จอมบงการ

บทประพันธ์ของ ช่อมณี

เฉพาะอ่านออนไลน์

15.


สริตานั่งพักเหนื่อยท่ามกลางความมืดรอบกายหลังจากวิ่งหาแสงสว่างพักใหญ่ จิตใจหวั่นหวาดกลัวกับความโดดเดี่ยว หล่อนใช้มือลูบใบหน้าและอังจมูกเพื่อยืนยันว่ายังมีชีวิตอยู่

“ฉันยังหายใจอยู่” สาวไทยพึมพำ พลางมองฝ่าความมืดที่ไม่รู้จุดสิ้นสุด “ฉันอยู่ที่ไหน ? ฝันหรือเปล่า ?”

“เธอติดอยู่ในความฝันของตัวเอง” เสียงผู้หญิงดังก้องขึ้น

“ใคร ?” หล่อนมองหาเจ้าของเสียง แต่พบเพียงความมืดเท่านั้น

เสียงหัวเราะของผู้หญิงดังขึ้น สริตาผุดลุกขึ้นยืน ท่าทางตกใจ “ผีใช่ไหม ?”

“คนมีความรู้อย่างเธอเชื่อเรื่องผีด้วยรึ ?”

“ฉัน..........” สริตาอึกอัก ดวงตากวาดมองรอบกายอย่างระแวงใจ

“มันเป็นช่วงจิตอ่อนของเธอ เราจึงพบกันได้”

“จิตอ่อนรึ ? หมายถึงฉันใช่ไหม ?”

“ฉันพูดกับเธอนี่นา”

“ฉันพูดกับใคร ?” สริตาถามรุกบ้าง หลังจากตั้งสติได้

“มันไม่สำคัญหรอก”

“สำคัญอะไร ?”

“ฉันแค่อยากทดลองบางอย่าง ตอนนี้ได้คำตอบแล้ว ตื่นเถอะ”

“ฉันนอน..........”

“เมื่อเธอตื่น ก็หลุดจากความมืดนี้ได้ ความมืดเป็นตัวแทนความกลัวที่ซ่อนในใจของเธอเอง สาวน้อย”

สริตาสัมผัสความเมตตาจากน้ำเสียงของผู้หญิงคนนี้ได้ชัดเจน ความเงียบอึดใจต่อมาทำให้หล่อนตระหนักใจว่าเจ้าของเสียงผู้หญิงไม่อยู่แถวนั้นแล้ว เสียงเคาะประตูห้องดังลั่นขึ้น สาวไทยสะดุ้งตื่น ดวงตาเบิกกว้าง พลางลุกขึ้นนั่งทันที

“ฉันอยู่.........” หล่อนมองรอบกาย จึงพบว่ากำลังนอนบนเตียงในห้องพักของเรือนศักเรนทร์

สริตาลุกจากเตียง แล้วหมุนกายหนึ่งรอบ มือลูบใบหน้าไปมา “ฉันฝันรึ ?”

เสียงเคาะประตูดังต่อเนื่องสาวไทยเดินไปเปิดประตู จึงเห็นสาวรับใช้ยืนรออยู่หน้าห้อง

“ท่านอัคนีจัดอาหารเช้าที่ศาลากลางสวน เชิญคุณไปที่นั่น”

“เช้าแล้วรึ ?” หล่อนพึมพำ สีหน้างง

“ฉันจะรอนำทางไปค่ะ”

สริตานิ่งไปอึดใจหนึ่ง แล้วพยักหน้ารับคำ “ขอเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”

สริตาเดินไปถึงศาลาไม้กลางสวนจึงเห็นเจ้าชายอัคนีกับเจ้าหญิงพิณทองนั่งรออยู่ก่อนแล้ว หล่อนค้อมกายเพื่อคำนับทั้งสองเมื่อเริ่มคุ้นเคยกับธรรมเนียมในวังไวชยันต์มากขึ้น สาวรับใช้จัดวางจานขนมปังและกาแฟร้อนหอมกรุ่นแล้วเดินออกไปนอกศาลา

“ขอโทษที่ตื่นสายค่ะ”

เจ้าชายเห็นสีหน้าไม่ปกติของสริตา จึงถามว่า “หน้าของคุณดูซีด ไม่สบายหรือเปล่า ?”

