จอมบงการ

บทประพันธ์ของ ช่อมณี

เฉพาะอ่านออนไลน์

4.

หัวหน้ากลุ่มชายแปลกหน้ารายงานปัญหาต่อนายพลชวนิลและขอความเห็นชอบก่อนในการเข้าค้นชั้นที่20 ของโรงแรมที ซี แกรนด์ซึ่งเป็นที่พำนักของเจ้าชายอัคนีแห่งประเทศมฆวัน หลังจากรอครู่หนึ่งนายทหารอีกคนเดินทางไปสมทบกับพวกเขา แล้วสั่งลูกน้องไปขอเทปวงจรปิดเพื่อหารูปพรรณของหญิงสาวก่อน พักหนึ่งทั้งหมดจึงเดินเข้าไปในห้องรักษาความปลอดภัยเพื่อดูภาพในเทปโดยไล่พนักงานคุมเครื่องออกไป

“พิมพ์ภาพผู้หญิงออกมา !” นายทหารออกคำสั่งหลังจากค้นพบผู้หญิงคนนั้นแล้ว

“ต่อไปจะทำอย่างไร ?” ลูกน้องคนหนึ่งถาม ช่วงที่รอภาพจากเครื่องพิมพ์

“ฉันต้องการต้นฉบับเทปไปด้วย”

“แต่พวกเขาคงไม่ยอม..........”

นายทหารถลึงตาจ้องลูกน้อง พลางตวาดว่า “ข้ออ้างเรื่องความมั่นคงแห่งชาติใช้ได้เสมอ ใครกล้าขวาง จะส่งไปคุยกับท่านชวนิลเอง”

ลูกน้องรับคำ แล้วทำสำเนาภาพสริตาใส่แผ่นซีดีที่พกติดตัวไว้

“เราจะไปค้นหาผู้หญิงคนนี้ที่ชั้น 20” นายทหารบอก แล้วเดินออกจากห้องนั้น

“พวกเขาอาจไม่ยอมก็ได้”

นายทหารชูกระดาษแผ่นหนึ่งแล้วโบกไปมา พลางเอ่ยว่า “ฉันเตรียมหมายค้นมาแล้ว”

“ทำไมมีหมายค้นได้ ?”

“ไม่ใช่เรื่องที่นายต้องรู้” นายทหารตอบ แล้วก้าวเท้านำเข้าลิฟต์ ใบหน้าจริงจัง

เจ้าชายอัคนีใช้เวลาเปลี่ยนเสื้อผ้าครู่ใหญ่จึงเดินออกมานั่งที่โต๊ะน้ำชาซึ่งสริตานั่งรออยู่ หล่อนมองคณะติดตามซึ่งเป็นชายฉกรรจ์ห้าคนยืนตามจุดต่างๆทั่วห้อง ดวงตาของพวกเขามองหล่อนอย่างระแวงใจ ส่วนโชตกอาสาไปชงชาที่เคาน์เตอร์ห่างออกไป

“เราจะดื่มน้ำชาท่ามกลางสายตาของพวกเขาหรือ ?” หล่อนถามเป็นภาษาอังกฤษอย่างไม่คล่องปากนัก

เจ้าชายยิ้ม “คุณเป็นคนแปลกหน้าสำหรับพวกเขา นี่จะทำให้ทุกคนสบายใจได้”

“มันน่าอึดอัดใจที่ปลอดภัยดี”

“มันฟังดูดีใช่ไหม ?”

“แน่นอน” หล่อนตอบเน้นเสียง รอยยิ้มกว้าง “ฉันต้องขอโทษที่อังกฤษของฉันไม่แข็งแรงนัก คุณ......เอ๊ย........ท่านคงลำบากใจพอควรที่ต้องคุยกัน”

“คุณไม่ค่อยใช้มันสินะ” เขามองยิ้มๆ

“ฉันอ่านเก่ง แต่พูดไม่คล่อง”

“ทำไมเป็นอย่างนั้น ?”

“ตำราคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่ที่อ่านเป็นอังกฤษ เวลาพูดจึงอึกอักพอควร” หล่อนยิ้มเขิน

เจ้าชายอมยิ้ม “ถ้ามีโอกาสใช้บ่อยก็พัฒนาได้ มันฝังอยู่ในความทรงจำ ขุดบ่อยๆก็เก่งเอง”

“ขุดรึ ?” หล่อนหัวเราะ

“มีอะไรน่าขำ ?”

“ฉันไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดสบายๆอย่างนี้จากปากของเจ้าชาย”

เจ้าชายผายมือไปรอบห้อง พลางตอบว่า “นี่เป็นเวลาส่วนตัวนี่นา”

“คุณ.....เอ๊ย........ท่านต้องอยู่ในสายตาของคนเยอะขนาดนี้ทุกวันทั้งคืนหรือ ?”

เจ้าชายยิ้มขำกับสายตาอยากรู้ของหญิงสาว “ปกติผมเข้าห้องก็จะอยู่คนเดียว แต่คืนนี้พิเศษเพราะมีคุณไง”

“งั้นรึ ? ฉันสร้างความเดือดร้อนให้ท่านสินะ”

“นิดหน่อย” เขายอมรับ

สริตาถอนหายใจหนักหน่วง “ถ้าดึกกว่านี้ฉันคงกลับบ้านได้”

“คุณเล่าความเดือดร้อนให้ผมฟังได้ไหม ?” เขาถามเข้าประเด็นคาใจทันที

โชตกนำถาดน้ำชามาวางให้เจ้าชายอัคนีและสริตา การสนทนาจึงสะดุดไว้

“เขาชงน้ำชารสชาติดีและกลิ่นหอมมาก ลองชิมสิ” เจ้าชายเอ่ยชม แล้วยกถ้วยขึ้นดื่มก่อน

สริตามองน้ำสีข้นในถ้วยอย่างลังเล ก่อนจะยกขึ้นดื่มบ้าง โดยโชตกยืนมองอยู่

“มันขมแปลกๆ กลิ่นก็ไม่เหมือนชาจีนนัก” หล่อนย่นคอเล็กน้อยกับความขมของชา

โชตกยิ้มขรึม “มันเป็นใบชาพื้นเมืองของมฆวัน ไม่เหมือนของจีนหรอก”

“ปกติโชตกไม่ชงชาให้คนอื่นดื่มหรอก ครั้งนี้เป็นโอกาสพิเศษนะ” เจ้าชายพูดเย้า

“คำสั่งของท่านนี่นา” โชตกตอบหน้าตาเฉย

สริตายิ้มเจื่อนกับคำพูดนั้น ปากตอบว่า “ฉันรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมาก ขอบคุณนะ”

“นายไม่ดื่มชาด้วยหรือ ?”

“ผมอยากนอนหลับสบายหน่อย” โชตกตอบ รอยยิ้มเย็น

“นั่งลงคุยกันสิ” เจ้าชายบอก พลางชี้ไปยังเก้าอี้ว่างอีกตัว

โชตกนั่งลงโดยไม่รอการคะยั้นคะยอจากเจ้าชายอีก แววตาสนใจยามมองหญิงสาวแปลกหน้า

“คุณเป็นใคร ? มีเรื่องไม่ดีอะไร ?”

เจ้าชายยิ้มกับคำถามตรงของโชตก พลางพูดกระเซ้าว่า “ถ้าคุณไม่ตอบคำถามของเขา รับรองต้องโดนไล่ออกจากห้องทันที”

“ผมดุขนาดนั้นเชียว” โชตกนิ่วหน้าเล็กน้อย

“เจ้าชายบอกว่าดุ ต้องดุมากแน่” หล่อนยิ้มเล็กน้อย พลางคิดรวบรวมคำตอบให้ได้ใจความในครั้งเดียว “ฉันชื่อ สริตา เป็นนักคอมพิวเตอร์ซึ่งเพิ่งทำงานที่สถาบันนิติวิทย์วันแรกและตั้งใจมาเลี้ยงฉลองส่งเพื่อนไปเรียนเมืองนอกที่ห้องจัดเลี้ยงของโรงแรมนี้ แต่เจอเรื่องไม่คาดคิดที่ห้องโถงข้างล่างเสียก่อน จากนั้นก็มีบางคนไล่จับหรือฆ่าฉัน แล้วจึงพบพวกคุณ สรุปเรื่องได้แค่นี้ค่ะ”

เจ้าชายอัคนียิ้มกว้างหลังจากได้ยินคำอธิบายตัวเองของสริตาที่กระชับได้ใจความพอควร โชตกขมวดคิ้วขณะใช้ความคิดทบทวนคำพูดของหล่อน

