สมรรถภาพทางกาย (เครื่องหมายลูกเสือชั้นพิเศษ)
ปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาที่ร้ายแรงของประเทศ บั้นทอนเสถียรภาพทั้งด้านเศรษฐกิจและความมั่นคงชองชาติ ทำให้ต้องสูญเสียบุคลากรและทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก ปัจจุบันยาเสพติดได้แพร่ระบาดในสถานศึกษาอย่างกว้างขวางในรูปแบบต่างๆกัน ลูกเสือในฐานะที่เป็นผู้ช่วยสร้างสรรให้สังคมมีคุณภาพ จำเป็นต้องศึกษาและตระหนักในอันตรายตลอดจนช่วยกันกำจัดยาเสพติด มิให้แพร่ระบาดในสถานศึกษาอีกต่อไป
ยาเสพติด หมายถึง ยาหรือสารเคมีชนิดใดชนิดหนึ่ง ซึ่งเมื่อเสพเข้าสู่ร่างกายด้วยวิธีใดก็ตาม เช่น ฉีด สูบ กิน ดม ติดต่อกันเป็นระยะเวลาหนึ่ง จะติดและส่งผลต่อจิตใจของผู้เสพในลักษณะสำคัญ ดังนี้
1. ต้องเพิ่มปริมาณของยาเสพติดมากขึ้นเรื่อยๆ
2. เมื่อหยุดใช้ยาเสพติดจะเกิดอาการลงแดง
3. มีความต้องการที่จะใช้ยาอยู่ตลอดเวลา
4. สุขภาพของผู้ใช้ยาเสพติดจะทรุดโทรมลง
สารเคมีที่อยู่ในควันบุหรี่นั้นไม่มีสิ่งใดเลยที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ควันบุหรี่เป็นก๊าซพิษชนิดต่าง ๆ ที่เป็นอันตรายต่อร่างกายถึงร้อยละ ๕๐ เป็นไอพิษที่เป็นอันตรายได้อย่างร้ายแรงร้อยละ ๒๐ นอกจากนั้นเป็นฝุ่นผงที่มีอยู่หลายชนิดที่เป็นอันตราย ดังนี้ โทษของบุหรี่จึงมีมากมาย บุหรี่จึงเป็นสิ่งเลวร้ายที่คนสูบนำมาให้ตัวเองอย่างน่าสงสาร เราจึงไม่ควรไปหัดสูบบุหรี่ถ้าสูบอยู่ก็พยายามเลิกเสีย เพราะบุหรี่มีโทษที่เป็นอันตรายต่อร่างกายและสุขภาพ ดังนี้
1. มีโทษต่ออวัยวะในระบบทางเดินลมหายใจ ทำให้ปอดลดประสิทธิภาพลงโดยเฉพาะในการหายใจเข้า ทั้งนี้ในปอดของคนจะมีต่อมขับน้ำเมือกเหนียว ๆ ออกมาเพื่อดักจับฝุ่นและเชื้อโรคที่เข้าไปกับลมหายใจ เราเรียกน้ำเมือกเหนียว ๆ นี้ว่าเสมหะ สารบางอย่างในควันบุหรี่ยังช่วยเร่งให้ต่อมเสมหะมากขึ้นกว่าปกติอีกด้วย เมื่อเป็นเช่นนี้จึงทำให้เสมหะซึ่งจับก้อนรวมกับฝุ่นและเชื้อโรคตกอยู่ตามที่ต่าง ๆในปอด ทำให้การถ่ายและรับอากาศของถึงลมเล็ก ๆ ในปอดทำงานได้ไม่เต็มที่ นอกจากนี้ สารบางอย่างในควันบุหรี่ยังทำให้เกิดระคายเคืองขึ้นที่หลอดลม จนกลายเป็นหลอดลมอักเสบเรื้อรังหรือบวม ซึ่งผู้ป่วยจะมีอาการไอแห้ง ๆ สุขภาพโดยทั่วไปจะเสื่อมโทรมลงอย่างรวดเร็วเกิดโรคแทรกซ้อนอื่น ๆ ได้ง่าย ยังอาจทำให้อวัยวะอื่น ๆ ในระบบทางเดินลมหายใจเกิดโรคมะเร็งได้อีกด้วย เช่น ช่องปาก คอหอน กล่องเสียง หลอดอาหาร หรืออวัยวะอื่น ๆ ที่ควันบุหรี่ไปสัมผัส
