ขุนศึกเชลยทาส

บทนำ

เมืองแมน เป็นเมืองอู่ข้าวอู่น้ำที่แสนจะอุดมสมบูรณ์ สมกับคำกล่าวที่ว่าในน้ำมีปลา ในนามีข้าว ทำให้เมืองที่อยู่ใกล้เคียงอยากได้เมืองแมนเป็นเมืองบริวาร เพราะจะช่วยสร้างความเข้มแข็งให้กับเมืองของตัวเองได้มากยิ่งขึ้น แต่ถึงแม้เมืองแมนจะไม่ได้มีกำลังทหารหรือไพร่พลที่เก่งกาจเชี่ยวชาญการรบ แต่อย่างน้อยก็ยังมีคนเก่งที่มีความสามารถในการต่อสู้ และเป็นผู้นำทัพเข้าสู้ศึกสงครามกับเมืองต่าง ๆ ได้อย่างไม่หวั่นเกรงใคร

ขุนเรืองไกร นักรบผู้เชี่ยวชาญทั้งด้านการวางยุทธศาสตร์และการต่อสู้ ไม่มีการรบครั้งไหนที่ขุนเรืองไกรจะเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ หรือไม่กลับมาพร้อมชัยชนะ การที่เขาเติบโตมาจากตระกูลนักรบ เริ่มจับดาบจับหอกออกรบพุ่งก่อนจะหัดอ่านหัดเขียนเสียด้วยซ้ำ ทำให้เขาซึมซับเอาเลือดนักสู้มาจากบรรพบุรุษ และถือว่าการปกปักษ์รักษาบ้านเมืองให้อยู่รอดปลอดภัย ไม่ต้องเป็นเมืองขึ้นของใคร คือหน้าที่หลักของชายชาตินักรบอย่างเขา

เพราะความเก่งกล้าของขุนเรืองไกร ทำให้ชื่อเสียงของเขาขจรขจายไปทั่วแคว้นเมืองต่าง ๆ บางเมืองที่อยากลองของก็ส่งไพร่พลและกำลังทหารเข้ามารุกราน เพราะหากได้รับชัยชนะ ไม่เพียงแต่จะมีชัยเหนือเมืองสอง และได้ทรัพยากรอันอุดมสมบูรณ์เป็นของรางวัล ยังได้ขุนศึกฝีมือฉกาจฉกรรจ์มาเสริมทัพกำลังทหารของฝ่ายตนให้แข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย หากแต่จนถึงบัดเดี๋ยวนี้ก็ยังไม่มีเมืองไหนหรือขุนศึกคนใดที่ต่อกรกับขุนเรืองไกรได้เลยสักคน

แต่ถึงความเก่งกล้าของขุนเรืองไกรจะเป็นที่ประจักษ์ แต่ใช่ว่าเขาเป็นที่รักหรือยกย่องเชิดชูของทุกคนในเมือง นอกจากประชาชนที่รักและเทิดทูนเขา เหล่าขุนน้ำขุนนางคนอื่น ๆ กลับไม่ค่อยชอบขี้หน้าขุนเรืองไกรนัก ส่วนหนึ่งมาจากพระยาเยน เจ้าผู้ปกครองเมือง ซึ่งมีนิสัยขี้ขลาด ไม่ชอบการรบพุ่งและความรุนแรง ทุกครั้งที่จะเกิดการรบ พระยาเยนจะหาทางสงบศึกให้ได้ก่อนทุกครั้ง ไม่ว่าจะด้วยกลวิธีการใดก็ตาม เพราะแม้จะมั่นใจในฝีมือของขุนเรืองไกร แต่ก็ไม่อยากเสี่ยงที่จะทำให้ภัยเกิดกับตัว

ขณะที่พวกขุนนางคนอื่น ๆ ก็คิดว่าเป็นเพราะฝีมืออันเก่งกาจของขุนเรืองไกร ที่ล่อให้นักรบจากเมืองต่าง ๆ เข้ามาขอประลองกับขุนเรืองไกร หากเมื่อไรที่ไม่มีขุนเรืองไกรแล้วนั้น เมืองต่าง ๆ อาจไม่สนใจที่จะมาทำศึกสงครามกับเมืองแมนมากขนาดนี้ก็เป็นได้ แต่จะให้ทัดทานหรือกระทำการใด ๆ ที่จะไม่ให้ขุนเรืองไกรไม่ไปออกรบนั้น ก็ไม่กล้ากระทำ เพราะกลัวว่าจะถูกหาว่าขี้ขลาดตาขาว ไม่กล้าสู้ทั้งที่ตนเองก็ไม่ได้เป็นผู้ออกไปรบด้วยตนเองแท้ ๆ

ขณะที่เหล่าทหารที่อยู่ภายใต้อำนาจของขุนเรืองไกรก็มีทั้งที่ยกย่องเชิดชู มองเขาดั่งเป็นวีรบุรุษ กับกลุ่มที่ริษยาในความเก่งกล้าของขุนเรืองไกร และรู้สึกว่าการออกรบของตนนั้น เป็นไปเพื่อเสริมความเก่งให้กับขุนเรืองไกร โดยที่ตนเองไม่ได้ผลประโยชน์ใด ๆ ตอบแทนกลับมาเลย แต่แม้กระนั้นก็ยังไม่มีใครกล้าแสดงออกนอกหน้าถึงความรู้สึกที่แท้จริงของตน มีเพียงการแบ่งกลุ่มนินทาในยามว่างจากการฝึกรบเท่านั้น ตัวขุนเรืองไกรเองก็พอจะรู้ดีว่าใครที่รัก และใครที่ชังเขา หากแต่เมื่อความรักความชังนั้นมิได้ส่งผลต่อการรบ การต่อสู้ เขาจึงไม่ได้นำมันมาใส่ใจ หรือคิดจะปรับความเข้าใจต่อกลุ่มคนที่ต่อต้านเขาอยู่ลึก ๆ

สิ่งเดียวที่ขุนเรืองไกรจะให้ความสำคัญ คือความรู้สึกของหญิงอันเป็นที่รักของเขาเท่านั้น นั่นคือ ลำดวน หญิงสาวที่เติบโตมากับพร้อม ๆ กับเขา จากการเป็นเพื่อนเล่น สู่การเป็นเพื่อนที่รู้ใจ ลำดวนเป็นคนเดียวที่เข้าอก เข้าใจ คอยเอาใจใส่กับทุกความรู้สึกของเขา และเป็นคนเดียวที่ทำให้ความร้อนในใจเขาสงบลงมาได้ เมื่อไรก็ตามที่เขาต้องไปออกรบ ทุกครั้งจะต้องมีสิ่งของที่ลำดวนให้เขาไว้ดูต่างหน้า มันไม่ใช่แค่สิ่งของแทนใจที่ทำให้เขาคลายความคิดถึงนางอันเป็นที่รัก แต่มันยังเป็นเครื่องรางที่คอยปกปักษ์รักษาและทำให้เขาแคล้วคลาดปลอดภัยจากภยันตรายใด ๆ มาได้ทุกครั้ง

หลังกลับจากการออกรบครั้งล่าสุด ที่เขามีชัยเหนือกองกำลังจากเมืองนาย เมืองที่ส่งกองทัพมารุกรานเมืองสองอยู่บ่อยครั้ง และครั้งนี้คือครั้งที่กองทัพเมืองนายปราชัยอย่างย่อยยับเป็นที่สุด ขุนเรืองไกรกลับไปหาลำดวนทันทีที่เขากลับเข้าตัวเมือง เขาเอ่ยปากขอหญิงอันเป็นที่รักมาเป็นเมียอย่างถูกต้อง โดยบอกเหตุผลว่าการออกรบครั้งหลังสุด เป็นช่วงเวลาที่ทำให้เขาเห็นคุณค่าของชีวิตมากที่สุด และคุณค่าของชีวิตเขาจะไม่สมบูรณ์หากไม่มีลำดวนอยู่ร่วมเรียงเคียงหมอนกับเขา หากแต่ลำดวนกลับมีท่าทีสองจิตสองใจเมื่อได้ฟัง และยังไม่ให้คำตอบ หากแต่จะขอตอบขุนเรืองไกรในงานพิธีประจำปีของวัดประยูร วัดคู่บ้านคู่เมืองของเมืองนาย

ตอนที่ 1

งานประจำปีของวัดประยูรในปีนี้จัดยิ่งใหญ่กว่าทุกปีที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นการเฉลิมฉลองหลังการกำชัยในศึกสงครามที่เพิ่งผ่านมา ประชาชนมากหน้าหลายตาต่างเข้ามาแสดงความยินดีต่อขุนเรืองไกร ที่เดินจูงมือลำดวนเข้ามาในงาน และทำให้ลำดวนพลอยมีความสุขไปกับคนรักไปด้วย ทุกคนต่างอวยชัยให้พรกับความรักของทั้งคู่ สิ่งเหล่านี้ยิ่งสร้างความกดดันให้กับลำดวนมากยิ่งขึ้น เพราะคืนนี้คือคืนที่เธอต้องให้คำตอบกับขุนเรืองไกรว่าเธอจะตัดสินใจอย่างไรต่อคำขอของเขา

ขณะที่อีกฟากของงานพิธี ไอ้เพชร ลูกชายที่ไม่เอาอ่าวของหลวงหาญ ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ผู้ทรงอิทธิพล กำลังอารมณ์เสียเพราะเสียพนันไก่ชนจนหมดเงินไปหลายเบี้ย มันจึงชวน ไอ้จ่อย ลูกสมุนออกไปหาความสนุกจากงานตรงอื่นต่อ แต่ขณะเดินอยู่นั้น มันเห็นคนกลุ่มใหญ่กำลังมุงดูอะไรบางอย่างอยู่ มันจึงเดินเข้าไปดู และพบว่าชาวบ้านกำลังให้ความสนอกสนใจอยู่กับนายทหารรูปงามกล้ามแกร่งอย่างขุนเรืองไกร นั่นยังไม่ทำให้มันอิจฉามากเท่ากับที่เห็นว่า ลำดวน หญิงที่มันหมายปอง ยืนจับคู่อยู่กับขุนเรืองไกร ความอิจฉาตาร้อนเข้าครอบงำจิตใจจนมันทนไม่ไหว ต้องเดินเข้าไปเพื่อหวังจะแยกลำดวนออกมาจากขุนเรืองไกรให้จงได้

“ลำดวน นี่เจ้ามางานนี้ทำไมไม่บอกพี่ล่ะ พี่พร้อมอาสาพาเจ้าเที่ยวชมงาน ไม่เห็นต้องไปไหว้วานให้ท่านขุนต้องมาลำบากลำบนเพราะเจ้าเลย”

“ข้าไม่ได้ลำบากอะไรเลย พ่อเพชร เป็นความเต็มใจที่ข้าจะพาแม่หญิงอันเป็นที่รักมาเดินเที่ยวชมงานด้วยกัน คงไม่ต้องลำบากให้คนนอกอย่างเจ้าเข้ามาช่วยเหลือดอก”

“ท่านนี่น่าไม่อายนัก ไฉนจึงใช้คำพูดตู่เอาว่าแม่หญิงลำดวนเป็นของเจ้า ข้ายังไม่เห็นแม่หญิงจะเออออะไรไปกับท่านด้วยเลย”

“แม่หญิงคงไม่ต้องพูด ท่านดูที่การกระทำของนางเอกก็ได้” ขุนเรืองไกรเบือนหน้าให้ไอ้เพชรมองไปที่มือของตนที่กุมมือของลำดวนเอาไว้ ไอ้เพชรเห็นดังนั้นยิ่งโมโห มันรีบปรี่เข้าไปหวังจะให้มือที่เกาะกุมกันอยู่นั้นคลายออก แต่ขุนเรืองไกรอาศัยความไวเบี่ยงตัวหลบ จนไอ้เพชรเซถลาลงไปหน้าคะมำกับพื้น ไอ้จ่อยเห็นดังนั้นรีบเข้าไปช่วยลูกพี่ของมัน แต่ดันเป็นตอนที่ไอ้เพชรจะลุกพอดี มันเลยทำให้ไอ้จ่อยเสียหลัก ขาไปเหยียบชายผ้านุ่งของไอ้เพชร จนผ้าหลุดออกมากองที่ขาทั้งยวง จนทำให้ไอ้เพชรหน้าคะมำลงไปอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันไม่ได้แค่เจ็บตัว แต่ต้องเจ็บใจเพราะความอายที่ต้องโชว์ก้นขาวเนียนให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นได้เห็น

เสียงหัวเราะเพราะความสมเพชปนเวทนาดังระงมไปทั่ว จนไอ้เพชรต้องรีบดึงผ้านุ่งขึ้นมาสวม และวิ่งหนีออกไปจากตรงนั้นทันที โดยมีไอ้จ่อย ลูกสมุนหัวทึบพอกันวิ่งตามไปติด ๆ พอตัวมารความสุขจากไปแล้ว ขุนเรืองไกรจึงชวนลำดวนไปไหว้พระในโบสถ์ และไม่ลืมที่จะขอเสี่ยงเซียมซีดูดวงไปด้วย โดยจุดประสงค์สำคัญคือการดูฤกษ์ดูยามสำหรับการไปสู่ขอลำดวนเป็นเมีย แต่กลายกลับเป็นว่าคำทำนายในเซียมซี กลับมีแต่ประโยคที่ร้าย จนลำดวนต้องเข้ามาปลอบใจไม่ให้ขุนเรืองไกรคิดมากกับเรื่องนี้

“พี่เรือง ใบเซียมซีก็เป็นแค่คำทำนาย ถ้ามันร้ายนักก็เผามันทิ้งไว้ที่วัดนี่ ไม่ต้องนำมันกลับไปด้วยดอก”

“ข้าไม่ได้กังวลกับคำทำนายหรอก แต่ข้าแค่กลัว”

“กลัวอะไรของพี่”

“ข้ากลัวว่าคำทำนายนี้ จะมีผลทำให้เจ้า ไม่ตอบรับคำขอของข้า”

“โถ่ พี่เรือง พี่อย่าคิดมากเลย”

“ถ้าเจ้าไม่อยากให้พี่คิดมาก เจ้าก็ตอบรับคำขอของข้าสิ”

ลำดวนนิ่งคิดไปชั่วขณะหนึ่ง ก่อนที่จะตัดสินใจตอบรับคำขอของนายทหารหนุ่มผู้เป็นที่รัก ความดีใจทำให้ขุนเรืองไกรโยนใบเซียมซีทิ้ง แล้วปรี่เข้าไปอุ้มกอดหญิงสาวอันเป็นที่รัก

“พี่เรือง บ้าใหญ่แล้ว นี่มันในวัดนะ”

“ขอโทษที ข้าดีใจมากไปหน่อย เรารีบกลับกันเถอะ ข้าอยากไปหาพ่อและแม่ของเจ้า เราคงมีเรื่องต้องคุยกันยาวในคืนนี้”

ว่าแล้วขุนศึกหนุ่มก็จูงมือหญิงอันเป็นที่รักออกไปจากบริเวณนั้น โดยไม่ทันได้สนใจถึงใบเซียมซีที่ตกอยู่ ที่มีชายหนุ่มหน้าเจ้าเล่ห์เก็บมันขึ้นมาได้ ชายหนุ่มคนนั้นอ่านข้อความในใบเซียมซีแล้วได้แต่ยืนยิ้มเยอะ

“พลัดบ้านพลัดเมือง จากสูงกลับสู่จุดต่ำสุด ไอ้ขุนเรือง เซียมซีใบนี้จะพลิกชีวิตมึงแน่ ๆ ๕๕๕”

ตอนที่ 2

หลังวันงานบุญประจำปีเหตุการณ์ทุกอย่างเหมือนจะเกิดขึ้นเร็วมาก ขุนเรืองไกรรีบพาพ่อแม่ของตนเดินทางไปสู่ขอแม่หญิงลำดวนทันที และเหมือนทุกคนรอคอยเพียงการตัดสินใจของลำดวนเท่านั้น เมื่อหญิงสาวยอมรับคำขอเรื่องทุกอย่างจึงลงตัวเรียบร้อย ขุนเรืองไกรตื่นเต้นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก จนลืมเรื่องของใบเซียมซีที่จับได้ในวันงานประจำปีไปเสียสนิท

แต่แล้วคำทำนายนั้นก็เหมือนจะกลายเป็นจริง ขณะที่ทุกอย่างกำลังดำเนินไปได้ด้วยดี อยู่ ๆ ก็เหมือนมีฟ้าผ่าตอนกลางวันแสก ๆ เมื่อพระยาเยนได้รับสาส์นจากเมืองสอง ซึ่งเป็นหัวเมืองใหญ่ที่มีอิทธิพลเป็นอย่างมาก จากกำลังไพร่พลจำนวนมาก รวมทั้งมีความเจริญรุ่งเรืองในการประดิษฐ์คิดค้นอาวุธใหม่ ๆ มาใช้ในการทำศึกสงคราม ทันทีที่พระยาเยนได้รับสาส์น หัวใจของเจ้าเมืองเฒ่าก็เต้นไม่เป็นส่ำ เขาคิดว่ามันต้องมีเหตุร้ายเป็นแน่แท้ เพราะไม่เคยมีเหตุการณ์ที่เมืองสองจะส่งข้อความมาถึงเมืองของตน