“มันควรมีเหตุผลน่าฟังกว่านี้ที่ถูกตามล่าจากบางคนนะ”

“ฉันก็อยากรู้สาเหตุเหมือนกัน แต่ต้องขอเวลาคิดหน่อย” หล่อนหวนคิดถึงแผ่นซีดีจิ๋วที่รับจากเลขาคณินและคำพูดของเขา

“ใครตามล่าคุณ ?” เจ้าชายซักถาม

“ฉันไม่รู้”

“คุณทราบได้อย่างไรว่าพวกเขาจะจับหรือฆ่าคุณ” โชตกถามเสริม

“พวกเขาวิ่งไล่ฉันทั้งที่เราไม่รู้จะกันมาก่อน จะให้คิดว่าเลี้ยงข้าวงั้นรึ ?” หล่อนบอกกระแทกเสียงนิดหนึ่ง

โชตกทำท่าจะซักถามอีก เสียงเคาะประตูดังขึ้น จึงเดินไปเปิดประตู เจ้าชายเห็นตำรวจหน้าห้องยืนคุยกับโชตกด้วยสีหน้าไม่สบายใจ จึงคาดเดาว่าต้องมีเรื่องวุ่นวายแน่

“เรามีปัญหาแล้ว” โชตกบอก เมื่อเดินกลับมาหาเจ้าชาย

“เรื่องอะไร ?”

โชตกกระซิบข้างหูของอีกฝ่าย อันสร้างความแปลกใจแก่สริตากับท่าทางของชายทั้งสอง

“ผมอยากให้คุณไปรอในห้องนอนก่อน” เจ้าชายบอกกับหญิงสาว

“ทำไม ?”

“มีคนมาตามหาคุณ” โชตกตอบ สีหน้าขรึม

สริตามีสีหน้าตกใจ เจ้าชายหันไปโบกมือเรียกผู้คุ้มกันคนหนึ่ง แล้วสั่งว่า “ดูแลเธอให้ปลอดภัยด้วย”

ผู้คุ้มกันรับคำ แล้วผายมือไปที่ห้องนอนของเจ้าชาย สริตานิ่งคิดชั่วครู่ ก่อนบอกว่า “ถ้าฉันสร้างความเดือดร้อนแก่ท่านมาก ก็ส่งฉันให้เขาได้ บางทีอาจไม่ต้องเสียเวลาตีความนาน”

“ผมจะพิจารณาเรื่องนั้นเอง” เจ้าชายตอบ

สริตาเดินเข้าไปในห้องนอนโดยมีผู้คุ้มกันติดตามไปแล้วปิดล็อกห้องทันที

“ท่านควรจะ............” โชตกพูดให้คำแนะนำ

เจ้าชายโบกมือปรามไว้ พลางเอ่ยว่า “เราจะพิจารณาเอง นายไปคุยกับเขาก่อน”

“ครับ” โชตกตอบ แล้วเดินออกจากห้องทันที

นายทหารกับลูกน้องสามคนยืนรออยู่หน้าลิฟต์โดยมีตำรวจคุ้มกันยืนห่างไปเล็กน้อย โชตกเดินออกจากห้องพักของเจ้าชายอัคนีเพื่อซักถามพวกเขา

“คุณต้องการอะไร ?”

“เราต้องการค้นหาผู้ต้องสงสัยในคดีอาญาที่อาจหลบหนีมาที่ชั้นนี้ จึงขอความร่วมมือจากเจ้าชายด้วยครับ” นายทหารตอบ

“คุณจะค้นห้องพักของเจ้าชายรึ ?”

“ทุกห้องในชั้นที่ 20 ครับ”

“คุณแจ้งเรื่องนี้แล้ว เราจะตรวจสอบกันเองก่อน”

นายทหารเหยียดยิ้มที่มุมปาก “ผมเกรงว่าจะต้องทำเอง”

“ทำไม ?”

“ผมมีหมายศาลให้ค้นหาผู้ต้องสงสัยและเพื่อความปลอดภัยของเจ้าชาย คุณควรให้ความร่วมมือกับทางราชการของเรานะครับ”

โชตกรับเอกสารจากนายทหารซึ่งมีข้อความเป็นภาษาไทย สมองขบคิดอย่างเร็ว

“ผมขอตรวจสอบเอกสารกับรัฐบาลก่อน” โชตกบอก แล้วเดินกลับไปที่ห้องของเจ้าชาย

นายทหารไม่มีโอกาสทัดทานไว้ อันสร้างความหนักใจแก่ลูกน้องทั้งสามด้วย

“ถ้าเขาตรวจ...........”

