ศึกสายเลือด
เขียนโดย ขุนอัสดร
หนังชุดฮ่องกงที่สร้างเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์จีนมีชื่อเสียงอย่างยิ่งในโลกเนื่องจากมีบทหนังที่เร้าใจ เข้มข้น สอดแทรกเนื้อหาประวัติศาสตร์เข้ากับตัวละครเสริมอย่างเนียนยิ่ง ตัวอย่างเช่น ศึกสองนางพญา ที่นำเนื้อหาประวัติศาสตร์ราชวงศ์หมิงตอนปลายมาแทรกเสริมให้หนังมีความน่าสนใจและคนดูจดจำเรื่องราวของช่วงยุคนี้ได้แม่นยำขึ้น สำหรับหนังชุดประจำปีของบริษัท ATV หรือ RTV ในอดีตซึ่งทุ่มทุนสร้างอย่างอลังการ ใช้นักแสดงฝีมือเยี่ยมและโด่งดังของบริษัท เครื่องแต่งกายพิถีพิถัน บทหนังเขียนได้อย่างยอดเยี่ยมในการสอดแทรกเนื้อหาประวัติศาสตร์เสี้ยวเล็กๆของราชวงศ์ชิงเข้าไปในเนื้อหาของเรื่องและตัวละครต่างๆได้อย่างยอดเยี่ยมและสนุกเร้าใจทุกตอน สิ่งที่หนังชุดฮ่องกงแสดงออกได้ชัดเจน คือ ความรู้สึกของคนด้านกิเลสตัณหา ความรักที่มีเงื่อนไขหรือเล่ห์กลแฝงอยู่ของชนชั้นสูงในวังหลวง การแก่งแย่งอำนาจระหว่างโอรสกษัตริย์อันยืนยันชัดว่า พวกเขามีความเป็นมนุษย์ไม่แตกต่างจากชาวบ้าน ทั้งที่ถูกยกย่องให้เป็นปวงเทพปกครองแดนมนุษย์
ศึกสายเลือด นำเสนอเนื้อหาในประวัติศาสตร์ตอนปลายของฮ่องเต้ชิง นามว่า คังซี พระองค์ถือเป็นฮ่องเต้ที่ครองราชสมบัตินานที่สุดของราชวงศ์ชิง โดยเล่ากันว่าช่วงบั้นปลายพระชนม์ชีพนั้นพระองค์ได้ทำพินัยกรรมมอบราชสมบัติและกำหนดรัชทายาทสืบทอดไว้ แต่ถูกลอบปลงพระชนม์ด้วยการรัดคอโดยโอรสองค์ที่ 4 ซึ่งมิได้เป็นที่โปรดปรานและอิจฉาน้องชายที่ได้รับการกำหนดและเตรียมขึ้นครองอำนาจต่อจากพระบิดา การแย่งอำนาจเพื่อขึ้นเป็นฮ่องเต้นั้นมีกันมาตั้งแต่มีฮ่องเต้ปกครองแผ่นดินจีนแล้ว ฮ่องเต้บางพระองค์อาจได้รับคำสรรเสริญการบริหารแผ่นดินที่ดี แต่เบื้องหลังการขึ้นครองอำนาจนั้นต้องฆ่าพ่อแม่ พี่น้อง และต้องอยู่ท่ามกลางความหวาดระแวงตลอดชีพ บั้นปลายของหลายพระองค์ต้องถูกลูกหลานฆ่าตายหรือเสียสติและถูกจำขังจนตรอมใจตาย สำหรับหนังชุดเรื่องนี้หยิบเนื้อหาในประวัติศาสตร์ช่วงชิงอำนาจระหว่างองค์ชายสี่ ผู้เหี้ยมโหด กับ องค์ชาย สิบสี่ ผู้มีจิตใจเปี่ยมเมตตาและเป็นที่รักใคร่ของฮ่องเต้คังซีซึ่งหวังให้ปกครองแผ่นดินชิงได้อยู่อย่างรบเย็นเป็นสุข