เมื่อให้นายทหารเปิดอ่านก็ได้ใจความตามที่สังหรณ์เอาไว้จริง ๆ เมืองสองส่งคำเตือนมาว่าจะยกทัพมาโจมตีเมืองแมนทันทีหากไม่ได้รับการชี้แจง หลังจากที่เมืองนายได้ส่งกองกำลังมาขอความเป็นธรรม เนื่องจากการรบที่เมืองนายพ่ายแพ้ต่อเมืองแมนนั้น เป็นเพราะเล่ห์เหลี่ยมกลโกงของแม่ทัพของเมืองแมน นั่นก็คือขุนเรืองไกร จนทำให้มีนายทหารบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก รวมทั้งอีกหลายคนที่หายสาปสูญอย่างที่ไม่อาจพิสูจน์ได้ว่ามีชะตากรรมเป็นอย่างไร แต่เจ้าเมืองเมืองสองนั้นไม่อยากฟังความเพียงข้างเดียว จึงอยากให้เมืองแมนส่งคนมาเจรจาเพื่อสืบหาความจริงให้เป็นที่ประจักษ์ภายในเวลาตามที่กำหนด ไม่เช่นนั้นเมืองสองจะยกพลมาประชิดเมืองนายทันที

หัวใจของพระยาเยนลงไปกองอยู่ที่ตาตุ่มทันทีที่นายทหารอ่านสาส์นจนจบ ความคิดของเจ้าเมืองสับสนอลหม่านจนไม่รู้จะจัดการปัญหาอย่างไร จึงเรียกประชุมเหล่าข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ทันที ก่อนจะมีมติให้หลวงหาญเป็นตัวแทนออกเดินทางไปเจรจากับเจ้าเมืองเมืองสอง หลวงหาญเมื่อได้รับมอบหมายหน้าที่อันสำคัญ ก็รีบกลับมาเตรียมตัวเพื่อออกเดินทาง ระหว่างที่รอให้บ่าวไพร่จัดเตรียมสัมภาระที่จำเป็น หลวงหาญก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้คุณช้อยผู้เป็นภริยา และไอ้เพชร ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนได้ฟัง ไอ้เพชรนั้นเรื่องเป็นการดีไม่เคยที่จะคิดอะไรออกได้ แต่เรื่องที่เป็นการร้ายนั้นคืองานที่มันถนัด เมื่อได้ฟังสิ่งที่ผู้เป็นบิดาเล่าให้ฟัง มันจึงคิดหาอุบายอันแยบยลในการจัดการกับขุนเรืองไกรได้ทันท่วงที

และเช้าวันออกเดินทาง หลวงหาญเข้าพบพระยาเยนเพื่อตกลงรายละเอียดกันก่อน หลังได้ความถึงสิ่งที่ต้องเจรจากับเจ้านครเมืองสองแล้ว หลวงหาญก็เอ่ยความเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งให้พระยาเยนได้รับฟัง

“มีเรื่องที่ข้าไม่สบายใจ แต่ไม่รู้ว่าควรจะพูดดีหรือไม่”

“มีอะไรหรือ ท่านหลวงหาญ ยิ่งท่านพูดอย่างนี้ข้ายิ่งอยากรู้”

“เมื่อคืนแม่ช้อยเมียข้า นางฝันถึงพระแม่เมือง พระแม่เมืองท่านมาบอกแม่ช้อยว่า ตอนนี้ดวงเมืองกำลังอยู่ในช่วงดิ่ง จากปัญหาเพราะคนเพียงคนเดียวที่อาจทำให้เมืองฉิบหายได้”

“ห้า จริงหรือท่านหลวง แล้วพระแม่เมืองท่านบอกมั้ยว่าจะแก้อย่างไรได้”

“วิธีแก้นั้นท่านหมอเมืองคงบอกได้ รวมทั้งอ้ายตัวคนที่เป็นปัญหานั้นด้วย ท่านต้องรีบจัดการก่อนข้าจะเดินทางไปถึงเมืองสองนะ เรื่องจากร้ายจะได้คลายทุเลาลงได้บ้าง”

“ได้ ๆ ข้าจะรีบจัดการทันที”

หลังจากที่หลวงหาญออกเดินทางไป พระยาเยนก็รีบจัดการกับเหตุการณ์ที่หลวงหาญเล่าให้ฟังทันที หมอเมืองหรือผู้เชี่ยวชาญก้านโหราศาสตร์ ไสยศาสตร์ของเมืองถูกเรียกตัวเข้ามาพบ เพื่อสืบถามสิ่งที่หลวงหาญเปิดประเด็นเอาไว้ ซึ่งหมอเมืองนั้นก็ตอบโดยไม่ต้องคิดเลยว่าเป็นขุนเรืองไกร ที่เป็นต้นเหตุของเรื่องราวร้ายที่อาจจะเกิดขึ้นทั้งหมด เพราะฉะนั้นคนที่ควรต้องรับผิดชอบต่อเหตุร้ายที่เกิดขึ้นจึงควรเป็นขุนเรืองไกร

“แล้ววิธีที่จะทำเพื่อให้พระแม่เมืองช่วยเราได้คืออะไร”

“ก็ส่งขุนเรืองไกรไปเป็นของบรรณาการ”

ตอนที่ 3

ขุนเรืองไกรถูกเรียกมาเข้าพบพระยาเยนทันทีหลังการเจรจากับหมอเมืองเรียบร้อย เขานั่งแวดล้อมอยู่กับกลุ่มข้าราชการงานเมืองที่เหมือนกับมาประชุมงานกันอย่างเป็นพิธีการ ยิ่งสร้างความสงสัยให้กับขุนเรืองไกรเป็นอย่างมาก เพราะปกติการประชุมเหล่าข้าราชการงานเมืองอย่างนี้ เขาไม่เคยได้เข้ามามีส่วนร่วมด้วยเลย

พระยาเยนเมื่อเห็นว่าขุนเรืองไกรเข้ามาแล้วก็เริ่มตั้งต้นเล่าเรื่องที่เป็นที่มาของการประชุม คือเรื่องที่หมอเมืองทักทำนายว่าบ้านเมืองกำลังจะลุกเป็นไฟและจะมีเหตุนองเลือดที่ทำให้คนบาดเจ็บล้มตายกันเป็นจำนวนมาก ทันทีที่กล่าวจบเหล่าข้าราชการงานเมืองต่างทำหน้าแตกตื่นมองหน้ากันเลิ่กลั่ก พอพระยาเยนเห็นดังนั้นจึงรีบราดเชื้อไฟต่อทันทีโดยกล่าวถึงสาส์นจากเมืองสองที่ส่งมา ซึ่งอาจจะเป็นเหตุให้เกิดการนองเลือดนั้นขึ้นได้ เหล่าข้าราชการงานเมืองจึงรีบถามพระยาเยนถึงวิธีการที่จะแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น

“ท่านหมอเมืองบอกว่าต้องทำพิธีแห่เครื่องบรรณาการไปให้พระแม่เมือง”

เสียงของเหล่าข้าราชการงานเมืองต่างเซ็งแซ่กันขึ้นมาทันที เพราะงานพิธีแห่เครื่องบรรณาการนั้นเป็นประเพณีโบราณที่ไม่ได้ทำกันมานานหลายปีแล้ว หลายคนในที่นี้ก็เกิดไม่ทัน ได้รับรู้ถึงการเคยมีอยู่ของพิธีการนี้จากคำบอกเล่าสืบต่อกันมาเท่านั้น

“มันต้องทำอย่างไรกันล่ะท่านพระยาเยน”

“เราต้องหาชายหนุ่มไปเป็นเครื่องบรรณาการแก่พระแม่เมือง โดยการแห่ไปรอบเมืองจนถึงศาลของพระแม่ และชายคนที่จะทำหน้าที่นั้นได้จะต้องเป็นผู้กล้าที่สุดของเมืองเท่านั้น”

“ถ้าเป็นผู้กล้านั่นหมายความว่า...”

“ใช่ คงมีแต่ท่านขุนเรืองไกรเท่านั้นที่เหมาะสม” พระยาเยนเอ่ยชื่อที่ไม่มีใครสามารถคัดง้างได้

“เดี๋ยวก่อนท่านพระยาเยน ทำไมเราถึงยังเชื่อเรื่องงมงายอย่างนี้ หากเมืองสองต้องการต่อกรก็ส่งท่านขุนเรืองนำทัพไปสู้รบสิครับ”

“นั่นเป็นสิ่งที่เราจะทำแน่ ถ้าไม่สามารถแก้ปัญหาใด ๆ ได้ แต่ก่อนหน้านั้นเรามีวิธีการที่จะสามารถทำให้เรื่องร้ายกลายเป็นดี ผ่อนหนักให้เป็นเบาได้ ทำไมเราจึงจะไม่ลองทำก่อน ให้ไพร่พลของเราเสียเลือดเสียเนื้อน้อยที่สุด หรืออาจจะไม่ต้องมีใครบาดเจ็บล้มตายเลยก็ได้”

เหตุผลของพระยาเยนดูมีน้ำหนัก ยากที่ใครจะปฏิเสธได้แม้แต่ตัวขุนเรืองไกรเองที่แม้จะไม่เห็นด้วยและไม่ต้องการตกเป็นเครื่องบรรณาการของใคร แต่หากจะดันทุรังยืนยันจะออกรบ ก็ดูจะมีแต่เสีย ถูกมองว่าเป็นพวกเห็นแก่ตัวไป ยิ่งตอนนี้เขาพะวงอยู่กับงานแต่งงานที่กำลังจะเกิดขึ้น หากการแห่เครื่องบรรณาการจบโดยที่เขาไม่ต้องไปออกรบ ก็น่าจะทำให้เขาได้แต่งเมียอย่างไร้ความกังวล ในที่สุดทุกฝ่ายจึงควรตามคำทำนายของหมอเมือง

เมื่อขุนเรืองไกรกลับไปเล่าเรื่องนี้ให้ครอบครัวฟัง ก็ได้รับแต่เสียงสนับสนุน ยิ่งแม่หญิงลำดวนยิ่งรู้สึกยินดียิ่งที่อนาคตผู้ที่จะเป็นสามีได้ทำประโยชน์เพื่อประเทศชาติ เขาจึงเร่งวันเร่งคืนให้ถึงวันทำพิธีส่งมอบเครื่องบรรณาการโดยเร็ว โดยไม่ทันเฉลียวใจว่าความฉิบหายกำลังจะมาเยือน

เช้าวันงานราชพิธี ขุนเรืองไกรสวมใส่เครื่องแบบเต็มยศออกเดินทางจากบ้านพักพร้อมพ่อและแม่ตั้งแต่ตะวันขึ้น เขาเดินทางเข้ามาถึงจวนว่าราชการแล้วถูกนายทหารแยกให้ไปห้องสำหรับทำพิธี ตอนที่เขาเข้าไปนั้นยังไม่มีการตระเตรียมการใดหรือมีใครอยู่ในห้องนั้น ขุนเรืองไกรจึงนั่งสำรวมสมาธิอยู่ที่มุมห้องด้านหนึ่ง เขาภาวนาจิตขอให้งานในวันนี้พ้นผ่านไปได้ด้วยดี เพราะเขาคิดว่าหลังจากงานวันนี้ ชีวิตของเขาจะเหมือนกับการได้เริ่มต้นใหม่ ภาพในห้วงคำนึงของเขาตอนนี้คือการเป็นผัวที่ดีของแม่หญิงลำดวน และเป็นพ่อที่ดีของลูกน้อยสองถึงสามคน ภาพฝันนั้นทำให้ใบหน้าของชายหนุ่มพรายด้วยรอยยิ้ม

แล้วเขาก็ต้องตื่นจากภาพฝันเมื่อหมอเมืองเดินเข้ามาในห้อง พร้อมกับพวกนายทหารชั้นผู้น้อยที่นำเครื่องเซ่นสรวงในพิธีเข้ามาวางเรียงราย ขุนเรืองไกรถูกเรียกให้มานั่งที่ตรงกลางห้อง หันหน้าเข้าหาตั่งของท่านพระยาเยน และประจันหน้าอยู่กับหมอเมืองที่รายล้อมรอบตัวไปด้วยเครื่องเซ่นสรวง ไม่นานนักเหล่าข้าราชการงานเมืองทั้งหลายก็ทยอยเข้ามาในห้อง ในจำนวนนั้นมีไอ้เพชรใส่ชุดข้าราชการเต็มยศเข้ามานั่งในตำแหน่งของหลวงหาญด้วย สายตาของไอ้เพชรจ้องมาขุนเรืองไกรอย่างมีเลศนัย รอยยิ้มเหมือนเยาะนั้นทำให้ใบหน้าของไอ้เพชรฉายแววความเจ้าเล่ห์เพทุบายเป็นยิ่งนัก หากแต่ขุนเรืองไกรหาได้สนใจกับบุคคลเช่นไอ้เพชรไม่ เขาหันกลับมานั่งในท่าสำรวมเช่นเดิม เพียงไม่นานพระยาเยนก็เดินเข้ามาในห้อง และขึ้นนั่งบนตั่งเพื่อทำหน้าที่ประธานในพิธีการ

หลวงศรีเมืองทำหน้าที่เป็นผู้กล่าวถวายงานแก่พระยาเยน และเป็นผู้ส่งมอบหน้าที่ทำพิธีกรรมให้กับหมอเมือง หมอเมืองเริ่มต้นการประกอบพิธีกรรม ซึ่งในช่วงต้นนั้นเขาทำพิธีกับพระยาเยนก่อน หลังจากนั้นเขาจึงหันมาที่ขุนเรืองไกร และเริ่มพิธีเพื่อส่งเครื่องบรรณาการ ชายหนุ่มหุ่นล่ำสองคนที่สวมเพียงผ้าเตี่ยวผืนเดียวเดินตรงเข้ามาที่ขุนเรืองไกร แล้วเข้าขนาบที่ข้างตัวขุนเรืองไกรคนละข้าง แล้วขยับจับตัวขุนเรืองไกรให้ลุกขึ้นยืน หมอเมืองเดินมาทำพิธีพรมน้ำมนต์ลงที่ตัวขุนเรืองไกร พร้อมใช้ดินสอพองป้ายน้ำแล้วเขียนที่หน้าผากขุนเรืองไกร นาทีนั้นเองข้ารับใช้ทั้งสองคนของโหรเมืองก็ค่อย ๆ เข้ามาประชิดที่ตัวขุนเรืองไกร คนหนึ่งจับแขนของขุนเรืองไกรให้ยกชูขึ้นข้างลำตัว ส่วนอีกคนเข้ามาค่อย ๆ ถอดเสื้อของขุนเรืองไกรออก ขุนเรืองไกรรู้สึกตงิดในใจแต่ก็ทำนิ่งเฉยไว้ จนเสื้อของเขาถูกดึงออกจากตัว เผยให้เห็นร่างกายที่แข็งแกร่งสมชายชาตินักรบของเขา

เมื่อเสื้อหลุดออกจากตัว ขุนเรืองไกรเริ่มรู้สึกขนตัวลุกชัน อาจเพราะน้ำมนต์ที่พรมมาบนร่างที่ทำให้เขารู้สึกเช่นนั้น ยังไม่ทันที่เขาจะตั้งหลักอะไรต่อหลังเสื้อหลุดออกจากร่าง เจ้าข้ารับใช้นั้นก็ก้มลงจัดการถอดผ้านุ่งของเขาออกจากร่าง ตาของขุนเรืองไกรเบิกค้าง เพราะไม่ทันคาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น เขารีบเอามือที่ยกค้างไว้อยู่มาจับที่ปมผ้าที่เขานุ่ง เพื่อไม่ให้มันหลุดร่วงออกจากร่าง แต่มือที่กำนั้นถูกดึงออกโดยชายหนุ่มหุ่นล่ำลูกน้องของหมอเมือง และมือของลูกน้องอีกคนก็เข้ามากระตุกปมของผ้านุ่งที่ขุนเรืองไกรสมอยู่ ความเบาของมือนั้นทำให้ขุนเรืองไกรตั้งตัวไม่ทัน ปมผ้าที่ผูกไว้อย่างแน่นหนาจึงหลุดออกมาอย่างง่ายดาย ร่างของขุนเรืองไกรตอนนี้จึงเหลือเพียงผ้าเตี่ยวผืนเดียวปิดของสงวนเอาไว้

ตอนที่ 4

สายตาทุกคู่ในห้องจับจ้องอยู่ที่ร่างเกือบเปลือยของขุนศึกหนุ่มผู้เจนจัดการรบ แต่ดูเหมือนว่าขณะทำพิธีนี้เขาไม่สามารถใช้ชั้นเชิงการต่อสู้ที่เก่งกาจมาปกป้องเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายของเขาได้เลย หมอเมืองเดินเข้ามาบริกรรมคาถาก่อนจะเอาน้ำมันมาถูกตามตัวของขุนเรืองไกรจนตัวขึ้นมันวาว ขุนเรืองไกรสูดกลิ่นของน้ำมันหอมที่ชโลมตัวของเขา มันเป็นกลิ่นของอะไรสักอย่างที่เขาไม่แน่ใจ แต่มันมีความหอม หอมแบบประหลาดอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ตาของเขาตอนนี้เริ่มลอย ๆ ไปพร้อมกับจิตที่เริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เขารับรู้เพียงว่ามีมือมาลูบไล้ไปทั่วทั่งลำตัว หลังจากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะจากคนในห้อง แต่เขาไม่รู้ว่าทุกคนหัวเราะอะไร แต่ท่าทางน่าจะเป็นเรื่องที่สนุกไม่ใช่น้อย

