ประเทศไทย 4.0 หรือ Thailand 4.0 เป็นนโยบายของรัฐบาลภายใต้การนำของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่มุ่งพัฒนาเศรษฐกิจไทยไปสู่ยุคใหม่เป็นยุคเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม ปรับโครงสร้างการผลิต เน้นการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าและบริการ ตามวิสัยทัศน์ในการบริหาร คือ “มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน” สำหรับในภาคการเกษตรจะมีการปรับเปลี่ยนจากการเกษตรแบบดั้งเดิมเป็นเกษตรสมัยใหม่ กล่าวคือ เกษตรกรจะเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องได้ง่าย มีความรู้ด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่สามารถนำมาปรับใช้ในการบริหารจัดการ (Smart Farming) เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น ในส่วนของอุตสาหกรรมป่าไม้ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของภาคการเกษตรนั้น จะมองที่ผลผลิตในส่วนของเนื้อไม้ที่ได้จากสวนป่าต่างๆ ทั้งแปลงขนาดเล็ก และแปลงขนาดใหญ่ ไม้ยืนต้นที่เป็นไม้เศรษฐกิจ เช่น ไม้สัก ไม้ยูคาลิปตัส ไม้ยางพารา และไม้กระถิน เป็นต้น ผู้ที่เกี่ยวข้อง (Stakeholder) กับขบวนการการนำไม้จากแปลงหรือสวนป่าออกมาใช้ประโยชน์ เช่น ผู้รับเหมาทำไม้ เจ้าของสวนป่า ผู้ประกอบการโรงเลื่อย และรวมถึงคนงานในการทำไม้ ก็ต้องมีการปรับตัวให้สอดรับกับนโยบายของรัฐ เพื่อร่วมพัฒนาเศรษฐกิจไทยไปสู่ยุคใหม่ เป็นยุคเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมเช่นกัน
การทำไม้ คือ การนำไม้ยืนต้นจากป่า สวนป่า หรือแปลงปลูก ออกมาใช้ประโยชน์ในรูปแบบต่างๆ เช่น ไม้ท่อน ไม้เสาเข็ม ไม้แผ่น ไม้บางและไม้อัด เป็นต้น จากไม้ยืนต้นจะถูกโค่นล้ม ลิดกิ่ง ตัดทอน ชักลาก และขนส่งไปยังโรงงานแปรรูปไม้ กว่าที่ไม้จะเดินทางมาถึงผู้ใช้ปลายทางจะต้องใช้ทั้งแรงงานคน สัตว์ และเครื่องจักรกลหลายอย่าง โดยแปรเปลี่ยนไปตามลักษณะพื้นที่ ชนิดไม้ และความสามารถในการหาอุปกรณ์ได้ในขณะนั้น ซึ่งก็มีการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย หากจะแบ่งยุคของการทำไม้ตามนิยามของประเทศไทย 1.0 – 4.0 อาจแบ่งได้ดังนี้ คือ
ยุคสัมปทานป่าไม้ อยู่ในช่วงประเทศไทย 1.0 และ 2.0 ซึ่งมีการใช้ประโยชน์เนื้อไม้จากป่าธรรมชาติ ทำไม้โดยใช้แรงงานคน สัตว์ และเริ่มมีการนำเครื่องจักรกลทางป่าไม้มาใช้ในยุคนี้
ยุคการทำไม้ในสวนป่าปลูก อยู่ในช่วงประเทศไทย 3.0 หรือยุคปัจจุบัน ซึ่งมีการใช้ประโยชน์เนื้อไม้จากสวนป่าปลูก พึ่งพาเทคโนโลยีการทำไม้จากต่างประเทศ ประยุกต์และปรับใช้ให้เหมาะกับสภาพสวนป่าในประเทศไทย