“เงียบเถอะ” นายทหารพูดเสียงดุ แล้วติดต่อกับนายพลชวนิลทันที

ตำรวจคุ้มกันหน้าลิฟต์เห็นนายทหารเดินนำลูกน้องเข้าลิฟต์ไปด้วยความแปลกใจ จึงถามว่า “พวกคุณไม่รอทำตามหมายค้นก่อนหรือ ?”

“ผู้ใหญ่เรียกกลับแล้ว” นายทหารตอบก่อนประตูลิฟต์จะปิด

เมื่อโชตกเดินออกจากห้องพร้อมหมายค้น จึงไม่พบนายทหารกับลูกน้องอีก มันทำให้เขาแน่ใจว่าคนกลุ่มนี้ต้องมีเบื้องหลังไม่ดีเนื่องเพราะเขาส่งหมายค้นไปทางแฟกซ์ให้ผู้นำวรุตม์ตรวจสอบแล้วพบว่ามันเป็นเอกสารปลอม ประตูลิฟต์เปิดออกอีกครั้งตำรวจชั้นผู้ใหญ่สองคนก้าวเท้าออกมาแล้วยิ้มทักทายโชตก

“ท่านวรุตม์ให้มาตามเรื่องหมายปลอมครับ”

โชตกส่งเอกสารปลอมให้ตำรวจทั้งสอง พลางเอ่ยว่า “เจ้าชายไม่สบายใจกับเอกสารแผ่นนี้”

“เราจะตรวจสอบอย่างละเอียดแล้วแจ้งข่าวคืบหน้าด้วยครับ”

“ขอบคุณมาก” โชตกตอบ แล้วเดินกลับเข้าห้องพักของเจ้าชายอัคนี

ตำรวจคนหนึ่งกวาดตามองตามทางเดินของชั้นที่ 20 พลางถามว่า “ใครแอบอ้างใช้หมายค้นหาผู้หญิงชื่อนี้ ทั้งที่ชื่อในฐานข้อมูลแจ้งว่าเธอไปทำงานที่บรูไนแล้วนี่นา”

“คนที่ถูกตามล่าน่าจะเป็นผู้หญิง หน้าที่คลายข้อสงสัยเป็นของเราแล้ว” ตำรวจอีกคนตอบ พลางถอนหายใจหนักหน่วง “เขากล้าค้นห้องพักของเจ้าชาย ต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่ ผู้หญิงคนนั้นอาจมีความสำคัญที่สุด จึงเสี่ยงทำแบบนี้ เราลองไปหาภาพพวกเขาจากกล้องวงจรปิดของโรงแรมเถอะ”

“มันเป็นจุดเริ่มต้นที่เจ๋งสุดแล้ว”

ตำรวจทั้งสองเดินลงไปสอบถามข้อมูลบางอย่างจากโต๊ะประชาสัมพันธ์สักครู่ ก่อนตามไปที่ห้องเก็บภาพกล้องวงจรปิดหลังได้รับอนุญาตจากผู้จัดการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สิ่งที่สร้างความไม่สบายใจแก่ตำรวจทั้งสองคือ คนกลุ่มนั้นอ้างตนเป็นทหารฝ่ายความมั่นคงและยึดแผ่นซีดีภาพไปหนึ่งแผ่น ทั้งสองคาดว่าน่าจะเป็นภาพผู้หญิงที่ถูกตามล่า เหตุใดพวกนั้นจึงตามล่าหล่อน หล่อนเป็นใคร คำถามมากมายประดังเข้าไปในสมองของตำรวจ

“คุณมีสำเนาข้อมูลที่ถูกเอาไปอีกไหม ?” ตำรวจถามพนักงานประจำคอมพิวเตอร์

“ปกติเราอัดใส่ฮาร์ดดิสต์ก่อน แล้วบันทึกเก็บในแผ่น ผมจะเช็คก่อนว่าลูกน้องลบภาพช่วงเวลานั้นไปหรือยัง ?”