2. มีโทษต่ออวัยวะในระบบการหมุนเวียนของเลือด การสูบบุหรี่มีผลร้ายต่อการทำงานของอวัยวะในระบบการหมุนเวียนของเลือด ทำให้เกิดการผิดปกติขึ้นในอัตราการเต้นของหัวใจความเต้นของเลือดและอุณหภูมิที่ปลายมือและเท้า ในควันบุหรี่มีก๊าซคาร์บอนมอนนอกไซด์ ก๊าซนี้จะเข้าไปรวมกับสารฮีโมโกบิน (Haemogiobin) ในเม็ดเลือดทำให้สารฮีโมโกลบินซึ่งปกติจะรับก๊าซออกซิเจนไปเลี้ยงเซลล์ต่าง ๆ ทั่วร่างกายรับก๊าซออกซิเจนได้น้อยลง ทำให้หัวใจต้องทำงานหนักมากขึ้น เพื่อพยายามให้เม็ดเลือดนำก๊าซออกซิเจนไปเลี้ยงเซลล์ต่าง ๆ ให้เพียงพอจนได้ การที่หัวใจต้องทำงานหนักเช่นนี้อยู่เสมอจะทำให้หัวใจพิการได้ การสูบบุหรี่จัด ๆ หลอดเลือดจะตีบเล็กลง ๆ จนตีบตัน ถ้าเป็นหลอดเลือดที่มาเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจตีบตันอาจทำให้ผู้ป่วยตายและถ้าหลอดเลือดในสมองตีบตันจะทำให้ผู้ป่วยเป็นอัมพาตได้
3. มีโทษต่ออวัยวะในระบบอื่น ๆ ควันบุหรี่ยังเป็นผลร้ายต่ออวัยวะอื่น ๆ ในร่างกายอีกหลายประการ ตัวอย่างเช่น
3.1 ควันบุหรี่ทำลายประสาท สังเกตดูได้จากผู้ที่หัดสูบบุหรี่ใหม่ ๆ การทรงตัวอยู่ในสภาพไม่ปกติเนื่องจากประสาทถูกกระตุ้น ทำให้มีอาการมึนงง การบังคับการทำงานของกล้ามเนื้ออ่อนกำลังลง มือสั่น ความจำเสื่อม
3.2 ควันบุหรี่ทำให้ผู้สูบหิวอาหารน้อยลง อาจเป็นเหตุให้ร่างกายขาดสารอาหารและสารนิโคตินในควันบุหรี่ยังทำให้การทำงานของกระเพาะอาหารผิดปกติไปด้วย ทำให้มีความรู้สึกคลื่นไส้ อาเจียน
3.3 สารนิโคตินในควันบุหรี่จะทำให้กล้ามเนื้อสั่นกระตุก อ่อนเพลีย และไม่มีแรง ถ้าได้รับสารนิโคตินมาก ๆ อาจทำให้กล้ามเนื้อเป็นอัมพาตได้
วิธีหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ มีวิธีปฏิบัติดังนี้
1. ศึกษาถึงโทษของการสูบบุหรี่ในด้านต่าง ๆ เช่น การทำลายสุขภาพ การทำลายบุคลิกภาพ และการใช้จ่ายเงินโดยไม่จำเป็น เพื่อให้ตนเองและสมาชิกในครอบครัวได้ทราบถึงผลเสียที่ได้รับจากการสูบบุหรี่และมีเจตคติที่ถูกต้องเกี่ยวกับการสูบบุหรี่
2. ไม่คึกคะนองหรืออยากทดลองสูบ รวมทั้งให้การปฏิเสธการชักชวนของเพื่อนเพราะการสูบบุหรี่ไม่มีผลดี
