เกริ่นนำ
แนะนำโดย ขุนอัสดร
หลังจากเขียนคอลัมน์แนะนำหนังชุดดีๆทั้งอดีตและปัจจุบันไปแล้ว ก็มีแรงบันดาลใจที่เป็นคนชอบดูหนังชุดหลายสัญชาติ โดยเฉพาะละครเก่ายุคปี 70 หรือ 80 ของไทยซึ่งนิยมกันมากก็ต้องยกให้ ช่อง 7 สี เนื้อหาก็ดี นักแสดงก็เด่น สิ่งที่เสริมความแกร่งให้หนังชุดช่อง 7 สี ซึ่งมีบริษัทเดียวผูกขาดการสร้างไว้ซึ่งสมัยนั้นถ่ายทำแบบหนัง คือ เพลงไตเติ้ล ที่สุดไพเราะและมีเนื้อหาแปลกกว่าเพลงไตเติ้ลละครทั่วไป ณ วันนี้ก็ยังไม่มีใครเขียนเพลงไตเติ้ลละครชุดได้อย่างในอดีตที่ช่อง 7 สีและ ดาราฟิล์ม เคยทำไว้ ความแปลกหูคือ เพลงไตเติ้ลหรือเพลงนำเรื่องสมัยก่อนนั้นคงประมาณ 30 กว่าปีก่อน จะเขียนเนื้อหาเล่าเรื่องย่อของหนังชุดเรื่องนั้นไว้ พอฟังเพลงจบก็จะรู้เนื้อหาคร่าวๆของเรื่องทันที เพลงในอดีตส่วนใหญ่เป็นผลงานเขียนเนื้อร้องและทำนองของบรมครูเพลงนามว่า มนัส ปิติสาส์น ซึ่งแต่งให้ช่อง 7 สีและดาราฟิล์มในเวลานั้น ต่อมาก็เปลี่ยนชื่อเป็น ดาราวิดิโอและแตกบริษัทย่อยเป็น บริษัทดีด้า ด้วย ครูมนัสมักได้รับมอบหมายให้แต่งเพลงนำเรื่องของดาราฟิล์ม โดยจะขายสิทธิ์ในเพลงเหล่านี้ให้ดาราฟิล์มและคุณไพรัช สังวริบุตรเพื่อความสะดวกในการบริหารหนังและเพลงตามเหตุผลเวลานั้น ครูมนัสก็ยินดีมอบสิทธิ์ในเพลงนำเรื่องให้
ครูมนัสเขียนเนื้อร้องและทำนองเพลงนำเรื่องให้หนังชุดหลายเรื่องของดาราฟิล์มและเป็นที่ชื่นชอบอย่างมาก อาทิเช่น อุทัยเทวี นางสิบสอง บาอาลี ห้องหุ่น พระทิณวงศ์ และอื่นๆ จะให้นักร้องคุณภาพดีขับร้องผลงานของท่านเสมอ เช่น ชัชฎาภรณ์ ลักษณเวช ดาวใจ ไพจิตร และนักร้องที่ร้องเพลงของท่านมากที่สุด แต่ขออภัยที่จำชื่อไม่ได้ จำได้เพียงว่า เธอเป็นนักร้องให้วงทหารเรือซึ่งครูมนัสช่วยควบคุมวงให้เวลานั้น ยังมีอีกหลายท่าน เป็นต้น น่าเสียดายที่สมัยก่อนดาราฟิล์มไม่นำเพลงเหล่านั้นอัดแผ่นเสียงหรือเทปเสียง ทำให้เพลงไพเราะเหล่านั้นหายสูญไปบางส่วนจากตลาดเพลงหรือความทรงจำของคอหนังชุดเก่าๆ
เพื่อนของผู้เขียนเป็นแฟนหนังชุดในสมัยนั้นซึ่งเครื่องบันทึกเสียงยังมีราคาสูงและยังไม่แพร่หลาย จึงเก็บสะสมเพลงนำเรื่องบางส่วนไว้แล้วแปลงเป็นไฟล์เฉพาะเพลงที่ฟังสมบูรณ์หน่อย เพราะสมัยก่อนเขาก็ใช้วิทยุเทปอัดเสียงไม่ค่อยเก่ง อีกอย่างหนึ่งคือ เพลงที่ครูมนัสแต่งนั้นจะมีความยาวน้อยกว่าเพลงทั่วไปเล็กน้อย ทำให้ช่อง 7 สีเปิดเพลงไม่ค่อยจบก็ตัดเข้าโฆษณาแล้ว จึงมีน้อยเรื่องที่จะมีมานะพยายามอัดเทปสำเร็จเต็มเพลง เขาส่งมาให้ผู้เขียนได้ฟังและสุขใจกับเนื้อหาเพลงอย่างมาก แม้บางเพลงจะแหว่งวิ่นตอนท้ายไป แต่มันได้รำลึกถึงอดีตที่ติดหนังชุดงอมแงมกันจากฝีมืองานสร้างของ ดาราฟิล์ม รุ่นบุกเบิกโดยคุณไพรัช สังวริบุตร ที่ต้องขอยกย่องกับงานคุณภาพทั้งการสร้างและพิถีพิถันกับเพลงละครฝีมือครูมนัสด้วย