“ทำเลย” ตำรวจมีท่าทีดีใจกับความหวังนี้

ตำรวจทั้งสองนั่งคอยพักใหญ่ พนักงานหนุ่มจึงส่งแผ่นซีดีให้พวกเขา

“โชคดีที่ยังไม่ถูกลบ ผมสำเนาให้แล้วครับ”

“ขอบคุณมาก”

พวกเขารีบนำหลักฐานทั้งหมดกลับไปยังสำนักงานเพื่อตรวจสอบและค้นหากลุ่มที่แอบอ้างหมายศาลเพื่อค้นห้องพักของเจ้าชายอัคนีอย่างไม่เกรงใจต่อแขกระดับสูงของรัฐบาล

หมอจารุมนร้อนใจมากที่ติดต่อลูกสาวไม่ได้จึงเดินทางไปที่บ้านของผู้นำวรุตม์กลางดึกแล้วบอกเล่าการสนทนาระหว่างหล่อนกับลูกสาว พร้อมกับขอร้องให้ช่วยตามหาสริตาโดยเร็ว

“ผมคาดว่าเธอต้องเจอกับคณินก่อนที่เขาจะขาดการติดต่อกับผม”

“ขาดการติดต่อรึ ?” หล่อนมองสงสัย

ผู้นำวรุตม์ส่งมือถือให้หล่อน “คณินส่งข้อความให้ผมเมื่อหลายชั่วโมงก่อน ผมเร่งให้คนตามหาเขาแล้ว แต่ยังไม่ได้รับรายงาน”

“ส่งของให้สริตาแล้ว เขาตามฆ่าเรา” หล่อนอ่านทวนข้อความบนมือถือด้วยความหวั่นใจ

“เกิดอะไรขึ้น ?”

ผู้นำวรุตม์มองชั่งใจ ก่อนตอบว่า “คณินกำลังรวบรวมหลักฐานสำคัญเอาผิดกับกลุ่มที่คิดล้มรัฐบาล วันนี้เขาไปรับหลักฐานจากสายข่าวที่โรงแรมที ซี แกรนด์ แล้วผมก็ได้ข้อความนี้”

“ดูจากเวลาที่ส่งข้อความ มันเป็นช่วงที่ฉันคุยกับปอนด์ ตอนนั้นเขายังอยู่”

“น่าจะเป็นเช่นนั้น”

“คุณคิดว่าคณินต้องเจอเรื่องไม่ดีใช่ไหม ?”

“เขาควรติดต่อผมนานแล้ว โดยเฉพาะเมื่อเขาได้หลักฐานนั้น มันน่าคิดใช่ไหม ?”

เสียงโทรศัพท์ในบ้านดังขึ้นผู้นำวรุตม์รับสายแล้วฟังคำรายงานจากตำรวจอย่างมีสมาธิ

“คนกลุ่มหนึ่งไปแอบอ้างใช้หมายค้นเพื่อค้นห้องพักของเจ้าชายอัคนีแห่งประเทศมฆวัน ตอนนี้ตำรวจได้ภาพจากกล้องวงจรปิดแล้ว เขากำลังตรวจสอบว่าเป็นใคร”

“เจ้าชายพักที่โรงแรมที ซี แกรนด์นี่นา บางทีอาจมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับคณินและปอนด์” หล่อนทำท่าใช้ความคิดและเริ่มห่วงใยความปลอดภัยของลูกสาว “ถ้าปอนด์เกี่ยวข้องกับหลักฐานสำคัญชิ้นนั้น ลูกต้องแย่แน่”

“ผมสั่งคนให้ตามหาปอนด์แล้ว”

“ฉันฝากด้วยนะ”

ผู้นำวรุตม์ยิ้มปลอบโยน “เรื่องของผมสร้างความเดือดร้อนให้ลูกสาวของคุณ ผมต้องรับผิดชอบด้วย”

“มันคงเป็นโชคชะตาที่ปอนด์กับคณินเจอกันที่โรงแรมแห่งนั้น”

“ผมต้องจัดการเรื่องสำคัญก่อน” เขาพูดมาดหมาย

พันธวัชนั่งรอคอยข่าวจากนายพลชวนิลซึ่งกำลังคุยกับลูกน้องที่รับมอบงานติดตามล่าหลักฐานการคบคิดล้มล้างรัฐบาลของผู้นำวรุตม์ด้วยท่าทีสงบ นายพลหนุ่มใหญ่เดินกลับเข้ามาในห้องทำงานโอ่โถงนั้นอย่างเคร่งเครียด

“เราเก็บสองคนที่เกี่ยวข้องกับหลักฐานแล้ว แต่ไม่พบหลักฐานชิ้นนั้น”

“ทำไม ?” พันธวัชถามเสียงขุ่นขึ้น

“พวกเขาคาดว่าจะมีการส่งต่อให้อีกคนระหว่างการตามล่า”

“ใครรับมันไป ?”

