การบริการ (เครื่องหมายลูกเสือชั้นพิเศษ)
ลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่เป็นเยาวชนที่โตพอที่จะทำประโยชน์ให้กับสังคมได้มากยิ่งขึ้นด้วยการให้บริการด้านต่างๆ ตามความสามารถของตนเองเพื่อให้เป็นไปตามคำปฏิญาณและกฎของลูกเสือถ้า ลูกเสือสามารถปฏิบัติได้มากเพียงใด นอกจากจะเกิดประโยชน์แก่ส่วนรวมแล้วยังเป็นการส่งเสริมให้ ลูกเสือได้ฝึกฝนความเป็นผู้เสียสละและใช้ความรู้ความสามารถของตนเองให้เกิดประโยชน์อีกด้วย
การบริการ หมายถึงการรับใช้หรือการให้ความสะดวก สำหรับลูกเสือนั้นหมายถึงความพร้อมในการบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อบุคคลหรือชุมชนด้วยความเต็มใจ ตามคำปฏิญาณของลูกเสือ ข้อ 2 “ ข้าจะช่วยเหลือผู้อื่นทุกเมื่อ” กฎของลูกเสือข้อ 3 “ ลูกเสือมีหน้าที่กระทำตนให้เป็นประโยชน์และช่วยเหลือผู้อื่น “
กฎข้อที่ 1 “ลูกเสือมีเกียรติเชื่อถือได้” ลูกเสือเป็นผู้มีเกียรติโดยเฉพาะเมื่ออยู่ในเครื่องแบบลูกเสือ จะต้องระมัดระวังไม่ทำสิ่งใดที่เป็นที่เสื่อมเสียเกียรติของลูกเสือ ลูกเสือจะต้องกระทำอย่างเปิดเผย ไม่มีลับลมคมนัย เพื่อให้เป็นที่เชื่อถือของบุคคลทั่วไป และเพื่อชื่อเสียงอันดีงามของลูกเสือทั้งหมดด้วย
กฎข้อที่ 3 “ลูกเสือมีหน้าที่กระทำตนให้เป็นประโยชน์และช่วยเหลือผู้อื่น” ลูกเสือจะต้องไม่ปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไปโดยเปล่าประโยชน์ และต้องถือเป็นหน้าที่ในการช่วยเหลือผู้อื่นทุกเมื่อโดยไม่นั่งดูดาย
กฎข้อที่ 4 “ลูกเสือเป็นมิตรของคนทุกคนและเป็นพี่น้องกับลูกเสืออื่นทั่วโลก” ลูกเสือจะต้องยึดมั่นว่า ทุกคนมีความเสมอภาคกนในการให้ความช่วยเหลือจะต้องไม่เลือกที่รักมักที่ชัง
กฎข้อที่ 5 “ลูกเสือเป็นผู้สุภาพเรียบร้อย” ความสุภาพเป็นสมบัติของผู้ดี ลูกเสือจะต้องรู้วิธีปฏิบัติต่อเด็ก สตรี และคนชรา ลูกเสือจะต้องใช้ความสุภาพแม้กับคนที่เป็นปฏิปักษ์ต่อตน
กฎข้อที่ 8 “ลูกเสือมีใจร่าเริงและไม่ย่อท้อต่อความยากลำบาก” ลูกเสือจะต้องมีความอดทนในการปฏิบัติงานที่ได้รับมอบหมาย และปฏิบัติงานนั้นด้วยความมีสติแจ่มใสร่าเริงอยู่เสมอซึ่งจะทำให้สามารถผ่านอุปสรรคต่าง ๆ ได้
กฎข้อที่ 10 “ลูกเสือประพฤติชอบด้วยกาย วาจา ใจ” ลูกเสือจะต้องทำทุกอย่างด้วยความบริสุทธิ์ใจและเต็มใจโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใด ๆ ทั้งสิ้น
1. ช่วยให้ลูกเสือได้ใช้เวลาให้เป็นประโยชน์
2. ช่วยให้ลูกเสือได้พัฒนาตนเองทั้งร่างกายและจิตใจ เพื่อจะได้เป็นพลเมืองดีต่อไปใจอนาคต
