ความหมาย ความสำคัญ หลักการของการเลือกตั้งและประเภทของการเลือกตั้ง
ความหมายของการเลือกตั้ง
การปกครองในระบอบประชาธิปไตย เป็นการปกครองที่ถือว่าประชาชนปกครองตนเองร่วมกันเป็นการปกครองของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน แต่ในสภาพปัจจุบันย่อมเป็นไปไม่ได้ที่ประชาชนทุกคนจะทำหน้าที่ปกครองประเทศพร้อม ๆ กัน จึงจำเป็นต้องมีกระบวนการเพื่อให้ได้มาซึ่งผู้แทนเข้าไปทำหน้าที่แทนตน การเลือกตั้งจึงเกิดขึ้น
ดังนั้น การเลือกตั้ง จึงหมายถึง กิจกรรมทางการเมืองที่ประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยเลือกบุคคล หรือกลุ่มบุคคลเป็นผู้แทนของตนเพื่อทำหน้าที่ทางการเมืองทั้งระดับชาติและระดับท้องถิ่น
ความสำคัญของการเลือกตั้ง
การเลือกตั้งทุกระดับมีความสำคัญต่อคนไทยทุกคนที่ต้องไปทำหน้าที่เพื่อมอบอำนาจอธิปไตยของเราโดยการเลือกผู้แทนไปทำหน้าที่เพื่อปกป้องผลประโยชน์ และดูแลทุกข์สุขของประชาชน รวมทั้งบริหารงบประมาณของประเทศ ดังนั้น การเลือกผู้ที่เป็น “คนดี” มีความซื่อสัตย์ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมของประชาชนให้เข้าไปทำงานทางการเมืองจะทำให้สามารถใช้งบประมาณทุกบาททุกสตางค์ที่มาจากเงินภาษีของประชาชนไปพัฒนาประเทศได้อย่างเต็มที่ การมอบอำนาจอธิปไตยของเราให้กับผู้แทนจึงต้องใช้การพิจารณาอย่างรอบคอบ
หลักการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตย
การเลือกตั้งมีเกือบทุกประเทศ แต่การเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตย จะต้องเป็นไปตามหลักการ ดังนี้
๑. การเลือกตั้งโดยอิสระ (Freedom of Election) คือ ปราศจากการใช้อำนาจหรืออิทธิพลในการบังคับ ข่มขู่ การให้ผลตอบแทน หรืออามิสสินจ้าง
๒. การลงคะแนนเสียงแบบลับ (Secret Voting) เพื่อให้ประชาชนสามารถลงคะแนนได้อย่างอิสระ ปราศจากอิทธิพลใด ๆ
๓. การเลือกตั้งอย่างแท้จริง (Genuine Election) คือ การจัดการเลือกตั้งต้องเป็นไปอย่างบริสุทธิ์ ยุติธรรม เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมายและสังคม มีความเสมอภาคในการแข่งขัน ปราศจากการทุจริต และประชาชนสามารถคัดค้านการเลือกตั้งได้
๔. การเลือกตั้งมีกำหนดระยะเวลา (Periodic Election) หมายถึง การจัดให้มีการเลือกตั้งตามกำหนดเวลาที่แน่นอนและสม่ำเสมอ เพื่อให้ประชาชนได้มีโอกาสตรวจสอบเปรียบเทียบ เลือก ทบทวน แก้ไข และใช้โอกาสใหม่ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป
๕. การเลือกตั้งอย่างเสมอภาค (Equal Suffrage) เป็นการให้สิทธิแก่ประชาชนในการลงคะแนนเสียงอย่างเท่าเทียมกัน เกิดความเสมอภาค คือ การให้สิทธิในการลงคะแนน หนึ่งคนต่อหนึ่งเสียงและทุกเสียงมีน้ำหนักอย่างเท่าเทียมกัน
๖. การเลือกตั้งอย่างทั่วถึง (Universal Suffrage) หมายถึง การให้สิทธิออกเสียงเลือกตั้งแก่ประชาชนโดยทั่วไป ไม่มีการกีดกันอันเนื่องมาจากเพศ สีผิว สถานภาพทางเศรษฐกิจและสังคม ยกเว้นบางกรณีที่มีข้อจำกัด เช่น การเป็นเด็กหรือบุคคลที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ บุคคลวิกลจริต นักบวช เป็นต้น