3. เมื่อประสาทเคร่งเครียดหรือจิตใจมีความกังวล ต้องไม่สูบบุหรี่เพื่อคลีคลายอารมณ์ควรหาโอกาสพักผ่อนหรือทำงานให้เกิดความเพลิดเพลินจะดีที่สุด
4. ไม่เชื่อคำโฆษณาชักชวนทางการค้าของผู้ขายบุหรี่
5. ไม่ซื้อหรือรับแจกบุหรี่มาเก็บไว้ แม้ว่าขณะนั้นจะตั้งใจไม่สูบก็ตาม แต่ถ้ามีไว้แล้วก็อาจทำให้ใจไขว้เขวไปทดลองสูบได้
โทษของการดื่มสุรา
สุรา หมายถึงเครื่องดื่มทุกชนิดที่ดื่มแล้วทำให้มึนเมา สิ่งที่เป็นอันตรายในสุราก็คือแอลกอฮอล์ เมื่อดื่มสุราเข้าไป แอลกอฮอล์จะถูกกระเพาะอาหารดูดซึมไปเข้าสู่กระแสเลือดไหลเวียนไปทั่วร่างกาย แอลกอฮอล์จะถูกทำให้แยกสลายเป็นน้ำและก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ตามเนื้อเยื่อต่าง ๆ และที่ตับเป็นส่วนใหญ่ ทำให้เกิดเป็นโทษกับผู้ดื่มทั้งต่อร่างกาย บุคลิกภาพ สังคม เศรษฐกิจ โดยสังเขปต่อไปนี้
โทษต่อสุขภาพร่างกาย โดยเหตุที่แอลกอฮอล์ในสุราสามารถออกฤทธิ์ต่ออวัยวะในระบบต่าง ๆ ของร่างกายดังกล่าวมาแล้ว สุราจึงอาจให้ผลร้ายกับร่างกายของผู้ดื่มได้มากมายหลายประการ ซึ่งเราสามารถแบ่งผลร้ายของสุราที่มีต่อร่างกายนี้เป็น 2 ชนิดดังนี้
1.1 ชนิดเฉียบพลัน (Acute alcoholism) เป็นอาการที่ผู้ดื่มสุรามากเกินไปเนื่องจากสมองไม่สามารถควบคุมการทำงานของร่ายกายได้ตามปกติ สมองส่วนที่ควบคุมหัวใจและการหายใจถูกฤทธิ์แอลกอฮอล์กด ทำให้หายใจไม่สะดวก หายใจช้า หรือหายใจเป็นพัก ๆ ชีพจรเต้นเร็วแต่เบา ผิวหนังซีด ตัวเย็น ผู้ที่มีอาการเช่นนี้อาจมีโอกาสตายได้
1.2 ชนิดเรื้อรัง (Chronic alcoholism) ได้แก่ผู้ที่ดื่มเหล้าติดต่อเป็นเวลานานนับสิบ ๆ ปี วันไหนถ้าไม่ได้ดื่มจะมีอาการวิปริต มือสั่น คลื่นไส้ อาเจียน แต่ถ้าถึงขั้นตับเสียแม้ดื่มเล็กน้อยก็เมาเนื่องจากตับไม่สามารถทำลายพิษของแอลกอฮอล์ได้แล้ว นักดื่มสุรามักจะถึงแก่กรรมด้วยโรคตับแข็ง และหลอดเลือดในสมองแตก ถ้ายังมีชีวิตอยู่สุขภาพจะเสื่อมโทรม เป็นเหน็บชา สติเสีย ประสาทเสื่อมือสั่น เป็นโรคติดเชื้อ เช่น ปิดบวม วัณโรค เป็นต้น
โทษของสุราที่มีต่อสุขภาพ
1. เสียบุคลิกภาพ ใบหน้าบวมฉุ หน้าแดง ตาแดง ลมหายใจและเหงื่อมีกลิ่นสุรา ผิวคล้ำ มือสั่น
2. ทำให้เยื่อกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบ การดูดซึมอาหารเสียไป ลำไส้มีกรดมาก ร่างกายขาดธาตุอาหาร กระเพาะอาหารอาจเป็นแผลหรืออาจจะกลายเป็นโรคกระเพาะอาหารได้
