนาดไหน ผ่านมาจนถึงตอนนี้ ควยมึงก็ยังเรียกแขกได้เหมือนเดิม แถมครั้งนี้ดูเหมือนผู้ชมของมึงจะตื่นเต้นยิ่งหว่าตอนนั้นซะอีกนะ ก็อย่างว่าตอนนี้มึงแม่งทั้งหล่อ ทั้งล่ำ ดูดีกว่าตอนนั้นซะอีกนะ ไหนๆ มึงมีของดีขนาดนี้ก็ใช้ให้เป็นประโยชน์หน่อยเถอะวะ” สุนัยพูดกับเพื่อนสนิทของเขาที่ยังนอนเปลือยให้เด็กๆ ในชมรมฟุตบอลได้เล่นกันอย่างสนุกสนาน

วิทนี่ย์เอื้อมมือไปจับแท่งทวนของอาจารย์พลวิทย์ ทำให้คนอื่นๆ ช่วยกันรุมจับบ้าง ถอกหัวออกมาดูอย่างใกล้ชิดบ้าง

“แม่ง หัวใหญ่ขนาดนี้ ใครโดนเข้าไปคงร้องจ๊าก” แล้วทุกคนต่างก็หัวเราะกันเป็นที่สนุกสนาน

”อาจารย์เสียวไหมครับ” มือที่กำควยอยู่เริ่มรูดขึ้นลงช้าๆ พลวิทย์ยังยิ้มกริ่ม นัยน์ตาเยิ้ม

“กูว่าอาจารย์ท่าจะชอบว่ะ ยิ้มใหญ่เลย มึงชักแรงเลย” มือที่จับปั่นเริ่มเร่งความแรงขึ้น

“อาจารย์คะ ทำอย่างนี้หนูว่าเสียเปล่าค่ะ” ทุกคนหยุดกิจกรรมที่กำลังทำ หันมาทางแม่วิทนี่ย์ต้นเสียงที่ดังขึ้น

“อะไรของเธอวิทยา” อาจารย์สุนัยถามขึ้นด้วยความไม่เข้าใจ

“แหม หนูบอกว่าไม่ให้เรียกวิทยา วิทนี่ย์ค่ะวิทนี่ย์ คืออย่างนี้ ไหนๆ ก็ไหนๆ อาจารย์วิทย์ก็พลีกลายให้เราได้ใช้ประโยชน์จากเรือนร่างอาจารย์ขนาดนี้ จะแค่มาชักๆ กันให้น้ำออกจะเป็นการใช้ทรัพยากรที่ไม่คุ้มค่า หนูขอขันอาสาใช้ริมฝีปากสวยๆ ของหนู ทำให้อาจารย์เสร็จสมอารมณ์หมายเอง ไม่ทราบว่าอาจารย์จะอนุญาตไหมคะ”

เกิดเสียงฮือฮาอื้ออึงไปทั่วทั้งห้องกับความคิดของวิทนี่ย์ อาจารย์สุนัยแสยะยิ้มออกมา หันมามองหน้าเพื่อนสนิทที่นอนหอบอยู่ตอนนี้ แล้วจึงเอ่ยขึ้นว่า

“อาจารย์วิทย์คงไม่ขัดหรอก เพราะเต็มใจจะตอบแทนพวกเราทุกคนอยู่แล้ว แต่ปัญหาคือ ข้าไม่รู้ว่าไอ้ยอดจะอนุญาตแกหรือเปล่าน่ะสิ ว่าไงไอ้ยอด”

ทุกคนหันไปมองทางยอดที่ต่างก็รู้ว่าเป็นผัวทางพฤตินัยของวิทนี่ย์อยู่ ยอดหันมองทุกคนด้วยสีหน้าท่าทางจริงจัง ก่อนที่จะค่อยๆ เดินมาหยุดที่โต๊ะที่พลวิทย์นอนแผ่อยู่

“ผมไม่ปฏิเสธ” เสียงทุกคนเฮออกมาลั่น ที่จะได้เห็นโชว์เด็ด “แต่ผมมีข้อแม้” เสียงเฮเมื่อครู่เงียบลง คอยรอว่าเงื่อนไขของยอดคืออะไร

“ถ้าคืนนี้อาจารย์วิทย์จะเอาเมียผม ผมก็จะขอเอาอาจารย์วิทย์เป็นเมีย”

ยอดแสยะยิ้มที่มุมปาก มองหน้าอาจารย์พลวิทย์ที่ตอนนี้เบิกตากว้างอย่างตกตะลึงในเงื่อนไขของลูกศิษย์ เขาไม่คิดว่าเหตุการณ์ในคืนนี้จะลุกลามบานปลายมาขนาดนี้ หวังว่าสุนัยจะเห็นกึความเป็นเพื่อนที่มีแล้วจบเหตุการณ์บ้าๆ นี้ก่อนที่จะเลยเถิดจนเกินกว่าที่จะแก้ไข เขาเหลือบสายตามองไปทางสุนัย เพื่อนสนิทเหลือบตามองเขาอยู่ เสียงในห้องเงียบงัน รอคำยืนยันจากใครสักคนว่าคืนนี้จะมีอะไรเกิดขึ้นหรือไม่