3. ช่วยให้ลูกเสือได้ฝึกหัดการทำงานเป็นกลุ่ม รู้จักการแบ่งหน้าที่
4. ช่วยฝึกให้ลูกเสือมีความรับผิดชอบต่อสังคมโดยเริ่มจากกลุ่มย่อยก่อน
5. ช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีในกลุ่มและชุมชนต่อไป
6. ช่วยให้ลูกเสือได้เรียนรู้ในเรื่องความร่วมมือ ความซื่อสัตย์ ความเห็นอกเห็นใจ ซึ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ก็โดยการปฏิบัติด้วยตนเองเท่านั้น
เป็นที่ยอมรับว่า วิชาลูกเสือเป็นวิชาที่มีประโยชน์อย่างมากเพราะเป็นวิชาที่ช่วยอบรมบ่มนิสัยให้เยาวชนเป็นพลเมืองดี มีความซื่อสัตย์ เสียสละ และรู้จักช่วยเหลือผู้อื่น โรงเรียนต่าง ๆ จึงได้บรรจุวิชาลูกเสือเข้าในหลักสูตร และกิจกรรมเสริมหลักสูตร โดยให้ลูกเสือได้ออกปฏิบัติหน้าที่ตลอดปี เพื่อบริการชุมชนบริเวณใกล้เคียงโรงเรียน และให้ความช่วยเหลือแก่องค์การกุศลหรือหน่วยงานอื่น ๆ ที่ขอความช่วยเหลือมา กิจกรรมที่ลูกเสือปฏิบัติเกี่ยวกับการบริหารชุมชน ได้แก่
1. ช่วยโบกรถบริเวณทางข้ามหน้าโรงเรียนและบริเวณใกล้เคียง
2. ทำความสะอาดสถานที่ต่าง ๆ ในชุมชน เช่น วัด โรงเรียน ถนนหนทางในวันสำคัญต่าง ๆ
3. รักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกบริเวณงานแสดงต่างๆ ตามที่ได้รับการร้องขอมา
4. ช่วยจำหน่ายสิ่งของให้กับองค์กรต่าง ๆ เพื่อการกุศลโดยได้รับอนุญาตจากผู้มีอำนาจ
5. ช่วยเหลือผู้ประสบภัย อุบัติภัยต่าง ๆ เมื่อพบเห็น
ลงชื่อ…………………….....................................………… ลงชื่อ……………..........................……….………..ผู้ให้บริการ
(………………………….......................….) (……….........................……….…………)
กำกับลูกเสือ หมู่…………………
(หมายเหตุ) ผู้กำกับควรให้ลูกเสือช่วยเหลือ บริการ ส่วนรวมโดยกำหนดเกณฑ์การประเมินตามความเหมาะสม
การพัฒนาชุมชน
ชุมชน หมายถึง กลุ่มชนที่อยู่รวมกันในสังคมขนาดเล็ก อาศัยในบริเวณเดียวกันเป็นหมู่บ้าน ตำบล อำเภอหรือจังหวัดโดยมีผลประโยชน์ร่วมกัน
ความหมายของ “ พัฒนา” หมายถึง ทำให้ดีขึ้นหรือทำให้เจริญขึ้น
การพัฒนาชุมชน หมายถึง กรรมวิธีที่มุ่งส่งเสริม ปรับปรุงสภาพเศรษฐกิจ สังคม การศึกษา วัฒนธรรมและการปกครองของสังคมนั้น ๆ ให้เจริญยิ่งขึ้น
วันสำคัญต่าง ๆ ที่ลูกเสือร่วมแรงร่วมใจกันออกพัฒนาชุมชนได้แก่
- วันคล้ายวันสถาปนาคณะลูกเสือแห่งชาติ ( 1 กรกฎาคมของทุกปี )
- วันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้พระราชทานกำเนิด ลูกเสือไทย ( 25 พฤศจิกายนของทุกปี )
- วันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ( 5 ธันวาคมของทุกปี )
- วันเฉลิมพระชนมพรรษาของสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ( 12 สิงหาคมของทุกปี )
- วันสำคัญทางศาสนาต่าง ๆ เช่น วันเข้าพรรษา วันออกพรรษา วันวิสาขบูชา วันมาฆบูชา วันอาสาฬหบูชา
นอกจากการร่วมใจพัฒนาในวันสำคัญของลูกเสือแล้ว ลูกเสือยังมีบทบาทสำคัญในการช่วยพัฒนาเศรษฐกิจของชาติด้วยการประหยัดและอดออมในโครงการต่าง ๆ ด้วยเช่น ในปี พ.ศ. 2540 ลูกเสือทั้งประเทศร่วมในโครงการลูกเสือร่วมใจประหยัดวันละบาทช่วยชาติให้พันภัย โครงการนี้ถือเป็นโครงการที่สำคัญของชาติที่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำอย่างมาก ลูกเสือก็ได้มีโอกาสเข้าร่วมกันอย่างจริงจัง
ลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่มีอยู่ทั่วประเทศ แต่ละท้องถิ่นมีสภาพแวดล้อมและความต้องการที่แตกต่างกัน การพัฒนาจึงแตกต่างกันตามความต้องการของแต่ละชุมชน กิจกรรมที่ลูกเสือเข้าร่วมในการพัฒนาชุมชนมีมากมาย เช่น
1. การทำความสะอาด
2. การบูรณะซ่อมแซม
3. การอนุรักษ์ธรรมชาติ
4. การปลูกป่า
5. การปลูกพืชผักสวนครัว
6. การจัดหน่วยปฐมพยาบาล
7. การรักษาความปลอดภัยในสนามเด็กเล่น
8. ความร่วมมือในโครงการสำคัญต่าง ๆ ที่ได้กำหนดขึ้นเป็นกรณีพิเศษเป็นครั้งคราว
การปฐมพยาบาลเป็นวิชาอย่างหนึ่งที่จำเป็นสำหรับลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่ที่ต้องเรียนรู้และปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง เพราะกิจกรรมต่าง ๆของลูกเสือประเภทนี้เป็นกิจกรรมที่ผู้ร่วมมีโอกาสได้รับบาดเจ็บ นอกจากการเรียนรู้เพื่อช่วยตนเองแล้ว ลูกเสือยังต้องสามารถช่วยเพื่อนลูกเสือหรือบุคคลอื่นได้ด้วย ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการฝึกอบรมทั้งภาคความรู้และการปฏิบัติเพื่อให้สามารถออกไปบำเพ็ญประโยชน์ในเรื่องการปฐมพยาบาลได้ตามสมควร
การปฐมพยาบาล หมายถึง การช่วยเหลือเบื้องต้นแก่ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ อุบัติเหตุหรือการเจ็บป่วยเพื่อให้ผู้นั้นมีอันตรายน้อยลงหรือปลอดภัยก่อนนำส่งหมอ
ข้อควรระมัดระวังในการปฐมพยาบาล
1. อย่าลืมผายปอดเมื่อมีการหยุดหายใจ
2. อย่าลืมเอาฟันปลอมหรือหมากฝรั่งออกจากปากผู้ป่วยที่หมดสติ
3. อย่าปล่อยให้เลือดไหลโดยไม่ห้ามเลือด
4. อย่าให้ผู้ป่วยทีหมดสติดื่มน้ำหรือกินยา
5. อย่าถูกต้องบาดแผลของผู้ป่วยด้วยมือที่ไม่สะอาด ควรปิดด้วยผ้าสะอาดก่อนนำส่งหมด
6. อย่าให้ผิวหนังผู้บาทเจ็บพองหรือไหม้ เพราะกระเป๋าน้ำร้อนหรือขวดน้ำร้อนโดยไม่ห่อผ้าก่อน