แล้วในความสะลึมสะลือ เขาก็เห็นหมอเมืองผละจากตัวเขาไป เขาได้ยินคำสั่งว่าให้เดินตามหมอเมืองไป สายตาที่ปรือมองอะไรไม่ชัดแต่เขาก็ยังเดินตามหมอเมืองไปได้ อย่างช้า ๆ ช้า ๆ ก่อนออกจากห้องเขาสบเข้ากับสายตาของไอ้เพชร เขาเห็นหน้าตาที่แสดงอาการเยาะหยันจากมันอย่างเห็นได้ชัด แต่ไม่รู้ว่าทำไมมันถึงแสดงสีหน้าแบบนั้นออกมา ขุนเรืองไกรไม่มีเวลามาสนใจอะไรกับคนอย่างไอ้เพชร เพราะมีภารกิจที่สำคัญรอเขาอยู่ เขาเดินไป เดินไป เพื่อทำภารกิจนั้น เขาเห็นอะไรบางอย่างอยู่ตรงหน้า มันเป็นแท่นที่มีโครงไม้ขนาดใหญ่ที่ตั้งสูงตระหง่านอยู่ ชายสองคนที่เดินขนาบข้างพาเขาขึ้นไปบนแท่นนั้น แล้วจับมือของเขามัดเข้ากับเชือกเส้นใหญ่ ที่ผูกดึงไว้กับขื่อด้านบนของโครงไม้นั้น เชือกนั้นถูกดึงจนตึงทำให้แขนของเขาเหยียดชูขึ้นจนสุด เผยให้เห็นขนรักแร้ที่ดกดำสมชายชาตรี ขณะที่ขาของเขาก็ถูกจับแยกถ่างออกจากกัน แล้วยึดมันติดไว้ด้วยเหล็กแผ่นบาง ๆ ที่ครอบทับไว้ที่เท้าทั้งสองข้างนั้น

ตัวของขุนเรืองไกรตอนนี้ถูกตรึงกับแท่นขนาดใหญ่นั้นจนตัวตึงไปหมด แล้วเจ้าแท่นนั้นก็ค่อย ๆ เคลื่อนออกจากตัวอย่างช้า ๆ โดยมีม้าสองตัวเป็นผู้ลากนำหน้าไป เขามองไม่เห็นว่าเบื้องหน้าที่กำลังจะไปคือที่ไหน เพราะตอนนี้มันมืดมนไปหมด แท่นไม้นั้นเคลื่อนไป เคลื่อนไป สักพักเขาก็เห็นแสงไฟสาดลอดเข้ามา แสงที่ว่านั้นลอดผ่านบานประตูใหญ่ที่ค่อย ๆ เปิดออกช้า ๆ ขุนเรืองไกรได้ยินเสียงอะไรบางอย่างดังเซ็งแช่เข้าหูเขา ตาที่ปรือสะลึมสะลืออยู่นั้นพอต้องแสงแดดที่สาดแผดเข้ามา ก็ทำเขาค่อย ๆ ได้สติ

ประตูบานนั้นในที่สุดก็เปิดจนกว้างสุด เขาแลเห็นคนจำนวนมาก มากมายมหาศาลอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน ยืนรอการมาถึงของเขาอยู่เบื้องล่าง ใบหน้าของพวกเขามีรอยยิ้มแย้ม พร้อมการเปล่งเสียงอันดังเพื่อหวังปลุกเร้าจิตใจ สติของเขาค่อย ๆ กลับคืนมาในตอนนี้ แต่ แต่ทำไม

เสียงที่ดังกึกก้องจึงเงียบไป.....

มันเงียบสนิท

เขาจ้องไปที่ใบหน้าที่ยิ้มแย้มนั้น ทำไมทุกคนทำสีหน้าตกตะลึง เบิ่งตากว้าง ผู้หญิงหลายคนกลับเบือนหน้าหนี

มันเกิดอะไรขึ้น

ทำไมพอประสาทสัมผัสการรับรู้ของเขากลับมาทุกอย่างมันจึงเปลี่ยนไป

แท่นไม้ที่ตรึงร่างเขาไว้เคลื่อนไปข้างหน้า ตัวเขาตอนนี้เหวี่ยงไปตามแรงเคลื่อน ขุนเรืองไกรรู้สึกเจ็บที่มือ และเท้าที่โดนจับขึง ลำตัวของเขาตึงเหวี่ยงไปมา ความตึงนั้นลามมาถึงตรงจุดกึ่งกลางลำตัวเขาด้วย ชายหนุ่มสงสัยว่าทำไมเขาถึงรู้สึกเจ็บขนาดนี้ เขาจึงก้มลงไปมองดูมัน

แล้วเขาก็ต้องตกใจตาเบิกกว้าง

ควยของเขา ควยของขุนเรืองไกรผู้หาญกล้า กำลังแผดผงาดชี้ขึ้นมาทิ่มหน้าตัวเองอยู่โดยไม่มีอะไรปกปิด

นี่เขากำลังแก้ผ้าต่อหน้าประชาชนที่มาดูพิธีกรรมของเขาอย่างนั้นหรือ......

ทุกคนกำลังมองควยของเขา มองไข่ มองขนหมอยที่ดกดำ ที่เขามาเคยให้ใครเห็นมันมาก่อน และคิดว่าจะมีแม่หญิงลำดวนเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะมีโอกาสได้เห็นมัน

แล้วเขาก็ได้ยินคนเบื้องล่างส่งเสียงมาถึงเขา

“เฮ้ย ท่านขุนศึก แก้ผ้าออกมาเลยเหรอวะเนี่ย”

“แล้วควยท่านต้องชี้โด่ขนาดนั้นเลยเหรอวะ”

“ควยใหญ่ขนาดนั้น เป็นข้าก็อยากจะโชว์เหมือนกันว่ะ

“ควยถอก ปลายหัวมันเยิ้มเชียว สงสัยคงจะเงี่ยนเต็มกำลัง”

“แม่เมืองคงจะชอบใจกับเครื่องบรรณาการนี้”

“๕๕๕๕”

“บัดสี ทำไมต้องกระทำการอนาจารถึงเพรยงนี้ ดูรึลูกเล็กเด็กแดงก็มาดูจนเต็มไปหมด”

“นั่นสิ เด็กมันถามใหญ่แล้ว คนเป็นพ่อเป็นแม่จะตอบยังไง”

“นี่ ๆ ท่านดูสิ พอคล้อยหลังไป ยังเห็นพวงกะโปกท่านขุนลอดมาตรงหว่างขาด้วย ช่างน่าอายพิลึก”

“นายท่านของข้า ท่านเป็นชายชาตินักรบที่หาญกล้า ใยท่านจึงยอมมาทำอะไรแบบนี้ ถ้าทำแบบนี้ สู้ออกไปรบให้รู้ดำรู้แดงซะยังจะดีกว่า”

“ข้าล่ะอายแทนท่านจริง ๆ ความดีความชอบ ความหาญกล้าของท่านหมดลงที่วันนี้”

“แต่ท่านขุนท่านทำเพื่อชาวเมืองทุกคนให้อยู่รอดปลอดภัยนะ”

เสียงจากทุกสารทิศวิพากษ์วิจารณ์การกระทำน่าบัดสีของขุนศึกหนุ่มกันยกใหญ่ ทุกถ้อยคำนั้นมันดังเข้าหูเขาจนเขาหน้าชาด้วยความอับอาย แทบอยากมุดแผ่นดินหนี ตอนนี้เขานึกถึงพ่อ แม่ ละว่าที่เมีย ที่ไม่รู้ว่าตอนนี้กำลังดูความน่าอดสูนี้ของเขาอยู่ตรงไหนหรือเปล่า ยิ่งคิดตัวขุนเรืองไกรก็ยิ่งอาย อายจนตัวแดงไปหมดทั้งตัว

“ดูพ่อแม่ของท่านขุนสิ เมื่อครู่ยังอยู่หน้าขบวนเลย ตอนนี้หายไปไหนแล้ว น่าจะอับอายกับพฤติกรรมของลูกชายเลยไม่กล้าสู้หน้าคน”

“แต่พ่อแม่น่าจะรู้อยู่ก่อนหน้านี้แล้วนะท่าน”

“ไม่ใช่เลยครับ” เสียงหนึ่งดังแทรกขึ้นมา ไอ้เพชรนั่นเอง มันเดินเข้ามากลางวงสนทนาของกลุ่มชาวบ้านที่จับกลุ่มกันพูดถึงขุนศึกหนุ่มผู้เกรียงไกรที่ตอนนี้ต้องมาแก้ผ้าต่อหน้าคนทั้งเมือง

“ขุนเรืองเป็นคนขอเปลื้องผ้าเอง แล้วก่อนขึ้นแท่นท่านก็ให้ทาสของท่านหมอเมืองจับควยสาวจนควยแข็งขนาดนั้น ข้าว่าน่าจะเป็นเพราะความพิเรนทร์ของท่านขุนเอง ไม่ได้มีเจตนาจะทำให้ใครเข้าใจผิดว่าท่านเป็นพวกชอบทำบัดสีหรอก”

“นี่มันไม่แค่พิเรนทร์ มันเป็นการกระทำที่หยาบเหลือเกิน ไม่คิดว่าคนที่ใจหาญอย่างท่านขุนจะเป็นคนประพฤติต่ำเยี่ยงนี้”

“ข้าว่าเราไปร้องขอให้ท่านพระยาเยนหยุดพิธีกรรมนี้ดีกว่า ข้ากลัวว่าท่านพระแม่เมืองจะทรงโกรธเอา”

“นั่นสิ แล้วข้าว่าให้ขุนเรืองรับผิดชอบต่อพฤติกรรมชั้นต่ำของตนเอง ด้วยการเนรเทศไปให้เมืองสองเลย”

“เออ เห็นด้วย ๆ”

เสียงประชาชนที่มาชมพิธีกรรมต่างโห่ร้องเป็นเสียงเดียวกัน ไอ้เพชรยิ้มกริ่ม ไม่นึกว่าแผนการเหี้ย ๆ จากสมองขี้เลื่อยของมันจะส่งผลดีถึงเพียงนี้ ตอนที่มันออกมา มันสวนกับแม่หญิงลำดวนที่วิ่งปิดหน้าวิ่งหลบไปด้วยความอาย ไอ้ขุนเรืองไกร ควยที่แผดผงาดน่าภาคภูมิใจของมึงนั้น มันกลับมาทำลายชีวิตมึงจนย่อยยับ ต่อไปนี้ชีวิตมึงจะมีแต่ความฉิบหาย ๆ ๆ ๕๕๕๕

ไอ้เพชรยิ้มกริ่มในใจ ใบหน้าเหี้ยมเกรียม

ไม่นานหลังชาวเมืองไปร้องต่อพระยาเยนให้หยุดขบวนของขุนเรืองไกร นายทหารม้าก็ถูกส่งตัวออกมารับเอาตัวขุนเรืองไกรกลับไป ขุนศึกหนุ่มถูกปลดลงจากแท่นพิธี ร่างกายบอบช้ำระบมไม่สามารถขึ้นขี่ม้าได้ นายทหารจึงให้ขุนเรืองนอนคว่ำคร่อมไปที่ตัวม้า แล้วจูงกลับยังจวน ท่าคร่อมนี้ส่งผลให้ตูดของขุนไกรแหกออกจากกัน และตลอดทางที่ผู้คนเฝ้ามอง จึงได้เห็นรูตูดของขุนศึกหนุ่มที่มีขนขึ้นรกจนดกดำ สร้างความขบขันและสมเพชเวทนาให้คนที่พบเห็นไปตลอดทาง

ชะตากรรมต่อจากนี้ของขุนศึกหนุ่มช่างยากต่อการคาดเดายิ่งนักว่าเขาจะต้องประสบพบเจอกับอะไร

ตอนที่ 5

ภาพในความฝันนั้นช่างมีความสุข ขุนเรืองไกรคลอเคลียแสดงความรักอย่างดูดดื่มอยู่กับแม่หญิงลำดวนหญิงอันเป็นที่รัก ตอนนั้นเองที่สายน้ำเย็นสาดใส่รดใบหน้าจนทำให้เขาตื่นจากความฝัน ขุนเรืองไกรหอบหายใจเนื่องจากน้ำนั้นไหลเข้าจมูกจนทำให้เขาหายใจไม่ออก ขณะที่กำลังจะขยับตัวก็สัมผัสได้ถึงเท้าที่เหยียบย่ำลงบนใบหน้าของเขา จนเขาต้องฟุบหน้าลงไปกับพื้นอีกครั้งหนึ่ง ขุนเรืองไกรพยายามเพ่งสายตาฝ่าพรายน้ำที่ทำให้ตาพร่ามัว แต่ก็มองเห็นคนที่ยืนเอาเท้ามาเหยีบย่ำเข้าที่ใบหน้าของเขาไม่ จนกระทั่งคน ๆ นั้นเอื้อยเอ่ยคำพูดออกมา เขาจึงจำได้ว่าเป็นใคร

“ตื่นแล้วรึท่านขุนเรืองไกร”

“ไอ้เพชร”

“แสดงว่าสติยังครบถ้วนสมบูรณ์ดี ข้านึกว่าที่ท่านสลบไสลไม่ได้สติไปนานถึงสองวันนี่ เพราะทนตื่นขึ้นมาเผชิญความอับอายขายขี้หน้าที่ตัวเองกระทำเอาไว้ไม่ได้”

“ข้าเป็นชายชาตินักรบ ทำอะไรไว้ข้ายอมรับผลทุกอย่าง แต่หากเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้เกิดจากตัวข้าที่เป็นสาเหตุ แต่เกิดจากการถูกกลั่นแกล้งโดยคนชั่วจิตใจคิดคดทรยศแล้วนั้น ข้าก็จะขอสู้เพื่อทวงคืนศักดิ์และศรีของตัวเองกลับคืนมา”

“เจ้ามีเวลาต่อสู้อีกไม่นานหรอก รออีกสามเพลาให้พ่อข้าเดินทางกลับมาจากเมืองสองก่อน เมื่อนั้นแม้แต่ตำแหน่งท่านขุนผู้เกรียงไกร เจ้าก็จะไม่สามารถรักษามันเอาไว้ได้ ๕๕๕” ไอ้เพชรหัวเราะเสียงดังกึกก้องจนขุนเรืองไกรสกดกลั้นอารมณ์โกรธเอาไว้ไม่ไหว เขายันกายลุกขึ้นเพื่อจะจัดการกับไอ้เพชร แต่แล้วเขาก็พบว่าตัวเขาเหมือนดั่งเสือสิ้นลาย โดยถอดเขี้ยวเล็บ เพราะมือและเท้าถูกพันธนาการไว้ด้วยเชือกที่รัดขึงจนตึงแน่น

เมื่อไอ้เพชรเดินออกจากห้องไป เขาจึงได้สำรวจห้องโดยรอบ มันคือคุกที่ไว้จองจำเชลยในคดีความผิดที่ร้ายแรง และเมื่อขุนเรืองไกรหันมาสำรวจตนเอง เขาจึงรู้ว่าตอนนี้เขาอยู่ในสภาพชีเปลือย ไม่มีอะไรใส่ห่อหุ้มร่างกายแม่แต่ชื้นเดียว

เวลาสามเพลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า ช่วงเวลานั้นขุนเรืองไกรได้อยู่กับเพียงตัวเอง โลกของเขาเหมือนถูกตัดขาดจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง จนกระทั่งมีคนมานำตัวเขาออกจากห้องคุมขัง

ขุนเรืองไกรถูกนำตัวไปยังห้องประชุมของเหล่าข้าราชการงานเมือง ห้องที่เขาเคยเดินเข้ามาด้วยความภาคภูมิในชุดขุนศึกเต็มยศ และได้รับการยกย่องเชิดชูจากกลุ่มขุนนางและข้าราชการระดับสูงผู้มากด้วยยศฐาบรรดาศักดิ์ แต่การมาคราวนี้ช่างแตกต่างจากครั้งก่อน ๆ เขาถูกนำตัวใส่เครื่องจองจำนักโทษ ที่เป็นไม้แผ่นใหญ่ล็อกคอของเขาไปพร้อม ๆ กับล็อกแขนทั้งสองข้างของเขาด้วย ที่เท้ามีโซ่ตรวนที่พันธนาการขาทั้งสองข้างไว้จนเขาก้าวเดินได้อย่างยากลำบาก เครื่องจองจำนักโทษนี้เขาเคยใช้กับพวกเชลยสงครามที่พ่ายแพ้การต่อสู้กับเขา และใช้มันในการคุมตัวนักโทษไว้ระหว่างเดินทางกลับเข้ามายังเขตเมือง แต่ตอนนี้เขากำลังโดนเครื่องนี้พันธนาการตัวเองอยู่ แถมอยู่ในสภาพเปลือยเปล่าไม่มีอะไรปกปิดร่างกาย ซึ่งเป็นสภาพที่น่าสมเพชเสียยิ่งกว่าที่เชลยสงครามโดนกระทำ

ทันทีที่ทุกคนเห็นสภาพเขา ก็ต่างมองด้วยสายตาดูถูก เหยียดหยาม และบางคนมีสีหน้าสมน้ำหน้าที่คนระดับเขาต้องมาตกต่ำขนาดนี้ ขุนเรืองไกรมองเห็นหลวงหาญอยู่ในที่ประชุมด้วย แสดงว่าวันนี้คือวันตัดสินชะตาชีวิตเขา ขุนเรืองไกรได้แต่มองดูกระบวนการที่เกิดขึ้นโดยที่เขาไม่สามารถพูดกล่าวหรือแสดงความคิดเห็นอะไรได้ไม่ เนื่องจากปากของเขาถูกมัดปิดไว้ด้วยผ้าขนาดใหญ่