“ไอ้ยอด มึงจะไม่เกินไปหน่อยเหรอ ยังไงเขาก็เป็นอาจารย์มึงนะ” เสียงไกรภพดังขึ้น

“มึงยังนับถือคนที่มานอนแก้ผ้าโชว์ควยให้มึงถ่ายรูป จับควยเล่นว่าเป็นอาจารย์อยู่อีกเหรอวะ” ยอดเถียงกลับ

“อาจารย์วิทย์เขาแค่เล่นสนุกๆ กับพวกเราเอง แล้วนี่ก็ไม่ใช่เวลาเรียนด้วย มึงอย่าซีเรียสสิวะ ใช่ไหมครับอาจารย์” เสียงสมาชิกคนหนึ่งออกความคิดเห็น แล้วถามพลวิทย์ที่นอนแผ่ราบอยู่บนเตียง

“กูว่าพอเถอะ เราสนุกกันพอแล้ว จบงานนี้ซะทีเถอะ” อีกเสียงสนับสนุน

“แต่อาจารย์วิทย์ยังไม่ได้ปฏิเสธเลยนะ พวกมึงอย่าเพิ่งคิดแทนอาจารย์สิ ให้อาจารย์ตัดสินใจ มึงไม่อยากเห็นตอนไอ้ยอดเย็ดอาจารย์วิทย์หรือไงวะ” พิพัฒน์แสดงความคิดเห็นบ้าง

“เออว่ะ กูก็อยากดูนะ อาจารย์วิทย์อาจจะไม่ถืออะไรมากอย่างที่พวกมึงกลัวก็ได้ ก็แค่โดนลูกศิษย์เย็ดเท่านั้นเอง” เสียงหัวเราะดังขึ้นอย่างสนุกสนาน

สุนัยก้มลงกระซิบบางอย่างที่ข้างหูพลวิทย์ ก่อนที่จะบอกทุกคนให้เงียบแล้วตั้งใจฟัง

“อาจารย์วิทย์ว่าไงครับ กับข้อเสนอของไอ้ยอด”

เสียงอาจารย์พลวิทย์สั่นเครือ เขาพยายามสกัดกลั้นไม่ให้น้ำตาๆ ไหลรินออกมา

“สนุกกันให้เต็มที่เลยทุกคน ใครอยากได้ อยากทำอะไร อาจารย์อนุญาตเพื่อตอบแทนพวกเธอหนึ่งวัน”

เสียงเฮของเด็กๆ ในห้องดังลั่น สุนัยขยี้ผมบนศีรษะเพื่อนสนิทแล้วบอกว่า “ต้องอยางนี้สิเพื่อนกู” แล้วจึงเดินไปนั่งเพื่อเตรียมชมการแสดงชุดใหญ่ เด็กคนอื่นๆ ต่างวิ่งมานั่งรอชมการด้วยเช่นกัน วิทนี่ย์เดินตรงไปร่างของอาจารย์พลวิทย์ ใช้มือรูดท่อนลำที่อ่อนตัวลงไปเล็กน้อยให้ชูชันขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนที่จะบรรจงใช้ปากครอบลงไปที่อวัยวะยาวใหญ่อันนั้น

คืนจัดหนัก 5

เสียงทุกเสียงในห้องเงียบกริบ ได้ยินเพียงเสียงแอร์ที่ดังประสานกับเสียงครางของอาจารย์พลวิทย์ วิทนี่ย์ใช้ปากกับแท่งทวนยาวใหญ่นั้นอย่างชำนาญ ถอกหัวออกมาโลมเลียชิมรสชาติที่สุดรัญจวนใจ พลวิทย์ไม่เคยรู้สึกเสียวซ่านขนาดนี้มาก่อน จนเผลอเอามือจิกโต๊ะด้วยความลืมตัว วิทนี่ย์เปลี่ยนจากการโลมเลียที่แท่งทวนมาเป็นที่ไข่อันกลมกลึงทั้ง 2 ใบ แล้วจึงลงต่ำมาเรื่อยๆ จนถึงปากทางเข้าถ้ำ

ทุกคนในห้องเริ่มหายใจถี่ เพราะเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นผู้ชายใช้ปากให้ผู้ชายด้วยกัน บางคนรู้สึกตื่นเต้นแปลกใหม่ รู้สึกเป็นเรื่องสนุก บางคนรู้สึกขยะแขยง รับไม่ได้ และไม่เข้าใจว่าทำไมอาจารย์พลวิทย์ถึงยอมโชว์ขนาดนี้

“มึงว่าอาจารย์วิทย์แม่งเป็นเกย์รึเปล่าวะ”