7. อย่าเคลื่อนย้ายผู้ป่วยโดยไม่จำเป็น โดยเฉพาะเมื่อทราบว่ามีกระดูกหัก
เป็นอาการที่รุนแรงอย่างหนึ่งเนื่องจากการทำงานของร่างกายทุกส่วนอ่อนกำลังลงโดยเฉพาะระบบการหมุนเวียนของโลหิตทำให้โลหิตไปเลี้ยงสมองน้อยลง ช๊อคจะเกิดขึ้นเมื่อมีการบาดเจ็บอาจรุนแรงถึงชีวิต แต่สามารถแก้ไขได้และจำเป็นต้องรีบช่วยเหลือโดยเร็วจะปลอดภัย
อาการ
1. หน้าซีด มีเหงื่อเย็นทั่วตัว
2. ชีพจรอ่อนและเต้นเร็ว หายใจไม่สม่ำเสมอ
3. คลื่นไส้อาเจียน บางรายอาจหมดสติได้
4. ม่านตาขยาย เยื่อตาแห้งไม่มีเงา
การให้ความช่วยเหลือ
1. ขยายเครื่องแต่งกาย
2. ให้ความอบอุ่น
3. ให้ผู้ป่วยนอนราบศีรษะต่ำกว่าลำตัว
4. พาไปหาหมอโดยเร็ว
ลักษณะของบาทแผล
1. แผลถลอก
2. แผลตัด
3. แผลฉีกขาด
4. แผลช้ำ
5. แผลถูกแทง
6. แผลถูกยิง
1. ถ้ามีอาการตกเลือดจะต้องห้ามเลือด
2. ถ้ามีอาการช๊อคหรือเป็นลม ควรรักษาอาการช๊อค
3. ควรหาผ้าสะอาดปิดแผล
4. ควรพาไปหาหมอโดยไม่ชักช้า
การปฐมพยาบาลแผลช้ำ
1. ประคบด้วยน้ำแข็งหรือของเย็นเพื่อป้องกันมิให้เลือดภายในไหลออกมาสู่บริเวณนั้นมากขึ้น
2. หลังจาก 24 ชั่วโมง ให้ประคบด้วยความร้อน
ในสมุดพกหรือบัตรประตัวลูกเสือ ควรจะได้บันทึกชื่อนายแพทย์และรายละเอียดไว้เมื่อมีเหตุฉุกเฉิน เช่น
ชื่อนายแพทย์……………………………….
ที่อยู่…………………………………………
หมายเลขโทรศัพท์………………………….
หรือติดต่อตำรวจ 191 เป็นต้น
หากติดต่อทางโทรศัพท์ได้ก็ควรติดต่อทางโทรศัพท์ จะสะดวกในการพูดโทรศัพท์ควรจำไว้ว่า
1. ต้องพูดช้า ๆ ชัดถ้อยชัดคำ ให้ผู้ฟังเข้าเรื่องราวได้ตลอด
2. แจ้งบริเวณที่เกิดอุบัติเหตุ หรือเกิดเจ็บป่วยขึ้น
3. ชี้แจงว่าเกิดเหตุอะไร
อนึ่ง ถ้าเป็นไปได้ไม่ควรทิ้งคนเจ็บไว้ตามลำพัง ให้ลูกเสือคนใดคนหนึ่งเฝ้าคนเจ็บไว้ส่วนอีกคนหนึ่งไปโทรศัพท์ หรือขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น
การประสานงานในหมู่ลูกเสือเพื่อเตรียมพร้อมในการปฏิบัติการเหตุฉุกเฉิน
เนื่องจากภัยต่าง ๆ นั้นเมื่อเกิดจะไม่ได้บอกล่วงหน้า ฉะนั้นลูกเสือเมื่อได้รับข่าวการปฏิบัติการจะไม่มีเวลามาค้นหาเครื่องแบบหรืออุปกรณ์ที่จะนำติดตัวไป เพื่อให้ลูกเสือพร้อมที่จะออกปฏิบัติการได้ทันที จึงเสนอแนะสิ่งที่ควรจัดหาไว้ก่อน เพื่อความสะดวกและรวดเร็ว
1. สิ่งที่ต้องใส่ไว้ในกระเป๋าเครื่องแบบ
- ดินสอ - เสบียงฉุกเฉิน เช่น ผลไม้แห้งที่หวานจัดหรือ
- สมุดบันทึก ช็อกโกแลตโดยจัดห่อให้เรียบร้อย
- ไม้ขีดไฟ - เหรียญบาทไว้ใช้โทรศัพท์ด้วย
- มีดพับ
- ยารักษาโรคประจำตัว
2. สิ่งที่ต้องจัดเตรียมในเครื่องหลังหรือเป้