“ถ้าผิดอากาศก็บอกได้ จะเรียกหมอหลวงมารักษาเธอ” เจ้าหญิงบอกด้วยน้ำเสียงเมตตา

สริตาส่ายหน้า “ฉันฝันร้ายจนเหนื่อยเท่านั้น”

“ฝันร้ายรึ ?” เขายิ้มน้อยๆ

“ใช่”

“ถ้าเล่าออกมา จะทำให้สบายใจขึ้นนะ” เจ้าหญิงพูดแนะนำ

“มันไร้สาระ”

“คุณคิดถึงบ้านมากไปล่ะมัง” เจ้าชายพูด แววตาเห็นใจ

“น่าจะเป็นอย่างนั้น” สริตาจิบกาแฟร้อนหลังจัดการขนมปังหมดแล้ว

“วันนี้พี่อัคนีมีโปรแกรมนำชมเมืองอีกไหม ?”

เจ้าชายปรายตามองสาวไทย แล้วส่ายหน้า “พี่จะไปเยี่ยมหมู่บ้านที่โดนดินถล่มเมื่อคืนนี้ อาจไปทั้งวัน เรื่องเที่ยวต้องเว้นไปก่อน คงไม่ว่ากันใช่ไหม ?”

สริตายิ้ม “เวลาชมเมืองยังมีถมไป หน้าที่ต้องมาก่อนค่ะ”

“เธอไปเที่ยวเรือนของหม่อมฉันก็ได้” เจ้าหญิงเอ่ยชวน

สริตานึกบางอย่างได้ จึงบอกว่า “ฉันอยากไปห้องสมุดมากกว่า”

“คุณสนใจไปเดินด้วยกันไหม ?”

“เดินรึ ?” หล่อนนึกสยองกับภูมิประเทศส่วนใหญ่ของแดนมฆวันซึ่งเคยอ่านในหนังสือแนะนำดินแดนแห่งภูเขาและถ้ำมาแล้ว “ตอนนี้ไม่อยาก..........”

“ผมไม่วางใจให้ไปห้องสมุด ติชิลาอาจหิ้วคุณไปลองยาอีกก็ได้ น้องหญิงก็ไม่มีเวลาดูแลคุณ เราควรไปด้วยกัน” เขาบอกเน้นเสียงแกมบังคับในที

สริตาเคืองใจกับน้ำเสียงและท่าทีของเจ้าชายอัคนี เจ้าหญิงเอ่ยเย้าว่า “พี่อัคนีดูแลเพื่อนอย่างดีเชียวนะ”

“พี่รับปากผู้ใหญ่ของเธอว่า จะดูแลอย่างดี”

“ไปก็ได้” หล่อนจำใจตอบรับ

พ่อบ้านเดินเข้ามากระซิบกับเจ้าชาย สริตาสังเกตเห็นสีหน้าของเขาเครียดขึ้น

“พาพวกเขาเข้ามาที่นี่”

พ่อบ้านรับคำแล้วเดินหายไป ครู่ต่อมาสริตาเห็นโชตกกับชายสูงวัยอีกคนเข้ามาในศาลาไม้

“ท่านทองเก้ามีปัญหาอะไร ?” เจ้าชายถามก่อน เมื่อทั้งสองนั่งลงแล้ว

“กระหม่อมยังไม่ได้รับใบอนุญาตจากกรมวัง จึงนำพินัยกรรมทั้งสองฉบับออกนอกประเทศไม่ได้ จึงอยากปรึกษากับท่านก่อน” ชายสูงวัยตอบ สีหน้ากังวลชัด

โชตกเอ่ยเสริมว่า “พวกเขาอ้างว่าเจ้ากรมวังลาพักร้อนสองอาทิตย์ พอไปติดต่อขออนุมัติกรณีพิเศษจากท่านพยนต์ เรื่องยังเงียบอยู่ขอรับ”

“พวกเขาถ่วงเวลาสินะ”

ชายทั้งสองพยักหน้าเห็นด้วย เจ้าหญิงพิณทองเอ่ยว่า “การพิสูจน์พระพินัยกรรมเป็นเรื่องสำคัญ ท่านพยนต์ไม่ควรทำเช่นนี้ พี่อัคนีจะไปเร่งรัดเรื่องนี้ไหม ?”