3. ทำให้เกิดโรคประจำตัว เพาะเซลล์ของตับถูกแอลกอฮอล์ทำลายไป การไหลเวียนของโลหิตไม่สะดวก โลหิตไม่สามารถผ่านตับได้ ตับไม่ทำงานทำให้มือและเท้าบวม ม้ามโตอาจเป็นอันตรายต่อชีวิตได้ง่าย
4. โทษทางด้านจิตใจ ทำให้อารมณ์เปลี่ยนแปลงได้ง่าย มีความประหม่าหลง ๆ ลืม ๆ ควบคุมจิตใจตนเองไม่ได้ ขาดสติในการยั้งคิดและเกิดความประมาท
5. โทษทางด้านสติปัญญา แอลกอฮอล์ไปกดการทำงานของสมองทำให้ศูนย์ระบบประสาทต่าง ๆ ทำงานผิดปกติ การควบคุมร่างกายและจิตใจเสียไปทำให้ความจำเสื่อม
6. โทษทางด้านสังคม เป็นที่รังเกียจของสังคมและขาดความไว้วางใจ ขาดความเชื่อถือของสังคม และยังก่อให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นได้หลายกรณีเมื่ออยู่ในสภาพมึนเมา
วิธีหลีกเลี่ยงการดื่มสุรา
1. ศึกษาถึงผลร้ายที่มีต่อร่างกาย จิตใจ และครอบครัว
2. ไม่ควรทดลองดื่มสุรา หรือเห็นว่าการดื่มสุราเป็นสิ่งโก้เก๋
3. ไม่ดื่มสุราเพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงปัญหา เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นควรเผชิญกับความจริงและใช้สติปัญญาแก้ปัญหาอย่างมีเหตุผล
4. การดื่มสุราเมื่อเข้าสังคมนั้น ควรดื่มแต่น้อย หากหลีกเลี่ยงได้ก็ควรหลีกเลี่ยง
5. ถ้าจำเป็นต้องดื่มสุราบ้างตามคำแนะนำของแพทย์ ก็ควรดื่มเท่าที่จำเป็นเท่านั้น
โทษของการสูบกัญชา
กัญชาจะออกฤทธิ์ต่อศูนย์ระบบประสาทในสมอง และไขสันหลัง ซึ่งมีโทษต่อสุขภาพดังนี้
1. ขาดการควบคุมตัวเองทำให้อารมณ์อ่อนไหวได้ง่าย
2. ความคิดเลื่อนลอยสับสน การรับรู้ในสมองฟั่นเฟือนไปจากปกติ ทำลายประสาทส่วนสมองและสายตา
3. การตัดสินใจผิดพลาด ขาดความเชื่อมั่นในตัวเอง
4. กล้ามเนื้อลีบ หัวใจเต้นเร็ว มือเท้าเย็น หายใจขัด คลื่นไส้อาเจียน กระสับกระส่าย บางครั้งควบคุมสติไม่อยู่
5. อาจเกิดเป็นโรคจิตได้
โทษของยาม้า (แอมเฟตามีน ยาขยัน ยาโด๊ป)
ยาม้าหรือยาแอมเฟตามีน เป็นยาเสพติดที่ผิดกฎหมายอาจเรียกว่ายาขยัน ยาโด๊ปหรือยาแก้ง่วง เป็นยากระตุ้นประสาท เป็นยาเม็ดขนาดเล็กประมาณครึ่งเซนติเมตร มีสีต่าง ๆ กัน เช่น ขาว เหลือง น้ำตาล ฯลฯ
เมื่อกินเข้าไปใหม่ ๆ จะมีอาการคึกคัก ประสาทตาแข็ง นอนไม่หลับ รู้สึกมีแรงทำงานมากขาดสติขณะทำงาน