- เสื้อฝน - แก้วน้ำพลาสติก
- ถุงนอน - กระดาษชำระ 1 ม้วน
- ผ้าห่ม - ไม้ขีดไฟเก็บกล่องกันชื้นหรือถุงพลาสติก
- ผ้าพลาสติก - ไฟฉายพร้อมถ่านสำรอง
- อาหารสำเร็จรูปหรือสิ่งสำเร็จรูป - เชือกที่แข็งแรงใส่ไปด้วย ยาว 10 เมตร
ต่อไปนี้จะเป็นข้อเสนอแนะสั้น ๆ พอที่ท่านจะเตรียมตัวเพื่อรับสภาพของค่ายธรรมชาติในการยังชีพและความปลอดภัย
1. การเตรียมพร้อมภายในครัวเรือน
- ให้คนในครอบครัวรู้ถึงแผนการณ์ต่าง ๆ ในกรณีเกิดภัยพิบัติ
- สำรองอาหารกระป๋องหรืออาหารที่ไม่เสียง่าย และตรวจดูบ่อย ๆ
- สำรองน้ำดื่มไว้ให้เพียงพอและเก็บน้ำใส่ถังไว้ ถ้าหากเกิดเพลิงไหม้
- ปรับปรุงดูแลบ้านเรือน ซ่อมแซมให้แข็งแรงไว้เสมอ
- จงเตรียมเครื่องครัว ไฟแสงสว่างไฟฉาย และวิทยุ
- ตรวจอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้กำลังถ่านไฟฉาย
- เรียนรู้วิชาการปฐมพยาบาล
- เลือกและจัดสิ่งของจำเป็นที่จะติดตัวไปด้วยยามฉุกเฉิน
2. ในขณะเกิดภัยธรรมชาติหรือในระหว่างเหตุการณ์
- ตั้งสติและคิดลำดับสิ่งที่จะต้องทำ
- ปลอบและเตือนสติผู้อื่นให้อยู่ในความสงบ
- ทำข้อมูลที่แน่นอนกว่าเชื่อข่าวลือ
- เก็บสะสมน้ำดื่มให้มากที่สุด
- ตรวจสอบอุปกรณ์ที่ใช้ถ่านไฟฉาย
- เก็บของจำเป็นใส่ถุง ควรเป็นถุงที่แบกใส่บ่าได้
- เชื่อฟังและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดต่อคำสั่งของทางราชการในการอพยพ
- ก่อนออกจากบ้าน ยกสะพานไฟ ปิดก๊อกเตาแก๊สและตรวจดูว่าไม่มีสิ่งที่ทำให้เกิดเพลิงไหม้
- อย่าจับต้องสายไฟที่ขาดหรือสิ่งของต่าง ๆ ที่พาดอยู่บนเส้นลวด
3. พายุไต้ฝุ่น
- ฟังข่าวจากวิทยุตลอดเวลา
- อพยพไปสู่ที่สูง น้ำท่วมไม่ถึง
- ใช้ไม้กระดานปิดหน้าต่างทุกบาน ตอกตะปูให้สนิท
- เก็บสิ่งของนอกบ้าน เพื่อป้องกันการพัฒนาโดยกระแสลม
- เติมน้ำมันรถให้เต็มเสมอ
- อยู่ในบ้านตลอดเวลาจนกว่าจะหมดพายุ หากไม่ปลอดภัยก็ให้อพยพไปอยู่ในสถานที่ที่ทางราชการกำหนดให้ และอยู่ที่นั่นจนกว่าจะปลอดภัย
4. ภายหลังภัยพิบัติ
- สำรวจจำนวนผู้ป่วยในบ้านของท่านและของเพื่อนบ้าน อย่าเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บโดยไม่จำเป็น
- สำรวจและขจัดเพลิงหรือต้นเพลิง
- อย่าแตะต้องเส้นลวดหรือไฟฟ้า
- รายงานอันตรายทันที เช่น สายไฟฟ้าขาด ท่อแก๊สรั่ว หรือท่อน้ำแตก
- ดูแลสุขภาพของตนเอง
- ต้มน้ำก่อนดื่ม
- อย่าเข้าใกล้ซากตึกพัง ในกรณีเพลิงไหม้หรือแผ่นดินไหว
- รับประทานอาหารให้อิ่มก่อนอพยพ
- ดูแลเด็กอย่าให้ห่างตัว
- พยายามฟังข่าวสารอย่าเชื่อข่าวลือ
- รักษาความสะอาดและดูแลด้านสุขาภิบาลภายในศูนย์อพยพ