สิ่งที่เขาจับความได้คือ หลวงหาญประสบความล้มเหลวในการเดินทางไปเจรจา และสิ่งที่เมืองแมนต้องทำคือเปิดศึกสู้รบกับกองกำลังเมืองสองและเมืองนาย หรือไม่เช่นนั้นก็ต้องส่งตัวขุนเรืองไกร ที่เป็นผู้ถูกกล่าวหาร้องเรียนให้ไปเป็นเชลยทาสของเมืองนาย ยิ่งเมื่อหมอเมืองออกมาจับยามสามตาดูดวงเมือง ยิ่งตอกย้ำว่าทางเลือกเดียวที่เหลือตอนนี้คือการที่เมืองแมนต้องส่งคนที่มีดวงกาลีบ้านกาลีเมืองตอนนี้ออกจากบ้านเมืองเสียสักช่วงระยะเวลาหนึ่งก่อน แล้วรอจนกว่าดวงกาลกิณีของคน ๆ นั้นจะหมดไป แล้วจึงค่อยหาทางนำตัวกลับมา และคน ๆ นั้นที่หมอเมืองกล่าวถึงจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากขุนเรืองไกรผู้ห่ญกล้านั้นเอง

กลุ่มข้าราชการงานเมืองต่างเห็นพ้องต้องกันกับคำทำนายทายทักของหมอเมือง บวกกับการหว่านล้อมของพระยาเยนที่เกลียดการทำศึกสงครามทุกอย่าง ข้อเสนอที่ให้ส่งขุนเรืองไกรไปเป็นเชลยทาสจึงได้รับการสนับสนุนอย่างท่วมท้นจากที่ประชุม

ขุนเรืองไกรถูกนำตัวกลับมายังห้องจองจำนักโทษดังเดิมเพื่อรอเวลาฤกษ์ดีนำตัวเขาไปส่งยังเขตแดนเมืองนาย และในช่วงนั้นเองที่ขุนเรืองไกรได้รับอนุญาติให้ร่ำลากับคนที่รู้จักได้เป็นครั้งสุดท้าย แม่ของขุนเรืองไกรเป็นคนแรกที่มาหาเขา เมื่อแม่เห็นลูกชายสุดที่รักอยู่ในสภาพที่น่าเวทนานางก็ร้องห่มร้องไห้อย่างห้ามใจไม่อยู่ ตลอดชีวิตคนเป็นแม่ที่ภูมิใจในตัวลูกชายอันเป็นที่รักมาตลอด ไม่เคยคาดคิดเลยว่าจะต้องมาเห็นลูกชายในสภาพที่น่าอดสูขนาดนี้ ถูกจองจำอยู่ในคุก ทั้งเนื้อตัวที่ไม่มีอะไรปิดบังเรือนกายแม้แต่ชิ้นเดียว ตามเนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผล สภาพเหมือนหมูเหมือนหมายิ่งทำให้นางเจ็บปวดหัวใจ ขุนเรืองไกรเมื่อเห็นแม่ก็คลานเข่าเข้ามากราบเท้าขอโทษที่ทำให้อับอาย และเมื่อลูกชายเอ่ยถามถึงผู้เป็นบิดานางก็ยิ่งน้ำหูน้ำตาไหล ได้แต่โกหกไปว่าผู้เป็นบิดาไม่สามารถมาได้เพราะถูกห้ามเอาไว้ ทั้งที่จริงพ่อของขุนเรืองไกรทำใจยอมรับสภาพและให้อภัยลูกชายที่ทำเรื่องน่าอับอายและทำให้วงศ์ตระกูลต้องมัวหมองไม่ได้

ขุนเรืองไกรลงไปนอนหนุนตักผู้เป็นแม่ที่ร้องเพลงกล่อมเขาจนเขาผลอยหลับไป ตื่นมาอีกครั้งเขาก็พบว่าเหลือเขาอยู่เพียงผู้เดียวในห้องขังนั้น น้ำตาลูกชายของเขาก็เผลอหลั่งไหลออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ขณะที่แม่ของขุนเรืองไกร เมื่อกลับถึงบ้านก็รีบไปหยิบเสื้อผ้าของขุนเรืองไกรนำไปที่บ้านของหลวงหาญและฝากให้ไอ้เพชรไปสวมใส่ให้ขุนเรืองไกรด้วย อย่างน้อยก็ในวันที่ลำดวนจะไปกล่าวลา แม่ของขุนเรืองไกรขอร้องไอ้เพชรทั้งน้ำตา และให้ไอ้เพชรเห็นแก่ความเป็นเพื่อนที่ทั้งสองเคยมี ไอ้เพชรต่อหน้าผู้ใหญ่ก็ทำตัวดีรับปากไป แต่เมื่อถึงวันจริงที่แม่หญิงลำดวนไปกล่าวลาขุนเรืองไกร มันกลับจับขุนเรืองไกรแก้ผ้ามัดขึงกับท่อนไม้โดยแอ่นช่วงกึ่งกลางลำตัวขึ้นมาข้างหน้า ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งที่โดดเด่นที่สุดในท่านี้คือท่อนควยของขุนเรืองไกรที่จะเสนอหน้าท้าทายสายตาคนที่เข้ามาหา

และเมื่อแม่หญิงลำดวนเดินเข้ามา นางก็หวีดร้องด้วยความตกใจกับสภาพที่เห็นอย่างไม่คาดฝันนั้น จนทำอะไรไม่ถูก นางเบือนหน้าหนีแต่ก็พยายามพูดอะไรบางอย่างกับชายที่รัก ขณะที่ขุนเรืองไกรก็ไม่อาจสู้หน้าหญิงที่รักได้ แต่เขาถูกจับมัดที่ศีรษะจนไม่อาจขยับหันหน้าหนีไปทางไหนได้ จำต้องจ้องมองแม่หญิงลำดวน ซึ่งทำให้ชายชาญทหารกล้าอย่างเขาอับอายอย่างที่เคยขนาดนี้มาก่อน แต่น่าแปลกที่ความอายนั้นน่าจะทำให้ควยของเขาหด แต่ภาพฝันที่เขาคลอเคลียแม่ห,งลำดวนผุดขึ้นมาในความคิดจนทำให้ควยของเขาแข็งตัวขึ้นมา จนไอ้เพชรหัวเราะด้วยความสมเพช มันรีบชี้ชวนให้แม่หญิงลำดวนดูความวิปริตของขุนเรืองไกร ซึ่งยิ่งทำให้ลำดวนอับอายจนต้องวิ่งวออกจากห้องไป ไอ้เพชรจึงเป็นคนที่ไปยืนต่อหน้าขุนเรืองไกร และเอาความน่าสมเพชเวทนาที่เขาทำมาพูดเยาะเย้นถากถางเขา แต่ยิ่งถูกถากถางถูกเยาะเย้ย ควยของขุนเรืองไกรก็ยิ่งแข็งตัว ไอ้เพชรมองภาพที่เห็น สิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความสนใจ มันยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ด้วยคิดแผนบางอย่างได้โดยไม่ทันคาดคิด นี่มันเป็นอัจฉริยะด้านความเลวระยำของจริง จริง ๆ

คนกลุ่มสุดท้ายที่ขุนเรืองไกรจะได้เจอคือกลุ่มนายทหารของเขาที่เขาเคยเป็นผู้ปกครองและเป็นเข้านาย เขาถูกนำตัวใส่เครื่องจองจำนักโทษ ออกไปอยู่เบื้องหน้าของลูกน้องเขา ตอนนี้สายตาหลายร้อยคู่ของนายทหารที่จ้องมองเขามีความรู้สึกที่แตกต่างหลากหลาย ทั้งเห็นใจ ทั้งสมเพช ทั้งเวทนา ทั้งสมน้ำหน้า และมีคนกลุ่มใหญ่ไม่น้อยที่หยามหยัน เยาะเย้ยคนที่เคยเป็นใหญ่สุดในกลุ่มต้องมาแก้ผ้าโชว์ควยโชว์ดากให้ลูกน้องได้เห็น ตอนแรกนายดำและนายแดงนายทหารมือซ้ายและขวา ออกมาบอกว่าจะหาทางช่วยเขาให้จงได้ ทำให้ขุนเรืองไกรรู้สึกซาบซึ้งจนเผลอหลั่งน้ำตาออกมา แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อมีลูกน้องของขุนเรืองไกรที่เคยเป็นไม้เบื่อไม้เมากับเขา ลุกขึ้นตะโกนคำด่าเหยียดหยาม ที่คนที่เคยมีอดีตเป็นถึงนายทหารชาตินักรบที่เกรียงไกร กลับต้องกลายมาเป็นเชลยทาสที่ต่ำกว่าพวกเขา และต่ำกว่าเชลยแทบทั้งหมด เพราะต้องเป็นทาสแบบแก้ผ้ารับใช้ คอยทำตามคำสั่งของผู้เป็นนายทุกอย่าง

คำพูดหยามเหยียดที่ไอ้เพชรช่วยคิดคำพูดยัดใส่ปากนายทหารคนนั้น พรั่งพรูออกมาจนทำให้ควยที่อ่อนตัวอยู่ของขุนเรืองไกรค่อย ๆ แผดขยายขึ้นเรื่อย ๆ จนลูกน้องที่ยืนมองดูเขาอยู่ต่างตกใจกับสิ่งที่เห็น และเริ่มหันไปซุบซิบพูดคุยกัน จนหน้าของขุนเรืองไกรแดงก่ำด้วยความอาย แต่ควยของเขาแทนที่จะหดตัวลงกลับยิ่งขยายขึ้น ขยายขึ้น จนหยุดไม่อยู่ และเหมือนมันจะระเบิดตัวได้เพราะควยของเขาตอนนี้ มันถอกเองได้จนเห็นหัวควยสีแดงก่ำที่ทุกคนได้เห็นกันอย่างชัดเจน

และนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของความอับอายที่ขุนเรืองไกรจะต้องเผชิญ

ตอนที่ 6

“ทำไมควยท่านขุนเรืองไกรมันแข็งขึ้นมาขนาดนี้ได้เล่า ดูเอารึแข็งขนาดเห็นเส้นเลือดปูดโปน หักถอกแดงก่ำขนาดนั้น ช่างน่ากลัวเสียเหลือเกิน” นายทหารคนหนึ่งที่อยู่ด้านหน้าแอบพูดกระซิบกระซาบแต่ก็ยังได้ยินไปถึงหูของขุนเรืองไกรและไอ้เพชร ขุนเรืองไกรรู้สึกอับอายจนหน้าตาแดงก่ำไปหมด เขาไม่คิดเลยว่าจะต้องมาทำอะไรที่น่าบัดสีขนาดนี้ต่อหน้านายทหารที่เขาเคยเป็นผู้นำทัพด้วยความกล้าหาญเกรียงไกร คำพูดนั้นสะท้อนว่านายทหารเหล่านี้หมดแล้วซึ่งความนับถือในตัวเขา ขณะที่ไอ้เพชรที่ได้ยินก็ยิ่งช่วยขยี้ให้ขุนเรืองไกรกลายเป็นคนที่มีจิตวิปริตยิ่งขึ้นไปอีก

“ทำไมนะรึ ทั้งที่ไม่ได้มีใครไปกระตุ้นอารมณ์อะไรของท่านขุนเลย แต่ควยของท่านขุนก็ยังโด่ขึ้นมาได้ขนาดนี้ จะมีคำตอบใดที่เป็นไปได้ นอกจากว่าจริง ๆ แล้ว ท่านขุนยอดนักรบผู้เกรียงไกรนั้น มีรสนิยมชมชอบการแก้ผ้าโชว์ควยต่อหน้าคนจำนวนมากไง เหมือนเมื่อคราวที่ท่านขุนแก้ผ้าต่อหน้าคนที่มาชมขบวนแห่ ควยของท่านก็ตั้งโด่ขึ้นมาได้อย่างไม่อายใคร เหล่าทหารทั้งหลาย เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถควยแข็งได้ขนาดนี้ไหม ถ้าต้องออกมายืนต่อหน้าคนจำนวนมากขนาดนี้ แล้วที่น่าสงสัยคือท่านขุนคิดอะไร จึงได้ควยแข็งต่อหน้าพวกเจ้าที่เป็นผู้ชายด้วยกัน”

“นั่นสิ”

เสียงซุบซิบของเหล่าทหารแสดงให้เห็นว่าพวกมันเริ่มคลางแคลงใจ ไม่ไว้ใจในตัวอดีตผู้นำ สายตาที่มองไปยังขุนเรืองไกรเริ่มต่างไปจากเดิม

“พวกเจ้า นายทหารหนุ่มหุ่นล่ำสันกำยำ สมชายชาตรี ทั้งเนื้อตัวสวมเพียงผ้าเตี่ยวผืนเดียวเพื่อให้คล่องตัวต่อการฝึกรบ มายืนอวดหุ่นล่ำกำยำต่อหน้าท่านขุนผู้เกรียงไกร ที่กำลังควยโด่เต็มที่ขนาดนี้ พวกเจ้าก็คิดกันเองแล้วกันว่าทำไม” ไอ้เพชรยิ่งเติมเชื้อไฟสุมให้ความสงสัยของเหล่านายทหารคุโชนยิ่งขึ้น

จะมีก็แต่นายดำและนายแดง นายทหารคู่ใจมือซ้ายมือขวาที่เคยออกรบเคียงบ่าเคียงไหล่และฝ่าประจันอันตรายมากับขุนเรืองไกรด้วยทุกครั้งที่ไม่อาจเชื่อได้ว่ายอดนักรบอย่างขุนเรืองไกรจะมีพฤติกรรมเช่นนี้ ยิ่งคนที่พาขุนเรืองไกรมาประจานคือไอ้เพชร ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นไม้เบื่อไม้เมากับขุนเรืองไกรมาโดยตลอด ยิ่งทำให้เชื่อได้ยากยิ่งขึ้นไปอีก นายทหารทั้งสองหันมาสบตากัน คิดว่าจะต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อช่วยขุนเรืองไกร เพราะหากปล่อยให้ขุนเรืองไกรออกเดินทางไปแล้ว คงเป็นเรื่องยากที่จะไปตามช่วยกลับมา และเมื่อสบสายตาอย่างคนที่เข้าใจ โดยที่ไม่ต้องเอื้อนเอ่ยวาจาใด นายทหารทั้งสองก็อาศัยช่วงจังหวะทีเผลอลงมือจัดการช่วยเหลือขุนเรืองไกรทันที

นายดำลุกขึ้นจับไอ้เพชรเป็นตัวประกัน มันใช้ดาบเล่มยาวจ่อที่คอของไอ้เพชร ทำให้ไอ้เพชรกลัวลนลานทันที มันรีบสั่งให้ทุกคนถอยห่างออกไป เพราะกลัวตัวเองจะได้รับอันตรายหากมีใครสักคนพยายามจะเข้าช่วยเหลือมัน นายแดงเมื่อเห็นโอกาสที่ได้เปรียบจึงรีบลุกขึ้นวิ่งไปที่เครื่องจองจำขุนเรืองไกรแล้วรีบแก้เชือกที่มัดขุนเรืองไกรให้หลุดออกจากตัว นายทหารคนอื่น ๆ ที่เหลือต่างตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ไม่มีใครกล้าทำอะไร เพราะถูกไอ้เพชรสั่งห้ามเอาไว้ นายแดงแก้เชือกที่มัดมือขุนเรืองไกรได้แล้วก็รีบง้างแผ่นเหล็กที่ครอบเท้าของขุนเรืองไกรออก พอตัวเป็นอิสระจากการถูกพันธนาการ ขุนเรืองไกรก็ฟุบลงไปกองกับพื้นทันที นายแดงรีบเข้าไปช่วยพยุงตัวให้ขุนเรืองไกรลุกขึ้น แต่ขุนเรืองไกรอ่อนเพลียเกินกว่าที่จะเดินเองได้ ครั้นจะหามกันไปก็จะยิ่งเป็นภาระที่หนักและกินแรง สุดท้ายนายแดงจึงยกตัวขุนเรืองไกรขึ้นอุ้มพาดบ่า แล้วรีบออกวิ่งเพื่อไปให้ถึงม้าของไอ้เพชรที่ถูกผูกไว้เพื่อที่จะใช้หลบหนี

“ข้าเจ็บ” เสียงขุนเรืองไกรร้องดังขึ้น

“เจ็บก็ทนเอาหน่อยท่านขุน เราไม่มีเวลาเหลือแล้ว ถ้าคราวนี้ไม่รอดเรามีหวังตายกันหมด”

“ข้าทนไม่ไหว ข้าจะปล่อยแล้ว” เสียงของขุนเรืองไกรครางกระเส่าจนนายแดงสงสัยว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับนายทหารผู้กล้า แท้จริงแล้วตอนที่นายแดงอุ้มขุนเรืองไกรพาดบนบ่านั้น ทำให้ควยที่แข็งตัวของขุนเรืองไกรพาดเข้าไปที่ไหล่ที่เปลือยเปล่าของนายแดงพอดี เพราะฉะนั้นขณะนี้ตอนที่นายแดงวิ่งอยู่ควยของขุนเรืองไกรจึงเสียดสีเข้ากับไหล่ของนายแดงเข้าไปเต็ม ๆ นายแดงตอนแรกนั้นก็ไม่ได้รู้สึกอะไร เพราะความกังวลและรีบร้อนต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เขาไม่มีเวลานึกถึงเรื่องอื่นอีก ที่ไม่ได้นึกถึงนี้ยังรวมไปถึงความกลัวว่าจะทำขุนเรืองไกรตกจากบ่า นายแดงจึงใช้มือข้างหนึ่งหาที่จับที่จะยึดตัวขุนเรืองไกรเอาไว้ให้มั่น ๆ ซึ่งมือของนายแดงนั้นดันจับลงไปที่ร่องก้นของขุนเรืองไกร แล้วยิ่งออกแรงวิ่งมือของนายแดงก็ยิ่งแยงเข้าไปที่รูตูดของขุนเรืองลึกขึ้นเรื่อย ๆ จนสร้างความเสียวให้กับขุนเรืองไกร รวมทั้งแรงวิ่งที่ทำให้ตัวของนายแดงเด้งขึ้นเด้งลงมันดันไปรูดควยที่แข็งตัวของขุนเรืองขึ้นลง ๆ ตามไปด้วย และยังไม่ทันที่จะถึงม้าศึกที่นายแดงหมายตาเอาไว้ น้ำเงี่ยนจากควยของขุนเรืองไกรก็พุ่งกระฉูดไหลทะลักออกมาราดรดตัวของนายแดงจนทั่ว นายแดงรู้สึกผิดปกติที่มีน้ำอะไรบางอย่างเหนียว ๆ ข้น ๆ ไหลอาบที่ร่างของเขา บางหยดก็กระเซ็นมาที่แก้มแล้วเผลอไหลเข้าปากเขา จนสักพักเขาถึงเริ่มรู้ว่ามันคือคราบคาวกามน้ำเงี่ยนของขุนศึกหนุ่มผู้เกรียงไกร