“เราได้ภาพในกล้องวงจรปิดแล้ว อยู่ในระหว่างตรวจสอบ แต่เรามีปัญหาอย่างหนึ่ง”

“อะไร ?”

“พวกเขาเชื่อว่าคนที่ถือหลักฐานไว้หลบซ่อนตัวในชั้นที่เจ้าชายอัคนีพักอยู่”

“ทำไมไม่ตรวจสอบทันที ? อย่าปล่อยให้หนีไปได้” พันธวัชพูดเน้นเสียงตอนท้าย

“พวกเขาใช้หมายค้นปลอมแล้ว แต่ลูกน้องของเจ้าชายจับได้เสียก่อน จึงต้องล่าถอยออกมา”

พันธวัชนิ่งไปอึดใจหนึ่ง ก่อนถามว่า “คิดจะทำอย่างไรต่อไป ?”

“พวกเขาเห็นคนรับของเป็นผู้หญิง จึงดักรออยู่นอกโรงแรม เชื่อว่าต้องออกมาในไม่ช้านี้”

“ทำไมแน่ใจว่าเธอต้องออกมา ?”

นายพลชวนิลเหยียดยิ้มที่มุมปาก “เธอเป็นผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่สายลับแน่นอน พวกเขาพูดยืนยันขณะตามไล่ล่าเธอ”

พันธวัชมีท่าทีโล่งใจเล็กน้อย “พวกเราต้องเชื่อเขาก่อน”

“พวกเราต้องเตรียมแผนสองไว้ ถ้าจับเธอไม่ได้”

“ผมมีแผนสำคัญที่คิดว่า เราต้องลงมือก่อนที่หลักฐานจะถึงมือของวรุตม์”

นายพลชวนิลมองสงสัย แล้วนั่งตะลึงพักใหญ่หลังจากฟังแผนของชายสูงวัยเบื้องหน้า

“ท่านจะให้.......เอ่อ.......สังหารเจ้าชายอัคนีรึ ?”

“มันจะช่วยหันเหไปจากงานของเรา ถ้าเจ้าชายตาย วรุตม์ต้องวุ่นวายหนักในการตามล่ามือสังหาร แม้เจ้าชายจะมาเป็นการส่วนตัว แต่วรุตม์ส่งตำรวจคุ้มกันเยี่ยงแขกของรัฐบาลเพราะสองประเทศมีไมตรีต่อกันอย่างดี ความตายของเจ้าชายจะทำลายมิตรภาพนั้นและช่วยถ่วงเวลาให้พวกเราตามล่าคนรับของและเตรียมงานลับง่ายขึ้น หากวรุตม์ให้คำตอบแก่ประเทศมฆวันไม่ได้ เราจะใช้มันเป็นหนึ่งในข้ออ้างว่าวรุตม์ไร้สมรรถภาพและทำลายชื่อเสียงของประเทศเพื่อโค่นเขา”

“เราจำเป็นต้องใช้วิธีนี้หรือ ?”

“เราจะหาหลักฐานคืนมาได้หรือไม่ ก็ต้องฆ่าเจ้าชายด้วย เขาต้องเป็นเหยื่อสังเวยเพื่องานลับของเรา”

คำยืนยันจากพันธวัชสร้างความหนักใจแก่นายพลชวนิลยิ่ง

“การทำงานใหญ่ลังเลไม่ได้ นายคิดว่าคณินจะไม่บอกเรื่องหลักฐานชิ้นนั้นกับเจ้านายรึ”

นายพลชวนิลนิ่งคิด สีหน้าหนักใจ พันธวัชพูดเน้นเสียงว่า “ถ้าไม่โค่นวรุตม์โดยเร็ว เราทั้งสองจะสูญเสียอนาคตแน่”

“ผมจะเตรียมทีมงานก่อน”

ชายสูงวัยยิ้มโล่งใจ “ผมจะหาตารางเวลาของเจ้าชายให้เอง”

ชายทั้งสองนั่งวางแผนร่วมกันอีกพักใหญ่ คนรับใช้เดินเข้ามารายงานว่า “ท่านวรุตม์ขอเข้าพบท่านครับ”

นายพลชวนิลประหลาดใจกับการมาเยือนของผู้นำวรุตม์อย่างไม่คาดคิด “เขาต้องการอะไร ?”