“เขาไม่เห็นพี่อยู่ในสายตาแล้ว” เจ้าชายตอบกระแทกเสียง แววตาไม่พอใจ

“ถึงอย่างไรพี่อัคนียังเป็นรัชทายาทที่ถูกต้องตามกฎของวังแห่งนี้ เขาย่อมมีอำนาจจำกัดเช่นกัน” เจ้าหญิงพูดให้กำลังใจ

โชตกบอกเสียงขรึมว่า “ท่านพยนต์ใช้อำนาจของพระสนมกับเจ้าชายเอกทัศน์อยู่ ข้าหลวงกลุ่มหนึ่งเริ่มเลือกข้างแล้ว อำนาจของเขาจึงเพิ่มทวีขึ้น”

สริตานั่งฟังการสนทนาโดยไม่สอดแทรกใดๆ และพอคาดเดาสถานการณ์บีบคั้นของเจ้าชายอัคนีได้ การแย่งชิงอำนาจเกิดขึ้นกับทุกชนชั้นโดยไม่เลือกสัญชาติด้วย หล่อนคิดปลงในใจ

“เราจะไปเร่งที่บ้านของท่านพยนต์ก่อนจะไปดูเรื่องดินถล่มในหมู่บ้าน” เจ้าชายบอก

พ่อบ้านวิ่งหน้าตื่นเข้ามากระซิบบอกเจ้าชาย ขณะที่ทหารวังสิบคนเดินเข้ามาค้อมกายคำนับเจ้าของเรือนศักเรนทร์

“กระหม่อมนำคำสั่งของพระสนมกุลนาถมามอบให้เจ้าชายขอรับ” หัวหน้ากลุ่มเอ่ย พลางส่งม้วนกระดาษที่มีเชือกสีแดงผูกไว้แก่เจ้าของเรือน

โชตกสังเกตเห็นสีหน้าของเจ้าชายอัคนี จึงพอคาดเดาว่าต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ โดยเฉพาะสายตาที่เหลือบมองไปทางสริตา

“นางสั่งขับไล่สริตาออกจากรั้ววังไวชยันต์รึ ?”

“ไล่ฉัน !” สาวไทยมีสีหน้าตกใจ

หัวหน้ากลุ่มทหารวังกล่าวว่า “คำสั่งนี้ให้มีผลทันที ท่านพยนต์สั่งกำชับให้พานางออกจากวังด้วยขอรับ”

“เขาทำเกินไปแล้ว” เจ้าชายบอกเสียงเครียด ท่าทางไม่พอใจ

“เขตวังในเป็นอำนาจของพระสนมกุลนาถ หลังจากพระมเหสีสิ้นพระชนม์ พระบิดาของเจ้าชายมอบหน้าที่ดูแลวังในแก่นาง ถ้ามิใช่คำอนุญาตพิเศษจากพระราชา ตามกฎแล้วพระสนมออกคำสั่งขับไล่ผู้ใดในเขตวังในก็ได้” ทองเก้า อดีตเลขาของพระเจ้าชเยนทราบอกด้วยสีหน้าไม่ดีนัก

“นางขับไล่รัชทายาทได้สินะ” เจ้าชายทำเสียงหึในลำคอ ดวงตาพราววับขึ้น

ทุกคนในที่นั้นยืนเงียบ สริตามองใบหน้าของแต่ละคน แล้วถอนใจเฮือกใหญ่

“ฉันควรออกไปตามคำสั่งนี้ ทุกคนจะสบายใจขึ้นใช่ไหม ?”

“ไม่ได้ !” เจ้าชายบอกสะบัดเสียง แล้วลุกขึ้นยืนตัวตรง “เราต้องคุยกับนางก่อน”

โชตกมองไม่สบายใจเมื่อเจ้าชายอัคนีเดินออกจากเรือนศักเรนทร์พร้อมหนังสือคำสั่งขับไล่สริตาของพระสนมกุลนาถ

“พวกเราควรตามท่านอัคนีไป ฉันกลัวว่า..........” ทองเก้ากระซิบบอกด้วยความห่วงใย

โชตกพยักหน้าเห็นด้วย แล้วชักชวนทองเก้าไปด้วยกัน สริตาเดินตามชายทั้งสองไป แล้วพูดว่า “ฉันขอไปด้วยได้ไหม ?”

“มันไม่เกี่ยวข้องกับคุณ”

“เจ้าชายกำลังไปทะเลาะเพื่อฉัน ก็ควร...........”