นายแดงทิ้งร่างขุนเรืองไกรลงจากบ่าไปกองลงที่พื้นทันที พร้อมร้องเสียงหลงด้วยความขยะแขยง

“ไอ้ขุนเรือง มึงนี่มันช่างน่าสมเพชนัก วิปริตการใดถึงกระทำอะไรได้ขนาดนี้ ข้ารึอุตส่าห์มาช่วยเจ้าแท้ ๆ ทำไมเจ้ากลับทำตัวเยี่ยงนี้” นายแดงขึ้นเสียงดังด้วยความโกรธ ทุกคนในที่นั้นต่างตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ตอนนั้นเองที่นายทหารระดับล่างนายหนึ่ง เห็นหนทางในความก้าวหน้า รีบลุกขึ้นมาวิ่งตรงไปที่นายดำซึ่งตอนนี้ยืนตกตะลึงมองไปที่นายแดงและขุนเรืองไกรจนไม่ทันได้ตั้งตัว แรงกระแทกนั้นทำให้ตัวของนายดำหงายหลังลงไปกองกับพื้น ดาบที่เงื้ออยู่นั้นก็กระเด็นหลุดออกจากมือ ปลายดาบนั้นเกือบเฉี่ยวไปโดนใบหน้าของไอ้เพชร ดีที่นายทหารคนนั้นเอามือปัดไว้ได้ทันการ เมื่อไอ้เพชรเป็นอิสระมันจึงรีบสั่งการให้ทหารเข้าจับกุมสองนายทหารขบถที่หวังลอบทำร้ายมันเพื่อชิงตัวนักโทษขบถ ตอนนี้ขุนเรืองไกร นายแดง นายดำ ถูกจับมัดไว้เพื่อรอการลงโทษ

ตอนที่ 7

จากที่เคยบุกป่าฝ่าดง ออกรบเคียงบ่าเคียงไหล่กันมา จนได้เป็นนายทหารระดับสูงที่มีแต่คนห้อมล้อมยกย่องเชิดชู เหตุการณ์กลับพลิกผันเพียงเสี้ยววินาที เพราะการกระทำที่ไม่ได้ตั้งใจ ขุนเรืองไกร พร้อมนายดำ นายแดง นายทหารคนสนิทกำลังยืนประจันหน้ากับเหล่าทหารลูกน้องที่เคยร่วมราบมาด้วยกัน หากต่างกันตรงที่เมื่อก่อนชายหนุ่มรูปงามทั้งสามเคยยืนต่อหน้าทุกคน อย่างมีเกียรติและศักดิ์ศรี เป็นผู้บัญชาการรบ และออกสู้ศึกกับศัตรูที่มารุกราน หากแต่ตอนนี้ชายหนุ่มทั้งสามกลับถูกจับตรึงไว้ด้วยเครื่องจองจำนักโทษ เนื้อตัวของทั้งสามคนเปลือยเปล่า แก้ผ้าอวดความเป็นชายที่มีความใหญ่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันให้ทุกคนได้เห็น

โทษแรกที่ชายทั้งสามได้รับคือการถูกเฆี่ยนโบยด้วยแส้ที่สร้างความเจ็บปวดให้พวกเขาเป็นอย่างมาก เสียงแส้ฟาดกระทบไปบนร่างเปลือยนั้นสร้างความเสียวปนสยองให้กับนายทหารที่ยืนดูการลงโทษเป็นอย่างมาก นายทหารเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นนายทหารระดับล่าง ที่มักจะต้องรอรับคำสั่งจากนายทหารระดับสูงเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ก่อนหน้านี้พวกมันเป็นกลุ่มคนที่ไม่มีปาก ไม่มีเสียง ไม่มีโอกาสที่จะได้พูดหรือแสดงความคิดเห็นอะไร แต่ตอนนี้พวกมันกลับมีความรู้สึกเหนือกว่าคนที่เคยอยู่เหนือพวกมัน คนที่เคยเป็นผู้ออกคำสั่งกำลังถูกประจานและได้รับโทษอยู่ตอนนี้

หลังเสร็จสิ้นการลงโทษลำดับแรก ไอ้เพชรปราณีชายทั้งสามให้มีเวลาได้หยุดพัก ตอนนี้รอยจากการถูกเฆี่ยนโบยต่างมีเลือดไหลอาบลงมา ความเจ็บปวดกายไม่เท่ากับความเจ็บปวดใจ ขุนเรืองไกรรู้สึกว่าตนเองได้รับโทษจากสิ่งที่ไม่ได้เป็นคนก่อ ขณะที่นายดำนายแดงต้องมารับโทษเพราะการช่วยคนผิด สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ทำให้ความรู้สึกที่มันมีต่อขุนเรืองไกรเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

พักได้ไม่นานไอ้เพชรก็เดินกลับมา มันมาพร้อมข้อเสนอที่ส่งไปถึงนายดำและนายแดงโดยเฉพาะ

“การลงโทษเมื่อสักครู่นั้น ถือเป็นบทลงโทษที่เล็กน้อยมากสำหรับผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นขบถ การที่พวกเอ็งทั้งสองให้ความช่วยเหลือขุนเรืองไกรนั้นอาจทำให้บ้านเมืองเราต้องเดือดร้อน เพราะไม่มีตัวเชลยที่จะไปส่งมอบให้เมืองนาย ซึ่งจะทำให้เราถูกโจมตีจากเมืองสอง การกระทำของพวกเอ็งทั้งสองจึงถือว่ามีความผิดอย่างมหันต์ แต่เห็นแก่การเป็นผู้ปกปักษ์รักษาชาติบ้านเมืองมาได้หลายครั้ง และการกระทำความผิดนั้นเพราะหลงเชื่อคนลวงอย่างขุนเรืองไกร เพราะฉะนั้นความผิดนี้ยังพอมีทางลบล้างแก้ไขได้ ข้าจะให้โอกาสเอ็งทั้งสอง”

ตอนนี้เองที่มีนายทหารสองคนเดินเข้าไปปลดเครื่องพันธนาการออกจากร่างของนายดำและนายแดง อดีตนายทหารคู่ใจของขุนเรืองไกร

“นายทหารทั้งหลาย ข้าว่าเรามาดูอะไรสนุก ๆ กันดีกว่า” ไอ้เพชรหันไปพูดกับนายทหารที่กำลังยืนดูการลงโทษอยู่ “ไอ้ดำและไอ้แดง เจ้าทั้งสองคนจะมีหนึ่งคนที่จะรอดพ้นจากการถูกตัดสินคดีความผิดนี้ โดยเงื่อนไขก็คือ หากใครสามารถช่วยตัวเองแล้วปล่อยน้ำเงี่ยนออกมาจากท่อควยพุ่งใส่หน้าขุนเรืองไกรได้ก่อน คนนั้นจะรอดพ้นจากการถูกลงโทษ”

นายทหารทั้งสองพอได้ยินดังนั้นต่างก็รีบวิ่งมาตรงหน้าขุนเรืองไกรแล้วจัดการสาวควยตัวเองอย่างไม่รอช้า แต่ความที่อยู่ต่อหน้าคนหลายร้อยคน และความวิตกกังวลต่อการต้องรับโทษหากไม่สามารถทำตามเงื่อนไขได้สำเร็จ ทำให้กว่าพวกเขาจะทำให้ควยตัวเองตั้ง และมีอารมณ์ได้นั้นก็กินเวลาอยู่พอสมควร ความกระเหี้ยนกระหือรือของความหวังที่จะสามารถปลดตัวเองออกจากโทษที่ได้รับนั้น ทำให้ความอายที่นายทหารทั้งสองมีอยู่ค่อย ๆ หายไป พวกเขาพยายามทำทุกวิถีทางที่จะทำให้น้ำเงี่ยนตัวเองแตกใส่หน้าขุนเรืองไกรให้จงได้ ขณะที่ขุนเรืองไกรก็พยายามเบือนหน้าหนีไม่อยากดูเหตุการณ์ที่กำลังดำเนินอยู่ ความพยายามที่น่าสมเพชเหล่านี้สร้างความขบขันให้กับเหล่านายทหารที่เฝ้าดูอยู่ พวกมันต่างหัวเราะชอบใจที่นายทหารใหญ่ที่ไม่เคยกลัวตายเมื่ออยู่ในสนามรบ กลับพยายามหาทางเอาตัวรอดด้วยวิธีที่น่าสมเพช และกระชากศักดิ์ศรีของชายชาตินักรบของตนเองออกไปจนหมด

เสียงครางด้วยความเสียวของสองนายทหารทั้งสองดังระงมไปทั่ว พวกเขาต่างเร่งสาวควยตัวเองแข่งกับเวลา และเมื่ออารมณ์เริ่มได้ที่ นายทหารทั้งสองเริ่มเดินเอาควยเข้าไปจ่อที่หน้าของขุนเรืองไกรใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ จนสุดท้ายมันจ่ออยู่ห่างจากหน้าของนายทหารหนุ่มไม่ถึงคืบ ขุนเรืองไกรมองควยที่จ่ออยู่เบื้องหน้าด้วยความหวาดกลัว ไม่รู้ว่าน้ำเงี่ยนแตกใส่หน้าตัวเองเมื่อไร สุดท้ายก็เป็นนายแดงที่คว้าชัยสามารถทำให้น้ำเงี่ยนพุ่งออกจากควยเข้าใส่หน้าของขุนเรืองไกรได้ก่อน ชั่วนาทีนั้นขุนเรืองไกรรีบหลับตาและปิดปากตัวเอง แต่ก็ดูเหมือนทุกอย่างจะเกิดขึ้นเร็วมากจนเขาตั้งรับไม่ทัน น้ำเงี่ยนนั้นไหลเข้าปากเขาและตาของเขาอยู่ดี จนขุนเรืองไกรรู้สึกระคายเคืองที่ตา ขณะที่นายแดงกระโดดดีใจที่ชนะการแข่งขันและไม่ต้องรับโทษ เขาเอาควยที่อ่อนตัวลงเล็กน้อยนั้นฟาดหน้าขุนเรืองไกร พร้อมทั้งเอามือละเลงน้ำเงี่ยนตัวเองลูบไปตามใบหน้าของนายทหารหนุ่มที่ถูกมัดมือทั้งสองข้างไว้ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรตัวเองได้ จนตอนนี้หน้าของเขาถูกเคลือบฉาบไว้ด้วยน้ำกามจนหมด ขุนเรืองไกรรู้สึกวิงเวียนกับกลิ่นคาวนั้นมาก ในชีวิตเขาไม่เคยคาดคิดเลยว่าตนเองต้องมาอยู่ในสภาพที่น่าอดสูแบบนี้ แถมต่อหน้าคนหลายนับร้อยที่เคยเป็นคนใต้บังคับบัญชาของเขาทั้งสิ้น

นายแดงได้รับการปล่อยตัวไป แต่ไอ้เพชรยังมีความปราณีให้กับนายดำ โดยมีข้อแม้ที่จะทำให้เขาไม่ถูกลงโทษ หากสามารถทำภารกิจนี้ได้สำเร็จ

“มีสองเรื่องที่เป็นตัวเลือกให้ท่านทำ หากทำข้อใดข้อหนึ่งสำเร็จ ท่านจะได้เป็นอิสระไม่ต้องถูกลงโทษเช่นเดียว”

“ให้ข้าทำอะไรบอกมาเลย ข้ายินดีทำ”

“ท่านจะทำอย่างไรก็ได้ ให้ ๑ ขุนเรืองไกรต้องใช้ปากทำความสะอาดเรือนร่างของท่าน โดยเฉพาะตรงรูทวารหนัก และท่อนควย ท่านขุนจะต้องดูดน้ำออกจากตัวท่าน จะเป็นน้ำเยี่ยวก็ได้ น้ำเงี่ยนก็ดี ขุนเรืองจะต้องกลืนกินมันลงไปทั้งหมดห้ามคายหรือบ้วนทิ้งโดยเด็ดขาด กับอีกทางเลือกหนึ่ง ข้อ ๒ ขุนเรืองไกรต้องยอมพลีกายเป็นเมียของท่าน โดนท่านจับเย็ดต่อหน้าทหารที่เคยร่วมออกรบกับท่านทั้งหมด ถ้าท่านทำได้หนึ่งในสองข้อนี้ ท่านรอด”

ตอนที่ 8

เป็นเรื่องยากต่อการตัดสินใจจริง ๆ มันจะเป็นไปได้อย่างไรที่นายทหารผู้เกรียงไกรอย่างขุนเรืองไกรจะยอมมาทำสิ่งเหล่านี้กับผู้ชายด้วยกัน นายดำคิดหาหนทางที่จะทำให้มันเป็นจริงให้ได้ เพื่อที่ตัวเขาจะได้ไม่ต้องรับโทษฐานเป็นขบถแผ่นดิน เขาลุกขึ้นเดินตรงไปเบื้องหน้าขุนเรืองไกร คุกเข่าลง แล้วเริ่มขอร้องนายทหารหนุ่มที่เคยเป็นผู้นำทัพของเขา เล่าถึงเหตุการณ์เมื่อครั้งเก่าที่พวกเขาได้เคยร่วมออกรบเคียงข้างกันมาก ไม่ว่าจะมีอันตรายหนักหนาขนาดไหนก็ไม่เคยมีสักครั้งที่พวกเขาจะย่อท้อ เพราะรู้ว่าเป็นภารกิจสำคัญของชายชาตินักรบ ตลอดเวลาที่ผ่านมาการสู้รบของพวกเขา ทำให้ขุนเรืองไกรมีตำแหน่งใหญ่โต มีหน้ามีตามีชื่อเสียง เป็นที่เคารพยกย่องของผู้คนทั้งหลาย หากแต่ตัวเขาที่ก็ลำบากไม่แพ้กันกลับไม่ได้รับความสำเร็จ มียศถาบรรดาศักดิ์ที่เทียบเท่า แถมไม่ได้ร่ำรวยล้นฟ้าอย่างที่ขุนเรืองไกรได้รับ แต่เขาก็ไม่เคยปริปากบ่น หรือทวงบุญทวงคุณใด ๆ แต่ครั้งนี้ตัวเขานั้นประสบภัยที่แสนหนักหนาสาหัส เพราะการเข้าช่วยเหลือขุนเรืองไกร เขาจึงอยากจะขอให้ขุนเรืองไกรช่วยเหลือเขากลับบ้าง

นายทหารที่เฝ้ามองเหตุการณ์อยู่ต่างลุ้นว่าจะเกิดอะไรขึ้น เพราะขุนเรืองไกรไม่ได้มีท่าทีใด ๆ ตอบสนองต่อคำร้องขอของนายดำเลย หลายคนยังเชื่อว่านายทหารผู้เกรียงไกรคนนี้ยังคงพอมีศักดิ์ศรีของความเป็นชายชาตินักรบที่จะไม่ยอมทำอะไรที่จะทำให้ตัวเองเสียเกียรติอย่างเด็ดขาด แม้จะต้องรับโทษก็จะยอมเชิดหน้าอย่างไม่หวั่นไหว ไม่ให้ใครมาตราหน้าหมิ่นเกียรติภูมิได้

เมื่อดูเหมือนจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น ขุนเรืองไกรไม่ตอบสนองต่อคำร้องขอของนายดำ ไอ้เพชรจึงเดินไปที่ตัวขุนเรืองไกร แล้วค่อย ๆ ปลดเชือกที่พันธนาการร่างของอดีตนายทหารหนุ่มออก ตอนนั้นเองที่ไอ้เพชรกระซิบกระซาบอะไรบางอย่างแบบไม่ให้คนอื่นได้รู้ แต่คำพูดของมันกลับทำให้ขุนเรืองไกรเหมือนกลับมามีสติได้อีกครั้งหนึ่ง

“ถ้ามึงทำตามที่ไอ้ดำมันขอ ข้ารับรองชีวิตและความสุขสบายให้พ่อแม่และหญิงที่มึงรักได้ แต่ถ้ามึงปฏิเสธ มึงจะนึกไม่ออกเลยว่าคนที่ยังอยู่ที่นี่ต่อจากจะต้องเจออะไร เมื่อมึงถูกส่งไปเป็นเชลยทาส”