“นายกลับไปก่อน”

นายพลชวนิลเดินออกจากห้องแล้วกลับไปทางด้านหลังของบ้าน ส่วนพันธวัชบอกให้คนรับใช้พาผู้นำวรุตม์ไปพบที่ห้องรับรองเล็ก

“นายจะมาไม้ไหน วรุตม์” พันธวัชคิดในใจ

คนรับใช้ในบ้านของพันธวัชนำแขกสำคัญเข้าไปในห้องรับรองเล็กซึ่งชายสูงวัยนั่งรออยู่ด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร เมื่อประตูปิดแล้วผู้นำวรุตม์ยกมือไหว้เจ้าของบ้านตามมารยาท

“คุณมาหาผมค่อนข้างดึกนะ” เจ้าของบ้านพูดขึ้น พลางผายมือไปยังเก้าอี้ว่าง

ผู้นำหนุ่มใหญ่ยิ้ม “ผมขอโทษที่รบกวนค่ำมืดไปหน่อย”

“คนแก่นอนดึกอยู่แล้ว คุณมีธุระอะไร ?”

“ผมมีเรื่องที่อยากขอคำปรึกษาจากท่านครับ”

พันธวัชยิ้มเย็น “เรื่องใหญ่สินะ”

“ผมได้รับคำปรึกษาจากท่านหลายครั้งที่เป็นประโยชน์แก่ผม ครั้งนี้ก็อยากขออีก”

“พูดมาสิ”

“ข่าวยืนยันว่าคนกลุ่มหนึ่งจะล้มล้างรัฐบาลของผม”

พันธวัชขมวดคิ้ว “ข่าวการปฏิวัติรึ ?”

“ใช่”

“มันเป็นข่าวลือมิใช่หรือ ?” พันธวัชถาม ดวงตามองใบหน้าของอีกฝ่ายนิ่ง

ผู้นำวรุตม์มีสีหน้าเคร่งเล็กน้อย พลางส่ายหน้า “ผมไม่ตอบสนองความต้องการของเขาให้ครบถ้วนอย่างที่เคยกระทำกันมานาน เขาคงโกรธมาก วิธีระบายอารมณ์ของเขาค่อนข้างรุนแรงและกระทบถึงความมั่นคงของชาติด้วย อย่างน้อยผมก็ยังมองเขาเป็นมิตรเก่าแก่ จึงอยากขอคำแนะนำว่าควรทำอย่างไรกับข่าวปฏิวัติครั้งนี้ ?”

“ถ้าคุณมีหลักฐานยืนยันแน่นอน ก็ควรจับเขาคนนั้นทันที”

ผู้นำวรุตม์มองสบนัยน์ตาของอีกฝ่าย “พวกเรายังพอคุยกันได้ไหม ?”

“คุณน่าจะประเมินขั้นต้นได้แล้วว่า คุยกันได้ไหม ?”

“ถ้าสมมติว่าเป็นท่าน จะยังคุยกับผมได้ไหม ?”

พันธวัชเลิกคิ้วสูง หัวเราะเบาๆ พลางส่ายหน้า “คุณควรรอให้หายโกรธก่อน”

“นานไหม ?”

“มันขึ้นอยู่กับความร้ายแรงของเรื่องที่ขัดแย้งกัน..........” เจ้าของบ้านตอบ ริมฝีปากแย้มยิ้ม “........นี่เป็นการสมมติมิใช่หรือ ? คุณคิดว่าผมจะเป็นนักปฏิวัติงั้นรึ”

“ท่านบอกในที่สาธารณะว่าเป็นคนเชื่อมั่นในหลักประชาธิปไตยมาตลอด ถ้าเป็นนักปฏิวัติเสียเอง คงสร้างความประหลาดใจกับทุกคนมาก”

พันธวัชหัวเราะ ผู้นำวรุตม์พูดอีกว่า “แม้ผมจะไม่มีหลักฐานลงโทษเขา แต่ท่านเชื่อได้ว่าผมมีวิธีจัดการเขาได้แน่”

“ทำอย่างไร ?”

“ปล่อยเขาทำตามใจชอบในสายตาของผม !”