ทางด้านร่างกาย จะมีอาการปวดหัว นอนไม่หลับ ประสาทตึงเครียด เบื่ออาหาร ตื่นเต้นง่าย พูดมาก คลื่นไส้ ความดันโลหิตสูง หัวใจเต้นเร็วและแรง เหงื่อออก ปากและจมูกแห้ง ผู้เสพยาม้ามักจะคุมสติไม่อยู่ มีอาการเหมือนคนบ้า คลุ้มคลั่ง เป็นอันตรายกับผู้ใกล้ชิด
โทษของยาอี (อีฟีดริน)
อีฟีดริน เป็นยาเสพติดที่ผิดกฎหมายเรียกว่ายาอีหรือยาเอฟ เป็นยากระตุ้นประสาทมีฤทธิ์คล้ายคลึงกับยาม้า ปัจจุบันนำใช้แก้ง่วง แก้เหนื่อยแทนยาม้า
ทางร่างกาย ผู้ใช้ยาดีหัวใจจะเต้นผิดปกติ เจ็บหน้าอก เหงื่อออก ปากแห้ง เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน ม่านตาเปิดกว้าง อาจชักหมดสติ หลอดเลือดในสมองแตกหรือหัวใจวาย
ทางจิตใจ ถ้าใช้เป็นระยะเวลานานจะมีอาการประสาทหลอน
ข้อสังเกตอาการของผู้ติดยาเสพติด
อาการของผู้ติดยาเสพติดสามารถสังเกตได้ดังนี้
1. การเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย
- สุขภาพทั่วไปทรุดโทรม
- ร่างกายผอมซีด น้ำหนักลด ทำงานไม่ไหว
- ริมฝีปากเขียวคล้ำและแห้ง ร่างกายสกปรก กลิ่นตัวแรงเพราะไม่ชอบอาบน้ำ
2. อาการทางจิตใจ
- อารมณ์หงุดหงิด ก้าวร้าว ฉุนเฉียว วิตกกังวล ซึมเศร้า
- ขาดความเชื่อมั่นในตัวเอง
3. นิสัยจะเปลี่ยนแปลงไป เช่น
ไม่รับผิดชอบต่อหน้าที่การงาน หนีเรียน หนีงานบ่อย ๆ หลบหน้าเพื่อฝูง สูบบุหรี่จัด ชอบลักเล็กขโมยน้อยเพื่อหาเงินซื้อยาเสพติด
4. มีอาการอยากยาเสพติดให้เห็น เช่น
จาม น้ำมูกไหล น้ำตาไหล ปวดหัว ตัวร้อน คลื่นไส้อาเจียน ปวดเมื่อยตามตัว กระตุก ชัก ถ่ายอุจจาระเป็นเลือด ทั่วไปเรียกอาการนี้ว่า ลงแดง
การบริหารกาย
การบริหารกายเป็นการออกกำลังกายอย่างหนึ่งที่ทำให้อวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายแข็งแรงมีสมรรถภาพ ส่งผลให้คนมีสุขภาพพลานามัยดี จิตใจผ่องใส สมองปลอดโปร่ง การปฏิบัติกิจกรรมและการทำงานต่าง ๆ ก็เป็นไปอย่างต่อเนื่อง มีประสิทธิภาพแก่ตนเอง ครอบครัวและประเทศชาติ ลูกเสือที่เริ่มออกกำลังกายด้วยการบริหารกายก็ปฏิบัติเช่นเดียวกับบุคคลทั่ว ๆ ไป สิ่งสำคัญคือต้องฝึกอย่างสม่ำเสมอ
การฝึกบริหารกายนอกจากทำคนเดียวแล้วอาจฝึกเป็นหมู่คณะ เป็นการแสดงถึงความพร้อมเพรียงอันเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างความสามัคคี เคาระกฎเกณฑ์และมีวินัย เมื่อฝึกเป็นประจำก็จะมีทัศนคติที่ดีต่อความมีระเบียบวินัยซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นที่สุดสำหรับลูกเสือ นอกจากนั้นการบริหารกายเป็นประจำจะทำให้ร่างกายสง่างามตามธรรมชาติ