ศึกสายเลือด มอบหมายให้ ว่านจือเหลียง สวมบทเป็น องค์ชายสี่ ผู้มีความทะเยอทะยานและทะนงตนว่ามีความสามารถเหนือราชโอรสอื่น แม้แต่รัชทายาทของฮ่องเต้คังซี เมื่อมีข้าหลวงหลายคนสนับสนุนเขาจึงเริ่มแผนโหดเหี้ยมเพื่อเคลื่อนราชบัลลังก์มาใกล้เขายิ่งขึ้น เนื่องจากฮ่องเต้คังซีตั้งโอรสองค์แรกซึ่งเกิดจากฮองเฮาเป็นรัชทายาทมานานแล้ว ต่อมาฮองเฮาตายจึงแต่งตั้งพระมารดาขององค์ชายสี่และองค์ชายสิบสี่ขึ้นเป็นฮองเฮา ตามกฎมณเทียรบาลแล้วองค์ชายสี่ไม่มีสิทธิ์ในบัลลังก์เลยเพราะมิใช่พระโอรสองค์แรกและมิได้รับการยินยอมจากฮ่องเต้ ด้วยความเจ้าสำราญของรัชทายาทซึ่งมีชื่อเลื่องลือมานานเขาจึงวางยาทำให้รัชทายาทเสียสติ ใส่ร้ายป้ายสีต่างๆนานา และถูกพระบิดาปลดออกจากตำแหน่งรัชทายาท เขาจึงใช้โอกาสต่างๆแสดงให้พระบิดาเห็นความสามารถ แต่ฮ่องเต้คังซีกลับมองไปที่น้องชายของเขา คือ องค์ชายสิบสี่ ซึ่งแสดงโดย อู่เหว่ยกั๋ว ซึ่งไม่มีความทะยานอยากเป็นฮ่องเต้เพราะรู้ดีว่ามีราชโอรสอีกหลายพระองค์รอในลำดับอยู่ กอปรกับความมีน้ำใจเอื้อเฟื้อ เมตตาต่อผู้อื่น ทำให้เขามีมิตรสหายเป็นจอมยุทธมากมาย เช่น เจิงจิ้ง แสดงโดย เดวิด เจียง เป็นต้น เจิงจิ้งคบหาเป็นสหายกับองค์ชายสิบสี่และชื่นชอบอุปนิสัยส่วนตัวและความมีเมตตาขององค์ชายสิบสี่ซึ่งเขาเห็นว่า น่าจะเป็นกษัตริย์ที่ดีได้ แม้จะมีนิสัยบกพร่องของการเป็นผู้นำ คือ ความลังเลใจและไม่เฉียบขาดในการตัดสินใจก็ตาม แต่ประชาชนต้องการฮ่องเต้ชิงที่มีเมตตาต่อชาวฮั่น มิใช่มุ่งล้างผลาญกดขี่ชาวฮั่นอันเป็นแนวคิดส่วนใหญ่ของโอรสองค์อื่นๆ
เมื่อกำจัดโอรสองค์โตได้สำเร็จ แต่การแสดงความสามารถขององค์ชายสี่และเสียงสนับสนุนของข้าหลวงบางกลุ่มมีน้อย พระบิดายังไม่โปรดปรานเพราะทรงมองเห็นสายตาและพฤติกรรมโหดเหี้ยมที่องค์ชายสี่แสดงในที่สาธารณะและงานศึกหลายครั้งซึ่งคิดว่าเป็นเรื่องที่ผู้นำพึงมีความเหี้ยมโหดให้ศัตรูเกรงขาม แต่พระบิดาสงสัยและทราบเบื้องหลังการตายของรัชทายาทองค์แรกที่เกี่ยวข้องกับองค์ชายสี่ แล้วยังต้องการผู้นำที่มีเมตตาและรักประชาชน ไม่คิดสังหารพี่น้อง ไม่โปรดการศึกสงคราม จึงมองไปยังองค์ชายสิบสี่ซึ่งพระมารดาก็เห็นชอบด้วย อันเป็นการเพิ่มความเกลียดชังแก่องค์ชายสี่ซึ่งเป็นพี่ชาย เมื่อพระบิดาประกาศส่งเสริมองค์ชายสิบสี่แก่เหล่าข้าหลวงด้วยการให้ทำงานแทนพระองค์หลายครั้งรวมทั้งงานปราบกบฎ ต่อมาได้ประกาศตั้งองค์ชายสิบสี่เป็นรัชทายาทอันสร้างความผิดหวังแก่องค์ชายสี่มาก จนกลายเป็นความเกลียดชังพระบิดาที่ไม่เห็นความตั้งใจและความสามารถของเขา
แผนชิงราชบัลลังก์ของฮ่องเต้คังซีจึงเริ่มต้นโดยมุ่งกำจัดองค์ชายสิบสี่ซึ่งพระบิดาและหลายฝ่ายปกป้องอยู่ เพื่อมิให้องค์ชายสี่ถูกหวาดระแวง เขาจึงปลอมตนออกไปเที่ยวนอกวังเพื่อหาแนวร่วมเสริมแผนของเขา ทำให้พบ หลี่ซื่อเหนียง แสดงโดย หมีเซียะ สาวจอมยุทธแสนสวยสายเลือดฮั่นซึ่งมีบิดาเป็นนักเขียนอักษรมีชื่อเสียงที่สุด เขาสานสัมพันธ์กับครอบครัวของหลี่ซื่อเหนียงจนบิดาของเธอชื่นชอบความฉลาด ความกล้าขององค์ชายสี่ และแนวคิดประสานชาวฮั่นกับชาวแมนจูที่กินแหนงแคลงใจหรือหวาดระแวงกันมานานเป็นร้อยปี จึงหวังว่า องค์ชายสี่จะให้ความเมตตาแก่ชาวฮั่นที่โดนกดขี่ข่มเหง องค์ชายสี่หลอกใช้บิดาของหลี่ซื่อเหนียงในแผนชิงบัลลังก์ครั้งนี้ซึ่งสมคบกับข้าหลวงชั้นผู้ใหญ่บางคนโดยเสนอจะให้โอกาสชาวฮั่นรับราชการเพิ่มขึ้นและมีโอกาสเท่าเทียมกับพวกชิง
เมื่อมีข่าวว่าฮ่องเต้คังซีประชวรและไปพักรักษาตัวนอกวังหลวง องค์ชายสิบสี่ก็ไปงานสงครามชายแดน องค์ชายสี่จึงกลับเข้าวังหลวงเพื่อค้นหาพินัยกรรมที่ฮ่องเต้เขียนไว้ให้แน่ใจว่า พระบิดามอบราชสมบัติให้ผู้ใด ในที่สุดเขาค้นทั้งวังหลวงจึงพบพินัยกรรมฉบับจริงซ่อนไว้ที่ป้ายใหญ่เหนือราชบัลลังก์ จึงวางแผนเปลี่ยนผู้สืบทอดราชสมบัติโดยขอร้องให้บิดาของหลี่ซื่อเหนียงช่วยแก้ไขบางอักษรในพินัยกรรมเพื่อให้เขาเป็นฮ่องเต้และรับปากว่าจะดูแลชาวฮั่นให้มีชีวิตดีขึ้น บิดาของหลี่ซื่อเหนียงรับปากด้วยการแก้ไขอักษรเดียว คือ ข้อความเดิมคือผู้จะเป็นฮ่องเต้คนต่อไป คือ องค์ชายสิบสี่ แก้เป็นองค์ชายที่สี่ จากนั้นเขาก็ให้ลูกน้องนำพินัยกรรมไปเก็บไว้ที่เดิม
เจิงจิ้งเตือนองค์ชายสิบสี่ให้กลับไปเฝ้าพระบิดาซึ่งกำลังประชวรเพราะไม่ไว้วางใจองค์ชายสี่ที่กลับวังหลวงกะทันหัน กอปรกับสืบทราบพฤติกรรมน่าสงสัยเกี่ยวกับการวางยาพี่ชายคนโตจนเสียสติ ข่มขู่พี่น้องลำดับเหนือตนมิให้ต่อต้านเขา เชื่อว่าเหยื่อรายต่อไปจะเป็นองค์ชายสิบสี่ แต่เขาไม่เชื่อว่าพี่ชายร่วมสายเลือดหรือแม่เดียวกันจะฆ่ากันได้เพราะพระบิดาเป็นผู้เลือกเขา มิใช่อยากเป็นฮ่องเต้ เจิงจิ้งเตือนว่า ถ้าองค์ชายสี่จะขึ้นครองราชย์ต้องฆ่าพระบิดาและน้องชายก่อนเพื่อความมั่นคงของบัลลังก์ เนื่องจากตราบใดที่ฮ่องเต้คังซียังอยู่ ข้าหลวงของพระองค์ต้องเลือกสนับสนุนทายาทที่พระองค์เลือกแน่นอนซึ่งมิใช่องค์ชายสี่ ส่วนองค์ชายสิบสี่คือคนขวางเส้นทางของพี่ชายและเป็นคนโปรดของพระบิดา ถ้ายังมีชีวิตอยู่ จะเป็นตัวเลือกที่เหนือองค์ชายสี่ เจิงจิ้งเสนอให้สังหารองค์ชายสี่ก่อน แต่เขาปฏิเสธจะสังหารพี่น้องด้วยกัน จึงแค่ไปเข้าเฝ้าพระบิดาเพื่อขอปรึกษาเรื่องนี้มิให้พี่น้องต้องฆ่ากัน เจิงจิ้งมองเห็นสัญญาณอันตรายที่จะเกิดกับองค์ชายสิบสี่แล้ว แต่มิอาจทำสิ่งใดได้และตระหนักใจลึกๆว่า แผ่นดินชิงอาจมิได้อยู่ในมือขององค์ชายสิบสี่ซึ่งน่าจะเป็นฮ่องเต้ที่มีเมตตาต่อปวงชน อีกทั้งองค์ชายสิบสี่รู้ดีว่าการไปพบพระบิดาครั้งนี้อาจกระทบต่อความปลอดภัยของเจิงจิ้งที่สนับสนุนเขา จึงแจ้งให้เจิงจิ้งหลบหนีไปก่อนเพราะอิทธิพลของพี่ชายลามไปทั่ววังหลวงแล้ว
ระหว่างเดินทางไปพบพระบิดานั้นองค์ชายสิบสี่ถูกนักฆ่าของพี่ชายตามล่าสังหาร แต่เจิงจิ้งช่วยเหลือไว้ทันกาลแล้วพาไปส่งยังสถานที่พักรักษาตัวของฮ่องเต้คังซี แต่เขาต้องพบข่าวเศร้าสลดเมื่อฮ่องเต้คังซีสิ้นพระชนม์ในห้องนอนและองค์ชายสี่พบพระศพพร้อมกับข้าหลวงอื่น องค์ชายสิบสี่สงสัยที่ขันทีประจำพระองค์หายตัวไป แท้จริงแล้วถูกฆ่าสังหารแล้วเพราะเข้าไปพบพระศพหลังจากองค์ชายสี่ลอบเข้าไปใช้เปียของพระบิดารัดคอฮ่องเต้ในห้องนอน ขันทีคนนั้นจึงเป็นพยานสำคัญที่ต้องตาย องค์ชายสี่ใช้ศักดิ์ความเป็นพี่ป้องกันมิให้ผู้ใดเข้าใกล้พระศพที่อาจเห็นรอยรัดคอโดยมีข้าหลวงใหญ่บางคนช่วยเหลือไว้ เมื่อมีประกาศพินัยกรรมของอดีตฮ่องเต้ทำให้หลายคนตกใจที่ฮ่องเต้องค์ต่อไป คือ องค์ชายสี่ มิใช่รัชทายาทองค์ชายสิบสี่จึงเท่ากับถอดถอนตำแหน่งรัชทายาทโดยปริยาย