“ปล่อยผู้ต้องสงสัยรึ ?”

ผู้นำวรุตม์ก้มศีรษะยืนยัน พลางวางกระดาษแผ่นหนึ่งบนโต๊ะ “ผมสับเปลี่ยนตำแหน่งผู้ช่วยของผู้ต้องสงสัยจะเป็นทีมปฏิวัติเรียบร้อยแล้ว พรุ่งนี้เขาจะเห็นคำสั่งพร้อมกับคนใหม่ ผมวางดวงตาไว้ข้างเก้าอี้ของเขาแล้ว เมื่อได้รับหลักฐานคบคิดกันปฏิวัติ ผมจับเขาแน่ โดยเฉพาะเจ้าของแผนปฏิวัติครั้งนี้ด้วย”

“คุณทราบว่าใครเป็นเจ้าของแผนด้วยรึ ?” พันธวัชถาม ท่าทางเรียบเฉย

“รัฐบาลทราบดี แค่รอคอยการประกาศตัวของเขาเท่านั้น”

“คุณกับอีกหลายคนทราบเรื่องนี้รึ ?”

“แน่นอน ไม่ว่าผมจะเป็นหรือตาย ประชาชนต้องรู้จอมบงการปฏิวัติล้มล้างรัฐบาลของประชาชนแน่”

“คุณต้องระวังตัวให้มาก ถ้าเขาเป็นจอมบงการ ย่อมมีอำนาจสูงพอจะปกป้องตัวเองไว้”

ผู้นำวรุตม์หัวเราะ “ผมไม่ใช่คนคิดลึกซึ้ง แค่ทำเรื่องให้ง่ายเท่านั้น”

“ทำอย่างไร ?” แววตาของพันธวัชส่อประกายอยากรู้แว่บหนึ่งก่อนจะสงบเรียบตามปกติ

“ผมจะรายงานให้ท่านทราบเมื่อถึงเวลานั้น” เขาตอบแล้วลุกขึ้นยืน “ผมไม่รบกวนเวลาพักผ่อนของท่านแล้ว”

เสียงมือถือของผู้นำวรุตม์ดังขึ้น เขานิ่งฟังครู่หนึ่งแล้วเก็บมันใส่กระเป๋า สีหน้าไม่ดีนัก

“ถ้ามีธุระสำคัญก็กลับไปก่อนได้” พันธวัชพูดด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร

“ตอนนี้มันไม่สำคัญอีกแล้วเพราะตำรวจเพิ่งพบศพของคณิน”

“เลขาของคุณรึ ?”

“ใช่ เขาเป็นคนช่วยหาหลักฐานเพื่อยืนยันข่าวการปฏิวัติ เมื่อเขาตาย ผม.............” เขาอึ้งไปเล็กน้อยยามคิดถึงผู้ช่วยของเขา

“เขาได้หลักฐานแล้วหรือยัง ?”

ผู้นำวรุตม์มองสบนัยน์ตาของอีกฝ่าย แล้วยิ้มหมอง “อีกไม่นานนี้สิ่งที่เขาทุ่มเททำเพื่อรักษาความถูกต้องของระบอบประชาธิปไตยไว้จะมาอยู่ในมือของผมแน่”

“ขอให้โชคดีนะ”

“ผมต้องไปดูคดีของคณินก่อน”

“ตำรวจเชื่อว่าเป็นฆาตกรรมรึ ?”

“ใช่”

ผู้นำวรุตม์เดินออกจากห้องไปแล้ว พันธวัชส่งแฟกซ์สำเนาคำสั่งแต่งตั้งคนของผู้นำบ้านเมืองไปให้นายพลชวนิลทันที

“ห้ามกำจัด แค่อย่าให้พวกเขาอยู่ใกล้กับนายเด็ดขาด” ชายสูงวัยบอกกำชับทางมือถือด้วยสีหน้าเครียด “ถ้านายฆ่าเขา เรื่องจะลุกลามใหญ่และกลายเป็นเป้าชัดเจน ตอนนี้วรุตม์ยังไม่มีหลักฐานในมือ นายต้องฆ่าผู้หญิงคนนั้นพร้อมกับหลักฐานที่คณินส่งให้เธอโดยเร็วที่สุด”

***************** โปรดติดตามตอนต่อไป ********************

ห้ามคัดลอก ดัดแปลง เผยแพร่อันเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์