ขุนเรืองไกรอารมณ์โกรธพุ่งขึ้นขีดสุด เขาหันไปคว้าตัวของไอ้เพชรหมายจะจัดการ แต่ไอ้เพชรรู้ทันรีบหลบเสียก่อน มันยืนชี้หน้าแล้วส่งสายตาแข็งกร้าวเข้าใส่ขุนเรืองไกร จนเขาได้สติและต้องยอมสงบจิตสงบใจ นายทหารหนุ่มนั่งคอตกอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะค่อย ๆ คลานไปหาตัวของนายดำที่นั่งมองอย่างตกตะลึง ไม่นึกว่าอยู่ดี ๆ ขุนเรืองไกรจะเปลี่ยนใจ ขณะที่ขุนเรืองไกรตรงเข้าไปจับควยของนายดำถอกขึ้นถอกลงจนควยที่อ่อนตัวอยู่ค่อย ๆ แข็งตัวขึ้น พอควยแข็งตัวเต็มที่ขุนเรืองไกรก็ปลิ้นหัวควยของนายดำออกมาแล้วค่อย ๆ ก้มตัวลงใช้ลิ้นโลมเลีย นายทหารที่นั่งดูอยู่เริ่มส่งเสียงดังอึงคะนึงนึกไม่ถึงว่าชายชาตินักรบอย่างขุนเรืองไกรจะยอมทำอะไรแบบนี้ต่อหน้าพวกมัน

“โอย ท่านขุน ทำไมท่านลีลาลิ้นดีเช่นนี้ ข้าเสียวไปหมดแล้ว” นายดำทำสีหน้าเหยเก ครางกระซิก ๆ ลืมความเจ็บปวดจากรอยเฆี่ยนหลังไปจนหมด ขณะนี้นายดำนั่งอยู่กับพื้น เอนกายลงไปข้างหลังโดยใช้มือทั้งสองข้างยันพื้นไว้ ขาทั้งสองข้างแหกออกจากกันโดยยกขาชันเข่าทั้งสองข้างขึ้น ส่วนขุนเรืองไกรนั่งโก้งโค้งเอาตัวลงไปที่ควยของนายดำเพื่อใช้ปากช่วยสำเร็จความใคร่ให้ ส่วนตูดของขุนเรืองไกรกระดกขึ้นโชว์ให้คนอื่น ๆ เห็นขนที่ขึ้นอยู่รอบ ๆ รูตูดนั้น

ขุนเรืองไกรใช้ปากครอบลงไปที่ควยของนายดำ แล้วจัดการทั้งอม ทั้งดูด ทั้งเลีย จนสร้างความเสียวซ่านจนฝ่ายตรงข้ามเผลอครางออกมาด้วยความเสียวอย่างห้ามไม่อยู่ พอดูดเลียได้สักพักขุนเรืองไกรก็ถอนปากออกจากควยดุ้นเขื่องนั้น แล้วเปลี่ยนมาใช้ลิ้นค่อย ๆ โลมเลียลงไปที่รูตูดของนายดำ กลิ่นความเป็นชายที่หมักหมมไว้ทั้งวันลอยเข้าเตะจมูกขุนเรืองไกรจนเขารู้สึกพะอืดพะอม แต่ก็ต้องทนเก็บความรู้สึกนั้นเอาไว้ ลิ้นของขุนเรืองไกรเลียไปรอบ ๆ ร่องรูตูดของนายดำ ชโลมลิ้นเลียจนทำให้ขนรอบ ๆ รูตูดที่ขึ้นจนรกนั้นชุ่มน้ำลายไปจนหมด นายำยิ่งรู้สึกเสียวจนเผลอเอามือจิกพื้น

ไอ้เพชรก้มลงเอาหน้าเข้าไปจ้องมองดูการกระทำของขุนเรืองไกรอย่างใกล้ชิด มันกระหยิ่มยิ้มย่องเชิงสมเพชแต่ขณะเดียวกันก็ออกอาการขนลุกขนชันกับพฤติกรรมของขุนเรืองไกรด้วย

“ไอ้ขุนเรือง มึงนี่มันกะหรี่ดี ๆ นี่เอง ชายชาตินักรบที่ไหนจะยอมมาทำอะไรแบบนี้กับผู้ชายด้วยกัน มึงนี่มันน่าขยะแขยงยิ่งนัก ต่อไปมึงยังจะกล้าเอาปากที่เลียตูดดูดควยคนอื่นไปจูบกับแม่หญิงลำดวนให้เป็นที่เสื่อมเสียหรือ”

ไอ้เพชรขยับตัวลุกขึ้นส่งสัญญาณให้เหล่านายทหารที่นั่งกันอยู่ไกลออกไปค่อย ๆ เข้ามาล้อมวงดูพฤติกรรมการเสพสมระหว่างขุนเรืองไกรและนายดำ ทุกคนต่างค่อย ๆ เดินเข้ามาจ้องดูและอยู่ใกล้ขนาดได้ยินเสียงครางด้วยความเสียวซ่านของนายดำ พวกมันต่างหัวเราะเยาะขบขันกับพฤติกรรมที่น่าละอายของแม่ทัพหนุ่ม

“พวกเอ็งอยากเห็นไอ้ดำมันพ่นน้ำเงี่ยนหรือน้ำฉี่ใส่ปากไอ้ขุนนี่มากกว่ากันวะ” ไอ้เพชรตั้งคำถามที่ทำให้นายทหารหนุ่ม ๆ ที่คึกคะนองต่างส่งเสียงลุ้นส่งเสียงเชียร์ให้นายดำจัดการกับอดีตนายทหารผู้เกรียงไกรให้หมดศักดิ์ศรีไปเลย

“ข้าล่ะหมั่นไส้ไอ้สองตัวนี่มานานแล้ว ชอบทำเด่นเอาหน้าจากผลงานของพวกเรา ไม่นึกเลยว่าวันนี้สวรรค์จะลงทัณฑ์ให้มันต้องมารับผลกรรมที่น่าสมเพชแบบนี้”

“ข้าชักจะสงสัยว่าจริง ๆ นี่อาจไม่ใช่ครั้งแรกที่ไอ้สองตัวนี้ที่มันได้สมสู่กัน ดูสิไอ้ขุนเรืองมันไม่มีทีท่าอิดออดเลย ลงเอาลิ้นไปเลียควยเลียดากไอ้ดำ เป็นกู ๆ คงอ้วกจนหมดไส้หมดพุงแล้ว”

“ก็นั่นน่ะสิ อย่างนี้กูว่าพอเลียกันเสร็จคงมีการจับเย็ดให้ดูกันด้วยแน่ ๆ”

“ดูหน้าไอ้ขบถเรืองสิ หน้ามันมีความสุขกว่าตอนที่รบชนะเสียอีกนะพวกมึงว่ามั้ย”

“เสียดายที่ต้องปล่อยมันไปเป็นเชลยเมืองนาย ไม่อย่างนั้นน่าจับมันมาทำกะหรี่ กูเนี่ยจะยอมเย็ดผู้ชายสักครั้ง อยากรู้ว่าเย็ดท่านขุนเนี่ยมันจะสนุกกว่าเย็ดเมียที่บ้านหรือเปล่า ๕๕๕”

ขุนเรืองจำต้องยอมก้มหน้ารับความอับอายจากคนที่เคยเป็นลูกน้องที่พูดจาเย้ยหยันหมิ่นแคลนศักดิ์ศรีความเป็นชายของเขา ต่างจากนายดำที่ไม่สนคำพูดใครหรืออะไรทั้งนั้น มันกำลังมีความสุขสุดสยิวอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน และเพิ่งรู้ว่ารสสิเน่หาของชายด้วยกันนั้น จริง ๆ มันก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิด แถมบางทีอาจจะเสียวกว่าตอนมีอะไรกับเมียเสียด้วยซ้ำ ลีลาการใช้ปากและลิ้นของขุนเรืองไกรช่างเด็ดดวง การไล่ลิ้นจากท่อนควยไปยังรูตูดแล้วกลับมารูดที่ท่อนควยอีกครั้งนั้น ทำให้นายดำสุขหฤหรรษ์อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แล้วจะตอนที่ลิ้นนั้นเปลี่ยนไปเลียที่ลำตัว ไปถึงแผลที่เพิ่งโดนเฆี่ยนโบยมาหมาด ๆ แต่แทนที่จะร้องครางเพราะความแสบแผล กลับเป็นการครางด้วยความแสบสยิวแทน จนตอนนี้ความคิดใฝ่ต่ำเข้าครอบงำความคิดของนายดำ มันอยากจะจับขุนเรืองไกร นายทหารมาดแมนมาเย็ดเสียให้ได้จริง ๆ มันจะได้ชื่อว่าเป็นผัวคนแรกของขุนเรืองไกร เพียงแต่มันคิดว่าถ้ามันจับขุนเรืองเย็ดนั้นมันจะผิดกฎที่ไอ้เพชรให้ไว้หรือไม่ เพราะตามที่ไอ้เพชรบอกขุนเรืองได้เลือกทำตามข้อแรกไปแล้ว เพราะฉะนั้นเขาจึงหมดสิทธิ์เย็ดขุนเรืองไกร ตอนนี้ในหัวนายดำนอกจากความเสียวซ่านที่มันได้สัมผัสแล้ว มันกำลังคิดว่าจะหาทำอย่างไรดีที่จะได้เย็ดขุนเรืองไกร

แต่กลับกลายเป็นว่าแผนการชั่วของนายดำกลับล่มไม่เป็นท่าเพราะลีลาชิวหาสวรรค์ของขุนเรืองไกรนั้น ทำให้นายดำเก็บกักน้ำเงี่ยนของตัวเองเอาไว้ไม่ไหว ทำนบที่พยายามกลั้นเอาไว้พังทลายไม่เป็นท่า นาวาที่พุ่งออกจากท่อนควยล้นทะลักออกจนล้นปรี่ พุ่งเข้าปากของขุนเรืองไกร มันออกมาพร้อมกับกลิ่นคาวที่ขุนเรืองไกรสัมผัสได้ ขณะที่ไอ้เพชรเห็นท่าทางของนายดำก็รู้ว่าตอนนี้มันระเบิดทำนบนองเต็มปากของขุนเรืองไกรแล้ว มันจึงก้มลงไปดูใกล้ ๆ พร้อมกระซิบใส่หูของนักรบหนุ่ม

“กลืนเข้าไปให้หมดนะเว้ย ห้ามมีหลงเหลือเล็ดลอดออกมาเป็นอันขาด ไม่งั้นอาจมีคนชะตาขาดแน่นอน”

ขุนเรืองไกรจึงจำต้องทนกลืนน้ำเงี่ยนของนายดำแม้จะรู้สึกผะอืดผอมกับความคาวนั้น ส่วนไอ้พวกนายทหารหนุ่มต่างก็โห่ร้องส่งเสียงดังด้วยความดีใจที่มีโอกาสได้เห็นนายทหารหนุ่มที่เคยยืนอยู่เบื้องหน้าของทุกคน ตกต่ำลงจนต้องมากินน้ำเงี่ยนของผู้ชายด้วยกัน ความหฤหรรษ์ในวันนั้นกระชากศักดิ์ศรีความเป็นชายออกไปจากตัวขุนเรืองไกรนายทหารหนุ่มจนหมดสิ้น

“พรุ่งนี้ ขุนเรืองไกรผู้ยิ่งใหญ่ จะต้องออกเดินทางไปเป็นเชลยทาสของเมืองนาย ต่อแต่นี้จะไม่มีขุนเรืองไกร จะมีแต่ไอ้เรือง เชลยทาสผู้น่าสมเพช และไม่เป็นที่ต้อนรับของคนเมืองแมนเท่านั้น” ไอ้เพชรประกาศต่อหน้านายทหารที่ต่างโห่ร้องแสดงความดีใจอย่างบ้าคลั่ง ขณะที่ขุนเรืองไกรที่กลายสภาพเป็นเพียงไอ้ทาสเรือง ถูกพาตัวเข้าไปใส่กรงขัง เพื่อเตรียมตัวออกเดินทางมุ่งหน้าสู่เมืองนายในฐานะขุนศึกเชลยทาสในวันพรุ่งนี้

ตอนที่ 9

น้ำที่เยียบเย็นถูกสาดโครมลงมาที่ตัวขุนเรืองไกรที่นอนเปลือยกายหลับใหลอยู่ภายในกรงขัง อดีตขุนศึกหนุ่มที่ตอนนี้กลายสภาพเป็นทาสอย่างสมบูรณ์แบบตื่นตกใจ ลุกขึ้นมองว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา พอสายตาเริ่มปรับกับแสงสว่างได้ เขาก็เห็นไอ้เพชรยืนยิ้มกริ่มมองเขาอยู่ ถัดจากไอ้เพชรไปเขาเห็นชายหนุ่มร่างกำยำยืนอยู่ ในมือของชายคนนั้นถือถังน้ำที่ใช้สาดเขา เขาจ้องมองใบหน้านั้นอย่างตั้งใจ รู้สึกคลับคล้ายคลับคลาแต่นึกไม่ออกว่าเป็นใคร ยังไม่ทันจะเรียกความทีรงจำกลับเสียงไอ้เพชรก็ดังขึ้น

“ตื่นได้แล้วเหรอไอ้ทาสเรือง มึงนี้ช่างไม่สำเหนียกในความเป็นทาสของตัวมึงเองเลยนะ นี่กะจะนอนกินบ้านกินเมืองให้เจ้านายเขาคอยมึงเหรอ ได้เวลาที่มึงต้องออกเดินทางไปทำหน้าที่เชลยทาสแล้ว ไป ไอ้ทิ้ง มึงไปเอาไอ้ทาสเรืองออกมาจากกรง”

ไอ้ทิ้ง ชายหนุ่มคนดังกล่าวทิ้งถังน้ำลงกับพื้น แล้วเดินตรงไปยังกรงที่ขังอดีตขุนศึกหนุ่ม ก่อนจะปลดล็อกแล้วเดินเข้าไปจิกผมลากตัวขุนเรืองไกรให้ออกมาจากกรงขัง

“น่าสมเพชสิ้นดี จากขุนศึกผู้เกรียงไกร วันนี้ตกต่ำยิ่งกว่าหมา คงเป็นกรรมที่มึงทำไว้กับกูวันนั้น” เสียงไอ้ทิ้งพูดกระซิบกระซาบข้างหูทาสเรือง มันทำให้อดีตขุนศึกหนุ่มนึกขึ้นมาได้ทันที ว่าชายหนุ่มคนนี้คือใคร

นายทหารบุญทิ้ง เมื่อสามปีที่แล้วมันเพิ่งเข้ามาเป็นนายทหารใหม่ ๆ ตอนแรกดูจะเป็นนายทหารที่ดี มีระเบียบวินัย และมีความตั้งใจสูง มันจึงก้าวหน้าเร็วกว่าเพื่อนร่วมรุ่นทุกคน แต่น่าเสียดายที่การพลาดแค่ครั้งเดียว ทำให้ชีวิตมันพลิกผัน วันนั้นที่มันได้รับคำสั่งให้อยู่เวรยาม แต่ความที่ก่อนหน้านั้นมันไม่ได้นอนติดกันมาหลายวัน มันจึงเผลอหลับยาม และความซวยคือดันหลับในวันที่ข้าศึกซุ่มโจมตีเข้ามาพอดี และทำให้กองทัพเมืองแมนเกือบเพลี่ยงพล้ำต่อข้าศึก ดีที่ขุนเรืองไกรช่วยเข้ามาแก้ไขสถานการณ์นั้นได้ทัน

มันถูกนำตัวมาลงโทษต่อหน้านายทหารทั้งกองทัพ ถูกประจานให้ได้อับอายและโดนลงโทษเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างโดนการถอดยศปลดจากการเป็นทหาร ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้มันฝันสลาย เพราะมันตั้งใจจะเป็นนายทหารรับใช้ชาติอย่างที่สุด ไอ้ทิ้งรู้สึกโกรธแค้นขุนเรืองไกรที่ตัดสินโทษโดยไม่ฟังเหตุผลของมันเลย แต่เสียงของนายทหารระดับล่างอย่างมัน ไม่สามารถทำให้เข้ามาช่วยเหลือมันได้สักคน และตลอดสามปีที่ผ่านมา ชีวิตของมันต้องตกระกำลำบาก ใช้ชีวิตอย่างระเหเร่ร่อนอยู่ไม่เป็นหลักแหล่ง และยิ่งทำให้มันสุมไฟแค้นกับขุนเรืองไกรเอาไว้อีกหลายเท่าทวีคูณ

จนมันได้ข่าวความตกต่ำของขุนเรืองไกร มันรีบมุ่งหน้าเข้าพระนคร และหาทางที่จะได้เข้ามาเจอขุนเรืองไกรในสภาพที่ตกต่ำน่าสมเพชยิ่งกว่ามันให้ได้ โชคดีที่มันยังพอมีเพื่อนฝูงที่เป็นทหาร ช่วยเหลือพามันไปเจอไอ้เพชร พอมันเล่าเรื่องราวของมันให้ไอ้เพชรฟังแล้ว ไอ้เพชรก็แต่งตั้งให้มันทำหน้าที่คุมตัวทาสเรืองไปส่งยังเมืองนาย

ขุนเรืองไกรถูกไอ้ทิ้งเหวี่ยงกลิ้งลงกับพื้นจนเนื้อตัวที่เปียกน้ำเปรอะเปื้อนคราบดินคราบทรายไปทั้งตัว น้ำเย็นจากถังใหม่ถูกนำมาราดรดทำความสะอาดให้ไอ้ทาสเรืองก่อนที่ไอ้เพชรจะให้ไอ้ทิ้งช่วยหาผ้ามาทำความสะอาดร่างกายให้กับไอ้ทาสเรือง และพามันไปพบพระยาเยนที่สภาเมืองก่อนถูกส่งตัวไปเป็นเชลยทาส

