• Vernacular names: striped dracaena, compact dracaena, corn plant

• ไม้พุ่มแกมไม้ต้นสูงได้ถึง 10 ม., ต้นอ่อนจะมีใบเหยียดตรงสีเขียวอ่อนหรือเขียวขอบเหลืองในพันธุ์เพาะเลี้ยงเรียงตัวกันเป็น rosette ที่พื้นแทบไม่เห็นลำต้น, ต้นที่โตแล้วปลายยอดมีใบกระจุกตัวกันเป็น rosette แต่ฐานใบไม่ได้กระจุกตัวกันหนาแน่นจุดเดียวเหมือนที่พบในต้นจันผา ใบแก่ด้านล่างเหี่ยวแห้ง และโค้งงอจากน้ำหนักตัวใบและจะหลุดร่วงออก, ลำต้นไม่มีเปลือกไม้เพราะเป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยวแต่มีการสะสมสารลิกนินที่ผิวลำต้นและราก, เนื้อเยื่อสามารถมีการเจริญแบบทุติยภูมิได้โดยสร้างเนื้อเยื่อ Secondary Thickening Meristem บริเวณ Cortex ได้เป็นมัดท่อลำเลียงทุติยภูมิซึ่งมีโฟลเอ็มล้อมรอบไซเล็ม (Amphivasal) กับชั้น Secondary Cortex

• ใบเป็นใบเดี่ยวเรียงตัวรอบต้นแบบ spiral, ใบมีความยาวประมาณ 70 ซม. สีเขียวเข้ม, ใบรูปร่างแบบหอก (Lanceolate), ปลายใบแหลม (Acute) ในบางกรณีจะแห้งสีน้ำตาลทำให้ดูลักษณะปลายใบยาก, โคนใบโอบล้อมลำต้นและไม่มีก้านใบ (Sessile leaf), ผิวใบด้านบนใบและล่างใบมีความมันวาวไม่มีขน (Glabrous), เส้นใบเรียงตัวแบบขนาน (Parallel venation) 

• ดอกเป็นดอกช่อแบบ Terminal Cymose ขนาดยาวประมาณ 50-150 ซม., ดอกช่อจะแบ่งกันเป็นกระจุกบนก้านดอกโดยแต่ละกระจุกจะมีใบประดับรูปหอกกลับประกบ ดอกย่อยยึดกับก้านใบย่อยจำนวนมาก, ก้านใบแตกกิ่งแบบ sympodial, ดอกหนึ่งดอกที่บานแล้วมีขนาดยาว 2.5 ซม., ดอกมีกลีบเลียงสามกลีบกลีบดอกสามกลีบมีสีเหลืองขาวเขียวหรือชมพู รูปแถบ (Linear) ติดกันเป็นท่อที่ฐาน บานแล้วจะโค้งกลับเป็นรูปก้นหอย, เกสรตัวผู้มีหกอันติดกับท่อกลีบรวม (Epipetalous stamen) ขนาดยาว, เกสรตัวเมียมีหนึ่งอันสีขาว

• ผลเป็นผลเดี่ยวทรงกลมแบบ Berry ขนาดประมาณ 1-2 ซม. สีส้มถึงแดง

รูปที่ 1: ดอกที่ยังไม่บานบนช่อดอก (ซ้าย), ลักษณะดอกที่บานแล้ว (กลาง และ ขวา)

รูปที่ 2: ลักษณะใบที่มีขอบเหลืองจากการคัดเลือกพันธุ์ (ซ้าย), ใบแบบธรรมชาติซึ่งออกดอกช่อที่ปลายยอดปีละครั้ง แสดงปลายใบสีน้ำตาลแห้งกรอบ และไม่ม้วนเหมือนที่พบในลิ้นมังกร (ขวา)