โชตกถลึงตาจ้องสาวไทยเชิงปราม พลางบอกเน้นเสียงว่า “คุณควรอยู่ในเรือนเยี่ยงแขก เจ้าชายทรงรู้ว่าควรทำอย่างไร แค่ไหน กลับไปเถอะ”

สริตาเบ้ปาก ดวงตามองชายทั้งสองเดินจากไปอย่างเร่งร้อน “ฉันห่วงใยจึงเสนอตัวไปด้วย กลับโดนดุจากเขา”

สาวไทยทำท่าเดินกลับเรือนศักเรนทร์ พลันทหารวังชุดที่นำคำสั่งขับไล่จากพระสนมเดินมาล้อมหล่อนไว้

“จะทำอะไร ?” หล่อนถาม แววตาหวาดระแวง

“เราต้องปฏิบัติตามคำสั่งของพระสนม” หัวหน้ากลุ่มแสยะยิ้ม

“แต่เจ้าชาย............”

“เราทำตามคำสั่งเท่านั้น เรื่องอื่นไม่เกี่ยวข้องด้วย”

ทหารวังสองคนเข้าไปจับแขนทั้งสองของสริตาแล้วหิ้วออกจากเรือนศักเรนทร์ โดยเจ้าหญิงพิณทองเดินตามไล่หลังไปด้วยความตระหนกใจยิ่ง

หัวใจของสริตาหล่นวูบเมื่อทหารวังพาหล่อนออกจากรั้ววังไวชยันต์ แล้วเห็นติชิลายืนกอดอกรออยู่ข้างรถตู้ด้วยรอยยิ้มเหี้ยม

“ฉันรู้ว่าเธอคงไม่มีที่พัก จึงอยากแบ่งที่ในห้องยาให้เธอ”

“ฉันไม่.........”

ทหารวังผลักสริตาเข้าไปในรถตู้ทันที กลิ่นหอมฉุนจมูกในรถทำให้สาวไทยรู้สึกเวียนศีรษะแล้วหมดสติไป

“ฉันรับหน้าที่ต่อไปเอง” ติชิลาบอก ดวงตาวาวโรจน์ ยามเห็นสาวไทยทรุดกองอยู่บนพื้นรถ

ลูกสาวของมหาอำมาตย์พยนต์เคาะกระจกให้สัญญาณออกรถก่อนจะเดินไปขึ้นรถยนต์อีกคัน โดยมีสายตากังวลของเจ้าหญิงพิณทองมองอยู่

“รีบส่งข่าวให้พี่อัคนีรับทราบ” เจ้าหญิงสั่งคนรับใช้ทันที

รัชทายาทแห่งประเทศมฆวันยืนรอพบในห้องรับรองของเรือนพระสนมกุลนาถ เสียงเปิดประตูดังขึ้นเจ้าชายอัคนีหันไปเห็นมหาอำมาตย์พยนต์เดินเข้ามาด้วยท่าทางสำรวม

“พระสนมล่ะ ?”

“พระนางพักผ่อน แล้วให้กระหม่อมจัดการเรื่องนี้ได้เอง”

“ท่านรู้ว่าเรามาพบด้วยเรื่องใด”

“พอทราบขอรับ”

“พระสนมใช้กฎวังขับไล่เพื่อนของเราใช่ไหม ?”

“ช่วงนี้เกิดเรื่องน่าอันตรายในวัง พระสนมเกรงจะกระทบความปลอดภัยของเจ้าชายเอกทัศน์ จึงจำต้องสร้างความขัดเคืองใจต่อท่านบ้าง พระนางขออภัยมาด้วยขอรับ”

“นางคิดแสดงอำนาจอวดเราล่ะมัง”

“มิบังอาจเช่นนั้น” ท่านพยนต์ยิ้มที่มุมปาก

“เราต้องการให้ถอนคำสั่งนี้”

“ทำไม่ได้”

“นางลบหลู่เพื่อนของเราเท่ากับไม่ให้เกียรติแก่รัชทายาท”

“พระนางทำตามกฎวังเพื่อความปลอดภัยของพระโอรส ขอความเห็นใจด้วย”

“ท่านเห็นด้วยงั้นสิ”

“กระหม่อมไม่มีทางเลือกมากนัก”