อดีตขุนศึกหนุ่มผู้เกรียงไกร ถูกจับมัดเอามือไพล่หลังไว้ ตอนนี้เขาจึงยืนเปลือยกายล่อนจ้อนอย่างหมดสภาพ โชว์ควยอยู่ต่อหน้าเหล่าข้าราชการงานเมืองรายล้อมอยู่รอบห้องประชุม แต่ละคนต่างส่งสายตาที่แสดงความรังเกียจและสมเพชมายังตัวเขา ทำให้ทาสเรืองรู้สึกอับอายที่ขุนศึกผู้เกรียงไกรอย่างเขาต้องมาตกต่ำอยู่ในสภาพนี้

“เอาล่ะ ๆ ข้าเห็นสภาพเอ็งแล้วสมเพชเวทนาเสียจริง ๆ” พระยาเยนกล่าวกับทาสเรืองด้วยน้ำเสียงแสดงความเดียดฉันท์มากกว่าจะรู้สึกสงสารจริง ๆ “เป็นขุนศึกอยู่ดีไม่ว่าดี อุตริมาแก้ผ้าประจานตัวเองจนทำให้พระแม่เมืองท่านทรงโกรธ โดนลงโทษแบบนี้มันก็สมควรแล้ว วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่มึงจะได้เป็นประชาชนของเมืองแมน เพราะหลังจากนี้มึงจะถูกส่งตัวไปเป็นเชลยทาสของเมืองนาย มึงจงลืมชีวิตที่เคยสุขสบาย และเตรียมรอรับผลที่จะเกิดจากการกระทำของมึงเองเอาไว้ให้ดี ๆ กูคงช่วยมึงได้แค่การส่งตัวมึงอย่างสมเกียรติ เพื่อเห็นแก่คุณงามความดีที่มึงเคยทำเอาไว้ เจ้าเพชร หยิบชุดขุนนางของมันมาให้มันใส่หน่อยสิ ข้าทนเห็นความอุจาดนี้ไม่ไหวแล้ว”

ไอ้เพชรเดินนำชุดของขุนเรืองไกรมาวางไว้ตรงหน้าทาสเรือง แล้วจัดการแก้เชือกที่มัดมือของทาสเรืองให้เป็นอิสระ ทาสเรืองก้มลงไปหยิบชุดขุนศึกของตนเองขึ้นมาดู น้ำตาของเขาไหลรินรดเสื้อผ้าชุดนั้น แต่ขณะที่เขากำลังอยู่ในช่วงอาลัยอาวรณ์ เขาก็ถูกไอ้เพชรเตะเข้าที่ชายโครง แล้วเร่งให้เขาสวมชุด

“ให้ใส่เสื้อผ้าละทำสนิมสร้อย กูรู้มึงอยากจะแก้ผ้าให้คนอื่นดูหุ่นดูควยมึงใช่มั้ย”

“พ่อเพชร พอก่อน ให้ทาสเรืองมันคร่ำครวญแสดงความอาลัยเป็นครั้งสุดท้าย ไอ้ทาสเรือง กูจะให้มึงแต่งชุดขุนศึกเต็มยศไปที่เมืองนาย โดยไม่มีเครื่องพันธนาการ แต่มึงจะต้องเดินไป ด้วยเท้าเปล่า และมีพ่อเพชรพร้อมนายทหารที่พ่อเพชรเลือกเป็นคนคุมไป หวังว่าเจ้าจะยอมไปเป็นเชลยทาสแต่โดยดี ไม่มีตุกติกนะ เพราะถ้าขืนเจ้ากระทำการงานใดที่จะส่งผลร้ายกลับมาสู่เมืองแมน เจ้าจะรู้นะว่าคนที่เจ้ารักที่อยู่ที่นี่ จะมีชะตาชีวิตเป็นเช่นไร หลังจากนี้ข้าขอให้เจ้าโชคดี”

ทาสเรืองในชุดขุนศึกเต็มยศก้มลงกราบพระยาเยน แม้ใจจะคับแค้นเพียงใดก็ตาม แต่เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะชะตาชีวิตของคนที่เขารักอยู่ในกำมือของคนพวกนี้ อดีตขุนศึกผู้เกรียงไกรถูกพาออกจากสภาเมืองไปตามทางเดินที่สองข้างมีประชาชนมายืนมองด้วยความสมเพชเวทนา โดยมีไอ้เพชรที่ขี้ม้านำหน้าหัวเราะขบขันกับสภาพอันน่าสมเพชของอดีตคู่ปรับที่มันไม่เคยเอาชนะได้ แต่วันนี้กลับต้องตกมาอยู่ภายใต้ขี้ตีนของมัน ขณะที่ลูกเล็กเด็กแดงที่ตามพ่อแม่มาดูต่างส่งเสียงชี้ชวนให้ดูคนหน้าไม่อาย ที่เคยมาแก้ผ้าให้พวกเขาดู ขณะที่กลุ่มนายทหารที่อยู่กับเขาเมื่อวานนี้ ต่างออกมายืนปะปนอยู่กับกลุ่มชาวบ้าน แล้วหันไปเล่าพฤติกรรมการสมสู่ระหว่างทาสเรืองกับนายดำ นายแดงเมื่อวานนี้ให้ชาวบ้านฟัง จนชาวบ้านต่างขยะแขยงในพฤติกรรม และพากันส่งเสียงตะโกนขับไล่ และด่าทอว่าอดีตนายทหารผู้เกรียงไกรอย่างเขาเป็นคนน่าไม่อาย

ขุนเรืองไกรเดินคอตกมาถึงประตูเมือง ที่ตรงนั้นเขาเห็นนายทหารสองคนที่ยืนรออยู่ และเป็นคนที่จะเดินทางไปพร้อมกับเขา คนหนึ่งคือไอ้ทิ้ง ที่ได้รับการคืนยศและบรรจุเข้าเป็นทหารใหม่ ส่วนอีกคนคือนายดำ อดีตนายทหารคู่ใจที่เมื่อคืนเป็นคนคายน้ำเงี่ยนเข้าปากของเขา

อดีตขุนศึกกหนุ่มรู้ทันทีว่านี่คือแผนการของไอ้เพชรที่จัดการให้เขาต้องเดินทางไปโดยการควบคุมของคนกลุ่มนี้ ทาสเรืองคาดหมายชะตากรรมตัวเองได้เลยว่า หากก้าวออกจากประตูเมืองนี้เมื่อไร ชีวิตของเขาจะต้องมีแต่ความฉิบหายแน่นอน พอมาถึงกลุ่ม ไอ้ทิ้งเข้าไปทำหน้าที่จูงม้าให้ไอ้เพชร ขณะที่นายดำเดินเอาเชือกไปผูกข้อมือของอดีตขุนศึกหนุ่ม และทำหน้าที่เป็นคนลากจูงขุนศึกหนุ่มไปตลอดการเดินทาง

ตอนที่ 10

หลังเดินทางรอนแรมกันมาจนใกล้พลบค่ำ ไอ้เพชรซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้นำการเดินทางครั้งนี้ก็สั่งให้คณะเดินทางหยุดพัก เนื่องจากได้ยินเสียงน้ำในบริเวณนี้ ไอ้เพชรจึงสั่งการให้นายดำออกไปหาสถานที่สำหรับจะใช้พักแรม โดยให้อยู่ใกล้กับทางน้ำเพื่อที่จะได้สะดวกในการทำธุระส่วนตัว นอกจากนี้ยังได้สั่งให้ก่อไฟและเตรียมอาหารสำหรับในมื้อค่ำด้วย ส่วนตัวไอ้เพชรและคนอื่น ๆ ที่เหลือจะนั่งพักคอยอยู่ในบริเวณนี้ก่อน หลังได้รับคำสั่ง นายดำจึงออกไปทำภารกิจตามที่ได้รับมอบหมาย และต้องทิ้งทาสเรืองไว้กับไอ้เพชรและไอ้ทิ้ง เมื่อนายดำจากๆไปแล้ว ไอ้เพชรจึงสั่งให้ไอ้ทิ้งพาม้าไปแอบข้างทางเสร็จแล้วพอไอ้เพชรกำลังจะก้าวลงจากหละงม้า กลับถูกไอ้ทิ้งห้ามเอาไว้ ก่อนที่มันจะหันไปสั่งทาสเรืองว่า

“ไอ้ทาสเรือง มึงมาตรงนี้สิ ตรงข้าง ๆ ม้านี่ มานั่งเป็นที่รองพื้นให้คุณชายเพชรก้าวลงจากหลังมาหน่อย”

คำพูดคำจาของไอ้ทิ้งทำให้อดีตขุนศึกหนุ่มรู้สึกเดือดดาล เหมือนถูกหยามศักดิ์ศรี เพราะตอนนี้ทาสเรืองคิดว่าเขายังสวมชุดขุนศึกอยู่เต็มยศ เขาจึงเดินมาประชันหน้ากับอดีตลูกน้องของตน

“กูไม่ได้เป็นทาสไอ้เพชร ไม่ได้เป็นทาสมึงด้วย เพราะฉะนั้นหยุดวาจาสามหาวของมึงเสียบัดนี้ ไม่อย่างนั้นกูจะเอาให้ทั้งมึง ทั้งไอ้เพชรหมอบอยู่แทบตีนกูตรงนี้เลย มึงจะทำอะไรให้เกรงใจเครื่องแบบขุนศึกของกูด้วย”

“ถุย มึงยังกล้าพูดว่ามึงเป็นขุนศึกอยู่เหรอ เครื่องแบบที่มึงใส่อยู่มันคุ้มกะลาหัวอะไรมึงไม่ได้อีกแล้ว ไอ้หน้าตัวเมีย”

ทาสเรืองรู้สึกโมโหที่โดนดูหมิ่นจนอดใจไม่ไหว เขาตรงไปหมายจะฟาดหมัดไปที่ใบหน้าของไอ้ทิ้งเพื่อเป็นการสั่งสอน แต่ก็ต้องหยุดเมื่อเสียงไอ้เพชรดังขึ้นอย่างเกรี้ยวกราด

“ไอ้ทาสเรือง มึงนี่เหิมเกริมนัก พอใส่เครื่องแบบเข้าหน่อยรู้สึกกล้าขึ้นมาเลยนะ มึงจำคำพูดสุดท้ายที่พระยาเยนพูดเอาไว้ไม่ได้แล้วใช่มั้ย งั้นกูจะช่วยเตือนความทรงจำให้มึงได้ฟังอีกครั้ง ถ้าขืนมึงกระทำการงานใดที่จะส่งผลร้ายกลับมาสู่เมืองแมน มึงคงรู้นะว่าคนที่มึงรัก จะมีชะตากรรมเป็นเช่นไร”

มือที่เงื้อพร้อมจะฟาดปากไอ้ทิ้งหยุดชะงักลงทันที ไอ้ทิ้งเห็นดังนั้นมันจึงทำหน้ายิ้มเยาะท้าทาย เพราะมั่นใจว่าอดีตขุนศึกผู้เกรียงไกรคงไม่สามารถทำอะไรมันได้อย่างแน่นอน มันหันไปหาไอ้เพชร แล้วพูดขึ้นว่า

“นายเพชรขอรับ ผมว่าที่ไอ้ทาสเรืองมันทำตัวกร่างได้ขนาดนี้ ส่วนหนึ่งเพราะมันคิดว่าตัวมันยังเป็นขุนศึกอยู่ เพราะชุดที่มันสวมใส่ เพราะฉะนั้นกระผมจึงคิดว่า ระหว่างที่เราพักกันอยู่นี้ เราควรจัดการบางอย่างให้มันได้รู้ถึงสถานะของตัวมันเอง มันจะได้ไม่กล้าทำตัวกำแหงแบบที่มันทำอยู่ตอนนี้”

“ถ้าอย่างนั้น ไอ้ทิ้ง มึงช่วยถอดเสื้อผ้าชุดขุนศึกออกจากตัวมันที”

ไอ้ทิ้งแสยะยิ้มเหี้ยมเกรียม เดินเข้าไปที่ตัวของทาสเรือง พอมันเอื้อมมือจะจับชุดของทาสเรืองถอดออก ก็โดนทาสเรืองยกมือขึ้นมาปัดมือของมันเสียก่อน

“ไอ้ทาสเรือง มึงนี่ช่างบังอาจนัก ขนาดกูเป็นคนออกคำสั่งมึงยังไม่เชื่อฟังใช่มั้ย ได้ งั้นเราจะได้เห็นดีกัน ไอ้ทิ้ง พากูกลับทิ้งมันไว้ที่นี่ ให้มันรู้ไปว่าไอ้นี่ มันติดยึดกับศักดิ์ศรี กับเสื้อผ้า มากกว่าคนในชาติ คนในครอบครัวของมัน” เสียงไอ้เพชรแสดงความไม่พอใจอย่างถึงที่สุด

“ได้ มึงจะทำเหี้ยห่าระยำตำบอนอะไรกับกูก็ได้ กูยอมมึงแล้ว ยอมมึงทุกอย่าง” เสียงอดีตขุนศึกพยายามสะกดอารมณ์ ความไม่พอใจเอาไว้ ก่อนที่จะค่อย ๆ คุกเข่าคลานไปหาไอ้เพชร แล้วนั่งค้อมตัวเอาหลังขึ้นเพื่อให้ไอ้เพชรใช้เหยียบลงจากหลังม้า ไอ้เพชรเห็นดังนั้นก็แสยะยิ้มด้วยความชอบใจ ก่อนจะเอาเท้าทั้งสองข้างเหยียบที่หลังผ่านชุดขุนศึกอันศักดิ์สิทธิ์ที่ทาสเรืองสวมใส่อยู่ แล้วก้าวลงมาสู่พื้น

“ทำตัวดี ๆ ว่าง่าย ๆ แบบนี้แต่แรกก็สิ้นเรื่อง มึงนี่ชอบให้กูโมโหเหลือเกินนะ”

ว่าแล้วไอ้เพชรก็ลงมายืนดูไอ้ทิ้งค่อย ๆ ปลดเครื่องแบบขุนศึกออกจากตัวไอ้เรืองที่ละชิ้น จนยืนเปลือยโชว์ควยให้ทุกคนเห็นอีกครั้ง ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่นายดำเดินกลับมาจากการหาที่พักแรม และจัดเตรียมหุงหาสำรับอาหารไว้สำหรับทุกคน นายดำเดินมาหาไอ้เพชรบอกว่าให้เดินตามมันไป ขณะที่ไอ้ทิ้งเดินไปทำหน้าที่จูงม้า และให้นายดำทำหน้าที่รับผิดชอบทาสเรืองตามเดิม พอนายดำเดินมาถึงทาสเรือง เขาก็พูดขึ้นมาเลยว่า

“แก้ผ้าแก้ผ่อนโชว์ควยอีกแล้วเหรอมึง มึงนี่มันหน้าด้านหน้าหนาหน้าไม่อายจริง ๆ มานี่ตามกูมา” ว่าแล้วนายดำก็เดินพาทาสเรืองออกเดินนำหน้ากลุ่มไป แต่ยังไม่ทันจะก้าวไปได้ไกล เสียงไอ้เพชรก็ดังขึ้นมา

“เดี๋ยว มันสมควรเหรอที่จะให้ไอ้ทาสหมานี่เดินนำหน้ากู”

“แต่กระผมต้องนำทางท่านนะขอรับ”

“มึงจะนำก็นำไปสิ แต่ต้องไม่ให้ไอ้ทาสหมานี่เดินนำหน้าตีเสมอกูได้”

นายดำยืนงงครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ สุดท้ายก็หันไปออกคำสั่งกับทาสเรือง

“งั้นไหน ๆ มึงก็เป็นทาสหมาแล้ว งั้นมึงลงไปคลานกับพื้น เดินท่าหมาเลยแล้วกัน”

ทาสเรืองรู้ตัวว่าถึงเขาจะอิดออกไปมันเท่านั้น สุดท้ายเขาก็ยอมลงไปคลานเข่า เดินสี่ขาเหมือนหมาตามนายดำไป สร้างความตลกขบขันและสมน้ำหน้าให้กับไอ้เพชรและไอ้ทิ้งเป็นอย่างมาก พวกมันเดินดูอดีตขุนศึกเดินท่าหมา แหกขาจนมองเห็นรูดากที่มีขนขึ้นปกคลุมอยู่ ขณะที่ทาสเรืองนอกจากจะอับอายที่ต้องมาทำอะไรที่น่าทุเรศแบบนี้แล้ว ยังเจ็บปวดเพราะต้องเดินโดยใช้เข่าทั้งสองข้างคลานไปกับพื้น ซึ่งขรุขระเต็มไปด้วยหินและทราย เขาต้องจำเดินก้มหน้าเพราะไม่อยากเห็นหน้า เห็นสายตาใครที่มองเขาอยู่ มางข้างหน้าช่างดูมืดมนสำหรับเขายิ่งนัก

ตอนที่ 11

สำรับอาหารอย่างดีถูกนำมาวางไว้ข้างหน้าไอ้เพชร ของอื่น ๆ ที่เหลือก็ถูกแจกจ่ายให้นายดำ ไอ้ทิ้ง และสุดท้ายของทาสเรืองที่มีสภาพเหมือนอาหารขยะ ทาสเรืองถูกสั่งให้กินข้าวโดยใช้ปากเพียงอย่างเดียว สภาพการกินของเขาจึงไม่ต่างอะไรกับหมากิน ไอ้เพชรนั่งกินข้าวไป มองภาพอดีตขุนศึกหนุ่มก้มกินข้าวไปด้วยความสมเพชเวทนา มันก็ไม่คิดเลยว่าแผนการที่มันสร้างขึ้นจะส่งผลมากถึงเพียงนี้ สามารถทำให้คู่ปรับของมันที่มันไม่เคยเอาชนะได้เลย ตกต่ำลงมาได้ขนาดนี้ จากขุนศึกกลายเป็นทาสหมาเลยทีเดียว พอกินข้าวเสร็จทาสเรืองหันมาบอกนายดำว่าอยากไปฉี่ แต่ไอ้เพชรดันได้ยินเสียก่อน มันจึงสั่งให้ทาสเรืองยกขาฉี่ตรงที่คลานอยู่ สภาพของทาสเรืองตอนนี้จึงน่าสมเพช สร้างความขบขันและเสียงหัวเราะให้กับไอ้เพชรและไอ้ทิ้งเป็นอย่างมาก ที่ชายชาตินักรบต้องมาฉี่ในท่าหมาแบบนี้ มันจึงทำให้ฉี่ของเขากระเด็นโดนตัวเองจนเลอะเทอะเปรอะเปื้อนสกปรกไม่หมด