ยุคการทำไม้สมัยใหม่ อยู่ในช่วงประเทศไทย 4.0 ซึ่งจะเน้นการบริหารจัดการโดยการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ เพื่อเพิ่มผลิตภาพ (productivity) ในการทำไม้ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ยุคสัมปทานป่าไม้ เป็นการทำไม้ในช่วงก่อนปี พ.ศ. 2532 ซึ่งเป็นปีที่รัฐบาลได้ประกาศยกเลิกการทำสัมปทานป่าไม้ในพื้นที่ป่าบกทั้งหมด การทำไม้ในยุคนี้เกิดในป่าธรรมชาติ ต้นไม้มีขนาดใหญ่ และการเข้าถึงมีความยากลำบากมาก แต่ในช่วงเวลานั้นถือได้ว่าเป็นยุคทองของการทำไม้ก็ว่าได้ มีบริษัทต่างชาติเข้ามาทำสัมปทานไม้สักในประเทศไทยอยู่หลายแห่ง ในช่วงนี้เครื่องมือเครื่องจักรที่ใช้ในการทำไม้ก็นำเข้ามาจากต่างประเทศ เช่น การใช้เลื่อยยนต์ในการล้มไม้แทนขวานและเลื่อยมือ การใช้รถแทรกเตอร์ในการชักลากไม้แทนการใช้แรงงานคนหรือสัตว์ เป็นต้น นอกจากเครื่องมือเครื่องจักรแล้ว ก็ยังคงมีการใช้แรงงานสัตว์ในการทำไม้ในยุคนี้ด้วย เช่น ใช้ช้างหรือวัวในการชักลากไม้ เป็นต้น
ยุคการทำไม้ในสวนป่าปลูก เกิดขึ้นภายหลังการปิดป่าสัมปทาน กิจกรรมการทำไม้ก็ยังคงมีอยู่ แต่การทำไม้ในช่วงนี้จะเกิดขึ้นที่สวนป่าปลูก ซึ่งลักษณะของสวนป่าจะแตกต่างจากป่าธรรมชาติ คือ ต้นไม้ในสวนป่าจะมีอายุเท่าๆ กัน ไม้มีขนาดไม่ใหญ่มากนักเมื่อถึงรอบตัดฟัน มีระยะปลูกที่แน่นอน ได้รับการดูแลรักษาที่ดี และมีถนนเข้าถึงได้สะดวก ทำให้การทำไม้แตกต่างจากในยุคแรก อีกทั้งมีการดัดแปลงเครื่องจักรเพื่อให้เหมาะกับการทำไม้มากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น การทำไม้ยูคาลิปตัส ในการล้มไม้ยูคาลิปตัสซึ่งลำต้นไม่ใหญ่มากนักมีการใช้ขวาน เลื่อยยนต์ มีการดัดแปลงเครื่องตัดหญ้าติดตั้งเลื่อยจานและนำมาใช้ในการล้มไม้ยูคาลิปตัส ทำให้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น ส่วนในการขนไม้ขึ้นรถบรรทุกเดิมนิยมใช้แรงงานคนแบกไม้ขึ้น ผู้รับเหมาล้มไม้หลายรายได้เปลี่ยนเป็นรถคีบไม้เพื่อช่วยให้ขั้นตอนนี้รวดเร็วยิ่งขึ้น และลดปัญหาสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นกับแรงงานคนไปได้มาก สำหรับไม้ยางพารามีการล้มไม้หลายวิธี ทั้งเลื่อยยนต์ รถแทรกเตอร์เกลี่ยดินที่ติดตั้งที่ดันไม้เพิ่มเติม และล่าสุดมีการนำรถคีบไม้หรือรถขุดตีนตะขาบมาใช้ในการล้มไม้ยางพาราด้วย รวมถึงการขนไม้ขึ้นรถบรรทุกก็เริ่มเปลี่ยนจากแรงงานคนเป็นรถคีบไม้เพิ่มมากขึ้นเช่นเดียวกัน
ยุคการทำไม้สมัยใหม่ เป็นยุคที่มีเทคโนโลยีก้าวหน้า ทำให้เครื่องมือเครื่องจักรและวิธีการทำไม้ในหลายประเทศปรับเปลี่ยนและพัฒนาขึ้นเพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพสูงขึ้น ได้ผลผลิตมากขึ้น และช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เครื่องจักรกลในประเทศต่างๆ ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อให้เหมาะกับสภาพพื้นที่ ลักษณะต้นไม้ของประเทศนั้นๆ การนำเข้ามาใช้ในประเทศไทยนอกจากจะเสียค่าใช้จ่ายสูงแล้ว อาจจะใช้งานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพเท่าที่ควร แม้ว่าการพัฒนาเครื่องจักรกลด้านการทำไม้ในประเทศไทยยังไม่เป็นรูปธรรมมากนัก แต่ผู้รับเหมาเองก็พยายามที่จะดัดแปลงเครื่องจักรกลต่างๆ ที่มีอยู่ให้สามารถนำมาใช้ในการทำไม้ได้ ทั้งเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และลดปัญหาด้านแรงงานที่นับวันจะยิ่งขาดแคลน
แนวโน้มของประเทศไทย 4.0 ในด้านการทำไม้นั้น ผู้รับเหมาทำไม้ เจ้าของสวนป่า ผู้ประกอบการโรงเลื่อย รวมถึงคนงานในการทำไม้จำเป็นต้องปรับตัวให้เท่าทันเทคโนโลยีใหม่ๆ กล่าวคือ ผู้รับเหมาทำไม้จำเป็นต้องลงทุนกับเครื่องจักรกลใหม่ๆ ที่เหมาะสมกับลักษณะของงาน หรือปรับเปลี่ยนวิธีการทำไม้เพื่อเพิ่มผลิตภาพ เช่น การใช้รถคีบไม้แทนแรงงานคนเพื่อช่วยลดระยะเวลาในการคีบไม้ ลดคนงาน ช่วยให้งานเสร็จเร็วขึ้น ลดความเสียหายต่อเนื้อไม้ เป็นต้น สำหรับเจ้าของสวนป่าควรจะศึกษาหาความรู้และสังเกตเทคนิคการทำไม้ เพื่อจะได้จัดการดูแลสวนป่าได้อย่างเหมาะสม เช่น ขนาดของเครื่องจักรกลที่ใช้ในการล้มไม้ หรือขนส่งไม้ อาจจะมีผลต่อการวางแผนระยะปลูกต้นไม้หรือถนนในสวนป่า เป็นต้น เจ้าของสวนป่าอาจจะใช้แอพลิเคชั่นในสมาร์ทโฟนช่วยในการประเมินผลผลิตในแปลงของตน เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการต่อรองการซื้อเหมาสวนเพื่อการทำไม้ของผู้รับเหมา ในส่วนของผู้ประกอบการโรงเลื่อย เทคโนโลยีสมัยใหม่จะช่วยให้เข้าถึงข้อมูลของแหล่งวัตถุดิบไม้ ทำให้สามารถบริหารจัดการวัตถุดิบไม้ป้อนเข้าสู่โรงงานได้อย่างต่อเนื่อง เป็นต้น สำหรับคนงานในการทำไม้เองก็ยิ่งต้องพัฒนาทักษะในการทำงาน ศึกษาเพิ่มเติมหรือเข้ารับการฝึกอบรมเพื่อให้สามารถทำงานกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ได้ นอกจากนี้รัฐบาลควรให้การสนับสนุนและส่งเสริมการพัฒนางานด้านการทำไม้ให้ครบวงจร ส่งเสริมงานวิจัย ทบทวนกฎหมายและระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องให้ทันสมัย สนับสนุนให้มีการผลิตและพัฒนาเทคโนโลยีเครื่องจักรกลทางป่าไม้ในประเทศไทย เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพสวนป่า และชนิดไม้ของประเทศไทยเอง
การทำไม้สมัยใหม่ในยุคประเทศไทย 4.0 จะเกิดขึ้นได้ต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายภาคส่วนช่วยกันพัฒนา ปรับปรุง และปรับตัวให้ทันตามเทคโนโลยีที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว การพัฒนาเครื่องจักรกลที่ใช้ในการทำไม้ถือเป็นสิ่งสำคัญในยุคนี้ เพราะจะช่วยเสริมประสิทธิภาพในการทำงาน ลดปัญหาการขาดแคลนแรงงาน เพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีของคนงานป่าไม้ ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ สามารถแข่งขันกับนานาประเทศได้ ทั้งนี้ต้องศึกษาวิจัยและพัฒนาเครื่องจักรกลที่เหมาะสมกับสภาพสวนป่าของเมืองไทย รวมถึงใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมภายในประเทศ เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนในอนาคต
อ้างอิง : ลัดดาวรรณ เหรียญตระกูล. 2561.การทำไม้ในยุคประเทศไทย 4.0, น. 352-356 ใน ชมรมผู้รับพระราชทานทุนมูลนิธิอานันทมหิดล, บรรณาธิการ. เรื่องน่ารู้สำหรับประชาชน ฉบับพระบารมีปกเกล้า. สามเจริญพาณิชย์, กรุงเทพฯ.