ดวงตาของเจ้าชายเจิดจ้าขึ้น “ท่านช่วยเลือกเพื่อเอกทัศน์และตัวเองมากกว่า”

“กระหม่อมไม่เข้าใจ”

“กระดาษที่หายไปจากบ้านโชตกคงให้คำตอบแก่ท่านดีที่สุด หากไม่เปลี่ยนคำสั่งนี้ เราจะให้ทุกคนในวังสงสัยและร่วมกันหาคำตอบ ท่านคิดว่าจะยุ่งยากสักแค่ไหน”

เจ้าชายอัคนีบอกเป็นนัยแล้วเดินจากไปทันที ท่านพยนต์ยืนขบกรามแน่นกับคำขู่นั้น เขาย่อมทราบดีว่ากระดาษที่ขโมยจากบ้านอดีตมหาเสนาบดีนฤวรกำลังทำลายความหวังเป็นใหญ่ที่สุดในแผ่นดินในชั่วพริบตาเดียว บัดนี้ รัชทายาทแห่งประเทศมฆวันล่วงรู้ข้อความในกระดาษแผ่นนั้นแล้ว มันจะสร้างความยุ่งยากกับงานของเขาในวันข้างหน้าแน่

“ฉันไม่ยอมทนให้คนข่มขู่นานแน่” ท่านพยนต์คิดอย่างเดือดแค้น

มหาอำมาตย์พยนต์ตัดสินใจกลับไปปรึกษาหารือกับพระสนมกุลนาถอีกครั้ง ส่วนเจ้าชายอัคนีเพิ่งรับแจ้งข่าวติชิลาจับสาวไทยไป จึงเดินกลับไปที่เรือนพระสนมอีกครั้ง

สริตาลืมตามองเพดานห้องไม่คุ้นตา พลันรับรู้ว่าร่างถูกตรึงอยู่บนเตียงใหญ่ในห้องหนึ่ง กลิ่นแปลกฉุนจมูกลอยอบอวลเต็มห้อง หล่อนหันไปเห็นลูกสาวคนสวยของมหาอำมาตย์พยนต์ยืนผสมยาอยู่ที่มุมหนึ่ง

“นางฟื้นแล้ว” ลูกน้องสาวพูดทำลายความเงียบ

สริตาเห็นติชิลาเดินถือแก้วที่มีน้ำสีดำบรรจุอยู่มาหาหล่อน หัวใจเต้นรัว

“หนูทดลองยาแล้วรึ ?” หล่อนคิดสยองใจ พยายามดิ้นรนให้หลุดจากเชือกที่รัดแขนขาไว้

ติชิลาเหยียดยิ้มนิดหนึ่ง “เธอดูแข็งแรงดีนะ เหมาะสมกับสูตรยาใหม่ของฉันมาก”

“คุณลักพาฉัน ทำไม่ได้นะ”

“ฉันเป็นคนกำหนดตัวทดลองยา เธอได้รับเกียรตินี้” ติชิลาหัวเราะ แล้วส่งแก้วยาสีดำให้ลูกน้องสาว “กรอกยา !”

“ไม่.........”

ลูกน้องสาวสองคนกดไหล่ของสาวไทยแล้วจับกรอกยาสีดำรสขม กลิ่นฉุน มันไหลผ่านลำคออย่างรวดเร็วเมื่อติชิลากระแทกฝ่ามือที่หน้าอกของสริตา สาวไทยรับรู้ความร้อนตามจุดที่ยาไหลผ่านเข้าไปในร่างกาย

“ร้อน.......” สริตาร้องครวญอย่างสุดทน เมื่อความร้อนทวีขึ้น

ติชิลามองสังเกตอาการของสาวไทยซึ่งใบหน้าดูคล้ำขึ้น “ยาออกฤทธิ์เร็วดีแฮะ”

“ยา...อะไร ?”

“ยาพิษรุ่นใหม่ ฉันเพิ่งอ่านจากตำราแล้วลองผสมขึ้นมาไง” ติชิลากระซิบข้างหูของสาวไทย

“ยา............”

