จากข่าวการรื้อถอนอาคารไม้เก่าของบริษัททำไม้ในอดีตที่มีอายุมากกว่า 100 ปี ที่จังหวัดแพร่ ที่กำลังถูกกล่าวถึงอยู่ในขณะนี้ ทำให้หลายคนที่เกี่ยวข้องหรือคุ้นเคยได้บอกเล่าเรื่องราวต่างๆผ่านสังคมออนไลน์ เกี่ยวกับอาคารดังกล่าว รวมถึงประวัติของบริษัททำไม้ที่เป็นเจ้าของเดิม และกิจการการทำไม้ของไทยในอดีต ซึ่งผู้อ่านบางท่านอาจจะยังไม่เข้าใจว่า “การทำไม้” คืออะไร
บทความนี้ขอเล่าถึงในส่วน “การทำไม้” ว่าคืออะไร และขอนำภาพการทำไม้ของไทยในอดีตที่ถ่ายโดยอาจารย์ทวี แก้วละเอียด ในช่วงปลายของยุคสัมปทานป่าไม้ และการทำไม้ในช่วงต้นของการปิดป่าสัมปทานซึ่งเป็นการทำไม้ภายใต้สวนป่าขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้
หมายเหตุ: รัฐบาลไทยได้ประกาศยกเลิกสัมปทานการทำไม้ในพื้นที่ป่าบกทั้งหมดในปี พ.ศ. 2532
ความหมายของ การทำไม้ จากอาจารย์อำนวย คอวนิช หมายถึง การดำเนินการในป่าเริ่มตั้งแต่การล้มไม้ การทอนไม้ การขนส่งไม้จนถึงโรงงานหรือตลาดการค้า รวมถึงการแปรรูปไม้ในป่าเพื่อลดต้นทุนหรือเพื่อสะดวกในการขนส่ง แต่ไม่รวมถึงการแปรรูปไม้ในโรงงานที่ต้องใช้เทคนิคเฉพาะ
การทำไม้ จึงเกี่ยวข้องกับหลายศาสตร์ เช่น เศรษฐศาสตร์ (เพื่อกำหนดราคาจ้าง และราคาทุน) เครื่องจักรกล (เพื่อเป็นเครื่องมือทุนแรงในขั้นตอนต่างๆ) ความปลอดภัยในการทำงาน รวมถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และการสร้างถนนในป่าไม้ เป็นต้น
ในอดีต เครื่องมือในการล้มไม้ ได้แก่ ขวาน เลื่อยคันศร เลื่อยตัดชนิดใช้ 2 คน มีด และเลื่อยยนต์
การนำไม้ออกจากป่า จะเกิดขึ้นภายหลังการล้มไม้ ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 2 ขั้นตอนหลักๆ คือ การชักลากตอนป่าหรือการชักลากถอนตอ (Extraction) คือ นำไม้ออกจากบริเวณตอผ่านพื้นที่ป่ามายังบริเวณถนน ซึ่งในอดีตส่วนใหญ่จะใช้ช้างลากไม้ออกมา หรือหากพื้นที่ไม่สูงชันมากก็จะใช้รถแทรกเตอร์ชักลากไม้ออกมาได้ และการขนส่งไม้ (Transportation) คือการขนส่งไม้ต่อจากการขนส่งตอนป่าไปยังโรงงาน หรือแหล่งรับซื้อไม้ปลายทาง สามารถขนส่งได้ทั้งทางถนน (รถบรรทุก) ทางน้ำ (ล่องแพ หรือเรือ) และทางราง (รถไฟ)
ภาพการทำไม้ในอดีตที่หายดูได้ยาก สแกนจากฟิล์มสไลด์บางส่วน ผู้ถ่ายคืออาจารย์ทวี แก้วละเอียด
การทำไม้ ในปัจจุบันยังคงดำเนินการอยู่แต่ไม่ใช่การทำไม้สัมปทานในป่าธรรมชาติแล้ว การทำไม้ของไทยในปัจจุบันเกิดขึ้นที่สวนป่าเศรษฐกิจ ที่ปลูก และดูแลต้นไม้อย่างเป็นระบบ เพื่อให้ได้ผลผลิตเนื้อไม้ที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคม เป็นการใช้ประโยชน์จากสวนป่าอย่างยั่งยืน.