หลังทาสอาหารเสร็จและนั่งเอนหลังได้สักพัก ไอ้เพชรก็นึกอะไรสนุก ๆ ขึ้นมาได้ มันจึงหันไปหาไอ้ทิ้ง แล้วพูดขึ้นว่า

“ไอ้ทิ้ง มีงรู้มั้ยว่าเมื่อคินก่อนหน้านี้ มีอะไรสนุก ๆ ที่มึงพลาดไป”

“อะไรหรือขอรับนายเพชร”

“ก็มีการแสดงชิ้นพิเศษที่อดีตขุนศึกผู้เกรียงไกร ท่านขุนเรืองไกร กระทำการสมสู่แบบวิปริตผิดประเพณีกับอดีตนายทหารคนสนิท แล้วไม่ใช่การสมสู่กันที่ในที่ลับด้วยนะ ท่านขุนและนายทหารคนสนิททำให้นายทหารทั้งกองทัพได้ชมโดยพร้อมเพรียงกัน”

“ฮ้า ทำไมช่างหน้าด้านหน้าไม่อายขนาดนั้นนะขอรับ แค่การสมสู่กันเองระหว่างชายกับชายก็น่าบัดสีวิปริตเป็นที่สุดแล้ว พวกมันยังบังอาจกระทำในที่แจ้ง แถมยังเป็นที่ที่พวกมันเคยใช้เป็นที่ฝึกรบอีกด้วย ช่างไม่เกรงกลัวฟ้าดินสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะลงโทษ”

“ความเงี่ยนมันไม่เข้าใครออกใคร อย่างตอนนี้ข้าก็ว่าคงมีคนกำลังเงี่ยนอยู่หรอก มึงลองมองดูสิ”

ไอ้ทิ้งหันไปมองที่อดีตขุนซึกหนุ่มที่ตอนนี้เหมือนควยของเขากำลังโด่ขึ้นมานิด ๆ

“ไอ้ดำ มึงพาไอ้ทาสหมามาตรงหน้าข้านี่สิ”

นายดำจูงทาสเรืองมาตรงหน้าที่นั่งของไอ้เพชรและไอ้ทิ้ง

“ไอ้ดำ เห็นควยไอ้ทาสเรืองมั้ย มันกำลังโด่ขึ้นมาเลย กูอยากให้มึงช่วยสนอง ช่วยคลายความเงี่ยนให้กับมันหน่อย แก้ผ้าออก แล้วจัดการอย่างที่พวกมึงกระทำกันเมื่อคืนก่อน กูรู้ว่าพวกมึงชอบ”

นายดำที่ติดใจรสสวาทจากอดีตเจ้านายของมัน รีบจัดการปลดเสื้อผ้าออก กระโจนเข้าสูงสังเวียนกามทันที มันเริ่มโดยการหันตูดตัวเองออกมาให้ทาสเรืองดอมดมและโลมเลียนด้วยปลายลิ้น

ทันทีที่จมูกของทาสเรืองปะทะเข้ากับร่องตูดของไอ้ดำ กลิ่นคราบไคลความเป็นชายที่หมักหมมสะสมมานานมาตลบอดทั้งวันก็ลอยเข้าปะทะกับจมูกของอดีตนายทหารหนุ่มจนเขารู้สึกผะอืดผะอม แต่ก็ต้องทนทำมันไปเพราะเขาไม่สามารถขัดความต้องการของพวกนี้ที่มีชีวิตของคนในครอบครัวของเขาเป็นเดิมพัน อดีตขุนศึกหนุ่มแลบลิ้นออกมาเลียรูตูดของนายดำ ขนที่ขึ้นรกนั้นกระทบกับลิ้นสาก ๆ ของเขา ทำให้ทาสเรืองรู้สึกขนลุกเกรียว กามกิจของอดีตนักรบผู้เกรียงไกรทั้งสองดำเนินไป พร้อมกับที่ไอ้เพชรหันมาพูดกับไอ้ทิ้งว่า

“ไอ้ทิ้ง มีงช่วยเล่าวีรกรรามอันห้าวหาญของไอ้คนวิปริตทั้งสองนี่ให้กูฟังหน่อยสิ”

“ได้ขอรับนายเพชร ไอ้คนวิปริตที่กำลังใช้ลิ้นเลียตูดผู้ชายอยู่นั้น มันคืออดีตแม่ทัพผู้เกรียงไกร นามว่าขุนเรืองไกรขอรับ ขุนเรืองไกรเป็นขุนศึกหนุ่มที่ไม่เคยรบแพ้ใคร อริศัตรูต่างคร้ามเกรงหากต้องออกรบโดยมีขุนเรืองไกรทำหน้าที่แม่ทัพ ในสนามรบนั้นขุนเรืองไกรคือชายผู้กล้า ไม่เป็นสองรองใคร นายทหารที่รับใช้ต่างยกย่องเชิดชู อนาคตที่สดใสยั้นรอท่านขุนเรืองไกรอยู่ ทั้งหน้าที่การงาน ความรัก กับแม่หญิงที่เพียบพร้อมอย่างแม่หญิงลำดวน แต่ใครจะรู้ว่าในความเป็นจริง ทานขุนเรืองผู้เกรียงไกรนั้น หาได้เป็นชายชาตรีอย่างสมบูรณ์บนเตียงไม่ แท้จริงท่านชอบสมสู่กับชายชาตินักรบด้วยกัน ดูสิท่าน ดูลีลาการดูดควยให้ไอ้ดำสิ น่าขยะแขยงสิ้นดี เรื่องบัดสีแบบนี้รู้ถึงหูศัตรูเมื่อไร เมืองเราเป็นได้อายที่เอาคนแบบนี้มาเป็นแม่ทัพนายกอง”

“นั่นสิ ข้าดูแล้วขนลุกเกรียว อยากจะอาเจียนเหลือเกิน แม้ข้าจะไม่ได้เป็นชายชาตินักรบ ตาอย่างน้อยก็ไม่ได้กระทำเรื่องที่บัดสีน่าอาย และทำให้ชาติบ้านเมืองต้องเสื่อมเสียแบบนี้แน่ ช่างน่าสมเพชกับพฤติกรรมของพวกมันจริง ๆ”

อดีตแม่ทัพหนุ่มผู้เกรียงไกร ไม่เคยพ่ยแพ้ใครในสนามรบ กลับต้องมาพ่ายแพ้คำคนชั่วสองคน น้ำตาของเขารินไหล ขณะที่ก็ไม่อาจหยุดการกระทำที่น่าบัดสีตามที่พวกมันว่ากล่าวเขาได้

เจ็บใจ แต่เขาทำอะไรไม่ได้เลย ขุนเรืองไกรรู้สึกว่าตัวเองช่างอ่อนแอสิ้นดี

ตอนที่ 12

พอกามกินอันชวนขนหัวลุกเสร็จสิ้น ทุกคนก็ผล็อยหลับไป จนเกือบเช้า ไอ้ทิ้งตื่นก่อนทุกคน มันมองเห็นทาสเรืองซึ่งโดนบังคับให้นอนหงายโชว์ควยเอนนอนกับต้นไม้กำลังนอนควยโด่อยู่ ทำให้มันมีอารมณ์เพราะนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนด้วย มันจึงเดินเข้าหาทาสเรืองโดยไม่คิดหน้าคิดหลังอะไร ทาสเรืองที่กำลังหลับไหลตกใจที่ถูกไอ้ทิ้งเข้าจู่โจม จับเขาแหกขาแหกตูดโชว์ ทาสเรืองหันไปหานายดำหวังให้อดีตลูกน้องคนสนิทเข้ามาช่วยเหลือ แต่ไม่รู้ตอนนี้นายดำกลับหายไปไหน

“เงียบไว้ ไม่มีใครช่วยมึงได้หรอก ถึงนายเพชรเองตื่นมาก็คงไม่ช่วยอะไรมึงหรอก นอกจากจะมาขอดูฉากเด็ดตอนที่มึงโดนเย็ด ตกเป็นเมียกู ๕๕๕”

ไอ้ทิ้งจับขุนเรืองไกรแหกขา แล้วมันก้มหน้าลงไปมองควยของอดีตขุนศึกหนุ่ม

“มึงนี่ช่างมีเรือนกายที่งามยิ่งนัก ดูมัดกล้ามที่ขึ้นเป็นลอนที่หน้าท้องมึงแล้ว กูเสียวจนควยแข็งเลย มึงเองก็คงไม่นึกสินะว่าคนที่เคยถูกมึงไล่ออก จะได้ดีมีโอกาสเป็นผัวมึงในวันนี้”

นิ้วกลางของไอ้ทิ้งแหย่เข้าไปเขี่ยที่รูตูดของอดีตขุนศึกหนุ่มผู้เกรียงไกร ขณะที่มืออีกข้างก็มากำที่ควยของทาสเรือง แล้วชักขึ้นชักลงจนควยที่อ่อนตัวอยู่นั้นค่อย ๆ แข็งขึ้นมา

“ได้ยินมาว่ามึงชอบแก้ผ้าโชว์ คงขี้เงี่ยนมากล่ะสิ ตอนออกรบเคยเอาไอ้พวกลูกน้องคนสนิทมึงมานอนด้วยรึเปล่า แต่กูว่าน่าจะไม่เหลือ เห็นท่ามึงวัรนี้แล้วกูชักสงสัยว่ามึงเป็นฝ่ายได้เย็ดหรือเป็นฝ่ายโดนเย็ดกันแน่

นิ้วของไอ้ทิ้งแหย่เข้าไปลึกขึ้น ๆ เรื่อย ๆ แล้วเพิ่มจากหนึ่งนิ้ว เป็นสองนิ้ว และสามนิ้ว พอแหย่นิ้วเข้าไปจนสุดก็เริ่มหมุนควานกระดกนิ้วไปมาอยู่ภายในรูตูดของอดีตขุนศึกมาดแมน จนครางด้วยความเสียวโดยไม่รู้ตัว

“ชอบมั้ยไอ้เรือง ถ้าชอบจัดการถอดผ้ากูออกสิ แล้วกูจะช่วยสงเคราะห์เย็ดมึงให้ถึงสวรรค์ตอนนี้เลย”

ทาสเรืองเหมือนกำลังลังเล ความเสียวนั้นทำให้เขาตัวสั่นเทิ้มด้วยความอยาก แต่ศักดิ์ศรีแห่งการเป็นขุนศึกชาตินักรบทำให้เขาไม่อาจกระทำทุกอย่างได้อย่างใจต้องการ โดยเฉพาะคนที่กำลังกระทำเขาอยู่เป็นถือได้ว่าเป็นศัตรูที่เขาเกลียดชัง เขาจะไม่ยอมให้กับคนแบบนี้เด็ดขาด

“มึงนี้มันน่ารังเกียจเสียจริงไอ้ทิ้ง คิดจะสมสู่แม้แต่กับผู้ชายด้วยกัน ช่างอัปรีย์จัญไรอะไรเยี่ยงนี้”

“มึงด่ากูเหรอไอ้เหี้ยเรือง” มือที่กำควยนั้นเปลี่ยนมาตบเข้าที่หน้าของทาสเรืองจนหัน และทำให้ไอ้เพชรสะดุ้งตื่นขึ้นมา เขาโวยวายที่เห็นไอ้ทิ้งกับทาสเรืองอยู่ด้วยกันในสภาพที่ชวนสงสัย เพราะควยของทาสเรืองตอนนี้มีอาการแข็งตัวเต็มที่เพราะมีอารมณ์ร่วมไปกับไอ้ทิ้งด้วย

“พวกมึงทำเหี้ยอะไรกันอยู่”

“ไอ้ทาสหมาเรืองมันกำลังติดสัตว์ขอรับนายเพชร ดูควยมันสิครับ”

“บัดสีจริง กูเห็นแล้วจะอ้วก ไอ้ทิ้ง มึงสงเคราะห์มันหน่อย ถ้ามันอยากจะน้ำแตก แต่มึงห้ามทำอะไรเกินเลยกว่านี้เด็ดขาด เพราะกูต้องส่งทาสให้เมืองนายในสภาพที่สมบูรณ์ กูจะไปอาบน้ำ กลับมาพวกมึงต้องทำทุกอย่างให้เสร็จเรียบร้อยนะ”

แล้วไอ้เพชรก็เดินจากไป แต่คำพูดก่อนไปของไอ้เพชรเหมือนอาณัติสัญญาณที่ทำให้ไอ้ทิ้งไม่กล้าจัดการทาสเรืองไปมากกว่านี้ มันจึงจำต้องปล่อยทาสเรืองเป็นอิสระ หากแต่อารมณ์เงี่ยนของมันยังไม่ถูกสะสาง มันเดินไปเดินมาคิดหาทางปลดปล่อย ก่อนที่มันจะรวบรวมความกล้าเดินไปยังทางที่มีแม่น้ำไหลผ่านอยู่

ไอ้ทิ้งเดินมาที่แม่น้ำ แม้ฟ้าจะยังไม่สางดีนักแต่มันก็พอมองเห็นเป้าหมายของมันที่กำลังยืนอาบน้ำอยู่กลางสายน้ำ ขณะที่ไอ้เพชรเปลือยเปล่านั่งแช่น้ำอยู่มันจึงไม่รู้ว่าตัวมันกำลังโดนสายตาของใครบางคนแอบจ้องมองอยู่ สักพักหนึ่งมันก็ผุดลุกขึ้นยืนทำให้ร่างเปลือยเปล่าของมันปรากฏต่อสายตาของไอ้ทิ้ง

ไอ้เพชรไม่ใช่ผู้ชายรูปร่างกำยำแข็งแรง เพราะมันไม่ได้ผ่านการฝึกทหาร มันจึงไม่ได้กล้ามแกร่งแบบขุนเรืองไกร รูปร่างมันนั้นเน้นออกไปทางที่จะมีเนื้อมีหนังเสียด้วยซ้ำ ก้นของมันจึงเด้งเป็นลูกเพราะเนื้อที่เยอะของมัน ไอ้ทิ้งจ้องมองก้นของไอ้เพชรตาเป็นมัน ควยมันกระดกแบบคุมตัวเองไม่อยู่ มันรีบถอดเสื้อผ้าของมันออกทันที แล้วก้าวลงแม่น้ำไป

ไอ้ทิ้งเข้าประชิดตัวไอ้เพชรทางด้านหลัง และมันอาศัยท่าที่ถูกฝึกตอนเป็นทหาร จู่โจมจับไอ้เพชรไว้ไม่ให้ขัดขืนได้

“มึงจะทำอะไรไอ้ทิ้ง หยุดเดี๋ยวนี้นะ” ไอ้เพชรตกใจที่ถูกจู่โจม รีบตะโกนด่าให้ไอ้ทิ้งหยุดพฤติกรรมทันที

“ขอโทษนะนายเพชร เห็นตูดอวบ ๆ ของท่านแล้วผมอดใจไม่ไหวจริง ๆ ตูดท่านไม่ได้ต้องห้ามแบบตูดไอ้ทาสเรืองใช่มั้ย งั้นมาเป็นเมียผมเถอะนะ”

ไอ้เพชรโดนไอ้ทิ้งจับกดน้ำ ขึ้นลง ขึ้นลง จนมันหมดแรง ไม่มีเรี่ยวแรงจะต้านทานอำนาจกายของไอ้ทิ้งได้ สุดท้ายมันโดนไอ้ทิ้งจับลากขึ้นมาบนบก นอนแผ่หลาควยเหี่ยวไร้เรี่ยวแรงต่อสู้ สุดท้ายมันจึงตกเป็นทาสสวาทของคนที่ต่ำชั้นกว่ามัน มันโดนไอ้ทิ้งจัดการกระหน่ำเย็ดร้องส่งเสียงครวญครางอย่างน่าเวทนา ยกแล้วยกเล่า ตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางดีนัก จนตอนนี้พระอาทิตย์โผล่ขึ้นฟ้ามาแล้ว สุดท้ายมันถูกไอ้ทิ้งเย็ดส่งท้าย จนเกือบตายเพราะน้ำควยเข้าร่างมากเกิน

ไอ้เพชรและไอ้ทิ้งเดินกลับมาที่พักในสภาพอิดโรย สร้างความงุนงงสงสัยให้ทาสเรืองและนายดำ แต่ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากถามอะไร ขณะที่ไอ้เพชรที่เสียตูด หมดสิ้นความเป็นชาย ความห้าว ความเหี้ยที่มันมีดูเหมือนจะลดน้อยถอดลงไปอย่างเห็นได้ชัด มันสั่งทุกคนเก็บข้าวของออกเดินทางต่อทันที

ตลอดทางนั้นมันไม่กล้าสู้หน้าคนอื่น ๆ และเร่งทำภารกิจให้เสร็จสิ้นเร็ว ๆ เพื่อที่มันจะได้กลับบ้านกลับเมืองตัวเองเสียที และหลังผ่านการรอนแรมเดินทางมาได้ ๔ วัน ทั้งหมดก็เดินทางมาถึงประตูเมืองเมืองนาย