“ถึงจะเป็นเกย์จริงๆ ก็ไม่ควรมาทำอะไรประเจิดประเจ้อแบบนี้ เป็นกูไม่ยอมมาโชว์ให้นักเรียนเห็นตัวเองโดนทำแบบนี้หรอก กูเริ่มเสื่อมศรัทธาแม่งแล้ว”

เสียงสนทนานั้นดังไปถึงหูของพลวิทย์ น้ำตาของเขาซึมออกมาจากดวงตาทั้ง 2 ข้าง แต่ดูเหมือนจะไม่มีคนสนใจ ตอนนี้ทุกคนดูหื่นกระหายไปกับภาพที่เห็นตรงหน้า พลวิทย์พยายามสะกดอารมณ์ที่กำลังลุกโชน แต่ทำอย่างไรก็ไม่เป็นผล ตอนนี้เขาไม่สามารถห้ามสัญชาตญาณดิบในกายที่กำลังลุกโชนให้สงบลงได้เลย แล้วสุดท้ายเมื่อห้ามความรู้สึกไม่ไหว เขาก็ปลดปล่อยความหนุ่มในกายออกมาอย่างมหาศาล

“ว้าย” วิทนี่ย์ถอนปากออกมาแทบไม่ทัน หญิงสาวตื่นตะลึงกับภาพน้ำคาวที่ฉีดพุ่งอย่างไม่หยุดหย่อน จนเปรอะไปทั่วทั้งตัวและใบหน้าของพลวิทย์

เด็กๆ ต่างกรูเข้ามารุมล้อมถ่ายภาพอย่างสนุกสนาน ต่างหัวเราะที่เห็นคราบน้ำกามจำนวนมหาศาลเปรอะเปื้อนไปทั่วตัวและใบหน้าอาจารย์ของพวกเขา บางคนเอานิ้วมาเขี่ยเล่นแล้วเอาไปป้ายแกล้งคนอื่นจนหลบหนีกันพัลวัน แต่ขณะที่ทุกคนกำลังสนุกกันอยู่นั้น เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น

“ได้เวลาของกูแล้ว พวกมึงหลบไป”

ทุกคนหันมามองตามเสียง แล้วก็ต้องฮือฮากันอีกครั้ง เพราะตอนนี้ยอดแก้ผ้ายืนรอควยโด่ เตรียมพร้อมเต็มที่แล้ว ทุกคนหลีกทางให้ยอดกลับมานั่งที่เก้าอี้ประจำตัว ยกกล้องขึ้นมาเตรียมบันทึกภาพเด็ด

ยอดเดินตรงไปที่ร่างของพลวิทย์ เขาก้มลงกระซิบที่หูของอาจารย์ว่า “ผมจะทำให้อาจารย์ลืมไม่ลงเลย อยากเงี่ยนนักใช่ไหมไอ้สัด”

พลวิทย์หลับตาไม่อยากรับรู้อะไร ยอดตรงไปที่ปลายโต๊ะ กระชากร่างของพลวิทย์ให้เข้ามาใกล้เขา แยกขาทั้งสองข้างของพลวิทย์ออกจากกัน แล้วโน้มตัวไปข้างหน้า มือทั้งสองข้างจับที่เอวของอาจารย์หนุ่ม ก่อนจะค่อยๆ สอดท่อนลำที่แข็งตัวเข้าไปในร่องตูดของอาจารย์หนุ่มอย่างช้าๆ

“เฮ้ย เย็ดสดไม่พอ แม่งยังไม่ยอมหล่อลื่นอีก กูว่าอาจารย์วิทย์ตูดระบมไปอีกนานแน่ๆ ”

“อย่าว่าไป บางทีอาจารย์อาจจะติดใจ จนต้องขอสองเหมือนน้องพลับก็ได้ ดีไม่ดีอาจจะขอเป็นเมียน้อยไอ้ยอดคู่กับอีวิทก็ได้”

ความแข็งของแท่งทวนนั้นผ่านชำแรกเข้าไปที่รูตูดพลวิทย์อย่างช้าๆ ยอดพยายามไม่ให้อาจารย์ของมันเจ็บมานักในตอนแรก เพราะมันยังมีทีเด็ดอีกเยอะ เพื่อให้อาจารย์ลืมรสชาติการเย็ดครั้งนี้ไม่ลง แต่แม้จะค่อยๆ ทำขนาดไหน แต่รูตูดของพลวิทย์ที่ไม่เคยมีอะไรรุกรานมาก่อนก็ไม่พร้อมจะยอมรับ ตอนนี้ความเจ็บปวดที่มีทำให้สติของพลวิทย์ค่อยๆ กลับคืนมาอย่างช้าๆ

“ไอ้เหี้ย เอาออกไป กูไม่ไหวแล้ว กูเจ็บ”

เมื่อเห็นว่าอาจารย์เริ่มขัดขืน ยอดจึงไม่อาจประนีประนอมต่อไปอีกได้ เขาตัดสินใจดันควยของเขาที่ยังเหลืออีกครึ่ง ดันเข้าไปในคราวเดียวเลย

“โอ๊ย” เสียงพลวิทย์ร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส