• ลำต้นเป็นไม้ต้นสูงได้ถึง 8 ม, เปลือกไม้ชั้นนอกหนา แตกเป็นเกล็ดและลอกได้, เปลือกไม้ชั้นในมี ของเหลวซีมออกมา (watery exudate), ก้านมีหนามสั้นป้อม

• ใบเป็นใบเดี่ยวเรียงตัวสลับ (alternate), ก้านใบยาว 0.2–0.8 ซม, ปลายใบแหลม (acute) ป้าน (obtuse) เรียวแหลม (acuminate) หรือเป็นติ่งแหลม (cuspidate), ใบรูปไข่ (oval) รี (elliptic) หอก (lanceolate) หอกกลับ (oblanceolate) หรือ  ไข่กลับ (obovate) ขนาดยาว 0.2–10.4 ซม กว้าง 1.3–4 ซม, โคนใบรูปลิ่ม (cuneate) บางครั้งเกือบเป็นรูปแคบ (angustate), ผิวใบสีเขียวอ่อน, เส้นกลางใบด้านหลังใบจาง แต่เห็นได้ชัดจากด้านท้องใบ, เส้นใบร่างแหแบบขนนก (pinnately webbed) เส้นใบเรียงแบบสลับ (imparipinnate) มี 7–12 คู่, เส้นใบเชื่อมต่อกัน (anastomosing)

• ดอกเป็นช่อกระจุก (cymose), มีดอก 1–6 ดอกต่อช่อ บนกิ่งที่ใบหลุดร่วง, ก้านช่อดอกยาว 0.3–1 ซม, กลีบเลี้ยงรูปขอบขนานถึงรี (oblong to elliptic) ขนาดยาว 5–7 มม กว้าง 2–3 มม สีเขียวเทา, กลีบดอกรูปไข่กลับถึงขอบขนาน (obovate to oblong) สีขาว, เกสรเพศผู้มี 20-30 อัน เชื่อมติดกันเป็นสามเส้าเกสร (fascicles), อับเรณูสั้นกว่าก้านชูยอดเกสรเพศเมียเล็กน้อย, รังไข่ยาว 2–4.5 มม,  ก้านชูยอดเกสรมี 3 อัน ขนาดยาว 2–8 มม

• ผลทรงไข่ (oval) ขอบขนาน (oblongป หรือไข่กลับ (obovate) ขนาดยาว  4–6 มม, ยอดผลแหลมสีแดงหรือม่วง, ก้านผลยาว 6–11 มม, กลีบเลี้ยงคงทน, ภายในมีเมล็ด 6–8 เม็ดต่อโลคูล, เมล็ดรูปไข่กลับ (obovate), ขอบขนาน (oblong) หรือหอกกลับ (oblanceolate) ขนาดยาว 6–7.5 มม กว้าง 2–4 มม

ลำต้นและใบตามธรรใชาติ (ซ้ายบน และ กลางบน), ช่อดอกบนลำต้น (ขวาบน), ช่อดอก (ซ้ายล่าง), ภาคตัดขวางของดอก แสดงต่อมน้ำหวานสีส้ม (กลางล่าง), ดอกที่ร่วงจากต้น (ขวาล่าง)