ประเภทของการเลือกตั้ง
๑. การเลือกตั้งโดยตรง (Direct Election) หมายถึง การที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งผู้แทนของตนได้โดยตรง เช่น การเลือกตั้ง ส.ส., ส.ว. และการเลือกตั้งท้องถิ่นของไทยในปัจจุบัน เป็นต้น
๒. การเลือกตั้งโดยอ้อม (Indirect Election) หมายถึง การที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งได้เลือกผู้แทนของตน เพื่อให้ผู้แทนไปเลือกผู้แทนอีกครั้งหนึ่ง ผู้ที่ได้รับเลือกครั้งหลังถือเป็นผู้แทนของประชาชน ประเทศไทยเคยใช้วิธีการเลือกตั้งโดยอ้อมในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรก เมื่อ พ.ศ.๒๔๗๖ โดยประชาชนเลือกผู้แทนของตำบล และให้ผู้แทนตำบลไปเลือกผู้แทนราษฎร (ของจังหวัด) ประเทศสหรัฐอเมริกาใช้วิธีการเลือกตั้งโดยอ้อมในการเลือกตั้งประธานาธิบดี โดยประชาชนเลือกตั้งคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral College)และให้คณะผู้เลือกตั้งไปเลือกประธานาธิบดี
ระบบการเลือกตั้ง ประเทศส่วนใหญ่ใช้ระบบการเลือกตั้ง ๒ ระบบใหญ่ๆ คือ
๑. ระบบเสียงข้างมาก (Majority Rule System) เป็นระบบการเลือกตั้งที่ถือผู้ได้คะแนนสูงสุดเป็นผู้ชนะการเลือกตั้ง มีข้อด้อย คือ อาจมีกรณีที่เมื่อรวมคะแนนของผู้ที่ไม่ได้รับเลือกตั้งเข้าด้วยกันแล้วอาจจะได้คะแนนมากกว่าคะแนนของผู้ได้รับการเลือกตั้ง ซึ่งแสดงว่า ผู้มีสิทธิเลือกตั้งส่วนใหญ่มิได้เลือกผู้ที่ชนะการเลือกตั้งเป็นผู้แทน ดังนั้น จึงมีการทำให้ระบบนี้มีความชอบธรรมมากขึ้น ด้วยการกำหนดให้มีการเลือกตั้ง ๒ รอบ กล่าวคือ ในการเลือกตั้งรอบแรก ถ้าผู้ได้คะแนนสูงสุดไม่ได้คะแนนมากกว่ากึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิเลือกตั้งให้มีการลงคะแนนเลือกตั้งรอบสอง โดยให้เลือกระหว่างผู้ได้คะแนนสูงสุดกับผู้ที่ได้คะแนนลำดับถัดไป
ประเทศส่วนใหญ่รวมทั้งประเทศไทยใช้การเลือกตั้งระบบเสียงข้างมากรอบเดียว มีประเทศฝรั่งเศสที่ใช้ระบบการเลือกตั้ง ๒ รอบ ในการเลือกตั้ง
๒. ระบบสัดส่วน (Proportional Presentation System) เป็นระบบการเลือกตั้งที่ให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเลือกพรรคการเมือง พรรคการเมืองจะมีจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคตามสัดส่วนของคะแนนรวมทั้งหมดที่พรรคนั้นได้รับ การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญเป็นการเลือกตั้งในระบบสัดส่วน
ระดับการเลือกตั้ง
๑. ระดับชาติ คือ การเลือกตั้ง ดังนี้
๑.๑ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.)
๑.๒ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.)
๒. ระดับท้องถิ่น คือการเลือกตั้งผู้บริหารและสมาชิกสภาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ดังนี้
๒.๑ องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.)
๒.๒ เทศบาล (เทศบาลนคร เทศบาลเมือง เทศบาลตำบล)
๒.๓ องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.)
๒.๔ กรุงเทพทมหานคร
๒.๕ เมืองพัทยา