ติชิลามองพอใจกับการหายใจติดขัดของสาวไทย ปากบอกว่า “ความตายของเธอดูทรมานมากเลย”

เสียงเปิดประตูห้องยาเรียกความสนใจของติชิลา คิ้วโค้งงามขมวดเล็กน้อย ยามเห็นเจ้าชายอัคนีเดินหน้าบึ้งเข้ามาข้างใน โดยมีมหาอำมาตย์พยนต์ติดตามด้วย

“องค์รัชทายาท ! ท่านพ่อ !” หล่อนค้อมกายคำนับแก่เจ้าชายอัคนี

“เธอทำอะไร ?” เจ้าชายตวาดถาม แล้วเดินไปที่เตียงอย่างเร็ว

“ยา.........” สริตาพยายามเปล่งเสียงออกมา ท่าทางทุรนทุรายยิ่ง

“ปล่อยเธอเดี๋ยวนี้” เจ้าชายออกคำสั่ง

ติชิลาหันไปทางบิดาซึ่งพยักหน้านิดหนึ่ง จึงบอกกับลูกน้องสาวว่า “ปล่อยเธอ !”

ลูกน้องสาวกุลีกุจอตัดเชือกที่รัดแขนขาของสริตาไว้ เจ้าชายอัคนีอุ้มร่างอ่อนระทวยของหล่อนแล้วเดินออกจากห้องทันที

“ท่านอัคนีคงเกลียดฉันมากแน่” ติชิลาเอ่ยกับบิดา

ท่านพยนต์แย้มริมฝีปากเล็กน้อย “พ่อซึ้งใจกับการเสียสละของลูกมาก ขอบใจนะ”

“ท่านพ่อคิดว่านิชาจะแสดงฝีมือรักษายาพิษของฉันหรือไม่ ?”

“คราวนี้จะได้รู้ว่าวิชารักษาของนิชาก้าวหน้าแค่ไหน ?” บิดาบอกมั่นใจ

“มันสำคัญนักหรือ ?” หล่อนถามเสียงขุ่น

“หมอหลวงที่เก่งกาจในอดีตต้องชำนาญทั้งการรักษาและการวางยา พ่ออยากให้ลูกเป็นตำนานที่ทุกคนต้องรำลึกตลอดไป”

“ฉันจะได้ช่วยเหลืองานของพ่อดีขึ้นด้วย”

“ลูกเข้าใจพ่อดีมาก ติชิลา” บิดาเอ่ยชม แล้วเดินออกจากห้องยาด้วยความพอใจ

ติชิลาเหยียดยิ้ม ยามนึกถึงสูตรยาพิษที่เพิ่งกรอกใส่ปากของสริตา “ฉันไม่ได้ทำตามสูตรในคัมภีร์โอสถทิพย์ทั้งหมด เปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมยาบางตัวด้วย อยากรู้นักว่าพวกเก่าคร่ำอย่างนิชาจะมีปัญญาถอนยาพิษของฉันได้หรือ ?”

เจ้าชายอัคนีกับโชตกยืนรออยู่หน้าห้องยาของแม่บ้านนิชาซึ่งกำลังตรวจอาการของสริตาอย่างกระวนกระวายใจ พักใหญ่หญิงรับใช้วิ่งออกจากห้องยาแล้วหายลับตาไป แม่บ้านนิชาเดินออกมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย

“เธอเป็นอย่างไร ?” เจ้าชายถามร้อนใจ

“เธอโดนยาพิษอย่างแรง มันเป็นยาพิษที่แปลงสูตรไปเล็กน้อย” แม่บ้านนิชาตอบเสียงเย็น

“พี่รู้จักยาพิษนี้ใช่ไหม ?” โชตกถาม

แม่บ้านนิชาพยักหน้ารับ “ส่วนใหญ่รู้ อีกส่วนไม่แน่ใจ”

“รักษาได้ไหม ?”

“หม่อมฉันจะพยายามทำ ขอให้นางรักษาตัวที่นี่ก่อน” แม่บ้านนิชาบอกกับรัชทายาทหนุ่ม

“ไม่มีปัญหา” เจ้าชายตอบรับ พลางมองเข้าไปในห้องนั้น “เราจะเยี่ยมนางก่อนได้ไหม ?”

“ไม่ได้” แม่บ้านนิชาตอบเน้นเสียง

“ทำไม ?”