การออกกำลังกายของคนเรามีมากมายหลายวิธี ทั้งที่ต้องใช้เงินและไม่ใช้เงิน แต่ละคนสามารถเลือกฝึกได้ตามใจชอบโดยคำนึงถึงความเหมาะสมกับเพศ วัยและสภาพร่างกายของตนเองอันจะเป็นการช่วยให้ร่างกายสมบูรณ์ แข็งแรงปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ
การฝึกบริหารกายสามารถฝึกได้ทุกเพศ ทุกวัย ทุกสถานที่และทุกเวลา ว่างเวลาใดก็สามารถฝึกได้เวลานั้น ทำได้ด้วยตนเองไม่ต้องลงทุน ท่าการฝึกต่าง ๆ มาจากหลักการทางพลศึกษาที่ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย สิ่งที่ควรคำนึงถึงก็คือไม่ควรฝึกอย่างรวดเร็วและต้องฝึกอย่างสม่ำเสมอ
การบริหารกาย
ท่าที่ 1
ท่าเตรียม ยืนแยกเท้าระยะห่างประมาณ 1 ฟุต เหยียดแขนทั้งสองตรงเหนือศีรษะ ฝ่ามือหันไปข้างหน้าจังหวะที่ 1 ก้มตัวเข่าตึง แขนเหยียดตรงปลายนิ้วมือทั้งสองแตะพื้นระหว่างเท้าทั้งสอง นับ 1-5 (วินาที)
จังหวะที่ 2 กลับมาอยู่ในท่าเตรียม นับ 1-5 (วินาที) แล้วจึงทำจังหวะที่ 1 ต่อไป (ทำติดต่อกันประมาณ 20 ครั้ง)
ท่าที่ 2
ท่าเตรียม ยืนแยกเท้าระยะห่างประมาณ 1 ฟุต เหยียดแขนทั้งสองตรงเหนือศีรษะ ฝ่ามือหันไปข้างหน้าจังหวะที่ 1 ก้มตัวเข่าตึง แขนเหยียดตรงปลายนิ้วมือทั้งสองแตะพื้นพร้อมบิดลำตัวด้านซ้ายตรงหน้า ด้านขวา นับ 1-5
จังหวะที่ 2 กลับมาอยู่ในท่าเตรียม นับ 1-5 แล้วจึงทำจังหวะที่ 1 ต่อไป
ท่าที่ 3
ท่าเตรียม ยืนแยกเท้าระยะห่างประมาณ 1 ฟุต แขนทั้งสองเหยียดตรงชิดลำตัว
จังหวะที่ 1 เอียงลำตัวไปทางซ้ายให้มากแขนซ้ายเหยียดตรงชิดขา นับ 1-5
จังหวะที่ 2 ค่อย ๆ เหยียดตัวตรงกลับมาในท่าเตรียม นับ 1-5
จังหวะที่ 3 เอียงลำตัวไปทางขวาให้มากแขนขวาเหยียดตรงชิดขา นับ 1-5
จังหวะที่ 4 ค่อย ๆ เหยียดตัวตรงกลับมาในท่าเตรียม นับ 1-5
ท่าที่ 4
ท่าเตรียม ยืนแยกเท้าระยะห่างประมาณ 1 ฟุต ชูแขนขวาเหนือศีรษะพับศอก (ดังรูป) ฝ่ามือหันด้านหน้า
จังหวะที่ 1 เอียงลำตัวไปทางซ้ายให้มากแขนซ้ายเหยียดตรงชิดขา นับ 1-5 (วินาที)
จังหวะที่ 2 ค่อย ๆ เหยียดตัวตรงกลับมาในท่าเตรียม นับ 1-5
จังหวะที่ 3 เอียงลำตัวไปทางขวาให้มากแขนขวาเหยียดตรงชิดขา นับ 1-5 (วินาที)
จังหวะที่ 4 ค่อย ๆ เหยียดตัวตรงกลับมาในท่าเตรียม นับ 1-5
ท่าที่ 5