ด้วยความเสียดายที่เพลงนำเรื่องหนังชุดเก่าๆของไทยซึ่งได้มีโอกาสฟังเองและเป็นงานสะสมของเพื่อนจึงอยากแบ่งปันให้บางคนได้ยินผลงานเพลงนำเรื่องคุณภาพจากอดีตซึ่งหาฟังยากหรือหายสูญไปแล้ว คนรุ่นเดียวกันหรือรุ่นใหม่จะได้ยินรูปแบบเพลงนำเรื่องสมัยก่อนที่ยังคงความไพเราะและแปลกหูในแนวคิดของผู้เขียนเพลงที่นำเรื่องย่อไปแต่งเพลงบอกเล่าให้คนฟังรับรู้เบื้องต้นก่อนรับชมเนื้อหาเต็มด้วยฝีมือยอดเยี่ยมซึ่งปัจจุบันนี้แทบหาคนเขียนเพลงสไตล์นี้ไม่ได้แล้ว เนื่องจากต้องใช้ทักษะการอ่าน การเขียน ที่ย่อทุกอย่างให้เป็นเนื้อเพลงไม่ถึง 2 นาที คนฟังก็เข้าใจพื้นเรื่องกัน แล้วยังรับรู้อารมณ์ของหนังได้ดีอีกด้วย
ผู้เขียนต้องขอบอกล่วงหน้าว่า บางเพลงที่นำเสนอนี้อาจมีระบบเสียงไม่สดใสนัก บางเพลงอาจแหว่งวิ่นตอนท้าย แต่ได้เนื้อหา อรรถรส ของเพลงนำเรื่องสมัยก่อนเพราะอัดโดยตรงจากทีวี(ตามคำบอกเล่าของเพื่อนนะ) จักทยอยนำมาให้ฟังกัน ทั้งนี้ยังไม่ได้ตัดสินใจว่า จะลบไฟล์ทิ้งเมื่อมีการลงเพลงใหม่หรือไม่ แต่ละเพลงจะปล่อยให้ฟังกันสักพัก แล้วค่อยคิดกันว่าจะเก็บไว้ในเว็บต่อไปหรือลบทิ้งเพื่อป้องกันปัญหาไม่คาดคิดของคนคลั่งก.ม. ขอยืนยันว่าการนำเพลงเหล่านี้มาให้ฟังก็เพื่อความบันเทิงแบบรำลึกถึงอดีตเท่านั้น ไม่ได้หวังผลทางการค้าอย่างใด ต้องขอกล่าวยกย่องอีกครั้งต่อ ดาราฟิล์ม ที่ช่วยสร้างสรรค์หนังชุดคุณภาพเยี่ยมในสมัยก่อนและเพลงนำเรื่องสุดยอดซึ่งทั้งสองส่วนทำให้ผู้เขียนติดงอมแงมและไม่เคยลืมเพลงนำเรื่องของยุคนั้นได้ เสียดายเพียงแค่หาฟังเพลงยุคนั้นยากมากๆเพราะไม่เคยมีการทำเทปเสียงมาขายเลย เพื่อนที่สะสมเพลงแบบนี้ต้องใช้ความอุตสาหะในการเก็บเพลงไว้อย่างมาก จึงอยากให้หลายคนได้ชื่นชมกับงานคุณภาพของหนังชุดไทยเมื่อ 30 ปีก่อน ต่อไปก็จะทยอยนำเพลงหนังชุดชาติอื่นๆของยุคใกล้เคียงกันมาให้ฟังด้วย ถ้าชอบและร่วมรำลึกกันด้วย ก็ยกความดีนี้ให้เพื่อนที่สะสมมันไว้ได้ อีกทั้งต้องขออภัยหากอรรถรสของเพลงเสียไปบ้างเพราะระบบเสียงและความแหว่งวิ่นของบางเพลงเพราะมันสุดวิสัยอย่างที่แจ้งไว้เบื้องต้น
ด้วยความรักและชื่นชมคนรักเพลงหนังชุดเก่า
ขุนอัสดร