พระมารดาของทั้งสองรู้นิสัยโหดเหี้ยมขององค์ชายสี่และเชื่อว่าเขามีส่วนในการสังหารพระบิดา จึงขอร้องให้ไว้ชีวิตองค์ชายสิบสี่ที่เป็นน้องชายร่วมสายเลือด เขายอมรับปากเพื่อให้พระมารดาประกาศยอมรับความเป็นฮ่องเต้ของเขาซึ่งมีข่าวลือว่า เขาสังหารพระบิดาเพื่อเป็นฮ่องเต้ ถ้าพระมารดายอมรับเขาเป็นลูกที่ดีและไม่มีส่วนในข่าวลือนั้นต่อเหล่าข้าหลวง จะช่วยให้เขาครองอำนาจได้สมบูรณ์ หากพระมารดาปฏิเสธฮ่องเต้องค์ใหม่ จักเป็นการผิดกฎระเบียบวังหลวงทำให้เขาเสี่ยงจะไม่ได้เป็นฮ่องเต้ เมื่อเขาเป็นฮ่องเต้แล้วจึงเนรเทศน้องชายไปชายแดนและห้ามเข้าวังหลวงตลอดชีวิต แต่แอบส่งนักฆ่าไปสังหารองค์ชายสิบสี่ด้วยความหวาดระแวงว่าวันหนึ่งน้องชายจะกลับมาทวงสิทธิ์การเป็นฮ่องเต้ เจิงจิ้งทราบข่าวนี้จึงเร่งเดินทางไปคุ้มกันองค์ชายสิบสี่ แต่ไปไม่ทันเวลา ในที่สุดเขาต้องสูญเสียเจ้านายและเพื่อนแสนดีไป
เพื่อป้องกันความลับรั่วไหลองค์ชายสี่ซึ่งเป็นฮ่องเต้ชิงพระนามว่า หย่งเจิ้น ตามกำจัดผู้ร่วมในแผนชิงราชบัลลังก์ทีละคน แม้แต่บิดาของหลี่ซื่อเหนียงซึ่งเป็นคนเปลี่ยนอักษรในพินัยกรรมก็ไม่พ้นเคราะห์กรรมนี้ ทำให้หลี่ซื่อเหนียงแค้นใจและคิดล้างแค้นตลอดเวลา หลังจากครองบัลลังก์ได้พักใหญ่ฮ่องเต้หย่งเจิ้นทราบข่าวหลี่ซื่อเหนียงมีบุตรชายคนหนึ่งกับเขา จึงไปตามหาและอ้อนวอนให้เธอเข้าไปอยู่ในวังด้วย แต่ไม่สามารถสถาปนาเป็นฮองเฮาได้เพราะเธอเป็นสาวฮั่น ซึ่งผิดกฎระเบียบของวังหลวงที่ฮองเฮาต้องมีเชื้อสายชิง เธอพยายามทำดีกับเขาเหมือนไม่แค้นเคืองที่ฆ่าบิดา คืนหนึ่งจึงนัดเขาไปพบกันแล้ววางยาพิษฆ่าเขาและตัวเอง โชคดีที่เขาไม่ตายและบาดเจ็บสาหัสทำให้ร่างกายป่วยกระเสาะกระแสะตลอดชีวิตไม่นานก็ตาย ส่วนหลี่ซื่อเหนียงตายด้วยยาพิษ เล่าลือกันว่า ลูกของหลี่ซื่อเหนียงนั้นฮ่องเต้หย่งเจิ้นนำไปเลี้ยงในวังหลวงและเป็นลูกคนโปรดของเขา ต่อมาแต่งตั้งเป็นรัชทายาทนามว่า เฉียนหลง
เกร็ดประวัติศาสตร์ช่วงการชิงอำนาจระหว่างโอรสของฮ่องเต้คังซีถูกบันทึกเป็นข้อความไม่ยาวนักให้ชนรุ่นหลังอ่านอย่างน่าสนใจ ทีมสร้างหนังชุด ศึกสายเลือด นำเกร็ดช่วงเวลานั้นที่องค์ชายสี่หรือหย่งเจิ้นแย่งบัลลังก์จากน้องชาย คือ องค์ชายสิบสี่ แล้วฆ่าพระบิดาด้วยการรัดคอตายด้วยเปียของคังซีเอง แม้จะไม่มีการยืนยันจากนักประวัติศาสตร์ว่าจริงหรือไม่ ก็เนื่องจากการชิงอำนาจในวังหลวงนั้นฮ่องเต้น้อยพระองค์จะตายตามวัย มักถูกปลงพระชนม์ด้วยยาพิษจากพระสนมหรือพระโอรสหรือพระญาติเพื่อชิงตำแหน่งนี้ บางพระองค์ก็ถูกฆ่าตายด้วยอาวุธ ส่วนผู้รู้เห็นเช่น ขันทีใกล้ชิด หรือ ผู้ปรุงยา ผู้สมรู้ร่วมคิดอื่นๆ จะถูกฆ่าปิดปาก ทำให้ไม่มีการสืบสาวราวเรื่องยืนยันข่าวเหล่านั้น แต่การบอกเล่าดังกล่าวออกมาถึงหูประชาชนจึงยากที่จะกำจัดได้หมด จึงจำใจปล่อยให้คิดกันไปทำให้ชนรุ่นหลังรับทราบเรื่องราวบางส่วนในวังหลวงได้ หลังการเป็นฮ่องเต้หย่งเจิ้นแล้วก็มีการตามล่าสังหารผู้สนับสนุนองค์ชายสิบสี่ บ้างก็ตาย บ้างก็หนีไปซ่อนตัวในชนบทหลีกหลบการเมืองไป พี่น้องที่เคยสนับสนุนองค์ชายสิบสี่หรือมีท่าทีเข้มแข็งเป็นที่ชื่นชมของข้าหลวงจักถูกประหารสิ้น ยุคของพระองค์จึงมีพระญาติ ข้าหลวง ถูกประหารมากที่สุดยุคหนึ่ง สุดท้ายพระองค์ครองอำนาจได้ประมาณ 13 ปี ก็สิ้นพระชนม์ด้วยโรคร้ายทั้งที่ยังเป็นหนุ่มใหญ่ไม่ถึงเลข 50 เลย เพื่อมิให้เกิดประวัติศาสตร์ซ้ำร้อยเดียวกับที่พระองค์กระทำต่อพระบิดา คังซี จึงเขียนพินัยกรรมที่ชัดเจนกำหนดรัชทายาทสืบทอดตำแหน่งของพระองค์ไว้ คือ เฉียนหลง โอรสองค์โตที่เล่าลือกันว่าแม่แท้จริงของพระองค์เป็นชาวฮั่น แต่ฮ่องเต้หย่งเจิ้นมอบพระโอรสให้ฮองเฮาชุบเลี้ยงเยี่ยงพระโอรสในอุทธรณ์ตั้งแต่เล็กแล้ว แต่ไม่มีใครกล้าพิสูจน์หรือหาหลักฐานโต้แย้งชาติกำเนิดของฮ่องเต้เฉียนหลง ทำให้พระองค์สามารถบริหารประเทศให้รุ่งเรืองขีดสุดได้จนกระทั่งส่งตำแหน่งให้แก่พระโอรสแล้วใช้ชีวิตเงียบสงบในบั้นปลายในวังที่พระองค์สร้างใหม่ขึ้นเพื่อใช้สอยส่วนตัวจนกระทั่งสิ้นพระชนม์ รัชสมัยของเฉียนหลงนั้นก็มีเรื่องเล่าสืบทอดอย่างน่าสนใจไม่แพ้พระบิดาหย่งเจิ้นเพราะต้องมีการแย่งชิงอำนาจจากผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ที่ชื่นชอบอำนาจเยี่ยงฮ่องเต้เนื่องจากตอนพระบิดาตาย เฉียนหลงยังเป็นเด็กเล็กอยู่ จึงตั้งแม่ทัพใหญ่คนหนึ่งขึ้นเป็นผู้สำเร็จราชการแทนฮ่องเต้ ต่อมาไม่ต้องการคืนอำนาจแก่เฉียนหลงเมื่อพระองค์เติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ทีมสร้างหนังชุดหลายยุคได้หยิบยกเกร็ดประวัติศาสตร์ช่วงนี้ไปสร้างในหลายเรื่อง เช่น อุ้ยเสี่ยวป้อ และอื่นๆ