ท่าเตรียม ยืนแยกเท้าระยะห่างประมาณ 1 ฟุต เหยียดแขนทั้งสองตรงในทางตรงกันข้าม
จังหวะที่ 1 หมุนแขนทั้งสองไปข้างหน้า 5 รอบ
จังหวะที่ 2 หมุนแขนทั้งสองไปข้างหลัง 5 รอบ ทำช้า ๆ สลับกัน
ท่าที่ 6
ท่าเตรียม ยีนแยกเท้าระยะห่างประมาณ 1 ฟุต เหยียดแขนทั้งสองตรงเฉียงไปข้างหน้า
จังหวะที่ 1 หมุนแขนทั้งสองกลับไปด้านหลังพร้อมกัน ให้แขนเหยียดตรงจนกลับมาที่เดิม
จังหวะที่ 2 หมุนแขนทั้งสองไปข้างหน้าพร้อมกันให้แขนเหยียดตรงจนกลับมาที่เดิม (ทำสลับกันจังหวะละ 10 ครั้ง)
ท่าที่ 7
ท่าเตรียม ยืนแยกเท้าระยะห่างประมาณ 1 ฟุต พับศอกให้แขนเสมอแนวไหล่
จังหวะที่ 1 เหยียดแขนทั้งสองตรง นับ 1-5
จังหวะที่ 2 พับแขนมาอยู่ในท่าเตรียม นับ 1-5 (ทำสลับกันจังหวะละ 10 ครั้ง)
ท่าที่ 8
ท่าเตรียม นอนราบเท้าชิดปลายเท้างุ้ม แขนทั้งสองชิดลำตัว
จังหวะที่ 1 พับตัวแขนทั้งสองเหยียดไปหาปลายเท้า เข่าตึง ก้มศีรษะ นับ 1-5
จังหวะที่ 2 ค่อย ๆ เอนนอนราบในลักษณะท่าเตรียม นับ 1-5 แล้วทำจังหวะที่ 1 ต่อไป
ท่าที่ 9
ท่าเตรียม นอนราบเท้าชิดปลายเท้างุ้ม มือทั้งสองประสานกันที่ท้ายทอย
จังหวะที่ 1 พับตัวให้ได้มากที่สุดเข่าดึงพยายามอย่ายกเท้า ขณะพับตัวขึ้นให้นับ 1-5
จังหวะที่ 2 เมื่อพับตัวสุดแล้วให้ค่อย ๆ เอนตัวกลับไปนอนราบในท่าเตรียม ขณะเอนตัวลงให้นับ 1-5 แล้วทำจังหวะที่ 1 ต่อไป
ท่าที่ 10
ท่าเตรียม นอนคว่ำเท้าชิดปลายเท้างุ้ม ใบหน้าตรง แขนทั้งสองชิดลำตัว
จังหวะที่ 1 แอ่นลำตัว ยกศีรษะและปลายเท้า ขณะแอ่นลำตัวให้นับ 1-5
จังหวะที่ 2 ค่อย ๆ ลดศีรษะและเท้าลงในท่าเตรียม นับ 1-5 เท้าและศีรษะจะถึงพื้นพอดี ทำจังหวะที่ 1 ต่อไป
ท่าที่ 11
ท่าเตรียม นอนคว่ำเท้าชิดปลายเท้างุ้มใบหน้าตรง มือทั้งสองประสานที่ท้ายทอย
จังหวะที่ 1 แอ่นลำตัว ยกศีรษะและปลายเท้า ขณะแอ่นลำตัวให้นับ 1-5
จังหวะที่ 2 ค่อย ๆ ลดศีรษะและเท้าลงในท่าเตรียมนับ 1-5 เท้าและศีรษะจะถึงพื้นพอดีทำจังหวะที่ 1 ต่อไป
ท่าที่ 12
ท่าเตรียม นอนเอียงข้างแขนด้านล่างเหยียดตรงเหนือศีรษะ แขนด้านบนวางตามสบายดังรูป
จังหวะที่ 1 ยกขาด้านบนขึ้นช้า ๆ นับ 1-5 จนสุดขาเหยียดตรง
จังหวะที่ 2 ค่อย ๆ ลดขาลงนับ 1-5 ขาชิดกันพอดี
เริ่มจังหวะที่ 1 ต่อไป เมื่อครบตามต้องการให้เปลี่ยนด้านเพื่อบริหารขาอีกข้างหนึ่ง จังหวะการยกเช่นเดียวกัน
การฝึกบริหารกาย