“หม่อมฉันกำลังรมยานางอยู่”

“รมยา ?” เจ้าชายมีสีหน้าสงสัย

“มันเป็นหนึ่งในวิชาถอนพิษ” แม่บ้านนิชาพูดชี้แจง แล้วเดินกลับเข้าห้องไป

โชตกเอ่ยเสริมว่า “พี่นิชาเชี่ยวชาญการรักษาและถอนพิษ ท่านพ่อไม่เคยใช้บริการหมอหลวงสักครั้ง คงยืนยันได้ว่าพี่นิชาเป็นคนไว้วางใจได้แค่ไหน”

เจ้าชายอัคนีถอนใจหนักหน่วง คิ้วขมวดแน่น “เรารู้สึกว่าติชิลาตั้งใจวางยาพิษเธอด้วยจุดประสงค์บางอย่าง”

“คุณสริตาไม่มีความสำคัญต่อการแย่งชิงอำนาจระหว่างท่านกับเจ้าชายเอกทัศน์ แต่ท่านพยนต์กลับพยายามกำจัดเธอถึงสองครั้งแล้ว น่าสงสัยเช่นกัน”

“ฝากนายดูแลเธอด้วย เราจะไปจัดการเรื่องใบอนุญาตออกนอกประเทศของท่านทองเก้า”

โชตกเอ่ยเตือนว่า “เรื่องของท่านทองเก้ารอกลับจากเยี่ยมชาวบ้านที่ถูกดินถล่มก่อน มันเป็นนัดหมายที่ไม่ควรรอไว้เพราะเกี่ยวกับภาพพจน์ขององค์รัชทายาท”

เจ้าชายอัคนีเห็นด้วย จึงตัดสินใจเดินทางไปเยี่ยมชาวบ้านที่เดือดร้อนก่อน โดยไม่ลืมแจ้งให้ทองเก้า อดีตเลขาของพระบิดารับทราบและรอคอยอีกสักพัก

ทักษาเดินกลับเข้าบ้านพักจึงเห็นหัวหน้าทหารวังออกจากห้องทำงานของมหาอำมาตย์พยนต์ด้วยท่าทางเร่งร้อน เขาเข้าไปในห้อง จึงเห็นบิดานั่งมองกระดาษแผ่นเดียวกับที่เขารับจากสาวรับใช้ในบ้านพักของโชตก แต่บิดาไม่เคยบอกเล่าข้อมูลในกระดาษแผ่นนั้นแก่เขาเลย นอกจากนั้นเขาสังเกตเห็นความวิตกหวาดระแวงของบิดาเกี่ยวกับกระดาษแผ่นนั้นมากพิเศษ

“พ่อมอบงานให้หัวหน้าปัจฉิมหรือ ?”

“ใช่” ท่านพยนต์ตอบ พลางเก็บกระดาษแผ่นนั้นไว้ในลิ้นชัก

“ท่าทางของเขาดูเร่งร้อนมาก งานอะไร ?”

“พ่อมอบงานให้เขา ไม่ใช่ลูก” บิดาบอกเน้นเสียง

ทักษาจำต้องเงียบไว้ เมื่อตระหนักใจว่าบิดามีอารมณ์ไม่ดีนัก

“ลูกหายไปไหนหลายวันแล้ว”

“เก็บข้อมูลเพิ่มเติมครับ”

“ลูกอยู่ที่ถ้ำไตรภพรึ ?”

“ใช่”

“ลูกคิดแผนบุกถ้ำแห่งนั้นได้หรือยัง ?”

ดวงตาของทักษาเปล่งประกายจ้า “เริ่มเห็นเค้าลางแห่งความสำเร็จแล้วครับ”

“ลูกมีวิธีแล้วรึ ?” น้ำเสียงของบิดาบอกความตื่นเต้นชัด

“ครับ”

“วิธีไหน ?”

“ผมต้องขอเวลาศึกษาข้อมูลให้แน่ใจแล้วจะบอกพ่ออีกครั้ง”

“พ่อจะได้ยานิรกาลเม็ดสุดท้ายและ..........” บิดาหยุดพูด แล้วถอนใจยาว

“พ่อมีสิ่งที่ต้องการนอกเหนือจากยาเม็ดนั้นด้วยหรือ ?”