ความจริงทางประวัติศาสตร์จีนยุคปลายคังซียืนยันการแย่งชิงอำนาจระหว่างโอรสซึ่งตามกฎระเบียบจะต้องเป็นโอรสของฮองเฮาเท่านั้น เมื่อองค์ชายสี่ได้ราชบัลลังก์และมีการสังหารพี่น้องและข้าหลวงที่อาจเป็นอันตรายต่อสถานภาพของพระองค์เป็นเรื่องที่บันทึกไว้ในประวัติศาสตร์แล้ว การเขียนบทหนังที่สอดแทรกเกร็ดประวัติศาสตร์หรือใช้เนื้อหาทางประวัติศาสตร์เป็นพื้นเรื่องด้วยฝีมืออันยอดเยี่ยมทำให้ ศึกสายเลือด กลายเป็นหนังชุดยอดนิยมที่ยังครองความประทับใจของคนดูจนถึงปัจจุบัน หนังเรื่องนี้รวมนักแสดงฝีมือเยี่ยมของยุคนั้นไว้ครบครันทำให้หนังมีพลังและเสน่ห์ดึงดูดผู้ชมอย่างมาก คนรุ่นใหม่ที่ซื้อแผ่นวีซีดีเรื่องนี้มาดูก็ชื่นชอบไม่แพ้คนรุ่นเก่า อีกทั้งช่วยให้คนดูอยากรู้ประวัติศาสตร์ช่วงนี้ว่าเหมือนหรือต่างจากเนื้อหาในหนังเพียงใด ตัวละครใดที่เป็นตัวจริงในประวัติศาสตร์ มันเป็นการกระตุ้นให้คนค้นคว้ารู้จักประวัติศาสตร์จีนยุคราชวงศ์ชิงซึ่งถือกันว่า ยุคคังซี ยุคหย่งเจิ้น และยุคเฉียนหลง คือ ช่วงเวลาเจริญสุดขีดของผู้ปกครองจากนอกด่านของชนเผ่าชิง หากดูหนังชุด ศึกสายเลือด อันเป็นเกร็ดประวัติศาสตร์จีน ลองย้อนนึกกลับไปยังประวัติศาสตร์ไทยยุคอยุธยา ยุคกรุงธนบุรี ยุครัตนโกสินทร์ แล้วค้นคว้าหาอ่านดู จักแปลกใจที่การชิงอำนาจแย่งราชบัลลังก์กันนั้นช่างเหมือนกัน ทั้งที่อยู่คนละซีกโลก อันยืนยันชัดว่า ตราบใดที่เป็นมนุษย์ ย่อมต้องมีกิเลสตัณหา สุดที่ว่าผู้ใดจะควบคุมให้อยู่ในศีลธรรมได้มากกว่ากัน ดังนั้น ถ้ามีการสร้างหนังชุดที่ใช้พื้นฐานเหตุทางประวัติศาสตร์ช่วงหนึ่งช่วงใดแล้วเสริมแต่งด้วยการเขียนบท สร้างตัวละคร ให้มีองค์ประกอบความเป็นหนัง จักดึงดูดคนไทยให้อยากอ่านประวัติศาสตร์ไทยมากขึ้น เหมือนที่เกิดกับประวัติศาสตร์จีนมาแล้ว ลองถามคนรอบข้างสิว่า ใครไม่รู้จักเฉียนหลง องค์ชายสี่ องค์ชายสิบสี่ ซูสีไทเฮา บ้าง แต่ถ้าถามว่าใครรู้จักสมเด็จพระเพทราชา กษัตริย์อยุธยาบ้าง อาจพบคนส่ายหน้าและมองสงสัยมากว่า เขาเป็นอดีตกษัตริย์ไทยจริงหรือ ? หนังชุดจึงเป็นเครื่องมือถ่ายทอดเกร็ดประวัติศาสตร์ให้น่าสนใจได้ แต่คนดูและคนสร้างหรือราชการต้องจัดการคติส่วนตัวให้ได้ว่า นี่คือหนังชุดหรือภาพยนตร์ที่สร้างตามจินตนาการเป็นหลัก มิใช่หนังสารคดีซึ่งต้องมีความถูกต้องแม่นยำในเนื้อหาและเวลาของเหตุการณ์หรือบุคคลในประวัติศาสตร์
********************************