ให้ลูกเสือเลือกบริหารกายตามความต้องการ ทุกวันๆ ละประมาณ 15-20 นาที จำนวนครั้งในแต่ละท่าให้คำนึงถึงความสามารถของตนเอง จำนวนครั้งในแต่ละท่าควรให้เท่า ๆ กัน กรณีที่เหนื่อยหรือมีเหตุจากการเจ็บป่วยให้หยุดพักจนกว่าร่างกายจะอยู่ในสภาพปกติจึงทำการฝึกต่อไป ระยะเวลาที่ทำการฝึกติดต่อกันไม่เกิน 2 เดือน และสังเกตความเปลี่ยนแปลงของร่างกายในเรื่องความแข็งแรง ความอดทน เมื่อเกิน 2 เดือน แล้วถ้าจะฝึกต่อไปก็เป็นสิ่งที่ดีกับตัวลูกเสือ
การทดสอบสมรรถภาพทางกาย
มาตรฐานการทดสอบสมรรถภาพทางกาย (International Committee for the Standardization of Physicel Fitness tests )
ชาย หญิง
1. วิ่ง 50 เมตร 1. วิ่ง 50 เมตร
2. ยืนกระโดดไกล 2. ยืนกระโดดไกล
3. แรงบีบมือที่ถนัด 3. แรงบีบด้วยมือที่ถนัด
4. ลุกนั่ง 30 วินาที 4. ลุกนั่ง 30 วินาที
5. ดึงข้อมือกับราวเดี่ยว 5.งอแขนห้อยตัว
6.วิ่งเก็บของ 6.วิ่งเก็บของ
7. วิ่งทางไกล ( 600 และ 1000 เมตร ) 7. วิ่งทางไกล ( 600 และ 800 เมตร )
8. งอตัวเข้าหน้า 8. งอตัวเข้าหน้า
1. วิ่ง 50 เมตร
อุปกรณ์ นาฬิกาจับเวลา บอกทศนิยมแรกของวินาที รายชื่อผู้รับการทดสอบลู่วิ่งที่ถูกต้อง ขนาด 50
เมตร ยืนปล่อยตัว เส้นเริ่มและเส้นชัย
วิธีปฏิบัติ เมื่อมีคำสัญญาณว่า “ เข้าที่ “ ให้ผู้รับการทดสอบยืนให้เข้าที่เท้าใดเท้าหนึ่งจดเส้นเริ่ม ( ไม่ต้องย่อตัวในท่าออกวิ่ง ) เมื่อพร้อมแล้วให้สัญญาณปล่อยตัว ผู้รับการทดสอบวิ่งเต็มที่ไปตามทางที่กำหนดให้จนถึงเส้นชัย
การคิดคะแนน ถือเวลาเป็นเกณฑ์อย่างต่ำทศนิยมตัวแรกของวินาทีเอาเวลาที่ดีที่สุดในการประลอง 2 ครั้ง
1. ควรใช้ปืนยิงในการปล่อยตัว
2. ไม่ควรใช้รองเท้าตาปู
3. อนุญาตให้วิ่งได้ 2 ครั้งแล้วบันทึกเวลาที่ดีที่สุดไว้
4. จัดผู้จับเวลาประจำผู้วิ่งแต่ละคนได้ยิ่งดี ( ผู้จับเวลาที่ชำนาญและว่องไวสามารถจับเวลานักวิ่งได้ทีละสองคน โดยใช้นาฬิกาที่มีเข็มแยกเวลา )
5.ทางวิ่งควรเรียบตรงอยู่ในสภาพที่ดี
6. อากาศควรให้เกิดผลในการเปรียบเทียบได้ เช่นไม่มีลมแรงและอุณหภูมิไม่ต่ำหรือสูงเกินไป
2. ยืนกระโดดไกล
อุปกรณ์
1. ใช้พื้นที่เรียบและไม่ลื่น
2. เทปวัดระยะและไม้อักษร T ใหญ่
3. แปรงปัดฝุ่น หรือผ้าเช็ดพื้น
4. รายชื่อผู้รับการทดสอบ
หมายเหตุ ทำเส้นเริ่ม ขึงเทปวัดระยะไว้กับพื้นข้างทางที่จะกระโดดให้พร้อมที่จะอ่านคะแนนได้ทันที