มหาอำมาตย์พยนต์มองลูกชายเขม็ง “พ่อไม่ต้องการตอบ ลูกทำงานที่มอบหมายอย่างเดียว เข้าใจแล้วนะ”

“ครับ” ทักษาตอบ แล้วขอกลับห้องไปพักผ่อน

เมื่อลูกชายเดินออกจากห้องนั้นแล้วชายสูงวัยนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวด มือกุมทรวงอกด้านซ้ายเมื่อรู้สึกว่าเข็มนับร้อยเล่มทิ่มแทงหัวใจให้เจ็บปวด โรคหัวใจกำเริบถี่ขึ้น กอปรกับสังขารที่ร่วงโรยของเขาทำให้ความเจ็บปวดทวีขึ้น

“ฉันขอเวลาอีกหน่อย” ท่านพยนต์กัดฟันพูด พลางหลับตา

แม่บ้านนิชายืนมองควันสีขาวที่ลอยคลุมร่างไร้สติของสริตาด้วยแววตาเยือกเย็น ต่อมาสาวไทยลืมตาขึ้น ลำคอตีบตัน พลันรู้สึกประหลาดใจที่ความร้อนคลายตัวแล้ว หล่อนก้มมองตัวเองที่นอนบนแท่นหินใหญ่ หล่อนสวมเสื้อคลุมยาวสีขาว เนื้อผ้าบางเบายิ่ง

“คุณไม่มีแรงจะพูดหรอก นิ่งไว้ก่อน” แม่บ้านนิชาเอ่ย เมื่อสริตาส่งเสียงในลำคอ

สาวไทยขมวดคิ้วแน่น ยามได้ยินน้ำเสียงของอีกฝ่ายที่คุ้นหูอย่างมาก พลันเบิกตากว้าง

“เสียงในฝัน !” สริตาคิดในใจ

แม่บ้านนิชายิ้มที่มุมปาก พลางมองสบนัยน์ตากัน “คุณนึกได้แล้วใช่ไหม ?”

“ทำไมรู้..........”

แม่บ้านนิชาลูบไล้ผิวแก้มของสาวไทย พลางเอ่ยว่า “ฉันรู้สิ่งที่คุณคิดในใจ เป็นวิชาง่ายๆ”

“ง่ายรึ ?”

“ถ้าอยากรอดพ้นยาพิษ ก็ต้องเก็บพลังไว้ก่อน นอนนิ่ง สูดดมควันเหล่านี้เข้าไป คุณจะสบายขึ้น เชื่อฉัน !”

รอยยิ้มเป็นมิตรและจริงใจของแม่บ้านนิชาสร้างความอบอุ่นใจแก่สริตาอย่างประหลาด หล่อนพยักหน้ารับคำ แล้วหลับตาลง พลางสูดควันสีขาวเข้าไปอย่างช้าๆ ร่างกายเย็นขึ้น ความเจ็บปวดลดลง

“ต่อจากนี้จะเป็นการรักษาขั้นสุดท้าย คนจากโลกยุคใหม่จะได้เห็นกับตาแล้ว” แม่บ้านนิชาหัวเราะ แล้วหันไปสั่งคนรับใช้ออกไปเฝ้านอกห้อง

“ห้ามผู้ใดเข้ามาในห้องเด็ดขาด แม้แต่ท่านโชตก”

คนรับใช้รับคำ แล้วเดินออกไป เมื่ออยู่กันตามลำพังแม่บ้านนิชาสะบัดแขนสองข้างไล่ควันสีขาวให้จางหายไปในพริบตาเดียวอันสร้างความตื่นเต้นแก่สริตา จากนั้นหยิบกริชสีเงินยาวประมาณสองคืบออกจากย่ามฝ้ายสีหม่นซึ่งวางอยู่ข้างเตียงหินแล้วชูสูงสลับกวัดแกว่งเหนือร่างสาวไทย พร้อมกับท่องบทสวดด้วยภาษาที่สริตาไม่เข้าใจ อึดใจต่อมาดวงตาของแม่บ้านนิชาเปลี่ยนเป็นสีแดงจ้า

“อย่า..........” สริตาร้องลั่นในใจ เมื่อเห็นแม่บ้านนิชากำลังแทงกริชสีเงินบนร่างของหล่อน

“โอ๊ย...........”

คนรับใช้ทั้งสองซึ่งยืนเฝ้าหน้าห้องสะดุ้งเฮือกยามได้ยินเสียงร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดดังออกมาจากห้องยา

***************** โปรดติดตามตอนต่อไป ********************

ห้ามคัดลอก ดัดแปลง เผยแพร่อันเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์